SHARP ADMIN

ทำไมครัวเรือนอีสานมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับทุกภูมิภาค แต่กลับมีเงินไม่พอใช้หนี้

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของทางการเงินสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้รายงาน “การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2566 ทั่วราชอาณาจักร” จะพบว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีรายได้และรายจ่ายภาคครัวเรือนต่ำที่สุดในประเทศ แต่ถึงแม้ว่ารายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานเฉลี่ยนั้นจะมากกว่ารายจ่ายก็จริง ก็ในด้านของหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นภาคอีสานก็สูงไม่แพ้ภาคอื่นเช่นกัน “ครัวเรือนในภาคอีสานแม้จะมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับภูมิภาคอื่นๆ แต่กลับมีสัดส่วนรายได้จากการทำงานเฉลี่ยน้อยที่สุด และพึ่งพารายได้ที่ได้รับการช่วยเหลือในสัดส่วนที่มากที่สุด ในขณะที่มีหนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยเป็นรองเพียงภาคใต้ และ กรุงเทพฯ” หากมาดูโครงสร้างรายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานจะพบว่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในภาคอีสานจะอยู่ที่ 22,524 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น รายได้ประจำที่เป็นตัวเงิน 17,908 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจาก 1) การทำงาน 12,724 บาท 2) จากการช่วยเหลือต่าง ๆ 5,024 บาท และ 3) รายได้จากทรัพย์สินต่าง ๆ 161 บาท ส่วนต่อมาได้แก่ รายได้ประจำที่ไม่เป็นตัวเงิน 4,221 บาท เช่น ค่าประเมินค่าเช่าบ้านที่ไม่เสียเงิน หรือสินที่ได้มาโดยไม่ต้องซื้อ เป็นต้น และในส่วนสุดท้าย รายได้ไม่ประจำที่เป็นตัวเงิน 395 บาท เช่น ทุนการศึกษา มรดก เงินจากประกัน เป็นต้น กราฟแสดงรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยของแต่ละภูมิภาคของไทย ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ   ในส่วนของโครงสร้างรายจ่ายของครัวเรือนในภาคอีสานนั้นจะพบว่า รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในภาคอีสานจะอยู่ที่ 18,676 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค 16,540 บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายที่มาจาก 1) อาหาร และเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) 7,202 บาท 2) ที่อยู่อาศัย เครื่องต่างบ้าน และเครื่องใช้ต่าง ๆ 3,870 บาท 3) การเดินทางและการสื่อสาร 3,498 บาท และ 4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 1,895 บาท และส่วนที่สองได้แก่ รายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค 2,136 บาท เช่น เงินสมทบประกันสังคม เงินทำบุญ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น กราฟแสดงรายจ่ายครัวเรือนเฉลี่ยของแต่ละภูมิภาคของไทย ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ   หากมองเพียงผิวเผินอาจกล่าวได้ว่ารายจ่ายนั้นเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับรายได้ที่เมื่อรายได้ไม่สูงมากนัก การบริโภคจึงไม่สูงตาม ทำให้ภาคอีสานมีสัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้สูงที่สุดในประเทศมีสัดส่วนร้อยละ 82.9 จึงทำให้มีเงินออมหรือเงินชำระหนี้น้อยกว่าภาคอื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาทั้งรายได้และรายจ่ายของคนในภาคอีสานให้ละเอียดนั้นจะพบว่า รายได้ประจำที่มากจากการทำงานซึ่งถือเป็นรายได้หลักนั้นเฉลี่ยทั้งครัวเรือนในภาคอีสานมีอยู่เพียง 12,724 บาทต่อเดือนเท่านั้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับในภูมิภาคอื่นแล้วนั้นภาคอีสานถือเป็นภาคที่มีรายได้จากการทำงานต่ำที่สุดในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 75 ของรายได้จากการทำงานที่น้อยกว่าภูมิภาคอื่น และเมื่อพิจารณาคู่กับรายจ่ายเฉพาะการอุปโภคบริโภคนั้นมีสูงถึง 16,540 บาทต่อเดือน จึงสามารถกล่าวได้ว่าในทุก ๆ หนึ่งเดือนครัวเรือนภาคอีสานต้องหาเงินเพิ่มอย่างน้อย 3,816 บาทเพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภค โดยในส่วนนี้ครัวเรือนในภาคอีสานส่วนหนึ่งถูกทดแทนด้วยการช่วยเหลือด้านการเงินจากบุคคลนอกครัวเรือนเฉลี่ยเดือนละ 2,756 บาท …

ทำไมครัวเรือนอีสานมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับทุกภูมิภาค แต่กลับมีเงินไม่พอใช้หนี้ อ่านเพิ่มเติม »

🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง โรงมันสำปะหลัง รายใหญ่แห่งอีสาน🏭

🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง โรงมันสำปะหลัง รายใหญ่แห่งอีสาน🏭 . . ในปี 2565 ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง อยู่ที่ 10.9 ล้านไร่ และมีผลผลิต 34.1 ล้านตัน . โดยในภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังมากกว่า 5.9 ล้านไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วน 54% ของขนาดพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ และมีผลผลิตมากกว่า 18.7 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของผลผลิตมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ  . จังหวัดที่มีผลผลิตของมันสำปะหลังที่มากส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในอีสานตอนล่าง อย่างนครราชสีมา ชัยภูมิ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ . . 🏭ในส่วนของธุรกิจเกี่ยวกับโรงมันสำปะหลัง  . บจก.สงวนวงษ์สตาร์ช 📍นครราชสีมา รายได้รวม 5,135 ล้านบาท   บจก.เอี่ยมศิริแป้งมัน 📍ศรีสะเกษ รายได้รวม 2,499 ล้านบาท   บจก.ซีวายวาย โกลบอล 📍สุรินทร์ รายได้รวม 2,448 ล้านบาท   บจก.แป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรร 📍อุบลราชธานี รายได้รวม 2,011 ล้านบาท   บจก.แป้งมันร้อยเอ็ด 📍ร้อยเอ็ด รายได้รวม 2,007 ล้านบาท   บจก.ธนะวัฒน์ อินเตอร์ สตาร์ช 📍ชัยภูมิ รายได้รวม 1,965 ล้านบาท   บจก.เอี่ยมอำนาจ แป้งมัน 📍อำนาจเจริญ รายได้รวม 1,695 ล้านบาท   บจก.อิสาน พรีเมี่ยม สตาร์ช 📍กาฬสินธุ์ รายได้รวม 1,613 ล้านบาท   บจม.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช 📍มุกดาหาร รายได้รวม 1,299 ล้านบาท   บจก.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช(2012) 📍สกลนคร รายได้รวม 1,193 ล้านบาท   =================================== 📍นครราชสีมา มีผลผลิตมากที่สุดในอีสาน ผลผลิต 4.6 ล้านตัน   📍ชัยภูมิ ผลผลิต 1.9 ล้านตัน   📍อุบลราชธานี ผลผลิต 1.9 ล้านตัน   📍อุดรธานี ผลผลิต 1.6 ล้านตัน   📍บุรีรัมย์ ผลผลิต 1.3 ล้านตัน …

🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง โรงมันสำปะหลัง รายใหญ่แห่งอีสาน🏭 อ่านเพิ่มเติม »

โฟลค์ ร็อค เพื่อชีวิต ห้ามพลาด! “ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล” จัดเต็ม 26 ศิลปิน 4 แนวดนตรี 12 ชั่วโมง มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียว ณ เขาใหญ่มาราธอน

พฤศจิกายนนี้ ห้ามพลาด!! “ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล” ยกขบวนกองทัพ 26 ศิลปิน 4 แนวดนตรี จัดเต็ม 12 ชั่วโมง มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียว จัดเต็มกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แสง สี เสียง ห้องน้ำ จราจร และพลุสุดตระการตา บัตรราคา 99O.- (ราคาเต็ม 1,59O.-) ราคานี้จำหน่ายถึง 30 กันยายนนี้ เท่านั้น! **บัตรเข้างาน 1 ใบ สามารถรับชมได้ทั้งสองเวที** . จำหน่ายบัตรทาง Facebook Page >> ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ใน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ . วันเสาร์ที่ 16 พ.ย. 67 ลานกิจกรรมเขาใหญ่มาราธอน ถนนธนะรัชต์ กม.21 เขาใหญ่ โลเคชั่นงาน : https://maps.app.goo.gl/rgKzeL1apt9MLzHQ7… . #ลุยเขา #ลุยเขามิวสิคเฟสติวัล #Luikhao #Luikhaomusicfestival #LUIKHAOMUSICFESTIVAL #LUIKHAO #LUIKHAO1 #เทศกาลดนตรี #musicfestival   บัตรราคา 99O.- (ราคาเต็ม 1,59O.-) ราคานี้จำหน่ายถึง 30 กันยายนนี้ เท่านั้น! **บัตรเข้างาน 1 ใบ สามารถรับชมได้ทั้งสองเวที**สนใจซื้อบัตร หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page : ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล หรือคลิกลิ้งค์ >> https://www.facebook.com/share/2wf3T8rcQD8yJ6dr/?mibextid=kFxxJD . ซื้อผ่าน INBOX PAGE คลิ๊ก : m.me/LUIKHAOMUSICFESTIVAL ซื้อผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ https://www.allticket.com/event/LuiKhaoMusicFestival พบกับ 2 เวที ใหญ่ จัดเต็ม เวทีลุยมาโยก มนัสวีร์ / ฮิวโก้-ใหม่ สิบล้อ / คณะขวัญใจ / ไววิทย์ / เขียนไขและวานิช / อภิรมย์ / เกมส์ สุจิตรา / SITTA / วสันต์ 17 / Whatfalse / ดวงดาวเดียวดาย …

โฟลค์ ร็อค เพื่อชีวิต ห้ามพลาด! “ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล” จัดเต็ม 26 ศิลปิน 4 แนวดนตรี 12 ชั่วโมง มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียว ณ เขาใหญ่มาราธอน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตลอดปีงบประมาณ 2567 ภาคอีสานได้รับจัดสรรงบประมาณ เบิก-จ่าย ไปมากน้อยแค่ไหน

นับถอยหลัง 2 สัปดาห์ ก่อนปิดปีงบประมาณ 2567 อีสานอินไซต์พาเปิดว่าตลอดปี เรื่องเงินๆทองๆของรัฐ เป็นยังไงบ้าง   เริ่มต้นโดยปีนี้ อีสานได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งหมดมาที่หน่วยงานในพื้นที่ทั้งหมด 2.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบที่กระทรวงจัดสรรให้กับหน่วยงานภายใต้กำกับในพื้นที่, งบที่ผ่านการบริหารงานของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และสุดท้าย เป็นงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แล้ว 2.3 แสนล้านบาทนั้น มากขนาดไหน เดี๋ยวอีสานอินไซต์จะแสดงให้เห็นภาพเอง   ถึง 2.3 แสนล้าน อาจดูเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตลอดทั้งปีงบฯ 67 มีอนุมัติกรอบวงเงินทั้งหมดถึง 3.4 ล้านล้านบาท สะท้อนว่าจากงบประมาณประเทศ 100% มีมาถึงอีสานเพียงแค่ 6% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของงบประมาณในส่วนกลางชัดเจน และเป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่าทำไมส่วนกลางถึงจัดสรรงบประมาณให้อีสาน ภูมิภาคที่มีทั้งพื้นที่มากที่สุด และประชากรมากที่สุดเพียงเท่านี้   การกระจายอำนาจการบริหาร และงบประมาณ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการนโยบายรายพื้นที่ให้เหมาะสมกับความแตกต่างกันของแต่ละพื้นที่มากที่สุด แต่อีสานอินไซต์เห็นจุดที่น่าสนใจของการกระจายงบประมาณว่าในอีสาน กว่า 89% ของงบที่ได้รับจัดสรร เป็นงบที่ได้รับผ่านหน่วยงานย่อยในแต่ละกระทรวงเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งมีรูปแบบการบริการจัดการที่มีความใกล้เคียงกันสูงในแต่ละพื้นที่ ต่อมาอีก 2% เป็นงบที่จ่ายผ่านจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งนับเป็นอำนาจการบริหารจัดการของผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งก็ยังต้องขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทยจากส่วนกลางอยู่ดี ทำให้เหลืองบอีกเพียง 9% เท่านั้น ที่เป็นงบส่งเสริมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นบุคคลที่นับเป็น represent จากการลงคะแนนเสียงของคนในพื้นที่ ซึ่งเมื่อมองในรูปแบบนี้แล้ว จะเห็นข้อจำกัดอย่างชัดเจนในการดำเนินการนโยบายหรือมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ จากข้อจำกัดของงบประมาณที่ได้รับอย่างจำกัด และถึงแม้ปัญหาในปัจจุบันในหลายพื้นที่อาจยังไม่ถูกแก้ไข แต่วงเงินในปัจจุบันของ อปท. ในปีงบฯนี้ก็ถูกเบิกจ่ายจนใกล้ครบถ้วนแล้ว ทำให้ในหลายพื้นที่ อาจมีโอกาสที่เจอปัญหาในพื้นที่ไม่ถูกแก้ให้ตรงจุด จากมาตรการหลักของส่วนกลางที่อาจจะไม่ “One Size Fits All” นั้นเอง     ที่มา ข้อมูลเบิกจ่ายล่าสุด ณ วันที่ 13 กันยายน 2567 จากกรมบัญชีกลาง

พามาเบิ่ง น้ำในแม่น้ำโขงไหลมาจากไหนบ้าง

พามาเบิ่ง น้ำในแม่น้ำโขงไหลมาจากไหนบ้าง . แม่น้ำโขงมีต้นกำเนิดมาจากการละลายของน้ำแข็งและหิมะบริเวณที่ราบสูงทิเบตในบริเวณตอนเหนือของเขตปกครองตนเองทิเบตและบริเวณมณฑลชิงไห่ของประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำที่สำคัญอีก 2 สาย คือ แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำโขงช่วงที่ไหลผ่านประเทศจีนชาวจีนเรียกว่า “แม่น้ำหลานชางเจียง” (Lancang Jiang) ไหลผ่านภูเขาและที่ราบสูงในประเทศจีน ผ่านมณฑลยูนนานเข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และประเทศไทย บริเวณ “สามเหลี่ยมทองคำ” ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ไหลเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว ผ่านจังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เป็นระยะทาง 1,520 กิโลเมตร แล้วไหลเข้าสู่ สปป.ลาว และกัมพูชา ก่อนไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ที่ประเทศเวียดนาม รวมความยาวทั้งสิ้น 4,880 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่รับน้ำในลุ่มน้ำ 795,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 496.875 ล้านไร่ . ลุ่มแม่น้ำโขงสามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ลุ่มน้ำโขงตอนบน (Upper Mekong Basin) และลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (Lower Mekong Basin) โดยลุ่มน้ำโขงตอนบนเริ่มตั้งแต่ต้นกำเนิดของแม่น้ำโขงในเขตปกครองตนเองทิเบต และประเทศจีน ส่วนลุ่มน้ำโขงตอนล่างเริ่มตั้งแต่มณฑลยูนนานในประเทศจีนไหลผ่านประเทศ เมียนมาร์ ไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ก่อนลงสู่ทะเลจีนใต้  . นอกจากนี้ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (Lower Mekong Basin) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใน 4 ประเทศ คือ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นทั้งแหล่งน้ำ แหล่งโปรตีน แหล่งพันธุ์ปลา พันธุ์พืช และสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งหล่อเลี้ยงผู้คนมากกว่า 60 ล้านคน เป็นแหล่งโปรตีนของผู้คนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมากถึงร้อยละ 47-80 โดยมีมูลค่าการทำประมงต่อปีอยู่ที่ 127,000 – 231,000 ล้านบาท . จากข้อมูล The Mekong-U.S. Partnership แสดงปริมาณน้ำที่ไหลลงแม่น้ำโขงตลอดเดือน สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาว่าไหลมาจากที่ใดบ้าง และคิดเป็นสัดส่วนอย่างละเท่าไหร่ ดังนี้ ช่วงแม่น้ำโขงตอนบน จากจีน เสี่ยวหวาน เชียงรุ่ง มวลน้ำคิดเป็น 21%  ช่วงแม่น้ำโขงตอนล่าง ช่วงสามเหลี่ยมทองคำ มวลน้ำคิดเป็น 20% ช่วงแม่น้ำโขงตอนล่าง ช่วงน้ำงึม – นครพนม ซึ่งมีเมืองสำคัญทั้ง เวียงจันทน์ สปป.ลาว อำเภอเมืองหนองคาย และอำเภอเมืองนครพนม มวลน้ำคิดเป็น 36% …

พามาเบิ่ง น้ำในแม่น้ำโขงไหลมาจากไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง จำนวนนักลงทุนไทย กว่า 2.8 ล้านคน กระจายอยู่ไหนบ้าง

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) เผยจำนวนผู้ลงทุนไทยทั้งหมด ณ เดือน กรกฏาคม 2567 2,800,000 คน  – กรุงเทพฯ 1,000,000 ราย – ปริมณฑล 520,000 ราย – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 326,000 ราย – ภาคกลาง 285,000 ราย  – ภาคตะวันออก 253,000 ราย – ภาคเหนือ 194,000 ราย – ภาคใต้ 216,000 ราย จะเห็นได้ว่าจำนวนนักลงทุนสัญชาติไทย 2.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 4.24 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับ รายงาน Personal Finance and Investment Habits in Southeast Asia จาก Milieu Insight (มิลยู อินไซต์); บริษัทผู้ทำซอฟต์แวร์วิจัยด้านการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำการสำรวจพฤติกรรมและทัศนคติการเงินของคนใน 6 ประเทศอาเซียน จำนวน 3,000 คน จากสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์  พบว่า คนอาเซียนส่วนใหญ่เลือกออมเงินมากกว่าลงทุน สะท้อนจาก 54% ของคนในอาเซียน ไม่ได้แบ่งเงินเพื่อลงทุนอย่างจริงจัง มีคนเพียง 46% เท่านั้นที่ตื่นตัวในการแบ่งเงินไปลงทุน ความตื่นตัวในการลงทุน คนส่วนใหญ่ในภูมิภาค และสัดส่วนนักลงทุนไทยในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนว่า อาเซียนมีความรู้ทางการเงินต่ำ ประกอบกับมีรายได้น้อย จึงมีโอกาสเข้าถึง การลงทุนที่จำกัด ทำให้พลาดโอกาสในการสะสมความมั่งคั่ง และสร้างการเติบโตทางการเงิน ส่งผลต่อการมีอิสระทางการเงิน และจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เมื่อแต่ละประเทศในอาเซียน รวมถึงไทย ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  . การวางแผนทางการเงิน คือ กระบวนการวางแผนการใช้เงินในอนาคต  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ ส่งลูกเรียน หรือเกษียณอายุอย่างมีความสุข การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากปัญหาทางการเงิน และสร้างความมั่นคงในชีวิต โดยการวางแผนทางการเงินมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ กำหนดเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน เช่น ต้องการมีเงินเก็บเท่าไหร่ในกี่ปี วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงิน: ประเมินรายรับ รายจ่าย และสินทรัพย์ที่มีอยู่ จัดทำงบประมาณ: วางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนให้สอดคล้องกับรายได้ ออมเงิน: สร้างวินัยในการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ลงทุน: นำเงินออมไปลงทุนเพื่อให้เงินทำงานและเติบโต บริหารความเสี่ยง: ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การประกันชีวิต การประกันสุขภาพ TOP 5 อุปสรรคการลงทุนของคนอาเซียน …

พามาเบิ่ง จำนวนนักลงทุนไทย กว่า 2.8 ล้านคน กระจายอยู่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง

เทศกาล โปรโมชั่น ลดกระหน่ำ ประจำเดือนมาถึงแล้ว หลายๆ คนก็เริ่มเก็บคูปองแล้วกดตะกร้าสั่งสินค้ากันแล้ว และแน่นอนว่าจะต้องตั้งตารอสินค้า และเช็คสถานะพัสดุที่จัดส่งเป็นระยะๆ จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วทำไมสินค้าบางอย่างที่สั่งผ่านร้านค้าที่จัดส่งจากต่างประเทศนั้น ถึงส่งได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว เหลือเกิน โดยปกติจะมีการแจ้งจัดส่งภายใน 7 วัน แต่เอาเข้าจริงกลับจัดส่งได้เร็วกว่านั้น หรือเร็วสุด 2 วันก็ถึงแล้ว นอกจากนั้นหลายๆ คนก็เริ่มตั้งข้อสังเกตแล้วว่าสินค้าที่จัดส่งมาหลายๆ ชิ้นจะต้องผ่าน “ที่ทำการ MUKDAHAN” หรือ ด่าน มุกดาหารอยู่เสมอ ดังเช่นภาพตัวอย่างด้านล่างที่แนบมานี้ ทำความรู้จักจุดผ่านแดนอีสาน-ประเทศเพื่อนบ้าน จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยมูลค่าการค้าสะสมเดือนมกราคม – สิงหาคม ปี 2566 พบจุดผ่านด่านดังนี้ ตามภาพด้านล่างนี้ จุดผ่านแดนอีสาน – ลาว มีที่ไหนบ้าง? . 1. จังหวัดเลย มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 69,024 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 3 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ําเหือง – ไชยบุรี, จุดผ่านแดนอำเภอเชียงคาน – นครหลวงเวียงจันทน์ และจุดผ่านแดนบ้านคกไผ่ – นครหลวงเวียงจันทน์ . 2. จังหวัดหนองคาย มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 108,686 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 2 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนท่าเสด็จ – นครหลวงเวียงจันทน์ และจุดผ่านแดนมิตรภาพไทย – ลาว(นครหลวงเวียงจันทน์) แห่งที่ 1 . 3. จังหวัดมุกดาหาร มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 88,781 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 2 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนอำเภอเมืองมุกดาหาร – แขวงสะหวันนะเขต และจุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว(แขวงสะหวันนะเขต) แห่งที่ 2 . 4. จังหวัดนครพนม มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 70,937 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 2 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว(แขวงคําม่วน) แห่งที่ 3 และจุดผ่านแดนอำเภอเมืองนครพนม – แขวงคําม่วน . 5. จังหวัดบึงกาฬ มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 66,920 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 1 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดน อ.เมืองบึงกาฬ – แขวงแบอลิคําไซ (สะพานมิตรภาพไทย …

เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง อ่านเพิ่มเติม »

เศรษฐกิจ ‘ลาว’ ไปต่อยังไง? หลังหนี้พุ่ง 122 % ของ GDP แรงงานทะลักออกนอกประเทศ เศรษฐกิจชายแดนอีสานได้รับผลกระทบ?

หนึ่งในข้อความจากเพจ ลาว”มอง”ไทย “แรงงานลาวไปทำงานในต่างประเทศ จาก 73% ในปี 2023 มาเป็น 93% ในปี 2024” แม้ข้อความข้างต้นจะไม่ปรากฏข้อมูลตัวเลขอ้างอิง ที่เชื่อถือได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะพบว่ามีข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจต่างๆ ที่พูดถึงวิกฤตทางการเงินและวิกฤตทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ประเทศเล็กๆ ที่ไร้ทางออกทะเล ที่ต้องการฟื้นเปลี่ยนสภาพจาก land locked ให้เป็น land linked ประสานกับยุทธศาสตร์การเป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชีย ทำให้ลาวต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากนับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งของแผ่นดินใหญ่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ แต่กลับกันการลงทุนเหล่านั้นก็ได้สร้างหนี้พอกพูนมากขึ้นเป็นลำดับ “ภาคอีสาน และ สปป.ลาว ล้วนพึ่งพาอาศัยกันทางเศรษฐกิจมากกว่าที่คิด ดังนั้นการหดตัวทางเศรษฐกิจลาวย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจอีสานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” สถานการณ์ของลาวประเทศเพื่อนบ้านต้องเผชิญกับหนี้สาธารณะในระดับวิกฤตเมื่อมองไปที่นี่เงินกู้ของประเทศตอนนี้สูงถึง 122 % ของ GDP ซึ่งทำให้ลาวกลายเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงเป็นอันดับ 9 ของโลกตามข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ซึ่งทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่หลายคนกล่าวถึงลาวว่ากำลัง “ติดกับดักนี่ทางการทูต” จากจีนหรือไม่? จนนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าลาวได้กลายเป็นรัฐเงา(shadow state) ของจีนไปด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกันลาวก็ไม่ได้มีทางเลือกในการพัฒนามากนักการต้านจีนจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากการเชื่อมโยงพัฒนาเข้ากับจีนดูเหมือนจะเป็นทางเดียวที่ลาวจะสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่พรรคประชาชนปฏิวัติเราเองก็ต้องการความชอบธรรมด้านผลงานจากการพัฒนาเพื่อให้อยู่ในอำนาจได้อย่างต่อเนื่อง แต่ทุกอย่างมีราคาต้องจ่าย ISAN Insight and Outlook จะ พามาเบิ่ง ว่าท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของลาว ได้เกิดผลกับลาวอย่างไรและได้ส่งผลต่อประเทศไทยรวมถึงภาคอีสานที่ถือเป็นชายแดนติดกับประเทศลาวอย่างไรบ้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เศรษฐกิจลาวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เช่น ภัยธรรมชาติ ภาวะหนี้สิน และผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจลาวก็มีสัญญาณการฟื้นตัวและพัฒนาในหลายด้าน ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจลาว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: ลาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟมาตรฐาน และเขื่อน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเชื่อมโยงลาวเข้ากับภูมิภาค การลงทุนจากต่างประเทศ: การลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจลาว แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของประเทศ ภาคการเกษตร: ภาคการเกษตรยังคงเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจลาว แม้ว่าจะเผชิญกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนเทคโนโลยี ภาคการท่องเที่ยว: ภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจลาว แต่การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจลาวในอนาคต การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป: แม้ว่าเศรษฐกิจลาวจะเริ่มฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวก็ยังมีความเปราะบางและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้า สภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน ความท้าทายด้านหนี้สิน: ภาระหนี้สินของลาวยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข การพัฒนาอย่างยั่งยืน: ลาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เปรียบเทียบศักยภาพเศรษฐกิจลาว และ ภาคอีสาน   ลาว ยังเป็นผู้ลงทุน Top3 ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีสานมาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลข้างต้น ณ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา จะพบว่า ลาว ยังเป็นกลุ่มประเทศที่เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีสานอย่างต่อเนื่องและติด TOP 3 มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ฝั่งแรงงานจากลาว ก็ถือเป็นอันดับ 2 ของไทยที่ขับเคลื่อนแรงงานต่างด้าว เป็นรองเพียง …

เศรษฐกิจ ‘ลาว’ ไปต่อยังไง? หลังหนี้พุ่ง 122 % ของ GDP แรงงานทะลักออกนอกประเทศ เศรษฐกิจชายแดนอีสานได้รับผลกระทบ? อ่านเพิ่มเติม »

คนอีสานและทั่วโลกถูกดักฟัง หลังข่าวฉาว บิ๊กเทคอาจใช้ AI ดักฟังในแพลตฟอร์มต่างๆ เหตุเม็ดเงินโฆษณาเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สงครามแย่งชิงความสนใจและเม็ดเงินโฆษณาในวงการสื่อและความบันเทิงไทยกำลังร้อนระอุ! แพลตฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ผู้บริโภคเสพสื่อหลากหลายช่องทางจนตาลาย แต่ใครจะครองใจคนไทยได้อยู่หมัด? . ผลสำรวจจาก Marketbuzzz ชี้ชัดว่า คนไทยยุคนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย (70%) การท่องอินเทอร์เน็ต (50%) และดูวิดีโอสตรีมมิง (47%) LINE และ Facebook ยังคงเป็นเจ้าพ่อโซเชียล โดยเฉพาะ LINE ที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 78% สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้แอปพลิเคชันนี้ในการสื่อสารและติดตามข่าวสารในชีวิตประจำวัน . Facebook เองก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้งาน 68% แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อกับเพื่อนฝูงและครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่า Messenger แอปพลิเคชันแชตในเครือของ Facebook ก็มีผู้ใช้งานสูงถึง 34% บ่งชี้ว่าคนไทยยังคงนิยมการสื่อสารแบบส่วนตัวผ่านช่องทางนี้ . ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook อยู่มากกว่า 12.9 ล้านบัญชี โดยมีสัดส่วนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook แบ่งเป็นผู้หญิง 60.01% และผู้ชาย 39.99%.โดยประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 8 ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน facebook มากที่สุดในโลก จำนวนกว่า 48.3 – 56.9 ล้านบัญชี โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่50.6% ชอบโพสต์ลิงค์มากที่สุดรองลงมาเป็นรูปภาพ 30.2%video 17.1%สเตตัสทั่วไป 1.9%ส่วนค่าเฉลี่ยการโพสต์จากเพจ 1.92%. จัดอันดับอันดับจังหวัดที่มีสัดส่วนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุด.อันดับที่ 1 นครราชสีมา จำนวน 1.7 – 2 ล้านบัญชีอันดับที่ 2 อุบลราชธานี จำนวน 9.8 แสนบัญชี – 1.2 ล้านบัญชีอันดับที่ 3 อุดรธานี จำนวน 8.1 – 9.6 แสนบัญชีอันดับที่ 4 ขอนแก่น จำนวน 8.1 – 9.5 แสนบัญชีอันดับที่ 5 บุรีรัมย์ จำนวน 7.5 – 8.8 แสนบัญชี 6 สุรินทร์ จำนวน 6 – 7 แสนบัญชี 7 ศรีสะเกษ จำนวน 5.9 – 6.9 แสนบัญชี 8 ร้อยเอ็ด จำนวน 5.5 – 6.5 แสนบัญชี 9 สกลนคร จำนวน 5.5 – …

คนอีสานและทั่วโลกถูกดักฟัง หลังข่าวฉาว บิ๊กเทคอาจใช้ AI ดักฟังในแพลตฟอร์มต่างๆ เหตุเม็ดเงินโฆษณาเติบโตอย่างต่อเนื่อง อ่านเพิ่มเติม »

ของดีและฟรีมีอยู่จริง!!! บริการจาก “40 บูท” ในงาน “มหกรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่นบริการชุมชน” บริการวิชาการแก่ชาวขอนแก่น ครบจบที่เดียว

บริการวิชาการด้วยใจ ครบจบที่เดียว กับ มหกรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่นบริการชุมชน จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ หน่วยงานเครือข่าย ทั้งภายใน และภายนอกมหาวิทยาลัย เข้าร่วมบริการวิชาการแก่ชาวขอนแก่นกว่า 40 หน่วยงาน โดยการจัดกิจกรรม “มหกรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่นบริการชุมชน” ในโครงการ KKU CSV มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมสร้างคุณค่าสู่สังคม ประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ในปีนี้ ได้กำหนดจัดขึ้น ในวันศุกร์ที่ 6 กันยายน  2567 เวลา 09.00 – 15.00 น. ณ สถานีรถไฟขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และหน่วยงานเครือข่าย ร่วมนำองค์ความรู้ ทั้งทางด้านการบริการวิชาการ การให้คำปรึกษา รวมถึง การบริการด้านสุขภาพ ออกบริการประชาชนในชุมชน ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย  ให้บริการ 4 ด้าน ได้แก่ 1.บริการด้านสุขภาพ  -ให้บริการตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินน้ำลาย อุดฟัน ถอนฟัน –  ให้บริการทันตสุขศึกษา – การตรวจสุขภาพเบื้องต้น วัดความดันโลหิต ตรวจระดับน้ำตาล และประเมิน Body Composition (การวัดองค์ประกอบของร่างกาย) พร้อมบริการให้คำปรึกษาสุขภาพ – การให้ความรู้สุขภาพต่าง ๆ การสร้างเสริมสุขภาพด้วยอาหาร – การประชาสัมพันธ์ช่องทางการเข้าถึงโรงพยาบาล – การบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ – ตอบคำถามโรคติดต่อชิงรางวัลและแจก Set box ป้องกันโรค – การบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม – การแนะนำบริการต่างๆของศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศ(SMC). อาทิเช่น • คลินิกโรคเฉพาะทาง • คลินิกตรวจสุขภาพ • วัคซีนผู้ใหญ่และเด็ก • ช่องทางการเข้ารับบริการ ผู้รับบริการต้องนำบัตรประชาชนมาด้วยทุกครั้ง -แนะนำบริการต่างๆ และตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น วัดความดัน ประเมินภาวะสุขภาพด้วยเครื่องวัดมวลร่างกาย แบบทดสอบภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย -ให้ความรู้เรื่องการเตรียมตัวก่อนมารับบริการทางวิสัญญีและคลินิกระงับปวด โรงพยาบาลศรีนครินทร์ 2.ให้บริการฝังเข็มเพื่อการระงับปวด 3.แจกของที่ระลึกแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม” -นิทรรศการพิพิธภัณฑ์ทางพยาธิวิทยา โดยให้ความรู้เกี่ยวกับรอยโรคของอวัยวะในร่างกายมนุษย์ -รับบริจาคโลหิต ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริการโลหิต และมอบของที่ระลึกให้ผู้มาร่วมกิจกรรม – ให้ความรู้ทางด้านเซลล์บำบัดรักษา คือ การรักษาฟื้นฟูระดับเซลล์ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น – ให้สิทธิ์ในการรักษาภาวะเข่าเสื่อม ฟรี 5 ราย และภาวะเส้นเอ็นอักเสบเรื้อรัง ฟรี 5 ราย – ให้บริการตรวจประเมินผิวหน้าและหนังศีรษะพร้อมให้คำปรึกษา ฟรี – ร่วมกิจกรรมเล่นเกมลุ้นรางวัลและของที่ระลึกมากมาย -การตรวจองค์ประกอบร่างกายและการทดสอบสมรรถภาพทางกายเบื้องต้น ( Body scan …

ของดีและฟรีมีอยู่จริง!!! บริการจาก “40 บูท” ในงาน “มหกรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่นบริการชุมชน” บริการวิชาการแก่ชาวขอนแก่น ครบจบที่เดียว อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top