Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

รถถูกยึดขายออกไม่ทัน เต็มลานประมูล สะท้อนภาพเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์

ตลาดรถยนต์ปิดยอดขายเดือนกันยายน 2567 ประมาณ 39,000 คัน ซึ่งเป็นยอดต่อเดือนที่ต่ำที่สุดในรอบ 51 เดือน หลังจากวิกฤตโควิด19 ขณะที่ตลาดรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ร่วง 25% โตโยต้า คาดตัวเลขรวมทั้งปีอาจไม่ถึง 6 แสนคัน ตลาดรถยนต์เมืองไทยเดือนกันยายน 2567 ทำยอดขายได้ประมาณ 39,000 คัน ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า 4 หมื่นคันครั้งแรกในรอบ 51 เดือน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เดือนเมษายน 2563 มีตัวเลขแค่ 30,109 คัน   จากยอดขาย 39,000 คัน ถือว่าลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่มิถุนายน 2567 ทั้งยังส่งผลให้ตลาดรวม 3 ไตรมาส ปิดตัวเลข 4.38 แสนคัน ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มา: กรมการขนส่งทางบก   ปัจจัยต่อมากน้อยจากตัวแบรนด์หรือผู้จัดจำหน่ายแล้วนั้นยังคงมีปัจจัยอื่นๆอีกได้แก่ สถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากความกังวลของทางธนาคารต่อผู้กู้ในด้านของความสามารถในการชำระหนี้ จากช่วงก่อนหน้านี้ที่มีประเด็นเรื่องหนี้ครัวเรืองสูง และเป็นหนี้เสียเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ และหนี้บัตรเครดิต กำลังซื้อของประชาชนยังคงอ่อนแอ หากมองในด้านของการซื้อรถกระบะไปใช้งานโดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นกลุ่มผู้ที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม และการขนส่ง เหตุผลส่วนหนึ่งสอดคล้องกับข้อก่อนหน้าในด้านของหนี้สิน และอีกส่วนหนึ่งเป็นปัจจัยในด้านของราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ผันผวน ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร   จากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นไม่ได้ส่งผลต่อรถกระบะเท่านั้น แต่ส่งผลต่อรถจดทะเบียนใหม่ในภาพรวมทั่วประเทศไม่ใช่เฉพาะภาคอีสานเท่านั้น จากกราฟที่ 2 แสดงให้เห็นว่าภาพรวมของรถจดทะเบียนใหม่ในภาพอีสานเริ่มมียอดจดทะเบียนใหม่ต่ำลงตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจดทะเบียนใหม่รถกระบะนั้นลดลงหนักกว่ารถประเภทอื่น และฟื้นตัวช้ากว่ารถประเภทอื่นเช่นกัน โดยคาดว่าจะคงเป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงปีหน้า แต่ทั้งนี้ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 0.25% และคาดว่าในช่วงต้นปีหน้าจะมีการปรับลดอีครั้งหนึ่ง จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve System: FED) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ 0.25% หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนกันยามีการปรับลดรอบแรก 0.5% และปัจจัยอีกส่วนหนึ่งคือการที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อนโยบายของไทยจะอยู่ในกรอบเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ที่มา: กรมการขนส่งทางบก   ลานประมูลรถมือสองคึกคัก สยามอินเตอร์การประมูลโคราช เปิดให้ชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง เข้าประมูลรถยึดขายทอดตลาด คัดเฉพาะคันสวย สภาพดี ประมูลรถยนต์/มอเตอร์ไซค์ : วันที่ 11-12 ธ.ค. 67 รถยนต์ 11 ธ.ค. 67 มอเตอร์ไซค์ 12 ธ.ค. 67 เริ่มเวลา 11.11น ฟรีบริการอาหารและเครื่องดื่ม สามารถเข้าชมบรรยากาศงานประมูลได้ฟรี สนใจลงทะเบียนประมูลและสอบถามเพิ่มเติม https://lin.ee/2oVYYCO สยามอินเตอร์การประมูล ถนนเลี่ยงเมือง ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ใกล้ สารสาสน์วิเทศโคราช โลเคชั่น https://bit.ly/3woD4DR …

รถถูกยึดขายออกไม่ทัน เต็มลานประมูล สะท้อนภาพเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ อ่านเพิ่มเติม »

ทศวรรษแห่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจขอนแแก่นและการทิ้งห่างของเศรษฐกิจโคราช

ทศวรรษแห่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจขอนแก่นและการทิ้งห่างของเศรษฐกิจโคราช   หากพูดถึงจังหวัดใหญ่ๆ ในภาคอีสาน แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึง ‘นครราชสีมา’ และ ‘ขอนแก่น’ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งอีสาน ที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด(GPP) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เศรษฐกิจของทั้ง 2 จังหวัดเรียกได้ว่าตีคู่กันมาตลอด 30 ปี ซึ่งด้วยความที่นครราชสีมาเป็นจังหวัดอุตสาหกรรม มีประชากรและพื้นที่มากกว่าขอนแก่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นครราชสีมาจะมีขนาดเศรษฐกิจที่มากกว่าขอนแก่นอยู่ระดับหนึ่ง โดยปี 2565 นครราชสีมามี GPP เท่ากับ 335,472 ล้านบาท และฝั่งขอนแก่น เท่ากับ 216,367 ล้านบาท เมื่อมามองที่ค่าผลต่างระหว่างมูลค่าของ GPP ทั้ง 2 จังหวัด (GPP นครราชสีมา ลบ GPP ขอนแก่น) ตั้งแต่ปี 2538 จนถึง ปี 2565 ที่แสดงในกราฟที่ 1 จะพบจุดสังเกตุสำคัญคือมูลค่าความต่างของGPP นครราชสีมาที่มากกว่าขอนแก่น เริ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะตั้งแต่ช่วงปี 2556 เป็นต้นมา  และหากนำ GPP ของทั้ง 2 จังหวัดตลอด 27 ปีนี้มาเปรียบเทียบดูเทรนด์โดยใช้กราฟเส้น จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 เส้นมีลักษณะ ‘บาน’ ออกจากกันมากในช่วงประมาณ 10 ปีหลัง และหากมองอย่างเจาะจงมากกว่านั้น จะเห็นว่า GPP ของนครราชสีมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปกติ แต่ที่ทำให้เส้น GPP ทั้งสองมีลักษณะ ‘บาน’ ออกจากกันหรือทิ้งห่างกันมากขึ้น คือ GPP ของขอนแก่น ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง  นอกเหนือจากนั้น หากมาดูที่ค่าเฉลี่ยการเติบโตของ GPP 4 จังหวัด Big 4 อีสานตลอด 20 ปี โดยแบ่งช่วงเป็น 10 ปีแรก 2546 – 2555 และ 10 ปีหลัง 2556 – 2565 จะพบว่า ช่วง 10 ปีแรก GPP ขอนแก่นเติบโตเฉลี่ย 10% นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี เติบโตเฉลี่ยประมาณ 9% ซึ่งในช่วง 10 ปีหลัง ทั้ง 4 จังหวัดมีการเติบโตเฉลี่ยที่ลดลง ผลจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของทั้งประเทศหดตัว แต่หากเปรียบเทียบระหว่าง 4 จังหวัดกลับพบว่า ขอนแก่น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยที่ต่ำกว่าอีก 3 จังหวัด …

ทศวรรษแห่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจขอนแแก่นและการทิ้งห่างของเศรษฐกิจโคราช อ่านเพิ่มเติม »

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์🦕 ก้าวข้ามจังหวัดที่ยากจนที่สุดในอีสาน ได้อย่างไร?

“การแก้ปัญหาความยากจน” ถือเป็นประเด็นความสำคัญที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่13 (256 – 2570) ได้กำหนดเป้าหมายไว้ใน “หมุดหมายที่ 9”ที่มุ่งแก้ไขปัญหา “ความยากจนข้ามรุ่น” ในสังคมไทย เพื่อให้คนไทยมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ และเหมาะสม ทั้งนี้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า ปี 2565 พบว่า ครัวเรือนที่มีแนวโน้มจะตกอยู่ในความยากจนข้ามรุ่น หรือเรียกโดยย่อว่า ‘ครัวเรือนยากจนข้ามรุ่น’ มีจำนวนประมาณ 597,248 ครัวเรือน หรือคิดเป็นประมาณ 15% ของครัวเรือนที่มีเด็กและเยาวชนเป็นสมาชิก ปัจจุบันมี 20 จังหวัดเป้าหมายซึ่งสามารถสอบทาน กำหนดกลุ่มคนจนเป้าหมายที่ถูกต้องและแม่นยำ สามารถส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยี่ยวยาแก้ไขปัญหา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำในระดับครัวเรือน บพท.ได้ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มขจัดความ ยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัด ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) การสร้างกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนระดับจังหวัด ด้วยข้อมูลจากกระบวนการวิจัย 2) ระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนชี้เป้า ระดับพื้นที่ที่ครอบคลุม ปัญหาและฐานทุนรายครัวเรือนแบบเรียลไทม์ เป็นระบบข้อมูลที่ใช้กระบวนทาง สังคมแบบมีส่วนร่วมในการค้นหาและสอบทาน 3) ระบบส่งต่อความช่วยเหลือครัวเรือนยากจนและติดตามผล สร้างกลกความร่วมมือการส่งต่อความช่วยเหลือ กับองค์กรและหน่วยงานระดับพื้นที่แบบตรงเป้า ซึ่งช่วยลดความซ้ำซ้อนการทำงาน และสามารถยกระดับ คุณภาพชีวิตและฐานะทางสังคมของครัวเรือนยากจนเป้าหมาย 4)สร้างโมเดลแก้จนมิติอาชีพเพื่อยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ และสร้างห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับบริบทพื้นที่และศักยภาพครัวเรือนยากจน รับรู้บริบทของ จังหวัดกาฬสินธุ์ กับอดีตเมืองที่เคยติดอันดับ Top3 ของจังหวัดที่จนที่สุดในประเทศ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดกาฬสินธุ์ หลายคนมักจะนึกถึงจังหวัดที่เป็นเมืองรองในภาคอีสาน ที่เผชิญ ปัญหาความยากจน เรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 5 ปี โดยมีข้อมูลระบุว่า ปี 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ มีประชากรที่อยู่ใต้เส้นความยากจนเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ โดยข้อมูลสำคัญของ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ทุกคนควรรู้ก่อนจะไปเรียนรู้กระบวนการแก้ปัญหาความยากจนในระดับจังหวัดของที่นี่ คือ กาฬสินธุ์ตั้งอยู่ในภาคอีสานตอนกลางเชื่อมต่อกับสกลนคร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น มีเนื้อที่ประมาณ 6,946.75 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4 ล้าน 3 แสนไร่ แบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 135 ตำบล 1,584 หมู่บ้าน มีประชากร 983,418 คน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ในวัยแรงงานช่วงอายุ 25 – 59 ปี ร้อยละ 27.7 ประชากรวัยเด็กร้อยละ 23.28  และประชากรวัยสูงอายุ ร้อยละ 22.15 แต่อย่างไรก็ดี กาฬสินธุ์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรกรรมแห่งอีสานบ้านเรา เพราะจากข้อมูลโครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2562 มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP 58,517 ล้านบาท เป็นการผลิตภาคเกษตร 13,552 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ …

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์🦕 ก้าวข้ามจังหวัดที่ยากจนที่สุดในอีสาน ได้อย่างไร? อ่านเพิ่มเติม »

หนาวนี้ อีสานตอนบนหนาวกว่าที่ผ่านมา คาดการณ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 ํC

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน คาดการณ์ว่าฤดูหนาวจะเข้ามายังภาคอีสานประมาณปลายสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม 2567 และจะสิ้นสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยพื้นที่ภาคอีสานตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นมากกว่าปีที่ผ่านๆมา โดยมีอีสานตอนบนจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 20 – 21 องศาเซลเซียส และจะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 องศาเซลเซียส ช่วงที่จะมีอุณหภูมิต่ำที่สุดจะอยู่ในช่วงประมาณต้นเดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 โดยมีลำดับเวลาฤดูหนาวของอีสานตอนบนดังนี้ ประมาณปลายสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน  หลายๆคนคงได้สัมผัสกับหนาวแรกของช่วงท้ายปีกันไปแล้ว โดยเฉพาะบริเวณอีสานตอนบน ซึ่งมีอากาศเย็นไปถึงหนาวในบางพื้นที่ และมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคอีสาน  ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เป็นช่วงที่พื้นที่ภาคอีสานจะมีอากาศหนาวเย็นมากขึ้น โดยเฉพาะอีสานตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นเกือบทั่วไปและหนาวจัดบริเวณตอนบนของภาค และมีหมอกหนาในหลายๆพื้นที่ โดยบริดวณยอดภูรวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและเกิดน้ำค้างแข็ง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากจีนแผ่มายังประเทศไทย รวมไปถึงมรสุมที่ยังพัดปกคลุมประเทศไทย ช่วงระยะต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงท้ายของฤดูหนาวของประเทศไทย อีสานตอนบนจะยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า อากาศโดยรวมเริ่มอุ่นขึ้น และเริ่มมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในตอนกลางวัน กับหมอกหนาในหลายๆพื้นที่  . . ฤดูหนาว เป็นฤดูโปรดของใครหลายๆคน มีบรรยากาศเย็นสบาย หลายๆคนคงจะวางแผนไปท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่ก็ยังมีปัญหาที่ตามมาอีกหลายอย่าง โดยอ้างอิงจากเคสในฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ซึ่งคนอีสานควรเตรียมพร้อมเรื่องใดบ้าง Isan insight & Outlook สิพามาเบิ่ง….   1. ไฟป่า ภัยที่เป็นดั่งเงาของหน้าแล้ง ไฟป่า ดูเหมือนจะเป็นภัยที่เกิดมากในช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่ป่ามีการผลัดใบและแห้งแล้ง ซึ่งภาคอีสานมีพื้นที่ป่าอยู่มาก ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าย่อมมากตาม โดยสถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ของภาคอีสานที่ผ่านมาเมื่อต้นปี 2567 ในเดือน ก.พ. ได้แก่ เหตุไฟไหม้บนเทือกเขาภูแลนกา จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นเหตุกาณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปีของจังหวัด ดังนั้นการป้องกันภัยป่าจึงเป็นสิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว   2. ฝุ่นละออง ของฝากที่ไม่ต้องการจากหน้าหนาว เมื่อเข้าฤดูหนาว สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในชีวิตประจำวันนั่นคือปัญหาเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 เนื่องจา่กมีแนวโน้มความกดอากาศที่สูงขึ้น ส่งผลทำให้อากาศไม่ถ่ายเท ผนวกพื้นดินแห้งและมักจะมีการเผาไร่นา ส่งผลทำให้มีฝุ่นละอองสะสม ตัวอย่างปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาคอีสาน คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่หลายจังหวัดในภาคมีระดับค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในระดับสีแดง ไปจนถึงแดงเข้ม ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งในปีนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง ดั้งนั้นสิ่งที่เราทำได้คือการป้องกันตนเอง เช่น ลดการทำกิจกรรมการแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น    3. ความหนาวเย็น ไม่ได้เป็นแค่ความโรแมนติก ภาคอีสานเป็นภาคที่ฤดูหนาวหนาวมากอยู่แล้ว และปีนี้ก็คาดว่าจะหนาวเย็นมากว่าปีที่ผ่านๆมา ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่อาจจะยากลำบากขึ้น ความหนาวเย็นสุดขั้วสามารถส่งผลแก่ร่างกายจนอาจถึงแก่ชีวิต ในปีที่แล้วหลายๆจังหวัดได้เผชิญกับภัยหนาว เช่น บุรีรัมย์ สกลนคร กาฬสินธุ์ เป็นต้น ซึ่งหน้าหนาวปีนี้จะเริ่มหนักในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม ผู้คนที่อาศัยบริเวณภูเขาควรเตรียมตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโอกาสที่บริเวณยอดภูเขาจะเกิดน้ำค้างแข็ง และจะมีหมอกหนาในหลายๆพื้นที่ ดังนั้นควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนให้ดี นอกจากนั้นยังมีโรคติดต่อที่มากับหน้าหนาว เช่น ไข้หวัดใหญ่ …

หนาวนี้ อีสานตอนบนหนาวกว่าที่ผ่านมา คาดการณ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 ํC อ่านเพิ่มเติม »

โค้วยู่ฮะ อีซูซุ กับความท้าทาย ในตลาดรถกระบะ ปี 2567

รถกระบะเป็นยานพาหนะสำคัญสำหรับภาคธุรกิจและอาชีพต่างๆในประเทศไทย เนื่องจากเป็นรถที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมีตัวเลือกที่หลากหลายในแต่ละกลุ่มราคา รูปแบบเหมาะสำหรับการนำมาขนของหรือนำไปต่อเติมเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น สำหรับในภาคอีสานนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีเกษตรกรมากที่สุดในประเทศ อีกทั้งด้านการขนส่งนั้นก็มีความสำคัญในภาคอีสานมากเช่นกัน สามารถพูดได้ว่าการมีรถกระบะนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ทำมาหากินที่สำคัญ สามารถช่วยสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนมากกว่ารถประเภทอื่นก็คงจะไม่ผิดอะไร โดยหากไม่นับกรุงเทพมหานครที่มีประชากรทำธุรกิจอยู่เยอะ ภาคอีสานนับเป็นภาคที่มีการจดทะเบียนรถกระบะใหม่สูงกว่าภาคอื่น ผลจากในด้านของประชากรที่มีมากกว่าภาคอื่น และการประกอบอาชีพที่จพเป็นต้องใช้รถกระบะมากกว่าภาคอื่น   บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด บริษัทขายรถยนต์อีซูซุรายใหญ่ในภาคอีสานที่มีสาขาในภาคอีสานมากถึง 20 สาขา และในกรุงเทพมหานครอีก 8 สาขา โดยโค้วยู่ฮะนั้นอยู่คู่ภาคอีสานมายาวนานนับ 60 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 จากจุดเริ่มต้นของ ดร.วิญญู คุวานันท์ และภรรยาคู่ชีวิตคนสำคัญ คุณมาลิน คุวานันท์ ผู้ที่เป็นกำลังสำคัญ ให้คำปรึกษาและเป็นแรงผลักดันในการ ดำเนินธุรกิจแก่ ดร.วิญญู โดยในปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในด้านของรายได้รวมในภาคอีสานอยู่ที่ 4.83% หากมองในด้านของผลประกอบการจะพบว่ารายได้รวมในปัจจุบันของบริษัทนั้นมีปริมาณที่ลดลงเป็นอย่างมากจากปีก่อนหน้า โดยตารางที่ 1 แสดงให้เห็นถึงรายได้รวมในช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2566 จะเห็นได้ว่าในปี พ.ศ. 2566 รายได้รวมของทางบริษัทลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2565 ลดลงประมาณ 33.55% และยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัท เพราะหากรายได้ของบริษัทลดลงย่อมส่งผลต่อกำไรของทางบริษัทที่ย่อมลดลงตามไปด้วยเช่นกัน   ตารางที่ 1 รายได้รวม และกำไรสุทธิ บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด ปี 2558 – 2566 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 2566 รายได้รวม 7,382.16 7,024.63 6,850.06 7,142.50 7,493.45 8,781.53 8,507.64 8,022.49 5,330.83 กำไรสุทธิ 111 170.3 143.71 176.58 146.9 160.75 193.32 211.31 122.65 หน่วย: ล้านบาท ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์   ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อบริษัทคือความหลากหลายของสินค้าที่มีจำหน่ายของทางโค้วยู่ฮะเอง เนื่องจากความหลากหลายของสินค้านั้นมีไม่มากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากเรามองไปที่คู่แข่งอย่างโตโยต้าจะมีสินค้าตั้งแต่รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ MPV และ SUV ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าโค้วยู่ฮะที่มีเพียงรถกระบะ SUV และรถบรรทุกขนาดใหญ่ เท่านั้น อีกทั้งในด้านศูนย์บริการที่ทางโตโยต้าได้เปรียบมากกว่า ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการตัดสินใจซื้อ และหากเรามาดูสินค้าในตลาดของทั้งสองเจ้าโดยอ้างอิงจากสินค้าที่ทางโค้วยู่ฮะมีเป็นหลักเราจะพบว่าในกลุ่มของรถกระบะนั้นทางอีซูซุยังคงครองส่วนแบ่งในสัดส่วนที่มากกว่าหากมองในด้านของความหลากหลายของตัวรถกระบะที่มีให้เลือกนั้นจะมีคล้ายกันอยู่มาก แต่จุดเด่นหนึ่งของทางโตโยต้าที่ได้เปรียบอีซูซุในตอนนี้คือการเข้ามาของ Toyota Champ ซึ่งเจาะกลุ่มตลาดของเกษตรกร ค้าขายที่จำเป็นต้องขนของได้เป็นอย่างดี ในราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่ารุ่นอื่นในตลาด อีกทั้งยังมีตัวเลือกในการแต่งเติมเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานมาให้เลยจากโรงงาน …

โค้วยู่ฮะ อีซูซุ กับความท้าทาย ในตลาดรถกระบะ ปี 2567 อ่านเพิ่มเติม »

“คนเยอะ พื้นที่ใหญ่” เปิดศักยภาพ “3 จังหวัดอีสานใต้” ดันเศรษฐกิจสู้ Big 4

  อีสานใต้ ประกอบด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเพียง 4 จังหวัดนี้มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันเป็น 43% ของมูลค่าเศรษฐกิจของทั้งภาคอีสาน โดยหากไม่นับรวมจังหวัด นครราชสีมา และ อุบลราชธานี ที่เป็นจังหวัดกลุ่ม Big 4 แห่งอีสานที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังพบว่า อีก 3 จังหวัดที่เหลือก็มีขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ธรรมดา โดยมี มีมูลค่าเศรษฐกิจจังหวัด(GPP) ดังต่อไปนี้    บุรีรัมย์ 104,961 ล้านบาท (อันดับที่ 5 ของภาค) สุรินทร์ 88,660 ล้านบาท (อันดับที่ 6 ของภาค) ศรีสะเกษ 80,437 ล้านบาท (อันดับที่ 8 ของภาค)   จะเห็นได้ว่ามูลค่าเศรษฐกิจของทั้ง 3 จังหวัดอีสานใต้นี้ตามหลังกลุ่ม Big 4 มาแบบติดๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยบทความนี้ ISAN Insight and Outlook สิพามาแกะเหตุผลที่ส่งผลให้จังหวัดในโซนนี้มีเศรษฐกิจที่ใหญ่และมาแรงกว่าโซนอื่นในภาคอีสาน   รากฐานสำคัญของเศรษฐกิจโซนอีสานใต้ คือ “ภูมิศาสตร์ที่ดี” ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ถือได้ว่าเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ ขนาดและพิกัดพื้นที่แต่ละจังหวัดสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของพื้นที่นั้นๆที่ส่งผลมายังปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ก็ถือได้ว่ามีภูมิศาสตร์ที่ดีซึ่งส่งผลการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต ดังนี้ ขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ จังหวัดกลุ่ม Big 4 มีพื้นที่จังหวัดเฉลี่ย 14,713.72 ตารางกิโลเมตร และขนาดพื้นที่ในจังหวัดในภาคอีสานเมื่อไม่รวม Big 4 มีขนาดเฉลี่ยประมาณ  6,875.01 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจังหวัดในอีสานใต้มีขนาดพื้นที่ที่จัดได้ว่ามีกว้างขวางและเกินกว่าขนาดพื้นที่เฉลี่ยของจังหวัดในภาคเมื่อไม่รวม Big 4 โดย 3 จังหวัดอีสานอีสานใต้มีขนาดพื้นที่รวม  27,286.917 ตารางกิโลเมตร ดังนี้   บุรีรัมย์ 10,322.885 ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 17 ของประเทศ) ศรีสะเกษ 8,839.976 ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 21 ของประเทศ) สุรินทร์ 8,124.056  ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 24 ของประเทศ) ซึ่งการมีขนาดพื้นที่ใหญ่จะเป็นข้อได้เปรียบด้านการมีพื้นที่ใช้สอยและทรัพยากรที่มาก ทั้งเพื่อการเกษตรและนอกภาคเกษตร เช่น ธุรกิจหรือโรงงาน โดยจะเห็นได้ว่าจังหวัดกลุ่ม Big 4 แห่งอีสานก็มีขนาดพื้นที่ของแต่ละจังหวัดที่ใหญ่เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นทั้ง 3 จังหวัดอีสานใต้ยังมีพื้นที่ชายแดนติดกับกัมพูชา ซึ่งเป็นผลดีในด้านค้าและอุปสงค์จากชาวต่างชาติ   จำนวนประชากรมาก ปัจจัยด้านจำนวนประชากรก็เป็นสิ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากจำนวนประชากรเป็นทั้งอุปสงค์และอุปทานในระบบเศรษฐกิจ โดยจะพบได้ว่าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างจำนวนประชากรและมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม …

“คนเยอะ พื้นที่ใหญ่” เปิดศักยภาพ “3 จังหวัดอีสานใต้” ดันเศรษฐกิจสู้ Big 4 อ่านเพิ่มเติม »

“เฉียงเหนือเฟส 3” กับ 3 เวทียิ่งใหญ่ บขส.ขอนแก่น ชวนมาซิ่งกันมั๊ยหล้าให้ม่วนสมการรอคอย

ศิลปินที่มาปีนี้ครั้งแรกสิในงานนี้ ต่อให้อุกกาบาตชน ไดโน่ต้องได้ดู GMM SHOW ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ “เฉียงเหนือเฟส 3” ชวนมาซิ่งกันมั๊ยหล้าให้ม่วนสมการรอคอย กับเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ! เตรียมรับมือกับความสนุกทุกตารางเมตร พร้อมไปมันไปม่วนให้ทะลุขีดสุดทุกโมเมนต์ กับเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดและม่วนที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Chang Music Connection Presents “เฉียงเหนือเฟส 3” งานที่เป็นความภูมิใจของชาวอีสาน ปีนี้ยกระดับความม่วนจัดเป็นครั้งที่ 3 พร้อมเดินหน้าเป็น “MUSIC DESTINATION OF E-SAN” ที่จะพาทุกคนเข้าสู่จุดหมายปลายทางทางดนตรีของภาคอีสานที่ทุกคนต้องมาม่วนกันที่งานนี้ การันตีคุณภาพจากทีมผู้จัดโดยผู้จัดทีม ALL AREA ภายใต้หน่วยงาน GMM SHOW ทีมที่มากประสบการณ์จัดงานมิวสิคเฟสติวัลใหญ่ของทุกภาค ปีนี้รวมตัววัยรุ่นสุดซิ่งครั้งใหญ่ ชวนเพื่อนเก่าไปม่วนซิ่งไป และเฮจอยกับเพื่อนใหม่ 1 วัน 26 ศิลปิน 3 เวที จัดเต็มยกทัพศิลปินเบอร์ท็อป และศิลปินสายเลือดอีสานที่การันตีความฮิต มาครบจากทุกแนวดนตรีมาไว้ในที่เดียว นำโดย TAITOSMITH / THREE MAN DOWN / PALMY / BODYSLAM / BIG ASS/ JEFF SATUR / POTATO / JOEY PHUWASIT / THE TOYS / ONLY MONDAY / POLYCAT / MANUTSAWEE / SAFEPLANET / VIOLETTE WAUTIER / 4EVE / LOMOSONIC / THE PARKINSON / RÉJIZZ / ALEC ORACHI / PUN / MIRRR / YENTED / FELLOW FELLOW / PURPEECH / TELEVISION OFF และปีนี้เพิ่มเติมความสนุกชวนมาร่วมสัมผัสประสบการณ์รีมิกซ์อีสานสมัยใหม่ ที่โคตรมัน กับ EDM หรือ “E-SAN DANCE MUSIC” จาก DJ.FARMER ROCKET ดีเจสไตล์รำซิ่งขนานแท้ ที่จะมากระตุกทุก DNA ความม่วนให้สุด ในงานพบกับ3เวทีที่ห้ามพลาด!เวทีเหนือ เวทีซิกเนเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดของงาน โดยในปีนี้จะมาในรูปโฉมใหม่ที่อลังการขึ้น ให้สมกับเวทีที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเต็มด้วยสเปเชี่ยลเอฟเฟคที่จัดหนัก จัดเต็มกว่าปีก่อนๆ เวทีมิตรภาพ …

“เฉียงเหนือเฟส 3” กับ 3 เวทียิ่งใหญ่ บขส.ขอนแก่น ชวนมาซิ่งกันมั๊ยหล้าให้ม่วนสมการรอคอย อ่านเพิ่มเติม »

โอ้กะจู๋ บุกอีสาน สลัด 1000 ล้าน ทำอย่างไร? จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน ถอดบทเรียนธุรกิจ ฟรี!! 22 พ.ย.67 ณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น

โอ้กะจู๋ บุกอีสาน สลัด 1000 ล้าน จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน . หากพูดถึงร้านอาหารออร์แกนิกในเวลา คงไม่มีใครไม่รู้จักร้าน “โอ้กะจู๋” ธุรกิจที่เริ่มจากแปลงผักหลังบ้าน ที่ปัจจุบันก้าวเข้าสู่บริษัทยอดขายกว่า 1000 ล้าน และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว . ISAN Insight and Outlookสิพามาเบิ่ง เส้นทางธุรกิจ จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน และ อะไรทำให้ “โอ้กะจู๋” เลือก ‘ขอนแก่น’ เป็นสาขาแรกในการบุกอีสาน . มาฮู้จัก “โอ้กะจู๋” เริ่มจากปลูกผักสวนครัวทั่วไป และผักสลัดบางชนิด บนพื้นที่ปลูกที่มีไม่มากนัก โรงเรือนขนาด 180 ตารางเมตร ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็นำไปประกอบอาหารรับประทานในครอบครัว ด้วยเหตุผลที่ว่า “อยากให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ทานผักที่ไร้สารพิษและสารเคมีตกค้าง” จึงเป็นที่มาของสโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” เพราะแม่เปรียบเสมือนตัวแทนความรักของครอบครัว ส่วนชื่อของแบรนด์ “โอ้กะจู๋” ก็มาจากการผวน “อู๋” กับ “โจ้” นั่นเอง . สำหรับบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ปัจจุบันได้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อลงทุนการขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋“, ขยายแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ , พัฒนาแฟลตฟอร์มรองรับการขาย และขยายฟาร์มเพื่อให้เพียงพอกับการเติบโต . ณ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม ปี 2567) โอ้กะจู๋ มีทั้งหมด 34 สาขา โดยอยู่ภายใต้บริษัทจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ เช่น สลัด สเต๊ก ซุป สปาเกตตี อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น . รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ ได้มีการนำไปวางขายยังช่องทางต่างๆ รวมถึงการให้บริการจัดเลี้ยง โดยธุรกิจบริการและจำหน่ายของบริษัทฯ สามารถแบ่งรูปแบบและช่องทางการจำหน่ายได้เป็น 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1.Full-service Restaurant 2.Delivery and Kiosk 3.Cafe Amazon และ 4.Supermarket ด้วยผลผลิตจากสวน 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่ . หากดูในแง่ของผลประกอบการจะพบว่า ปี 64 บริษัทมีรายได้ 803 ล้านบาท ปี 65 บริษัทมีรายได้ 1,215 …

โอ้กะจู๋ บุกอีสาน สลัด 1000 ล้าน ทำอย่างไร? จากแปลงผัก สู่บริษัทมหาชน ถอดบทเรียนธุรกิจ ฟรี!! 22 พ.ย.67 ณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

ผู้ประกอบการ นักธุรกิจห้ามพลาด ตลาดหลักทรัพย์จัดใหญ่ Unlocking Opportunities for Business Growth – เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่

อีเวนต์สำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่คิดการใหญ่ ! Unlock Your Business Growth : เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่   ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร จังหวัดขอนแก่น งานสัมมนาสุดพิเศษสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET-mai-LiVEx) สัมมนาสุด Exclusive ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุน (SET-mai-LiVEx) พบกับผู้เชี่ยวชาญจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และ CEO นักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ผ่านประสบการณ์ IPO มาแล้ว พิเศษสุดๆ !! Clinic ให้คำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และทุนสนับสนุนการเตรียมพร้อมธุรกิจ เพื่อการเติบโตสำหรับนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท  Unlocking Opportunities for Business Growth – เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร จังหวัดขอนแก่น งานสัมมนาสุดพิเศษสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET-mai-LiVEx) และองค์กรพันธมิตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดย หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด พบกับวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่จะมาแชร์เส้นทางการระดมทุนผ่านตลาดทุน และประสบการณ์ insight ที่ผู้ประกอบการห้ามพลาด พิเศษภายในงาน ! กับบริการ Clinic ให้คำปรึกษาทางธุรกิจจากเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้เชี่ยวชาญ พร้อมโอกาสรับทุนสนับสนุนการเตรียมความพร้อมธุรกิจเพื่อการเติบโต มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท พบกันวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 – 18.00 น ณ ห้อง Orchid Ballroom 1 ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://set-event-registration.setgroup.or.th/…/unlocki… ร่วมงานฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 – 18.00 น.  ณ ห้อง Orchid Ballroom 1 ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น   กำหนดการ 13.00 น.    ลงทะเบียน 13.30 น.    กล่าวต้อนรับ …

ผู้ประกอบการ นักธุรกิจห้ามพลาด ตลาดหลักทรัพย์จัดใหญ่ Unlocking Opportunities for Business Growth – เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดการใหญ่ อ่านเพิ่มเติม »

ภูเวียงพบฟอสซิล”ไดโนเสาร์ตัวใหม่” ลุ้นขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ใหม่ของโลก! และ ไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่ 14 ของไทย

ปัจจุบัน ไทย มีสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบเฉพาะในไทยมากถึง 13 สายพันธุ์ ลุ้นสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งขุดเจอ ไดโนเสาร์ไทย 13 สายพันธุ์ 1) ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus sirindhornae) 2) สยามโมซอรัส สุธีธรนิ (Siamosaurus suteethorni) 3) สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis) 4) ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กิ (Psittacosaurus sattayaraki) 5) อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ (Isanosaurus attavipachi) 6) กินรีมิมัส ขอนแก่นเอนซิส (Kinnareemimus khomkaenensis) 7) สยามโมดอน นิ่มงามมิ (Siamodon nimngami) 8 ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ (Ratchasimasaurus suranareae) 9) สิรินธรนา โคราชเอนซิส (Sirindhorna khoratensis) 10) ภูเวียงเวเนเตอร์ แย้มนิยมมิ (Phuwiangvenator yaemniyomi) 11) วายุแรปเตอร์ หนองบัวลำภูเอนซิส (Vayuraptor nongbualamphuensis) 12) สยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ (Siamraptor suwati) 13) มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส (Minimocursor phunoiensis)   หัวข้อที่น่าสนใจ 🕰️ เริ่มขุดค้นฟอสซิลใหม่หลังหยุดไป 30 ปี 🦴 พบชิ้นส่วนกระดูกใหญ่กว่าภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ 🌍 คาดว่าเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เคยพบ  🔬 ทีมนักวิจัยเร่งค้นคว้าในหลุมขุดที่ 3 💪 โครงกระดูกน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ทีมนักวิจัยเร่งขุดฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 6 ของภูเวียง ซึ่งทราบชัดเจนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลกด้วย เพราะมีความแตกต่างหลายอย่างจากที่มีการค้นพบทั่วโลก ตัวใหญ่กว่า ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ กระดูกใหญ่กว่าถึง 2 เท่า ความยาวไม่น้อยกว่า 20 เมตร  (Video) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ต.ค.2567 ที่อาคารคลุมหลุมขุดที่ 3 ตั้งอยู่บริเวณห้วยประตูตีหมา อุทยานแห่งชาติภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ดร.วราวุธ สุธีธรผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดฟอสซิล และเป็นคนแรกของประเทศไทยที่เริ่มต้นขุดฟอสซิล พร้อมด้วย นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง และทีมนักวิจัยเรื่องฟอสซิลไดโนเสาร์ เร่งขุดหาฟอสซิลไดโนเสาร์ชิ้นส่วนต่างๆหลังพบว่าเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของภูเวียงตัวที่ 6 และลุ้นที่จะพบเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของโลกด้วย โดยการขุดฟอสซิลไดโนเสาร์ในหลุมขุดที่ 3 นี้มีการเริ่มต้นขุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาหลังจากหยุดขุดไป 30 ปี หลังจากขุดพบและคาดว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ ที่เคยขุดพบตัวแรกของภูเวียงและเป็นไดโนเสาร์ในคำขวัญประจำจังหวัดขอนแก่นด้วย ซึ่งความคืบหน้าในการขุดฟอสซิลไดโนเสาร์นั้น พบชิ้นส่วนกระดูกสันหลังส่วนกลางตัว กระดูกสันหลังส่วนคอ กระดูกซี่โครง ฟัน แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนขาหน้าและขาหลัง คาดว่าจะอยู่ลงลึกไปอีก แต่ด้วยอุปสรรคเป็นหินที่แข็งจึงต้องใช้ความพยายามและความอดทนในการขุดอย่างต่อเนื่อง และหลุมขุดที่ 3 นี้ อยู่ห่างจากจุดที่นักสำรวจเเร่ ยูเรเนี่ยม เข้ามาเจอกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ.2519 ไม่ถึง 200 เมตร ดร.วราวุธ สุธีธร อายุ 76 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดฟอสซิล ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไดโนเสาร์ตัวที่อยู่ในหลุมขุดที่ 3 นี้ เราทราบชัดเจนว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด จำพวกกินพืช โดยคาดว่าจะเป็นกลุ่ม ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ ที่เคยขุดพบ จึงได้หยุดขุดไป 30 ปี กระทั่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดร.สุรเวช สุธีธร ซึ่งเป็นลูกชายและมีความสนใจเช่นเดียวกัน ได้ไปศึกษาเรียนจบกลับมา และพอมาดูรายละเอียดกระดูกบางชิ้นพบว่ามีความต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ เราจึงได้เริ่มโปรเจคอีกครั้ง โดยได้งบประมาณจากกองทุนซากดึกดำบรรพ์มาเริ่มต้นขุดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากหยุดขุดไป 30 ปี โดยมีนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาช่วยกันขุด แต่อุปสรรคเนื่องจากสภาพหินแข็งมาก แต่ก็ยังพอที่จะขุดลงลึกไปได้จนขณะนี้พบกระดูกหลายๆชิ้นโผล่ขึ้นมามีความสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งจากที่ปีแรกเราสงสัยว่าตัวนี้ไม่น่าจะใช่ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ เนื่องจากกระดูกหลายๆชิ้นที่ขุดพบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก กระทั่งเป็นคนละกลุ่มกับสายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ และมีความใกล้เคียงกับกลุ่มอื่นๆ และก็มีส่วนคล้ายกับแบรคิโอซอรัส ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่และรูปร่างต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่อย่างมาก โดยกระดูกที่ค้นพบนั้นจะมีลักษณะเด่นเฉพาะหลายๆอย่าง ทั้งขนาดที่ใหญ่กว่าถึง 2 เท่า ลักษณะกระดูกซึ่งมีขนาดใหญ่มีการลดน้ำหนักต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่คือ จะมีโพรงในกระดูกสูงมาก เพื่อที่จะทำให้กระดูกมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง ในการจะเป็นกระดูกขนาดใหญ่และน้ำหนักไม่มากเกินไป และก็เจอจากกระดูกหลายชิ้นที่ขุดพบ ณ ขณะนี้ จึงมั่นใจว่าจะเป็นไดโนเสาร์ที่ขุดพบสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 6 ของภูเวียง และจากชิ้นส่วนหลายๆชิ้นที่เราพบนั้นก็จะนำไปศึกษารายละเอียดเปรียบเทียบในกลุ่มแบรคิโอซอรัสว่าจะอยู่ตรงไหนในกลุ่มเดียวกัน และมีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราก็จะสามารถสรุปได้ว่าเป็นตระกูลใหม่ หรือชนิดใหม่ของโลกด้วยหรือไม่ ตอนนี้ความเป็นไปได้สูงที่ไดโนเสาร์ตัวนี้จะเป็นสายพันธุ์ใหม่และเป็นกลุ่มใหม่ของโลกด้วย แต่จะต้องมีการศึกษารายละเอียดที่มีการค้นพบอยู่แล้วในโลกนี้ ซึ่งรายละเอียดแตกต่างมากน้อยแค่ไหน หากมีความแตกต่างมากก็จะเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลกได้ ตอนนี้ที่เราขุดพบนั้น มองเห็นเกินครึ่งของแต่ละชิ้นแล้ว และมีโอกาสที่จะเพียงพอในการศึกษา แต่เราก็ยังอยากได้ในหลายๆส่วนที่สำคัญเช่นหัวกะโหลก ตอนนี้เราได้ฟันของตัวนี้มาแล้วหลายชิ้น ซึ่งมีนัยยะสำคัญอย่างมาก ซึ่งที่เรามีอยู่นี้ก็มากพอสมควร ซึ่งตอนนี้เราพบชิ้นส่วนกระดูกสันหลังส่วนกลางตัว กระดูกสันหลังส่วนคอ กระดูกซี่โครงที่มีขนาดใหญ่มาก โดยเราเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนที่เราเคยขุดพบมาแล้วจะใหญ่มากกว่า 2 เท่า ซึ่งยืนยันแล้วว่าต่างจากที่เราพบมาแล้วทั้งหมด และมีลักษณะโครงสร้างที่มีโพรงในกระดูกแตกต่างกันชัดเจน ส่วนความยาวของตัวไม่น้อยกว่า 20 เมตร จากขนาดของกระดูก ขาหน้าสูงใหญ่ต่างจากภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่อย่างมาก ตอนนี้เรายังไม่เจอกระดูกขาหน้าขาหลังถ้ามีพวกนี้ประกอบก็จะทำให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้าน นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งเเต่การพบฟอสซิลชิ้นเเรกในปีพ.ศ. 2519 มาจนถึงปัจจุบัน เทือกเขาภูเวียงมีการค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของโลกถึง 5 ชนิด และในหลุมขุดที่ 3 นี้รอลุ้นว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 6 ของโลกด้วยหรือไม่ โดยฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ทีมนักวิจัยขุดพบทั้งหมดถูกนำมาจัดเเสดงอยู่ที่ ศูนย์ศึกษาวิจัยเเละพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภายใต้การดูเเลของกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งการขุดค้นเเละศึกษาวิจัย ยังดำเนินต่อไป ภายใต้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากกรมทรัพยากรธรณี กรมอุทยานฯ สถาบันการศึกษา รวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนเเก่น ที่ร่วมกับภาคีเครือข่าย พยายามผลักดันให้พื้นที่อุทยานธรณีขอนเเก่น หรือ “ขอนเเก่น จีโอพาร์ค” ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลก โดยการรับรองจากองค์การยูเนสโก ซึ่งรอการประกาศในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ ซึ่งจะสอดรับกับฟอสซิลที่ขุดพบพอดี และในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวมาชมการขุดฟอสซิลศึกษาเส้นทางธรรมชาติทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นนี้ก็ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาศึกษาชมธรรมชาติได้ที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง ซึ่งจะมีลานกางเต็นท์และจุดชมวิวที่ผาชมตะวันรวมทั้งมีน้ำตกให้เล่นอีกด้วย ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติภูเวียง ขอนแก่น มีซากฟอสซิล ไดโนเสาร์ “ 5 ตัว 5 สายพันธุ์” ได้แก่ 1. ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (น้องโย่ง) 2. สยามโมซอรัส สุธีธรนิ …

ภูเวียงพบฟอสซิล”ไดโนเสาร์ตัวใหม่” ลุ้นขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ใหม่ของโลก! และ ไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่ 14 ของไทย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top