Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

The Secret sauce ร่วมหารือกับ ISAN Insight and Outlook ที่คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ณ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น THE SECRET SAUCE นำโดย คุณนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ (Chief Executive Officer) คุณวิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล (Chief Marketing Officer) คุณปวริศา ตั้งตุลานนท์ (Executive Assistant to CEO) คุณชาคร ฉายเพชร (Head Of Content The Secret Sauce) คุณศุภวษา ศรีหนองโคตร (Project Manager The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025) และทีมงาน THE SECRET SAUCE ร่วมพูดคุยกับ กับ ISAN Insight คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดยตัวแทนผู้บริหาร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผศ.ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม บริการวิชาการ และสื่อสารองค์กร รศ.ดร.จงรักษ์ หงษ์งาม รองคณบดีฝ่ายบริหาร วางแผน และประกันคุณภาพ ในประเด็นการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจอีสาน การพัฒนาจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน และร่วมเป็นพันธมิตรในงาน ISAN Creative Festival และ THE SECRET SAUCE BUSINESS WEEKEND 2025 – อีเวนต์รวมความรู้และ Business Networking ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน เพื่อขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมขับเคลื่อนโดย THE SECRET SAUCE คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อีสานอินไซต์ (Isan Insight) อีสานโพล (E-Saan Poll) CEA สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ สศส. ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจอีสาน ด้วยข้อมูลพื้นที่วิจัยเชิงลึกและความร่วมมือเครือข่ายการทำงาน เพื่อร่วมผลักดันเศรษฐกิจใหม่และสร้างสรรค์ สู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ     พันธมิตร ร่วมงานระหว่าง CEA สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ สศส. ในงาน เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ ปีที่ 5 Isan Creative Festival เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 9 วัน […]

The Secret sauce ร่วมหารือกับ ISAN Insight and Outlook ที่คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

‘โดนแฮก’ ไปรษณีย์ไทย ยอมรับ ข้อมูลผู้ใช้ 19 ล้านรายหลุดจริง มีทั้งชื่อ เบอร์ อีเมล และข้อมูลในระบบ CRM

ไปรษณีย์ไทยชี้แจงกรณีพบมีผู้ละเมิดข้อมูลผู้ใช้บริการโดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน ไปรษณีย์ไทยออกมายอมรับว่าข้อมูลรั่วไหล หลังจากแฮกเกอร์ประกาศขายข้อมูลบน BreachForum เมื่อวันเสาร์ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ข้อมูลที่คนร้ายประกาศขาย มีทั้งหมด 19 ล้านรายการ น่าจะเป็นข้อมูลระบบ CRM โดยระบุ ชื่อ, นามสกุล, อีเมล, วันเกิด, ข้อมูลติดต่อ, สาขาที่ใช้บริการบ่อย, คะแนนสะสม, ข้อมูลการใช้บริการ ทางไปรษณีย์ไทยระบุว่าได้ปิดช่องทางเข้าถึงข้อมูลนี้ จากนั้นแจ้งสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ตลอดจนดำเนินการทางด้านกฎหมายแล้ว   บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โพสต์ได้ระบุว่า “บริษัท ไปรษณีย์ ไทย จำกัด ตรวจพบการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการ ประกอบด้วย ชื่อ – นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล โดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินใดๆ และนำไปเผยแพร่อยู่บน Dark Web ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวไปรษณีย์ไทยขออภัยและได้ดำเนินการ ปิดช่องทางการเข้าถึงข้อมูลทันที พร้อมคุมเข้มยกระดับมาตรการการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ รวมถึงได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เพื่อรายงานและร่วมดำเนินมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม พร้อมทั้งมีการดำเนินการทางด้านกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้บริการ โดยจะทำการตรวจสอบระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูลผู้ใช้บริการอย่างเข้มงวด ครอบคลุมและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการพบปัญหาหรือมีข้อสงสัยสามารถ ติดต่อได้ที่ THP Contact Center 1545” โดยเบื้องต้นมีการค้นพบการขายข้อมูลที่หลุดจาก ไปรษณีย์ไทย ที่ BreachForums ซึ่งเป็น dark web บริการและขายข้อมูล ใน Hidden Service     กฎหมาย PDPA ระบุผู้บริโภคมีสิทธิ์ฟ้องได้  ตามกฎหมายแล้ว เมื่อมีข้อมูลรั่วไหล กระทบสิทธิเสรีภาพ ต้องแจ้งให้ #ผู้บริโภค ทราบภายใน 72 ชั่วโมง และหากเกิดความเสียหาย ผู้บริโภคต้องได้รับการเยียวยา | ใครที่ได้รับผลกระทบจากกรณีข้อมูลรั่วไหล ร้องเรียนได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือปรึกษา – ร้องเรียนมาที่ สภาองค์กรของผู้บริโภค #สภาผู้บริโภค โทร 1502  อย่าอ้างว่า…โดนแฮ็ก ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล องค์กรที่ทำข้อมูลหลุดต้องแสดงความรับผิดชอบ กฎหมาย PDPA ต้องบังคับใช้จริง   ทางด้าน ดร. อุดมธิปก ไพรเกษตร ผู้ก่อตั้งสื่อ PDPA Thailand กล่าวว่า “ฟ้องได้เลยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 สามารถไปที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคศ.) แต่กฎหมายยังมีอุปสรรคว่ายังเปิดให้ร้องเรียนเป็นรายบุคคลไป การร้องเรียนแบบกลุ่มยังไม่มี แต่นอกจากช่องทางนี้ ยังสามารถฟ้องอาญาได้

‘โดนแฮก’ ไปรษณีย์ไทย ยอมรับ ข้อมูลผู้ใช้ 19 ล้านรายหลุดจริง มีทั้งชื่อ เบอร์ อีเมล และข้อมูลในระบบ CRM อ่านเพิ่มเติม »

‘เครือซีคอน’ เตรียมบุก ‘เซ็นทรัลอุดรฯ’ เปิดสวนสนุก “โยโย่แลนด์” พื้นที่ความสุขของครอบครัว สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในแดนอีสาน

เครือซีคอน เตรียมบุก อุดรฯ เปิดสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในอีสาน ณ เซ็นทรัล อุดรฯ หลายคนอาจจะคุ้นชื่อกับ “ซีคอน” แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สร้างสรรค์ความสุขและความสะดวกสบายให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ธุรกิจของ เครือซีคอน ขยายเติบโตไปหลายหลากสาขธุรกิจ เริ่มต้นจากธุรกิจก่อสร้างที่มั่นคง ก่อนจะขยายอาณาจักรของตนเองไปยังธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าที่คุ้นเคยของชาวไทยอย่าง ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, โยโย่แลนด์ สวนสนุกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ, รองเท้านันยาง ที่นักเรียนทุกคนต้องรู้จัก, และแม้แต่ผงชูรสที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารอย่างผงชูรสตราชฎา แต่สิ่งที่ทำให้ “เครือซีคอน” โดดเด่นไม่เหมือนใคร คือความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า ไม่เพียงแค่การแสวงหาผลกำไร แต่เป็นการสร้างคุณค่าให้กับสังคม และในวันนี้ “เครือซีคอน” กำลังจะเดินทางไปยังจังหวัดอุดรธานี ดินแดนที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม พวกเขาตั้งใจที่จะนำความสุขและความสนุกสนานไปสู่ชาวอีสาน โดยการเปิดตัวสวนสนุก “โยโย่แลนด์” สวนสนุกแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่เป็นแหล่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของชาวอุดรธานีอีกด้วย การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย จะสามารถสร้าง “โยโย่แลนด์” ให้กลายเป็นสถานที่ที่สร้างความสุขและความทรงจำที่ดีให้กับชาวอุดรธานีและผู้มาเยือนจากทั่วทุกสารทิศ ISAN Insight พามาเบิ่ง สวนสนุกโยโย่แลนด์ พื้นที่ความสุขของครอบครัวสู่แดนอีสาน สวนสนุกโยโย่แลนด์ เป็นสวนสนุกที่อยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท ซีคอน ดีลเวลลอปเม้น จำกัด มหาชน เป็นสวนสนุกในร่มที่เปิดให้บริการมายาวนาน โดยตั้งอยู่ภายใน ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ให้บริการความสนุกแก่เด็กๆ และครอบครัวมายาวนานถึง 30 ปี เดิมทีสวนสนุกโยโย่แลนด์ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้เป็นจุดดึงดูดให้ครอบครัวได้มาทำกิจกรรมร่วมกันในพื้นที่ของตัวห้าง สวนสนุกโยโย่แลนด์ให้ความสำคัญกับการเป็นพื้นที่แห่งความสุขและการเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ โดยมีเครื่องเล่น และโซนกิจกรรมที่ออกแบบให้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3-12 ปีและครอบครัวพัฒนาการของสวนสนุกโยโย่แลนด์ ยุคแรกเริ่ม: เปิดตัวเป็นสวนสนุกแบบ OUTDOOR ขนาดใหญ่ มีเครื่องเล่น มีเวทีทำการสำแสดงเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้มาโชว์ความสามารถ ปรับโซนสวนสนุกจาก OUTDOOR เป็น INDOOR และเครื่องเล่น: มีการเพิ่มเครื่องเล่นหลากหลาย ประเภท เช่น รถไฟเหาะ, บั๊มเปอร์คาร์, บ้านผีสิง และเครื่องเล่นแนวผจญภัย ฉลองครบรอบ 30 ปี : มีการปรับภาพลักษณ์และแนวคิดสวนสนุกให้ทันสมัยมากขึ้น โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณค่า ทำไม โยโย่แลนด์ ถึงเลือก อุดรฯ เป็นหมุดหมายแรกในการลงทุนในอีสาน อุดรธานีตั้งอยู่ในภาคอีสานตอนบน และมีเขตติดต่อกับจังหวัดชายแดนลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งถือว่าใกล้กับประเทศลาว อีกทั้งอุดรธานี ยังเป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางได้สะดวก ทั้งทางถนน ราง และทางเครื่องบิน จึงถือว่ามีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางคมนาคมเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการลงทุนจากภาครัฐในโครงการ “รถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย กรุงเทพฯ – โคราช – หนองคาย” โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง แบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 ระยะด้วยกัน ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 253

‘เครือซีคอน’ เตรียมบุก ‘เซ็นทรัลอุดรฯ’ เปิดสวนสนุก “โยโย่แลนด์” พื้นที่ความสุขของครอบครัว สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

แม่น้ำชี จากเส้นเลือดใหญ่ของภาคอีสาน สู่ความเปลี่ยนแปลงหลังการสร้างเขื่อน

หากจะกล่าวถึง สายน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงผู้คนในดินแดนอีสาน ก็คงหมายถึง น้ำโขง น้ำชี น้ำมูล แม่น้ำสายดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดลุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็น 3 ลุ่มน้ำหลักในอีสาน โดยเฉพาะ“ลุ่มน้ำชี” ซึ่งมีพื้นที่กว่า 49,000 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 27 ลุ่มน้ำสาขา มีพื้นที่ต้นน้ำอยู่ใน จ.ชัยภูมิ และเป็นหนึ่งในแม่น้ำสำคัญที่จะไหลไปรวมกับแม่น้ำมูล และส่งสู่แม่น้ำโขงที่ จังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำชี มาจากภาษาอีสาน ซึ่งคำว่า “ซี” ซึ่งหมายถึงการเจาะทะลุเป็นรู โดยลักษณะต้นกำเนิดของน้ำชีนั้น มีสายน้ำที่ไหลผ่านลอดใต้เทือกเขาหินปูน ที่เรียกว่า “ซีดั้น” และไหลทะลุลอดผ่านมาอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขา เรียกว่า “ซีผุด” จึงทำให้เรียกลำน้ำสายนี้ ตามลักษณะพิเศษที่ลำน้ำไหลซีลอดผ่านใต้เทือกเขานั้นว่า “ลำน้ำซี” ในภาษาถิ่น หรือ ลำนำชี ในภาษากลาง นั่นเอง   ต้นกำเนิด “แม่น้ำชี” แม่น้ำชี มีต้นกำเนิดจากที่ราบด้านตะวันออกของเทือกเขาเพชรบูรณ์ นับตั้งแต่เขาสันปันน้ำ เขาแปปันน้ำ เขาเสลียงตาถาด เขาอุ้มน้ำ เขายอดชี เขาครอก จนถึงเขาเทวดา ซึ่งเป็นแนวภูเขาชายเขตแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดชัยภูมิ พามาเบิ่ง 5  แนวเทือกเขาในภาคอีสาน แม่น้ำชี มีต้นกำเนิดอยู่ในพื้นที่เขตอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ไหลผ่าน 9 จังหวัดในภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ และไหลไปรวมกับแม่น้ำมูลที่บ้านวังยาง ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีความยาวกว่า 765 กิโลเมตร แม่น้ำชี จึงถูกยกให้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีลำน้ำสาขาหลัก 5 ลำน้ำ ซึ่งประกอบไปด้วย ลำน้ำพรม ลำน้ำพอง ลำน้ำเซิน ลำน้ำปาว และลำน้ำยัง ลุ่มน้ำชี มีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 49,130 ตร.กม. หรือ 30,706,169 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 9.56 ของพื้นที่ทั้ง ประเทศ ลุ่มน้ำชียังมีลุ่มน้ำสาขาย่อยที่กระจายอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน หล่อเลี้ยงชุมชน ทำให้เกิดวีถีชีวิตการดำรงชีพการใช้ประโยชน์จากลุ่มน้ำชี โดยสาขาย่อยของลุ่มน้ำชี ประกอบไปด้วย ลุ่มน้ำสาขาลำน้ำชีตอนบน มีพื้นที่ลุ่มน้ำ 2,551 ตร.กม. หรือ 1,594,250 ไร่ ลุ่มน้ำสาขาลำสะพุง มีพื้นที่ลุ่มน้ำ 742 ตร.กม. หรือ 463,944 ไร่ ลุ่มน้ำสาขาลำกระจวน มีพื้นที่ลุ่มน้ำ 893 ตร.กม. หรือ 558,556 ไร่ ลุ่มน้ำสาขาลำคันฉู

แม่น้ำชี จากเส้นเลือดใหญ่ของภาคอีสาน สู่ความเปลี่ยนแปลงหลังการสร้างเขื่อน อ่านเพิ่มเติม »

🇲🇲พม่า เกิดภัยพิบัติ เอาเงินที่ไหนซ่อมประเทศ เมื่อเศรษฐกิจพังไม่แพ้กัน ประชาชนช่วยกันเอง ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 2.7 พันราย มินอ่องลาย ห้ามนักข่าวต่างประเทศเข้าทำข่าว

พม่า เกิดภัยพิบัติ เอาเงินที่ไหนซ่อมประเทศ เมื่อเศรษฐกิจพังไม่แพ้กัน ประชาชนช่วยกันเอง ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 2.7 พันราย มินอ่องลาย ห้ามนักข่าวต่างประเทศเข้าทำข่าว . ISAN Insight พาไปดู เศรษฐกิจของเมียนมาว่าน่าเป็นห่วงขนาดไหน . จากข้อมูลของธนาคารโลกพบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2568 คาดว่าจะหดตัวลง 1% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะเติบโต 1% โดยสาเหตุก็เพราะเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เมียนมาก็เจอพายุไต้ฝุ่นยางิพัดถล่มซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก . ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมายังคงประเมินว่าเศรษฐกิจจะเติบโตที่ 3.8% อย่างไรก็ตาม หลังเกิดแผ่นดินไหว คาดว่าจะต้องมีการประเมินใหม่อีกครั้ง . ธนาคารโลกยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัวในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยที่ 26% ต่อปี โดยตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจของเมียนมาในปี 2025 จะลดลงประมาณ 11% เมื่อเทียบกับปี 2019 และการหดตัวของเศรษฐกิจส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรัฐประหารในปี 2021 ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่รุนแรงขึ้นทั่วประเทศ . ในขณะที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ คาดการณ์ความเสียหายทางเศรษฐกิจของเมียนมาจากแผ่นดินไหวอาจสูงถึง 10,000-100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นความเสียหายสูงสุด 70% ของ GDP เมียนมาเลยทีเดียว และความเสียหายเหล่านี้ ต้องใช้งบประมาณมหาศาลเข้ามาดูแล . แต่รัฐบาลทหารเมียนมาจะมีความสามารถมากน้อยเพียงใด ในเมื่อเวลานี้ เศรษฐกิจของเมียนมาก็ตกอยู่ในสภาพ “พังพินาศ” ไม่ได้ต่างจากโครงสร้างพื้นฐานหรืออาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว พามาฮู้จัก รอยเลื่อนสะกาย ยักษ์หลับกลางเมืองพม่า ต้นเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สะเทือนแรงถึงไทย สถานการณ์หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ยังคงอยู่ในระดับวิกฤต ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งทะลุ 2,700 ราย ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บก็เกิน 4,500 คน โดยบริเวณที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศ มีประชากรมากกว่า 1.7 ล้านคน เนื่องจากเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวที่ของรอยเลื่อนสะกาย และมีการคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจสูงมากกว่า 10,000 คน เนื่องจากยังมีอาคารมากมายที่ยังไม่สามารถกู้ซากปรักหักพังได้ . สำหรับในเมืองมัณฑะเลย์ ผู้คนมากมายต่างต้องอาศัยท้องถนนเพื่อการพักพึง และอยู่ด้วยความหวาดผวา อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอน เนื่องจากอาหารกำลังขาดแคลน และไม่มีไฟฟ้าและน้ําประปา . นอกจากนี้ถุงศพมีความจำเป็นอย่างสูงที่ต้องการเพิ่มเติมสําหรับบรรจุศพที่เหล่ากู้ภัยกําลังดึงร่างของผู้เสียชีวิตจากซากอาคาร ซึ่งผู้คนที่อยู่ในประเทศเมียนมาตอนนี้ให้ข้อมูลว่ากองทัพไม่ได้ทําอะไรเพื่อช่วยเหลือประชาชนเลย . ขณะที่ความช่วยเหลือจากนานาชาติทั้ง จีน อินเดีย ไทย มาเลเซีย รัสเซีย และสิงคโปร์ก็เริ่มมาถึงเช่นกัน แต่ยังคงมีคําถามว่ากองทัพเมียนมาจะแจกจ่ายความช่วยเหลือที่จําเป็นมากนี้ให้ถึงมือประชาชนได้อย่างไร ซึ่งส่วนหนึ่งของทีมกู้ภัยและเสบียงอาหารจากสิงคโปร์และอินเดีย ได้ส่งไปยังกรุงเนปิดอว์ ซึ่งเป็นเมืองหลวง ซึ่งเป็นที่ที่นายพลของกองทัพอาศัยอยู่และได้รับผลกระทบน้อยกว่ามัณฑะเลย์ ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละพื้นที่และพีระมิดประชากรพม่า🇲🇲   รัฐบาลทหารพม่าออกคำสั่ง ห้ามสื่อต่างชาติเข้าไปรายงานข่าวแผ่นดินไหว วันที่ 1 เมษายน 2568 นายพลจัตวาซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา (พม่า) แถลงว่า

🇲🇲พม่า เกิดภัยพิบัติ เอาเงินที่ไหนซ่อมประเทศ เมื่อเศรษฐกิจพังไม่แพ้กัน ประชาชนช่วยกันเอง ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 2.7 พันราย มินอ่องลาย ห้ามนักข่าวต่างประเทศเข้าทำข่าว อ่านเพิ่มเติม »

🇺🇸สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย🇹🇭 ใครกระทบ? และภาษี 36% คำนวณจากอะไร? สินค้าส่งออกการเกษตรจากอีสานจะกระทบหรือไม่❓

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในวันพุธ(2เม.ย.) แถลงจะรีดภาษีพื้นฐาน 10% กับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ และเรียกเก็บภาษีสูงกว่านั้นกับประเทศอื่นๆอีกหลายสิบชาติ ในนั้นรวมถึงบรรดาคู่หูทางการค้าหลักของอเมริกาบางส่วน ยกระดับสงครามการค้าที่เขาเริ่มขึ้นตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว มาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุมครั้งนี้จะเป็นการตั้งกำแพงใหม่รอบๆเศรษฐกิจผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ กลับลำจากนโยบายเปิดเสรีทางการค้าที่ยึดถือมานานหลายทศวรรษและเป็นตัววางทรวดทรงระเบียบโลก ในขณะที่คาดหมายว่าบรรดาคู่หูการค้าของอเมริกา จะมีมาตรการตอบโต้ของตนเอง ที่อาจทำให้ราคาข้าวของแพงขึ้นอย่างน่าตกตะลึง ไล่ตั้งแต่จักรยานไปจนถึงไวน์ “นี่คือการประกาศเอกราชของเรา” ทรัมป์ กล่าว ณ กิจกรรมหนึ่ง ณ สวนกุหลาบของทำเนียบขาว ทรัมป์ได้แสดงแผนภูมิขณะกล่าวที่ทำเนียบขาว โดยระบุว่าสหรัฐฯจะเก็บภาษีนำเข้า 34% จากจีน, 20% จากสหภาพยุโรป, 25% จากเกาหลีใต้, 24% จากญี่ปุ่น และ 32% จากไต้หวัน เพื่อตอบโต้ภาษีที่ประเทศเหล่านี้เก็บกับสินค้าของสหรัฐฯ ตัวอย่างประเทศที่ถูกประกาศขึ้นภาษี เวียดนาม: 46% ไต้หวัน: 32% ญี่ปุ่น: 24% ไทย: 36% สวิตเซอร์แลนด์: 31% อินโดนีเซีย: 32% มาเลเซีย: 24% กัมพูชา: 49% สหราชอาณาจักร: 10% แอฟริกาใต้: 30% บราซิล: 10% บังกลาเทศ: 37% สิงคโปร์: 10% อิสราเอล: 17% ฟิลิปปินส์: 17% ชิลี: 10% ออสเตรเลีย: 10% ปากีสถาน: 29% ตุรกี: 10% ศรีลังกา: 44% โคลอมเบีย: 10% สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย ใครกระทบ? มาตรการนี้จะกระทบสินค้าส่งออกไทย ไปสหรัฐฯ หลายประเภท ตั้งแต่สินค้าเกษตร ยันสินค้าอุตสาหกรรม โดยหากย้อนดู 10 อันดับสินค้าส่งออก ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – มิถุนายน) ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 4,740 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 32.56% เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 2,142 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 33.11% ผลิตภัณฑ์ยาง มูลค่า 2,123 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.67% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด มูลค่า 1,561 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.68% อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 973 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.63%

🇺🇸สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย🇹🇭 ใครกระทบ? และภาษี 36% คำนวณจากอะไร? สินค้าส่งออกการเกษตรจากอีสานจะกระทบหรือไม่❓ อ่านเพิ่มเติม »

ม.ขอนแก่น สร้าง KKU IntelSphere ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว🆘 รัศมีรอบ มข. 2000 กม. ผ่าน Google Chat นศ. บุคลากร ศิษย์เก่าใช้ได้🆓

ฝ่ายการศึกษาและดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินหน้าใช้ระบบอัจฉริยะ KKU IntelSphere ออกแบบ KKU Emergency Alert แจ้งเตือนแผ่นดินไหวพิกัดไม่เกิน 2,000 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นผ่าน Google Chat  จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดในประเทศเมียนมา โดยแรงสั่นสะเทือนบางส่วนรับรู้ได้ถึงประเทศไทย รวมถึงในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะภายในอาคารสูงของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้นำเทคโนโลยี KKU IntelSphere มาประยุกต์ใช้ในการสร้างระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหว KKU Emergency Alert โดยดึงข้อมูลจาก U.S. Geological Survey (USGS) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในการส่งการแจ้งเตือนผ่านระบบ KKU Google Chat สำหรับ KKU Emergency Alert ตั้งค่าระยะห่างรัศมีการแจ้งเตือนไว้ที่ 2,000 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมกำหนดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่ต้องการให้มีการแจ้งเตือน เบื้องต้นตั้งไว้ที่ 4.5 แมกนิจูด และอาจปรับเพิ่มเป็น 6.5 แมกนิจูดในอนาคต โดยระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลทุก ๆ 1 นาที เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ผศ.ดร.เด่นพงษ์ เน้นย้ำว่า เนื่องจาก LINE ถูกใช้สำหรับการสื่อสารทั่วไป และอาจทำให้เกิดความสับสนได้หากส่งแจ้งเตือนไป จึงเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ เช่น Google Chat หรือ Telegram เพื่อแยกแยะการสื่อสารทั่วไปและสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างชัดเจน สำหรับบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ต้องการเข้าร่วมระบบแจ้งเตือนนี้ สามารถเข้าไปที่หน้าอีเมล KKU จากนั้นเลือก “Chat” และคลิก “Browse Spaces” แล้วพิมพ์ค้นหาด้วยคำว่า “Emergency” เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Chat ผ่านลิงก์นี้ KKU Staff: https://kku.world/emergency และ KKU Student: https://kku.world/stdemergency ลงในโทรศัพท์มือถือเพื่อความสะดวกในการรับการแจ้งเตือน  

ม.ขอนแก่น สร้าง KKU IntelSphere ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว🆘 รัศมีรอบ มข. 2000 กม. ผ่าน Google Chat นศ. บุคลากร ศิษย์เก่าใช้ได้🆓 อ่านเพิ่มเติม »

🇹🇭ไทย ถูกจัดเป็นประเทศ “Dirty 15” ที่ทรัมป์เล็งจ่อขึ้นภาษี เหตุไทยติดTop10 ส่งออกเกินดุลสหรัฐฯ🇺🇸 และมี🇨🇳ทุนจีนย้ายมาตั้งฐานส่งออกในโควต้าไทย

แนวโน้ม ‘ไทย’ ถูกดึงเข้าเกมภาษีทรัมป์ 2 [สหรัฐฯ จัดไทยเข้ากลุ่ม ’15 สกปรก’ ไทยเกินดุลสหรัฐฯ Top10] .รมว.คลังสหรัฐฯ นิยามกลุ่มประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ มหาศาลว่า คือกลุ่ม 15 สกปรก คือ ‘Dirty 15’ โดยอธิบายว่า เป็นประเทศที่คิดเป็น 15% ของชาติคู่ค้าทั้งหมดของสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับประเทศเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาล โดยน่าจะมีอยู่ราว 10-15 ประเทศ.ในเวลาต่อมามีการเปิดเผยรายชื่อของ Dirty 15 ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป เม็กซิโก เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา อินเดีย ไทย สวิตเซอร์แลนด์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา แอฟริกาใต้.จะเห็นได้ว่า มีหลายประเทศในอาเซียนที่เข้าข่ายกลุ่มประเทศ 15 สกปรกของประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย.ถ้าดูเฉพาะประเทศไทย สถิติเมื่อปีที่แล้วพบว่า ไทยเกินดุลการค้าอเมริกาด้วยตัวเลขถึง 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดท็อปเท็น โดยอยู่ในอันดับ 10 เทียบกับชาติอาเซียนด้วยกัน อาจน้อยกว่าเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 แต่ไทยก็เกินดุลสหรัฐฯ ในปริมาณที่มากกว่ามาเลเซียกับอินโดนีเซียพอสมควร.นี่เป็นอันดับที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เราอยู่ในอันดับที่ 12 ซึ่งยิ่งอันดับสูง ก็ยิ่งไม่ใช่ผลดี เพราะมีความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ จับตาไทยมากขึ้น. [ความเห็นผู้แทนการค้า ตอกย้ำ ‘ไทย’ อยู่ในเรดาร์อเมริกาขึ้นภาษี] .แต่นอกจากสถิติตัวเลขการค้า ที่สะท้อนข้อเท็จจริงว่าไทยตกอยู่ในความเสี่ยง 10 อันดับแรกอยู่แล้ว ยิ่งตอกย้ำด้วยความเห็นของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่ระบุถึงประเทศไทยโดยตรง.เอกสารความเห็นของสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา (USTR) เป็นความเห็นที่ลงวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา อธิบายถึงนโยบายการค้า ‘America First’ ที่เน้นไปถึงการดำเนินการกับประเทศที่อเมริกามองว่า ดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมกับประเทศนั้นๆ ต่อไป.สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อรวบรวมข้อมูลแบบรายประเทศ และอาจเป็นการค้าที่ทำร้ายหรือสร้างความเสียหายทั้ง ความเสียหายที่แท้จริงหรือความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อแรงงานอเมริกัน โรงงาน เกษตรกร ฟาร์มปศุสัตว์ ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจของอเมริกา.จากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ สรุปว่า จะให้ความสนใจกับกลุ่มประเทศ เช่นกลุ่ม G20 รวมถึงประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า โดยยกตัวอย่างประเทศดังต่อไปนี้ ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน สหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน

🇹🇭ไทย ถูกจัดเป็นประเทศ “Dirty 15” ที่ทรัมป์เล็งจ่อขึ้นภาษี เหตุไทยติดTop10 ส่งออกเกินดุลสหรัฐฯ🇺🇸 และมี🇨🇳ทุนจีนย้ายมาตั้งฐานส่งออกในโควต้าไทย อ่านเพิ่มเติม »

12 ตัวอย่าง ธุรกิจสุดฮิตในอดีต ที่เลือนหายตามกาลเวลา

หากจะกล่าวถึงอาชีพหรือธุรกิจสุดฮิตในอดีต ที่เลือนหายตามกาลเวลา ก็คงมีหลากหลายให้หลายคนนึกถึง ซึ่งอาชีพและธุรกิจในอดีตหลายอย่างได้สูญหายไปตามกาลเวลาด้วยสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่วิธีการทำงานแบบเดิม ๆ เช่น การเกิดขึ้นของเครื่องจักรในโรงงาน ทำให้แรงงานคนลดลง หรือการมาของอินเทอร์เน็ตทำให้ธุรกิจร้านเช่าวิดีโอหายไป ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ทำให้งานบางประเภทถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม: วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการบางอย่างลดลง เช่น การที่คนหันมาดูหนังออนไลน์ ทำให้โรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อโลนน้อยลง ค่านิยมและความสนใจของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้ธุรกิจบางประเภทไม่ได้รับความนิยมเหมือนในอดีต การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ: การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจแบบดั้งเดิมไม่สามารถแข่งขันได้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจบางประเภทต้องปิดตัวลง การเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายและนโยบาย: กฎหมายและนโยบายใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือความปลอดภัย อาจทำให้ธุรกิจบางประเภทไม่สามารถดำเนินงานได้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงานอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพบางประเภท การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคมีความต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมปรับตัวไม่ทัน ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่จำกัดตัวเลือกไม่สามารถอยู่รอดได้   อาชีพทำนาเกลือ/บ่อเกลือ หรือ การทำเกลือสินเธาว์ อาชีพทำบ่อเกลือในภาคอีสาน หรือที่เรียกกันว่า “การทำเกลือสินเธาว์” เป็นอาชีพเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากการทำนาเกลือทะเล ลักษณะการทำบ่อเกลือสินเธาว์: แหล่งที่มาของเกลือ: เกลือสินเธาว์ได้มาจากน้ำเกลือใต้ดิน ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในภาคอีสาน ชาวบ้านจะขุดบ่อลงไปในดิน เพื่อเอาน้ำเกลือขึ้นมา กระบวนการผลิต: น้ำเกลือที่ได้จะถูกนำมาต้มในกระทะใบบัวขนาดใหญ่ โดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง เมื่อน้ำระเหยออกไป เกลือจะตกผลึกและจับตัวเป็นก้อน จากนั้นชาวบ้านจะตักเกลือขึ้นมาใส่ใน “บาก” ซึ่งเป็นภาชนะสานจากไม้ไผ่ เพื่อให้เกลือสะเด็ดน้ำและแห้ง ช่วงเวลาการผลิต: การทำเกลือสินเธาว์มักทำในช่วงฤดูแล้ง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำในบ่อเกลือมีความเข้มข้นสูงสุด ความสำคัญทางวัฒนธรรม: การทำเกลือสินเธาว์เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนอีสาน เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน และมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น สถานการณ์ปัจจุบัน: แม้ว่าการทำเกลือสินเธาว์จะยังคงมีอยู่ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม คนรุ่นใหม่จำนวนมากหันไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ทำให้แรงงานในภาคเกษตรกรรมลดลง ในปัจจุบันได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในบริเวณบ่อเกลือ ทำให้มีรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวอีกด้วย ตัวอย่างพื้นที่ทำบ่อเกลือสินเธาว์: อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ การทำบ่อเกลือสินเธาว์จึงเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภาคอีสาน และยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับชุมชนในบางพื้นที่ 🔎พาเปิดเบิ่ง เกลือหิน (rock salt)🧂🪨ขุมสมบัติล้านปีแห่งแดนอีสาน หมาแลกคุ “ธุรกิจหมาแลกคุถัง” หมายถึง การค้าสุนัขในอดีตที่พ่อค้าจะขับรถเร่ไปตามหมู่บ้านในแถบภาคอีสานของประเทศไทย เพื่อแลกสุนัขกับสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น ถังน้ำพลาสติก (คุถัง) กะละมัง หรือสิ่งของอื่น ๆ ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าว: ที่มา: ธุรกิจนี้มีมานานหลายสิบปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่ชาวบ้านในชนบทบางส่วนมองว่าการค้าสุนัขเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ สุนัขที่ถูกนำมาแลกส่วนใหญ่มักเป็นสุนัขที่มีปัญหา เช่น สุนัขจรจัด สุนัขดุร้าย หรือสุนัขที่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของ กระบวนการ: พ่อค้าจะขับรถตระเวนไปตามหมู่บ้านเพื่อแลกสุนัขกับสิ่งของ เมื่อได้สุนัขจำนวนหนึ่งแล้ว จะนำไปขายต่อให้กับพ่อค้าคนกลาง หรือส่งไปยังโรงฆ่าสัตว์เพื่อนำเนื้อไปจำหน่าย ปลายทางส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ผลกระทบ: ธุรกิจนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนรักสัตว์จำนวนมาก เนื่องจากมองว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ ปัจจุบันการค้าสุนัขได้ถูกต่อต้านและมีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อหยุดการกระทำดังกล่าว แม้ว่าในปัจจุบันธุรกิจนี้จะลดน้อยลงไปมาก

12 ตัวอย่าง ธุรกิจสุดฮิตในอดีต ที่เลือนหายตามกาลเวลา อ่านเพิ่มเติม »

นักศึกษาสาขาผู้ประกอบการดิจิทัล มข. เตรียมโชว์ไอเดียธุรกิจสตาร์ตอัพดิจิทัล จากแนวคิดต่อยอดสู่ธุรกิจจริง

✨เตรียมพบกับ “𝐃𝐄 𝐎𝐮𝐭𝐛𝐨𝐱 – 𝐃𝐢𝐠𝐢𝐭𝐚𝐥 𝐄𝐧𝐭𝐫𝐞𝐩𝐫𝐞𝐧𝐞𝐮𝐫: 𝐓𝐡𝐞 𝐂𝐨𝐧𝐜𝐞𝐩𝐭 𝐭𝐨 𝐂𝐨𝐧𝐜𝐫𝐞𝐭𝐞 𝐒𝐡𝐨𝐰𝐜𝐚𝐬𝐞 𝟐𝟎𝟐𝟓” เวทีที่ให้นักศึกษา อนาคตผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากสาขาผู้ประกอบการดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น โชว์ศักยภาพธุรกิจสุดสร้างสรรค์ที่พวกเขาได้พัฒนาขึ้นจากแนวคิดต่อยอดสู่ธุรกิจจริง 🎯𝐇𝐢𝐠𝐡𝐥𝐢𝐠𝐡𝐭 กิจกรรมในงาน • 𝐎𝐮𝐭𝐛𝐨𝐱 𝐏𝐢𝐭𝐜𝐡𝐢𝐧𝐠 : เวทีโชว์ไอเดียธุรกิจจากนักศึกษา พบกับการนำเสนอแนวคิดธุรกิจจากนักศึกษาต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นักลงทุน และผู้ร่วมงาน • 𝐎𝐮𝐭𝐛𝐨𝐱 𝐄𝐱𝐡𝐢𝐛𝐢𝐭𝐢𝐨𝐧 : พื้นที่โชว์ไอเดียธุรกิจสุดสร้างสรรค์ พบกับการแสดงผลงานธุรกิจของนักศึกษาตลอดทั้งวัน ที่รวมสุดยอดนวัตกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มออนไลน์ เครื่องสำอาง และนวัตกรรมอาหาร ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่   งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้นักศึกษาได้โชว์ทักษะด้านการเป็นผู้ประกอบการ พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการต่อยอดไอเดีย สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน และผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต 📅31 มีนาคม – 1 เมษายน 2568 | ⏰11:00 – 20:00 น. 📍ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ✅ งานนี้เปิดให้เข้าชมฟรี! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามข่าวสารล่าสุด ได้ที่ Facebook Page : https://www.facebook.com/DigitalEntrepreneurShowcase/ หรือโทร : 061-546-2965 (ป๋อมแป๋ม) #DEOutbox #DEShowcase2025 #DEKKU    

นักศึกษาสาขาผู้ประกอบการดิจิทัล มข. เตรียมโชว์ไอเดียธุรกิจสตาร์ตอัพดิจิทัล จากแนวคิดต่อยอดสู่ธุรกิจจริง อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top