Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

โอ้กะจู๋ บุกอีสาน สลัด 1000 ล้าน ทำอย่างไร? จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน ถอดบทเรียนธุรกิจ ฟรี!! 22 พ.ย.67 ณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น

โอ้กะจู๋ บุกอีสาน สลัด 1000 ล้าน จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน . หากพูดถึงร้านอาหารออร์แกนิกในเวลา คงไม่มีใครไม่รู้จักร้าน “โอ้กะจู๋” ธุรกิจที่เริ่มจากแปลงผักหลังบ้าน ที่ปัจจุบันก้าวเข้าสู่บริษัทยอดขายกว่า 1000 ล้าน และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว . ISAN Insight and Outlookสิพามาเบิ่ง เส้นทางธุรกิจ จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน และ อะไรทำให้ “โอ้กะจู๋” เลือก ‘ขอนแก่น’ เป็นสาขาแรกในการบุกอีสาน . มาฮู้จัก “โอ้กะจู๋” เริ่มจากปลูกผักสวนครัวทั่วไป และผักสลัดบางชนิด บนพื้นที่ปลูกที่มีไม่มากนัก โรงเรือนขนาด 180 ตารางเมตร ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็นำไปประกอบอาหารรับประทานในครอบครัว ด้วยเหตุผลที่ว่า “อยากให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ทานผักที่ไร้สารพิษและสารเคมีตกค้าง” จึงเป็นที่มาของสโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” เพราะแม่เปรียบเสมือนตัวแทนความรักของครอบครัว ส่วนชื่อของแบรนด์ “โอ้กะจู๋” ก็มาจากการผวน “อู๋” กับ “โจ้” นั่นเอง . สำหรับบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ปัจจุบันได้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อลงทุนการขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋“, ขยายแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ , พัฒนาแฟลตฟอร์มรองรับการขาย และขยายฟาร์มเพื่อให้เพียงพอกับการเติบโต . ณ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม ปี 2567) โอ้กะจู๋ มีทั้งหมด 34 สาขา โดยอยู่ภายใต้บริษัทจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ เช่น สลัด สเต๊ก ซุป สปาเกตตี อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น . รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ ได้มีการนำไปวางขายยังช่องทางต่างๆ รวมถึงการให้บริการจัดเลี้ยง โดยธุรกิจบริการและจำหน่ายของบริษัทฯ สามารถแบ่งรูปแบบและช่องทางการจำหน่ายได้เป็น 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1.Full-service Restaurant 2.Delivery and Kiosk 3.Cafe Amazon และ 4.Supermarket ด้วยผลผลิตจากสวน 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่ . หากดูในแง่ของผลประกอบการจะพบว่า ปี 64 บริษัทมีรายได้ 803 ล้านบาท ปี 65 บริษัทมีรายได้ 1,215 …

โอ้กะจู๋ บุกอีสาน สลัด 1000 ล้าน ทำอย่างไร? จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน ถอดบทเรียนธุรกิจ ฟรี!! 22 พ.ย.67 ณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

ผู้ประกอบการ นักธุรกิจห้ามพลาด ตลาดหลักทรัพย์จัดใหญ่ Unlocking Opportunities for Business Growth – เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่

อีเวนต์สำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่คิดการใหญ่ ! Unlock Your Business Growth : เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่   ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร จังหวัดขอนแก่น งานสัมมนาสุดพิเศษสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET-mai-LiVEx) สัมมนาสุด Exclusive ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุน (SET-mai-LiVEx) พบกับผู้เชี่ยวชาญจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และ CEO นักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ผ่านประสบการณ์ IPO มาแล้ว พิเศษสุดๆ !! Clinic ให้คำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และทุนสนับสนุนการเตรียมพร้อมธุรกิจ เพื่อการเติบโตสำหรับนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท  Unlocking Opportunities for Business Growth – เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร จังหวัดขอนแก่น งานสัมมนาสุดพิเศษสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET-mai-LiVEx) และองค์กรพันธมิตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดย หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด พบกับวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่จะมาแชร์เส้นทางการระดมทุนผ่านตลาดทุน และประสบการณ์ insight ที่ผู้ประกอบการห้ามพลาด พิเศษภายในงาน ! กับบริการ Clinic ให้คำปรึกษาทางธุรกิจจากเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้เชี่ยวชาญ พร้อมโอกาสรับทุนสนับสนุนการเตรียมความพร้อมธุรกิจเพื่อการเติบโต มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท พบกันวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 – 18.00 น ณ ห้อง Orchid Ballroom 1 ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://set-event-registration.setgroup.or.th/…/unlocki… ร่วมงานฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 – 18.00 น.  ณ ห้อง Orchid Ballroom 1 ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น   กำหนดการ 13.00 น.    ลงทะเบียน 13.30 น.    กล่าวต้อนรับ …

ผู้ประกอบการ นักธุรกิจห้ามพลาด ตลาดหลักทรัพย์จัดใหญ่ Unlocking Opportunities for Business Growth – เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่ อ่านเพิ่มเติม »

ภูเวียงพบฟอสซิล”ไดโนเสาร์ตัวใหม่” ลุ้นขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ใหม่ของโลก! และ ไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่ 14 ของไทย

ปัจจุบัน ไทย มีสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบเฉพาะในไทยมากถึง 13 สายพันธุ์ ลุ้นสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งขุดเจอ ไดโนเสาร์ไทย 13 สายพันธุ์ 1) ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus sirindhornae) 2) สยามโมซอรัส สุธีธรนิ (Siamosaurus suteethorni) 3) สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis) 4) ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กิ (Psittacosaurus sattayaraki) 5) อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ (Isanosaurus attavipachi) 6) กินรีมิมัส ขอนแก่นเอนซิส (Kinnareemimus khomkaenensis) 7) สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami) 8 ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ (Ratchasimasaurus suranareae) 9) สิรินธรนา โคราชเอนซิส (Sirindhorna khoratensis) 10) ภูเวียงเวเนเตอร์ แย้มนิยมมิ (Phuwiangvenator yaemniyomi) 11) วายุแรปเตอร์ หนองบัวลำภูเอนซิส (Vayuraptor nongbualamphuensis) 12) สยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ (Siamraptor suwati) 13) มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส (Minimocursor phunoiensis)   หัวข้อที่น่าสนใจ 🕰️ เริ่มขุดค้นฟอสซิลใหม่หลังหยุดไป 30 ปี 🦴 พบชิ้นส่วนกระดูกใหญ่กว่าภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ 🌍 คาดว่าเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เคยพบ  🔬 ทีมนักวิจัยเร่งค้นคว้าในหลุมขุดที่ 3 💪 โครงกระดูกน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ทีมนักวิจัยเร่งขุดฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 6 ของภูเวียง ซึ่งทราบชัดเจนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลกด้วย เพราะมีความแตกต่างหลายอย่างจากที่มีการค้นพบทั่วโลก ตัวใหญ่กว่า ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ กระดูกใหญ่กว่าถึง 2 เท่า ความยาวไม่น้อยกว่า 20 เมตร  (Video) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ต.ค.2567 ที่อาคารคลุมหลุมขุดที่ 3 ตั้งอยู่บริเวณห้วยประตูตีหมา อุทยานแห่งชาติภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ดร.วราวุธ สุธีธรผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดฟอสซิล และเป็นคนแรกของประเทศไทยที่เริ่มต้นขุดฟอสซิล พร้อมด้วย นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง และทีมนักวิจัยเรื่องฟอสซิลไดโนเสาร์ เร่งขุดหาฟอสซิลไดโนเสาร์ชิ้นส่วนต่างๆหลังพบว่าเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของภูเวียงตัวที่ 6 และลุ้นที่จะพบเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของโลกด้วย โดยการขุดฟอสซิลไดโนเสาร์ในหลุมขุดที่ 3 นี้มีการเริ่มต้นขุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาหลังจากหยุดขุดไป 30 ปี หลังจากขุดพบและคาดว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ ที่เคยขุดพบตัวแรกของภูเวียงและเป็นไดโนเสาร์ในคำขวัญประจำจังหวัดขอนแก่นด้วย ซึ่งความคืบหน้าในการขุดฟอสซิลไดโนเสาร์นั้น พบชิ้นส่วนกระดูกสันหลังส่วนกลางตัว กระดูกสันหลังส่วนคอ กระดูกซี่โครง ฟัน แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนขาหน้าและขาหลัง คาดว่าจะอยู่ลงลึกไปอีก แต่ด้วยอุปสรรคเป็นหินที่แข็งจึงต้องใช้ความพยายามและความอดทนในการขุดอย่างต่อเนื่อง และหลุมขุดที่ 3 นี้ อยู่ห่างจากจุดที่นักสำรวจเเร่ ยูเรเนี่ยม เข้ามาเจอกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ.2519 ไม่ถึง 200 เมตร ดร.วราวุธ สุธีธร อายุ 76 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดฟอสซิล ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไดโนเสาร์ตัวที่อยู่ในหลุมขุดที่ 3 นี้ เราทราบชัดเจนว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด จำพวกกินพืช โดยคาดว่าจะเป็นกลุ่ม ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ ที่เคยขุดพบ จึงได้หยุดขุดไป 30 ปี กระทั่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดร.สุรเวช สุธีธร ซึ่งเป็นลูกชายและมีความสนใจเช่นเดียวกัน ได้ไปศึกษาเรียนจบกลับมา และพอมาดูรายละเอียดกระดูกบางชิ้นพบว่ามีความต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ เราจึงได้เริ่มโปรเจคอีกครั้ง โดยได้งบประมาณจากกองทุนซากดึกดำบรรพ์มาเริ่มต้นขุดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากหยุดขุดไป 30 ปี โดยมีนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาช่วยกันขุด แต่อุปสรรคเนื่องจากสภาพหินแข็งมาก แต่ก็ยังพอที่จะขุดลงลึกไปได้จนขณะนี้พบกระดูกหลายๆชิ้นโผล่ขึ้นมามีความสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งจากที่ปีแรกเราสงสัยว่าตัวนี้ไม่น่าจะใช่ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ เนื่องจากกระดูกหลายๆชิ้นที่ขุดพบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก กระทั่งเป็นคนละกลุ่มกับสายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ และมีความใกล้เคียงกับกลุ่มอื่นๆ และก็มีส่วนคล้ายกับแบรคิโอซอรัส ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่และรูปร่างต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่อย่างมาก โดยกระดูกที่ค้นพบนั้นจะมีลักษณะเด่นเฉพาะหลายๆอย่าง ทั้งขนาดที่ใหญ่กว่าถึง 2 เท่า ลักษณะกระดูกซึ่งมีขนาดใหญ่มีการลดน้ำหนักต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่คือ จะมีโพรงในกระดูกสูงมาก เพื่อที่จะทำให้กระดูกมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง ในการจะเป็นกระดูกขนาดใหญ่และน้ำหนักไม่มากเกินไป และก็เจอจากกระดูกหลายชิ้นที่ขุดพบ ณ ขณะนี้ จึงมั่นใจว่าจะเป็นไดโนเสาร์ที่ขุดพบสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 6 ของภูเวียง และจากชิ้นส่วนหลายๆชิ้นที่เราพบนั้นก็จะนำไปศึกษารายละเอียดเปรียบเทียบในกลุ่มแบรคิโอซอรัสว่าจะอยู่ตรงไหนในกลุ่มเดียวกัน และมีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราก็จะสามารถสรุปได้ว่าเป็นตระกูลใหม่ หรือชนิดใหม่ของโลกด้วยหรือไม่ ตอนนี้ความเป็นไปได้สูงที่ไดโนเสาร์ตัวนี้จะเป็นสายพันธุ์ใหม่และเป็นกลุ่มใหม่ของโลกด้วย แต่จะต้องมีการศึกษารายละเอียดที่มีการค้นพบอยู่แล้วในโลกนี้ ซึ่งรายละเอียดแตกต่างมากน้อยแค่ไหน หากมีความแตกต่างมากก็จะเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลกได้ ตอนนี้ที่เราขุดพบนั้น มองเห็นเกินครึ่งของแต่ละชิ้นแล้ว และมีโอกาสที่จะเพียงพอในการศึกษา แต่เราก็ยังอยากได้ในหลายๆส่วนที่สำคัญเช่นหัวกะโหลก ตอนนี้เราได้ฟันของตัวนี้มาแล้วหลายชิ้น ซึ่งมีนัยยะสำคัญอย่างมาก ซึ่งที่เรามีอยู่นี้ก็มากพอสมควร ซึ่งตอนนี้เราพบชิ้นส่วนกระดูกสันหลังส่วนกลางตัว กระดูกสันหลังส่วนคอ กระดูกซี่โครงที่มีขนาดใหญ่มาก โดยเราเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนที่เราเคยขุดพบมาแล้วจะใหญ่มากกว่า 2 เท่า ซึ่งยืนยันแล้วว่าต่างจากที่เราพบมาแล้วทั้งหมด และมีลักษณะโครงสร้างที่มีโพรงในกระดูกแตกต่างกันชัดเจน ส่วนความยาวของตัวไม่น้อยกว่า 20 เมตร จากขนาดของกระดูก ขาหน้าสูงใหญ่ต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่อย่างมาก ตอนนี้เรายังไม่เจอกระดูกขาหน้าขาหลังถ้ามีพวกนี้ประกอบก็จะทำให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้าน นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งเเต่การพบฟอสซิลชิ้นเเรกในปีพ.ศ. 2519 มาจนถึงปัจจุบัน เทือกเขาภูเวียงมีการค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของโลกถึง 5 ชนิด และในหลุมขุดที่ 3 นี้รอลุ้นว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 6 ของโลกด้วยหรือไม่ โดยฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ทีมนักวิจัยขุดพบทั้งหมดถูกนำมาจัดเเสดงอยู่ที่ ศูนย์ศึกษาวิจัยเเละพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภายใต้การดูเเลของกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งการขุดค้นเเละศึกษาวิจัย ยังดำเนินต่อไป ภายใต้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากกรมทรัพยากรธรณี กรมอุทยานฯ สถาบันการศึกษา รวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนเเก่น ที่ร่วมกับภาคีเครือข่าย พยายามผลักดันให้พื้นที่อุทยานธรณีขอนเเก่น หรือ “ขอนเเก่น จีโอพาร์ค” ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลก โดยการรับรองจากองค์การยูเนสโก ซึ่งรอการประกาศในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ ซึ่งจะสอดรับกับฟอสซิลที่ขุดพบพอดี และในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวมาชมการขุดฟอสซิลศึกษาเส้นทางธรรมชาติทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นนี้ก็ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาศึกษาชมธรรมชาติได้ที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง ซึ่งจะมีลานกางเต็นท์และจุดชมวิวที่ผาชมตะวันรวมทั้งมีน้ำตกให้เล่นอีกด้วย ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติภูเวียง ขอนแก่น มีซากฟอสซิล ไดโนเสาร์ “ 5 ตัว 5 สายพันธุ์” ได้แก่ 1. ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (น้องโย่ง) 2. สยามโมซอรัส สุธีธรนิ …

ภูเวียงพบฟอสซิล”ไดโนเสาร์ตัวใหม่” ลุ้นขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ใหม่ของโลก! และ ไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่ 14 ของไทย อ่านเพิ่มเติม »

“ISAN WINTER” วันเดอร์แลนด์ หนองคาย ขอนแก่น อุดรธานี ททท. จัดใหญ่ กิน เที่ยว ช้อป ชมคอนเสิร์ตฟรี!!

อุดรธานี หนาวนี้ปล่อยใจม่วน ชวนหมู่มามันส์ปิดท้ายกับงาน “ISAN Winter Wonderland อีสานวินเทอร์วันเดอร์แลนด์” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มความม่วนพื้นที่ที่ 3 จังหวัดอุดรธานี ภายใต้แนวคิด โดดดิด่งอุดร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567 ณ ลานทุ่งศรีเมือง . ภายในงานพบกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังมากมาย ได้แก่ Paradox, Lomosonic, getsunova, SEASON FIVE, Fellow Fellow, Paper planes, Mirrr, Whal&Dolph และ SERIOUS BACON โซนกิจกรรม PLAYGROUND ZONE ลานเครื่องเล่นยักษ์ ในธีม WINTER WONDERLAND ที่ผสมผสานความสนุกของเครื่องเล่นขนาดใหญ่ให้เข้ากับวัฒนธรรมอีสานพื้นถิ่น การจัดแสดง Arts Installation ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอีสานให้เข้ากับความแฟนตาซีของโลก Wonderland อาทิ ISAN Bus Station และ ISAN Heritafe Gateway ที่เล่าเรื่องราวความงดงามของวัฒนธรรมอีสานผ่านศิลปะและเสียงดนตรีพื้นบ้าน พร้อมอิ่มอร่อยกับบูธร้านค้าและ Food truck กว่า 40 ร้าน . งานนี้เข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ISAN Winter Wonderland, Facebook : TAT Contact Center หรือ โทร. 1672 . #isanwinterwonderland #AmazingThailand ขอนแก่น หนาวนี้ปล่อยใจม่วน ชวนหมู่มามันส์กันต่อในงาน “ISAN Winter Wonderland อีสานวินเทอร์วันเดอร์แลนด์” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยกทัพความม่วนพื้นที่ที่ 2 จังหวัดขอนแก่น ภายใต้แนวคิด โฮแซวหรรษา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 ณ ตลาดศรีวิไล (ตรงข้ามบึงสีฐาน ถนนมะลิวัลย์) . ภายในงานพบกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ Pop Pongkool, หญิงลี, WANYAi, Musketeers, MVL, Pause, YourMOOD, Slapkiss และ Earth Patravee โซนกิจกรรม PLAYGROUND ZONE ลานเครื่องเล่นยักษ์ ในธีม WINTER WONDERLAND ที่ผสมผสานความสนุกของเครื่องเล่นขนาดใหญ่ให้เข้ากับวัฒนธรรมอีสานพื้นถิ่น …

“ISAN WINTER” วันเดอร์แลนด์ หนองคาย ขอนแก่น อุดรธานี ททท. จัดใหญ่ กิน เที่ยว ช้อป ชมคอนเสิร์ตฟรี!! อ่านเพิ่มเติม »

“หมอลำ” ขุมทรัพย์เงินสะพัด 6000 ล้าน ที่คนไทยดู 20 ล้านคน จัดแสดงกว่า 2,600 รอบ

คนไทยกับวัฒนธรรมความเป็นไทยเป็นอะไรที่อยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว โดยเฉพาะทำนองลำกลอน หมอลำ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ เพลงลูกทุ่ง หมอลำ ยังคงเป็นอะไรที่ครองใจคนไทยตลอดมา ยืนยันได้จากจำนวนยอดวิวบน YouTube ที่แต่ละเพลงหลัก ร้อยล้านวิว และเมื่อเจาะลึกไปที่ วงหมอลำ แนวเพลงที่รู้จักกันดีในความสนุกสนานหรือม่วนจอยจะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ และเป็นคนทำธุรกิจหากต้องการทำการตลาดผ่านหมอลำ จะต้องรู้อะไรบ้าง . มื้อนี้ ISAN Insight and Outlook พามาเบิ่ง ข้อมูลอินไซต์ตลาดธุรกิจหมอลำว่าเติบโตยิ่งใหญ่ สร้างเศรษฐกิจได้มากน้องเพียงใด คนไทย 20 ล้านคน ดูหมอลำ กว่าครึ่งมีคนในภาคอีสานมากถึง 10 ล้านคนดูหมอลำและการแสดงคอนเสิร์ตหมอลำในภาคอีสานตลอดหนึ่งปีจัดมากถึง 332 วัน มีการแสดงรวมกันมากถึง 2,596 รอบ ที่สามารถดึงดูดผู้ชม 2,000-6,000 คนต่อครั้งขึ้นอยู่กับขนาดของวงและพื้นที่จัดงาน  และคาดการณ์ว่า Eyeballs ผู้เข้าชมหมอลำตลอดปีอยู่ที่ 8,532,000 คน MI GROUP ได้มีโปรเจกต์ MI LEARN LAB เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ สู่การทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์และเข้า-ถึง-ใจผู้บริโภค ผ่าน Entertainment & Cultural Marketing โดยล่าสุด ได้ทำการศึกษา การตลาดผ่านคอนเสิร์ตหมอลำ โดยพบว่า หลังการระบาดของโควิด คือ ยุคทอง ของวงหมอลำอย่างแท้จริง หลังจากที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 70 ปี จากการสำรวจพบว่า คนไทยจำนวนกว่า 20 ล้านคนเลยดูหมอลำ เฉพาะภาคอีสานมีผู้ชมกว่า 10 ล้านคน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างเกือบ 80% เคยดูทั้งออนกราวด์และออนไลน์ และประมาณ 60% ดูออนกราวด์อย่างเดียว สอดคล้องกับที่พบว่า การจัดแสดงส่วนใหญ่จะจัดในภาคอีสาน รองลงมาเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวอีสานทำงานอยู่จำนวนมาก และหลังจากการระบาดของโควิด จะเห็น การลงทุนอย่างสูง ของวงหมอลำ ไม่ว่าจะเป็นชุด แสง สี เสียง เพื่อ ยกระดับโชว์ ซึ่งส่งผลถึง ปริมาณจำนวนงานจ้าง เพิ่มขึ้นประมาณ 40-45% สำหรับผลของการลงพื้นที่เพื่อศึกษาหาข้อมูลวิจัยเชิงลึกดังกล่าวมีรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้ 1. พลังของ Cultural Marketing ผลการวิจัยแสดงให้เห็นข้อมูลว่า 78.8% ของกลุ่มตัวอย่างในภาคอีสานเคยเข้าชมคอนเสิร์ตหมอลำ, จำนวนผู้เข้าชมเฉลี่ยต่องานอยู่ที่ 2,000 – 6,000 คน, จำนวน eyeballs ตลอดทั้งปีสูงถึง 8,532,000 คน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายของผู้ชมในอุตสาหกรรมนี้ในปี 2567 จะสูงถึง 5,998.91 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าในช่วงโควิด-19 ถึง 756 % และสูงกว่าระดับก่อนโควิด 127% เมื่อเทียบช่วงเดือนเดียวกัน 2. วงหมอลำ 10 อันดับ ครองใจคนอีสาน วงหมอลำยอดนิยมของภาคอีสานนั้นส่วนใหญ่มีประวัติยาวนานหลายทศวรรษ จัดแสดงตั้งแต่รุ่นยายสู่รุ่นหลาน และมีสมาชิกร่วมวงขนาดใหญ่ โดยในส่วนของวงหมอลำที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน Social Media จำนวน 10 อันดับ ซึ่งยึดตามข้อมูลอัปเดตล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2567 ได้แก่ วงระเบียบวาทศิลป์ วงประถมบันเทิงศิล วงสาวน้อยเพชรบ้านแพง …

“หมอลำ” ขุมทรัพย์เงินสะพัด 6000 ล้าน ที่คนไทยดู 20 ล้านคน จัดแสดงกว่า 2,600 รอบ อ่านเพิ่มเติม »

ใครว่าภาคอีสานจนสุด เมื่อภาพจำไม่ตรงกับสถิติ ภาคอีสานภูมิภาคที่มีการลดลงของความเหลื่อมล้ำมากที่สุด และยังมีสัดส่วนคนจนน้อยกว่าภาคใต้

ภาคใต้ ภาคอีสาน Top 2 ภูมิภาคที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุด แต่ภาคอีสานกลับมีการลดลงของความเหลื่อมล้ำมากที่สุด ในปี 2566 ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ออกรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความอยากจน และความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย 2566 ออกมา ซึ่งเป็นรายงานที่ออกเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว โดยในปี 2566 นี้ภาพรวมสถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในด้านของจำนวนคนจนลดลงจาก 3.79 ล้านคน ในปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนคนจนร้อยละ 5.43 ลดลงมาอยู่ที่ 2.39 ล้านคน ในปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนคนจนร้อยละ 3.41 ผลจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคเกษตรกรรมซึ่งเป็นภาคที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดในประเทศ สอดคล้องกับค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคทางด้านรายได้ที่ลดลงจาก 0.43 ในปี 2564 มาอยู่ที่ 0.42 ในปี 2566 แสดงถึงความเหลื่อมล้ำทางด้านรายจ่ายที่ลดลง เป็นไปในทิศทางเดียวกับสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคทางด้านรายได้ที่ลดลงจาก 0.343 ในปี 2565 มาอยู่ที่ 0.335 ในปี 2566 แสดงให้เห็ยความไม่เสมอภาคทางด้านรายจ่ายนั้นลดลงแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม  แต่ก็ยังคงมีจุดที่น่าเป็นกังวลอยู่ในด้านของกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงจะกลายเป็นคนจนที่ต้องเผชิญกับปัจจัยเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมในมิติต่างๆ ทั้งด้านการประกอบอาชีพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในพื้นที่นอกเขตเทศบาลจะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนที่อยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลอย่างชัดเจน โดยในปี 2566 นี้เส้นความยากจนได้มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจาก 2,997 บาท/คน/เดือน ในปี 2565 ขึ้นเป็น 3,043 บาท/คน/เดือน อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อครัวเรือนยากจนนั้นคือขนาดขางครัวเรือนที่ยิ่งครัวเรือนนาดใหญ่จะยิ่งมีความยากจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากครัวเรือนนั้นเป็นครัวเรือนแหว่งกลางที่ขาดบุคคลในครอบครัวที่ต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว ทั้งนี้อัตราการพึ่งพิงของครัวเรือนยากจนจะมีสูงกว่าครัวเรือนปกติอยู่ที่ร้อยละ 103.39 เมื่อเทียบกับครัวเรือนปกติที่ร้อยละ 62.34 กราฟที่ 1 เส้นความยากจน สัดส่วนคนจน และจำนวนคนจน ปี 2555 – 2566 ที่มา : ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ ประมวลผลโดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   เส้นความยากจน เป็นเครื่องมือสำหรับใช้วัดภาวะความยากจน โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายสำหรับอาหาร สินค้าและบริการอื่นที่ไม่ใช่อาหารที่ปัจเจกบุคคลจำเป็นต้องใช้ในการดำรงค์ชีวิตขั้นพื้นฐาน อัตราการพึ่ง อัตราส่วนของประชากรที่อยู่ในกลุ่มอายุนอกวัยแรงงานต่อประชากรในวัยแรงงาน โดยมีข้อสมมติว่า ประชากรที่อยู่ในกลุ่มอายุนอกวัยแรงงานนั้นต้องพึ่งพิงทางเศรษฐกิจ ครัวเรือนแหว่งกลาง ครัวเรือนที่มีสมาชิกรุ่นปู่ย่า หรือตายาย อาศัยอยู่กับรุ่นหลานในวัยเด็ก โดยขาดสมาชิกรุ่นพ่อแม่ ซึ่งมักย้ายถิ่นฐานไปทำงาน   สำหรับสถานการณ์ในภาคอีสานนั้นจะเห็นได้ว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศที่ร้อยละ 4.16 เป็นรองภาคใต้ที่ร้อยละ 7.48 แต่เมื่อพิจารณาเป็นจำนวนคนจะพบว่าภาคอีสานนั้นเป็นภาคที่มีจำนวนคนจนมากที่สุดในประเทศที่ประมาณ 7.58 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 31.71 ของคนจนทั้งหมด รองลงมาคือภาคใต้ที่ประมาณ 7.33 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 30.65 ห่างจากภาคอีสานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กราฟที่ 2 สัดส่วนคนจน จำแนกรายภาค ปี 2555 – 2566 ที่มา : …

ใครว่าภาคอีสานจนสุด เมื่อภาพจำไม่ตรงกับสถิติ ภาคอีสานภูมิภาคที่มีการลดลงของความเหลื่อมล้ำมากที่สุด และยังมีสัดส่วนคนจนน้อยกว่าภาคใต้ อ่านเพิ่มเติม »

ช่วยโหวตให้หนูหน่อย หนูชื่ออะไรดีคะ #เตรียมโหวต 5 ชื่อน้องฮิปโปโปเตมัสเกิดใหม่ ศรีสะเกษ

พี่ๆ ช่วยโหวตให้หนูหน่อย หนูชื่ออะไรดีคะ #เตรียมโหวตตั้งชื่อน้องฮิปโปโปเตมัสเกิดใหม่ โดยจะเปิดให้ประชาชนร่วมโหวตทางสื่อโซเชียล ผ่านเพจสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศรีสะเกษ โดยจะเปิดให้โหวต จำนวน 4 วันระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม จนถึงเวลา 24.00 น. ใน 5 รายชื่อ ประกอบด้วย 1. น้องลำดวน ความหมาย มาจากชื่อต้นไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ 2. น้องศรีเกษ ความหมาย มาจากพ่อชื่อสมศรี แม่ชื่อเกษริน และชื่อจังหวัดศรีสะเกษ 3. น้องสาวศรี ความหมาย สาว มาจาก สาวสวย เป็นการกลบเสียงบลูลี่ว่าน้องน่าเกลียด ส่วนคำว่า ศรี คือ ศรีสะเกษ เมืองที่น้องเกิด 4. น้องหอมแดง ความหมาย คือพืชเศรษฐกิจของจังหวัดศรีสะเกษ น้องตัวสีน้ำตาลแดงเหมือนหอมแดง 5. น้องหมูกระเทียม ความหมาย คือ พืชเศรษฐกิจของจังหวัดศรีสะเกษ และหมูกระเทียมอร่อย โดยผู้ที่ร่วมโหวตทุกคนมีสิทธิ์ได้รับรางวัล เป็นเสื้อน้องฮิปโปศรีสะเกษ จำนวน 150 รางวัล และผู้ที่ร่วมโหวต 3 ลำดับแรกของรายชื่อที่ได้รับคัดเลือก จะได้รับรางวัลใหญ่จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ (ททท.) ไปโหวตที่เพจนี้กัน https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0267jZ4o9oknXnX7xf1HqCbBn6GTe3AiscNqtUeX6gSFimaoPrsNbijaA5QqG27LYgl&id=61555721168549 อัพเดตล่าสุด หลังเป็นประเด็นดราม่าถูกเปรียบเทียบความน่ารักกับเจ้าหมูเด้ง ดาราดังจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวไปเมื่อหลายวันก่อน วันนี้ ‘ศรีสะเกษ’ น้องฮิปโปฯ เบบี๋จากสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ลูกสาวของพ่อสมศรีและแม่เกศริน ที่ตอนนี้คนหันมาเอ็นดูกันมากขึ้นก็ได้รับชื่อใหม่แล้ว ! ทางสวนสัตว์เลยเปิดให้มีการโหวตชื่อ ประกอบด้วย 5 ชื่อด้วยกันคือ ลำดวน ศรีเกษ สาวศรี หอมแดง และหมูกระเทียม โดยแทบทุกชื่อจะเป็นของดีจังหวัดศรีสะเกษแทบทั้งนั้น สุดท้ายน้องได้ชื่อว่า “หอมแดง” ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลายถึง 52,045 คะแนน นำชื่ออื่นแบบขาดลอย ที่สำคัญน้องหอมแดงยังมีชื่อพระราชทานจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์อีกด้วยว่า “สาวศรี” อีกด้วย  ประกาศอย่างเป็นทางการ!! ผลการโหวตชื่อลูกฮิปโปศรีสะเกษ ยอดโหวต 4 วัน ทั้งหมด 83,931 โหวต ชื่อที่มีผู้โหวตให้มากที่สุดกว่า 52,045 โหวต ได้แก่ชื่อ  “#น้องหอมแดง” ใครโหวตชื่อนี้บ้างครับ  อันดับ 1 : น้องหอมแดง อันดับ 2 : น้องลำดวน อันดับ 3 : น้องหมูกระเทียม  “น้องหอมแดง” เป็นลูกตัวแรกของ แม่ฮิปโปชื่อ “เกดสิริน” กับ พ่อชื่อ “สมศรี” เกิดเมื่อวันที่ 13 ต.ค. …

ช่วยโหวตให้หนูหน่อย หนูชื่ออะไรดีคะ #เตรียมโหวต 5 ชื่อน้องฮิปโปโปเตมัสเกิดใหม่ ศรีสะเกษ อ่านเพิ่มเติม »

มหาสารคาม สะดืออีสาน สู่ความท้าทาย ในการเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาของภาคอีสาน

มหาสารคาม สะดืออีสาน สู่ความท้าทาย ในการเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาของภาคอีสาน . . เมื่อพูดถึงจังหวัดมหาสารคามแล้วหลายๆ คนคงคิดถึง 3 อย่างนั่น คือ มหาวิทยาลัย มันแกวบรบือ และ    พระธาตุนาดูน แต่ที่จริงแล้วจังหวัดมหาสารคามมีทั้งความท้าทาย และโอกาสในการพัฒนาอีกมาก รวมทั้งยังเป็นจังหวัดที่มูลค่าเศรษฐกิจจังหวัดเติบโตต่อเนื่องในตลอด ทศวรรษที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการลงทุนใน ภาคอสังหาฯ ที่เติบโตกว่า 33% ซึ่งถือว่าสูงสุดในภูมิภาคอีกด้วย . นอกจากนั้นแล้วจังหวัดมหาสารคามยังนับเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของชาวอีสาน มีชุมชนโบราณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนบ้านเชียงเหียน หมู่บ้านปั้นหม้อของชาวบ้านหม้อ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคามแหล่งโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางศาสนาก็มี พระธาตุนาดูน กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน กู่บ้านแดง อำเภอวาปีปทุม ปรางค์กู่ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคาม ที่น่ามาศึกษาหาความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง . เพราะเหตุใด จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดสะดืออีสาน ใจกลางภูมิภาค ถึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีก   อีสานอินไซต์ จะพามาเบิ่ง   . 1. โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคามมีขนาดพื้นที่ประมาณ 5,292 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 944,605 คน ในปี 2564  มีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด อยู่ที่ 66,024 ล้านบาท และรายได้ต่อหัวของจังหวัดอยู่ที่ 85,228 บาท/ปี   . มีโครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจ SME ดังนี้ ภาคการบริการ คิดเป็น 51% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร อยู่ที่ 3,195 ราย 2.ภาคการเกษตร คิดเป็น 21% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อ อยู่ที่ 588 ราย 3.ภาคการผลิต คิดเป็น 17% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การสีข้าว อยู่ที่ 2,276 ราย 4.ภาคการค้า คิดเป็น 10% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ ร้านขายของชำ อยู่ที่ 6,072 ราย สินค้า GI ของจังหวัดก็คือ มันแกวบรบือ และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้    . จากโครงสร้างเศรษฐกิจพบว่า GPP ของมหาสารคาม มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในช่วง …

มหาสารคาม สะดืออีสาน สู่ความท้าทาย ในการเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาของภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อู่เชิดชัย-โคราช ผลิตบัสไฟฟ้า สัญชาติไทย ลุยตลาดอีวี รองรับดีมานด์ทั่วเอเชียแปซิฟิก 4 หมื่นล้านเหรียญ

การเดินทางของบริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ จำกัด – พ.ศ. 2506 เริ่มผลิตโครงสร้างรถบัสด้วยไม้ – พ.ศ. 2508 เราคือผู้ผลิตโครงเหล็กรายแรกในประเทศไทย – พ.ศ. 2518 เราเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของอีซูซุในการผลิตตัวรถบัสบนแชสซีโมโนค็อกของอีซูซุในประเทศไทย – พ.ศ. 2530 เราเฉลิมฉลองให้กับตัวถังรถบัสจำนวน 1,200 คันบนตัวถังอีซูซุ – พ.ศ. 2531 ส่งออกรถโดยสาร 25 คันไปยังประเทศมาเลเซีย เชิดชัย เพื่อผลิตตัวถังรถบรรทุก (ตัวไม้) บริษัทให้บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัด บริการรถนำเที่ยวและเพื่อความบันเทิง เพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์ มากว่า 65 ปี เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ เริ่มต้นธุรกิจด้วยบริการรถโดยสารประจำทางและโรงงานผลิตตัวถังรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุด ก่อนจะขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆ ธุรกิจเชิดชัยประกอบด้วยบริการรถโดยสารระหว่างจังหวัด โรงงานผลิตตัวถังรถบัส ตัวแทนจำหน่ายรถบัสวอลโว่ที่ได้รับอนุญาต และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีรถโดยสารประจำทางระหว่างจังหวัดกว่า 1,200 คัน ภายใต้สัมปทาน จาก บริษัท ขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม บริการส่วนใหญ่เป็นเส้นทางระยะไกล ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เชิดชัยทัวร์ยังให้บริการระยะกลางระหว่างกรุงเทพฯและนครราชสีมาและจุดหมายปลายทางทางตะวันออกบางแห่ง มรสุมโควิด-19 ฉุดบริษัทขาดทุน เดือนละล้าน ทางเชิดชัย ในตอนนี้ทำกิจการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเป็นผู้ให้บริการรถทัวร์เส้นทางสายอีสาน หรือบางสาย คือ การรับประกอบตัวถังรถทัวร์และบริการซ่อมรถทัวร์ด้วยตัวเอง ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้ให้บริการรถทัวร์หลายเจ้าประสบปัญหาขาดทุน ซึ่งมีบางเจ้าถึงขั้นล้มละลาย ส่วนทางเชิดชัยประสบปัญหาอย่างเดียวกัน คือ ไม่มีผู้ใช้บริการ ส่งผลให้เกิดการขาดทุนเดือนละล้าน หมายความว่าภายใน 1 ปี จะขาดทุนเท่ากับ 12 ล้าน แต่ทางเชิดชัยยังคงดำเนินการให้บริการถึงปัจจุบัน มีสาเหตุที่สามารถเปลี่ยนแปลงจากสภาวะทางการเงินที่ขาดทุน จนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจแบบปกติ คือ การรีโนเวทการให้บริการลูกค้าและให้อนาคตจะมีการพัฒนาสร้าง รถบัสไฟฟ้า โดยการบริการที่มีมาตรฐานที่ดีขึ้นเป็นการเรียกให้ลูกค้าเริ่มกลับมา   ภาพจาก: Creden data โดยในปี 2564 ถือเป็นการขาดทุนในรอบทศวรรษของบริษัทเลยกว่าว่าได้ แต่ในขณะเดียวกันบริษัทก็เริ่มมองเทรนด์อนาคต และเตรียมพร้อมในการพัฒนาทั้งการผลิตรถบัส และปรับปรุงบริการธุรกิจขนส่งในการเดินทาง รถบัสไฟฟ้า เชิดชัย: ก้าวสู่การเดินทางที่ยั่งยืน เชิดชัยกรุ๊ป เป็นอีกหนึ่งบริษัทขนส่งที่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้หันมาให้ความสำคัญกับการนำรถบัสไฟฟ้ามาให้บริการ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดมลพิษทางอากาศ   เหตุผลที่เชิดชัยเลือกใช้รถบัสไฟฟ้า ลดต้นทุนระยะยาว: แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้อรถบัสไฟฟ้าจะสูงกว่ารถบัสดีเซล แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาวแล้ว ต้นทุนการดำเนินงานของรถบัสไฟฟ้าจะต่ำกว่า เนื่องจากค่าไฟฟ้าถูกกว่าราคาน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: รถบัสไฟฟ้าไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่นๆ ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และภาวะโลกร้อน สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: การนำรถบัสไฟฟ้ามาใช้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทในฐานะองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร: ผู้โดยสารส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเดินทางที่สะอาดและปลอดภัย รถบัสไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ   จุดเด่นของรถบัสไฟฟ้าเชิดชัย เทคโนโลยีทันสมัย: รถบัสไฟฟ้าของเชิดชัยมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบปรับอากาศที่ประหยัดพลังงาน ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ออกแบบโดยคนไทย: …

อู่เชิดชัย-โคราช ผลิตบัสไฟฟ้า สัญชาติไทย ลุยตลาดอีวี รองรับดีมานด์ทั่วเอเชียแปซิฟิก 4 หมื่นล้านเหรียญ อ่านเพิ่มเติม »

แชร์ลูกโซ่ โมเดลพีระมิดในหน้ากากของธุรกิจเครือข่าย กลโกงหลอกผู้ลงทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย

แชร์ลูกโซ่ โมเดลพีระมิดในหน้ากากของธุรกิจเครือข่าย กลโกงหลอกผู้ลงทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย   . “แชร์ลูกโซ่” ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ ยกตัวอย่างกรณีของไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี เช่นคดี แชร์แม่ชม้อย แชร์แม่มณี และ forex-3D ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนัก ทั้งหมดล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายให้กับผู้คน ธุรกิจ รวมไปถึงเศรษฐกิจอย่างรุนแรง    มูลค่าความเสียหายที่ประเมินได้นั้นส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก กรณีแชร์แม่ชม้อยในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2528 มีมูลค่าความเสียหาย 500 ล้านบาท ต่อมาที่แชร์แม่มณีในปี 2562 มูลค่าความเสียหาย 1,376 ล้านบาท และ forex-3D ในปี 2564 ที่สร้างมูลค่าความเสียหายมากถึง 2,500 ล้านบาท รวมถึงผลกระทบต่อผู้เสียหายอีกนับไม่ถ้วนที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้   รูปแบบของการแชร์ลูกโซ่มีความเหมือนกันคือ การเสนอผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงผิดปกติ ในระยะเวลาอันสั้น เช่น ลงทุนมาเป็นหุ้นส่วนกับเราวันนี้รับประกันผลตอบแทน 7 เปอร์เซ็นในทุกๆ เดือน และสร้างภาพลักษณ์ให้ดูประสบความสำเร็จ มีความมั่งคั่ง เพื่อให้ผู้ลงทุนรู้สึกไว้วางใจ โดยมีธุรกิจที่ใช้ในการอ้างอิงที่มาของผลตอบแทนนั้น เช่น การเทรด forex โดยใช้เอไอ การลงทุนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจน้ำมัน หรือ การออมเงินร่วม ธุรกิจที่ใช้อ้างอิงเหล่านี้มักจะเสนอผลตอบแทนที่สูง โดยที่ไม่ได้มีสินค้าหรือไม่ได้มีการดำเนินกิจการจริง    วิธีที่ธุรกิจมิจฉาชีพเหล่านี้ใช้ในการจ่ายผลตอบแทนนั้นมักจะมาจาก การนำเงินของนักลงทุนใหม่ไปจ่ายให้กับนักลงทุนเดิม ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาแรกๆก็จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่ระบบจะพังลงมาทันทีเมื่อไม่มีนักลงทุนใหม่ๆเข้ามา เนื่องจากไม่มีเงินหมุนในระบบอีกต่อไป และผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆก็คือนักลงทุนใหม่ที่พึ่งเข้ามาในระบบ เนื่องจากไม่มีเงินหมุนเวียนมาเพื่อจ่ายผลตอบแทน ซึ่งรูปแบบของการลงทุนนี้จะเรียกได้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ในรูปแบบ Ponzi scheme   แต่ยังมีแชร์ลูกโซ่ในอีกรูปแบบนึงที่มักจะถูกบังหน้าด้วยธุรกิจเครือข่าย และกำลังมีธุรกิจเครือข่ายขนาดใหญ่ของไทยในปัจจุบันกำลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ รูปแบบของแชร์ลูกโซ่ดังกล่าวก็คือ ธุรกิจแบบพีระมิด หรือ Pyramid scheme ที่เป็นการเสนอผลตอบแทนที่สูง จากโอกาสที่ธุรกิจหรือสินค้านั้นๆสามารถทำได้ และผู้ลงทุนยังได้รับประโยชน์จากการสร้างเครือข่ายหรือที่เรียกว่า ”ตัวแทนจำหน่าย” ที่ต่อขาลงไปด้วยการชวนคนใหม่ๆเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมอีกด้วย รูปแบบของการหมุนเงินจะค่อนข้างคล้ายกันคือ การนำเงินลงทุนของคนใหม่ๆ เข้ามาจ่ายให้กับคนเดิม ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ และเมื่อไม่มีคนเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นอีกต่อไป ระบบก็จะพังลงในที่สุด   ปัญหาและผลกระทบจากแชร์ลูกโซ่ที่เกิดขึ้นสามารถสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจในระดับประเทศ จากผลกระทบที่ไปรบกวนกลไกของตลาด เนื่องจากธุรกิจหรือสินค้านั้นๆไม่ได้มีอยู่จริง และผู้ที่ได้รับประโยชน์มีเพียงแค่ผู้เริ่มกลโกงแชร์ลูกโซ่หรือกลุ่มที่อยู่ด้านบนของพิรามิดเท่านั้น ทำให้เศรษฐกิจสามารถหยุดชะงัก จากการโยกย้ายเงินทุนที่ไม่ได้สร้างมูลค่าอะไรให้ระบบเศรษฐกิจเลย . หากมองเจาะลึกลงมาที่ภาคอีสานก็จะพบว่า มีผู้เสียหายจำนวนไม้น้อยในภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบ โดยในกรณีคดีแชร์แม่มณีที่เคยเกิดขึ้น ที่พื้นเพเป็นคนในภาคอีสาน ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า ณ จุดเริ่มต้นของธุรกิจแชร์ลูกโซ่นี้ มีคนในพื้นที่ได้รับผลกระทบไปเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของตลาดแบบออนไลน์ ทำให้ผู้เสียหายกระจายตัวไปทั่วประเทศมากขึ้น ไม่ได้กระจุกตัวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเหมือนครั้งของแชร์แม่ชม้อยแล้ว แน่นอนว่าผลกระทบต่อผู้คนและมูลค่าความเสียหายย่อมรุนแรงขึ้นตามไปด้วย . สถานการณ์ปัญหาของแชร์ลูกโซ่ในรูปแบบพีระมิด ในปัจจุบันที่ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบภายในประเทศเพียงเท่านั้น เนื่องจากการผันตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ทำให้วงของผลกระทบมีความกว้างมากยิ่งขึ้นจนถึงประเทศใกล้เคียง จากรายงานข่าวของ The nation พบว่าได้มีการเผยแพร่คลิปวิดิโอที่บริษัทธุรกิจเครือข่ายที่กำลังต้องสงสัยในประเทศไทย ได้โปรโมตการลงทุนและสินค้าอยู่ที่ประเทศลาว โดยทางบริษัทดังกล่าวได้มีการรับตัวแทนจำหน่ายหลายคน รวมถึงดาราและนักแสดงในประเทศลาว และยังมีรายงานเพิ่มเติมถึงการโปรโมตธุรกิจที่ประเทศอื่นๆ เช่น กัมพูชา เมียนมาร์ อีกด้วย   จากปัญหาที่เกิดขึ้น …

แชร์ลูกโซ่ โมเดลพีระมิดในหน้ากากของธุรกิจเครือข่าย กลโกงหลอกผู้ลงทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top