SHARP ADMIN

พามาสรุป อีสาน(ใช้)น้ำหลาย ผลิตเบียร์ได้เกือบ 500,000 ขวด

Top 5 จังหวัดที่มีปริมาณการใช้น้ำ / จำนวนผู้ใช้น้ำ สูงสุด (ปี 2567) 2567 จังหวัด ปริมาณการใช้น้ำ (ลบ.ม.) / จำนวนผู้ใช้น้ำ (คน) บึงกาฬ 21 อุบลราชธานี 21 มุกดาหาร 21              อุดรธานี 22 มหาสารคาม 22 1 วันอีสานใช้น้ำเยอะแค่ไหนในปี 2567 ปี 2567อีสานใช้น้ำไป 26,883,016 ลบ.ม. คิดเป็นวันละ 73,652 ลบ.ม. หรือเทียบเท่า นาข้าว (ไร่)                           61 ล้างรถยนต์ (คัน)               184,130 เบียร์ (ขวด)               497,649 อาบน้ำ (ครั้ง)               818,357 คิดเป็นเงิน 2,135,911 บาท เทียบเท่า มาม่า (ซอง)         266,989 ปริมาณการใช้น้ำ ของอีสาน ในช่วง 3 ปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี ปริมาณการใช้น้ำ (ลบ.ม.) 2565 25,100,529 2566 25,781,107 2567 26,883,016 หมายเหตุ: ลบ.ม. = ลูกบาศก์เมตร ข้อมูล ณ วันที่ 29 มกราคม 2567   พามาสรุป อีสาน(ใช้)น้ำหลาย ผลิตเบียร์ได้เกือบ 500,000 ขวดเปิดสถิติการใช้น้ำในอีสานปี 2567 และผลกระทบต่ออนาคต  . น้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปริมาณการใช้น้ำของภาคอีสานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง […]

พามาสรุป อีสาน(ใช้)น้ำหลาย ผลิตเบียร์ได้เกือบ 500,000 ขวด อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🚆🧑‍🤝‍🧑การใช้บริการรถไฟในภาคอีสานบ้านเฮา!

โดยมาจากข้อมูลที่เรารวบรวมมาของแต่ละชั้นโดยสารนั่นเอง ตัวเลขปี 2566 จำนวนผู้โดยสารทั่วราชอาณาจักร 27,793,349 คน จำนวนผู้โดยสารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4,638,326 คน หรือคิดเป็น 16.69% จำนวนรายได้ทั่วราชอนาจักร 1,314,315,394 บาท จำนวนรายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 180,468,940 บาท หรือคิดเป็น 13.48% โดยแบ่งผู้โดยสารในภาคอีสานทั้ง 3 ชั้นได้ดังนี้ ชั้น 1 รวม 14,496 รายได้รวม 5,713,800 ไปอย่างเดียว 13,417 ไป-กลับ 1,079 ชั้น 2 รวม 532,960 รายได้รวม 83,336,352 ไปอย่างเดียว 499,173 ไป-กลับ 33,787 ชั้น 3 รวม 4,090,870 รายได้รวม 91,418,788 ไปอย่างเดียว 3,415,406 ไป-กลับ 158,458 รายเดือน 517,006 หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำมาแสดงมาจากปี 2566 และรายได้ที่นำมาแสดงมาจากรายได้โดยสารจากทั้ง 3 ชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับรายได้อื่นๆ ทั้งสิ้น . รถไฟเป็นหนึ่งในตัวเลือกการเดินที่คนเลือกใช้ทั้งระยะใกล้และไกล รวมถึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องมาจากความมีเสน่ห์ สะดวก ปลอดภัย ค่าโดยสารที่ราคาสามารถจับต้องได้ และเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารได้สัมผัสบรรยากาศระหว่างทาง ในปัจจุบันมีวิธีการเที่ยวผ่านทางรถไฟเยอะขึ้น นั้นจึงเป็นเสน่ห์หลักๆของการใช้บริการรถไฟ . จากการหาข้อมูลทำให้รู้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการใช้บริการรถไฟเป็นอันดับที่ 2 จาก 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของระบบขนส่งทางรางในพื้นที่นี้ และหวังว่าในอนาคตประเทศไทยจะทำรางรถไฟเพิ่ม เพื่อจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต โดยการให้บริการที่มีคุณภาพและเส้นทางที่เชื่อมต่อได้ง่ายจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารอย่างมาก ลำดับการเปิดใช้รถไฟในภาคอีสาน หลังจากสร้างทางรถไฟสายอีสาน เศรษฐกิจ สังคมอีสานเปลี่ยนไปอย่างมาก ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เป็นทางรถไฟสายแรกของรัฐบาลไทย ความคาดหวังของรัฐบาลที่จะเห็นประโยชน์อันเกิดจากการสร้างทางรถไฟสายนี้ จุดมุ่งหมายหลักของการสร้างทางรถไฟสายแรกนี้สรุปได้ 2 ประการ คือ 1. เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งผู้คนและสินค้า 2. เพื่อประโยชน์ในการปกครองและรักษาพระราชอาณาเขต (ขณะฝรั่งเศสได้ยึดครองเขมร, เวียดนาม แล้วก็พุ่งมาที่ลาวจนไทยต้องเสียสิบสองจุไทให้ฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2431 และเริ่มเข้าสู่ดินแดนลาวส่วนที่เหลือ) สถานีรถไฟในปัจจุบัน   การลงทุนในระบบรางรถไฟมีข้อดีต่อเศรษฐกิจ ในหลายด้าน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้: 1. ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า: รถไฟสามารถขนส่งสินค้าได้ในปริมาณมากต่อครั้ง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค ลดต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวม: ระบบรางที่มีประสิทธิภาพช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ทำให้ภาคธุรกิจสามารถบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2. กระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการก่อสร้างและพัฒนาระบบรางรถไฟต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม การจ้างงาน: การก่อสร้างและบำรุงรักษาระบบรางรถไฟ รวมถึงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง จะสร้างงานจำนวนมากในหลากหลายสาขาอาชีพ 3. ส่งเสริมการท่องเที่ยว การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว: รถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟที่เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

พามาเบิ่ง🚆🧑‍🤝‍🧑การใช้บริการรถไฟในภาคอีสานบ้านเฮา! อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 🗑 “กากของเสีย” จากอุตสาหกรรมบ้านเฮา

พามาเบิ่ง “กากของเสีย” จากอุตสาหกรรมบ้านเฮา จังหวัด ปริมาณของเสียทั้งหมด (ตัน) เลย                                           672,256 นครราชสีมา                                           594,088 ชัยภูมิ                                           374,469 อำนาจเจริญ                                           309,192 กาฬสินธุ์                                           295,333 ขอนแก่น                

พามาเบิ่ง 🗑 “กากของเสีย” จากอุตสาหกรรมบ้านเฮา อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง จังหวัดใหม่ในอีสาน ที่เเยกออกมาจากอีกจังหวัดหนึ่ง

Info :    จังหวัดที่ เเยกออกมา ปีที่เเยก (พ.ศ.) จังหวัดเเม่ +เเผนที่ ที่เเยกออก กาฬสินธ์ุ 2490 มหาสารคาม ขนาดเศรษฐกิจ 65,764 ล้านบาท  67,773 ล้านบาท  ประชากร 962,444 คน 929,952 คน พื้นที่ 6,936 ตร.กม. 5,607 ตร.กม. ยโสธร 2515 อุบลราชธานี ขนาดเศรษฐกิจ 32,468 ล้านบาท  141,089 ล้านบาท  ประชากร 525,325 คน 1,867,942 คน พื้นที่ 4,131 ตร.กม. 15,626 ตร.กม. มุกดาหาร 2525 นครพนม ขนาดเศรษฐกิจ 28,973 ล้านบาท  50,217 ล้านบาท  ประชากร 350,510  คน 710,740 คน พื้นที่ 4,126 ตร.กม. 5,637 ตร.กม. หนองบัวลําภู 2536 อุดรธานี ขนาดเศรษฐกิจ 31,755 ล้านบาท  120,539 ล้านบาท  ประชากร 504,379 คน 1,552,135 คน พื้นที่ 4,099 ตร.กม. 11,072 ตร.กม. อํานาจเจริญ 2536 อุบลราชธานี ขนาดเศรษฐกิจ 22,928 ล้านบาท  141,089 ล้านบาท  ประชากร 372,183 คน 1,867,942 คน พื้นที่ 3,290 ตร.กม. 15,626 ตร.กม. บึงกาฬ  2554 หนองคาย  ขนาดเศรษฐกิจ 31,755 ล้านบาท  47,315 ล้านบาท  ประชากร 418,733 คน 511,706 คน พื้นที่ 4,003 ตร.กม. 3,275 ตร.กม.   หมายเหตุ  :   ขนาดเศรษฐกิจ (GPP) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ปี2565 จํานวนประชากร ณ สิ้นปี 2567

พามาเบิ่ง จังหวัดใหม่ในอีสาน ที่เเยกออกมาจากอีกจังหวัดหนึ่ง อ่านเพิ่มเติม »

‘กู้มากกว่าออม’ ภาคอีสานภูมิภาคที่มีสัดส่วนเงินกู้มากที่สุดในประเทศ เผยยอด เงินออม-สินเชื่อ แบงก์พาณิชย์อีสาน ปี 2567

“ร้อยเอ็ด” กู้มากกว่าออมที่สุดในประเทศ ตามมาด้วย “จังหวัดกลุ่มราชธานีเจริญศรีโสธร” เงินฝากและสินเชื่อธนาคารพาณิชย์เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในแง่หนึ่ง เงินฝากช่วยให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเก็บออมเงินได้อย่างปลอดภัยพร้อมได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน ธนาคารสามารถนำเงินฝากเหล่านี้ไปปล่อยสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจ ในปี 2567 ปริมาณเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในภาคอีสานอยู่ที่ 11.2 ล้านล้านบาท และภาคอื่นๆ ได้แก่ ภาคกลาง 45.1 ภาคเหนือ 10.2 และ ภาคใต้ 10.5 (หน่วย: ล้านล้านบาท) สินเชื่อธนาคารพาณิชย์มีบทบาทสำคัญต่อการลงทุนและการบริโภคในทุกระดับ ทั้งบุคคล ธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจขนาดใหญ่ การเข้าถึงสินเชื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายกิจการ จ้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ สินเชื่อยังช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูง เช่น บ้านและรถยนต์ ผ่านระบบผ่อนชำระ  ในปี 2567 แนวโน้มปริมาณสินเชื่อรายเดือนลดลงต่อเนื่องทุกเกือบตลอดทั้งปี จากความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์และสัดส่วนหนี้เสียที่ยังสูง และจะพบได้ว่าหลังจากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในจาก 2.50% เป็น 2.25% ส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อรายเดือนในช่วงสิ้นปีสูงปรับขึ้นเล็กน้อย โดยปริมาณสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในภาคอีสานรวมตลอดทั้งปีอยู่ที่ 11.6 ล้านล้านบาท พาสำรวจเบิ่ง เงินฝากในอีสานกว่า 9.5 แสนล้านบาท แต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนในช่วง 10 ปี   สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก: ตัวชี้วัดความสมดุลทางการเงิน โดยจังหวัดที่มีปริมาณเงินฝากและสินเชื่อมากในอีสานโดยปกติแล้วก็เป็นจังหวัดใหญ่ที่มีเงินสะพัดมากเช่น นครราชสีมา ที่มีเงินฝากและสินเชื่อเกือบ 20% ของทั้งหมดในอีสาน แต่หากพิจารณาถึง ‘ความสมดุล’ ระหว่างการฝากออมและการกู้เงิน ความสัมพันธ์ระหว่างเงินฝากและสินเชื่อสะท้อนถึงการจัดสรรทรัพยากรทางการเงินที่เกิดขึ้นผ่านธนาคารพาณิชย์ สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (Loan to Deposit Ratio: LDR) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยวิเคราะห์ความสมดุลของการพัฒนาทางการเงินในแต่ละพื้นที่ คำนวณได้จาก สินเชื่อทั้งหมด หารด้วย เงินฝากทั้งหมด โดยในปี 2567 ภาคอีสานมี LDR อยู่ที่ 103% และภาคอื่นๆได้แก่ ภาคกลาง 60% ภาคเหนือ 75% และภาคใต้ 83% ซึ่งจากภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วน LDR สูงที่สุดในประเทศ และยังเป็นภูมิภาคเดียวที่มีสัดส่วน LDR เกิน 100% (หากไม่รวมกรุงเทพฯ) ซึ่งสะท้อนว่า ภาคอีสานมีความต้องการสินเชื่อ ที่สูงกว่า การเก็บออม จังหวัดที่มี LDR สูงเกิน 100% หากมองลึกลงไปในระดับจังหวัดของภาคอีสาน พบว่า มี 11 จังหวัดในภาคอีสานที่มีสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากสูงกว่า 100% ได้แก่: ร้อยเอ็ด (150%) บึงกาฬ (121%) อุบลราชธานี (119%) สกลนคร (115%) ขอนแก่น (114%) อำนาจเจริญ (112%) สุรินทร์ (109%) ยโสธร

‘กู้มากกว่าออม’ ภาคอีสานภูมิภาคที่มีสัดส่วนเงินกู้มากที่สุดในประเทศ เผยยอด เงินออม-สินเชื่อ แบงก์พาณิชย์อีสาน ปี 2567 อ่านเพิ่มเติม »

ครั้งแรกในรอบ 10 ปี คนอีสาน เกิด-ตาย เกือบเท่ากัน ในขณะที่คนไทยเกิดน้อยกว่าตาย 4 ปีซ้อน

“การลดลงของประชากรอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง มีรายได้สูง ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของประชากร เกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้ต่ำ และอาจมีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ” วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   ปัญหาการลดลงของอัตราการเกิดใหม่ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญและพยายามแก้ไขอย่างจริงจัง แม้ว่าผลกระทบในปัจจุบันอาจยังไม่ชัดเจน แต่ในอีก 20-30 ปีข้างหน้า การหดตัวของประชากรวัยแรงงานจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง และประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   ทำไมคนไทยถึงมีลูกน้อยลง สาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจไม่มีลูกหรือมีลูกน้อยลงนั้น เกิดจากทั้งวิถีชีวิตและทัศนคติที่เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น มีความหลากหลายทางเพศที่ทำให้รูปแบบครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ขยับตัวไม่ทัน ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้จึงไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้อย่างมีคุณภาพ กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ทำให้ตัดสินใจไม่อยากมีลูก เนื่องจากกังวลเรื่องรายได้ ค่าใช้จ่าย และหนี้สิน ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนจบปริญญาตรีสูงถึงประมาณ 5 แสน จนถึง 2 ล้านบาทต่อคน ทำให้หลายครอบครัวลังเลหรือชะลอการมีบุตร   10 ปีที่ผ่านมาการเกิดของคนไทยลดลงไปมากแค่ไหน ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาคนไทยมีจำนวนการเกิดลดลงในทุกๆปี ซึ่งตรงกันข้ามกับอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี การระบาดของโควิด-19 เป็นเสมือนสิ่งที่กระตุ้นให้ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2564 เป็นปีที่คนไทยมีจำนวนการเกิดใหม่อยู่ที่ 544,570 คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมีสูงถึง 563,650 คน ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในทางกลับกันการระบาดของไวรัสทำให้ผู้คนพบเจอกันน้อยลงปฎิสัมพันธ์ของคนก็น้อยลงเช่นกัน เหลือแต่เพียงการติดต่อกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แม้จะผ่านพ้นช่วงการระบาดของโควิด-19 มาแล้วก็ตามแต่จำนวนการเสียชีวิตของคนไทยก็ไม่ได้มีการลดลงต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19ขนาดนั้น หนำซ้ำจำนวนการเกิดของคนไทยกลับลดลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่กำลังเกิดในปัจจุบันเปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง และใกล้เข้ามามากขึ้นทุกวันๆ รศ.ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สถาบันฯ ได้ทำการสำรวจข้อมูลในปลายปี 2567 ในประชาชนไทยอายุ 28 ปีเป็นต้นไป จำนวน 1,000 กว่าคน พบว่า ร้อยละ 71 มองว่าการเกิดน้อยเป็นวิกฤตของประเทศ และมีเพียงร้อยละ 6 มีมองว่ายังไม่ใช่วิกฤต “ซึ่งข้อค้นพบนี้ทำให้เห็นว่าคนไทยเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของวิกฤตนี้ ส่วนคำถามถึงแผนการมีบุตรในกลุ่มประชากรที่มีความพร้อม พบว่าร้อยละ 35.8 ตอบว่าจะมีลูกแน่นอน ร้อยละ 29.9 ตอบว่า อาจจะมีลูก ร้อยละ 14.6 ตอบว่า ไม่แน่ใจ ร้อยละ 13.1 ตอบว่าจะไม่มีลูก และร้อยละ 6.6 ตอบว่าจะไม่มีลูกอย่างแน่นอน”จากชุดข้อมูลพบว่า มีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่คิดจะมีลูก แม้จะน้อยแต่ก็ยังเป็นแนวโน้มในเชิงบวก ส่วนกลุ่มที่ตอบว่า “อาจจะมีลูก” นั้น เป็นกลุ่มสำคัญต่อนโยบายส่งเสริมการมีลูก ที่จะต้องไปพูดคุยอย่างชัดเจนให้ถึงสาเหตุของการตอบว่า อาจจะ เพราะหากมีการสนับสนุนที่ตรงจุดก็จะทำให้กลุ่มดังกล่าว มั่นใจที่จะมีลูกเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ประชากรที่จะมีลูกอย่างแน่นอนเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละกว่า 60   ภาพที่ 1: จำนวนการเกิด และเสียชีวิตของประชากรทั่วประเทศ พ.ศ. 2558

ครั้งแรกในรอบ 10 ปี คนอีสาน เกิด-ตาย เกือบเท่ากัน ในขณะที่คนไทยเกิดน้อยกว่าตาย 4 ปีซ้อน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง!  บริษัทเหล่านี้ดําเนินกิจการมากี่ปี ปัจจุบันถึงมีรายได้มากสุดของจังหวัดในอีสาน

ชวนมาเบิ่ง!  บริษัทเหล่านี้ดําเนินกิจการมากี่ปี ปัจจุบันถึงมีรายได้มากสุดของจังหวัดในอีสาน . หลากหลายกิจการที่ก่อกําเกิดขึ้นในเเต่ละจังหวัดในอีสาน ต่างก่อตั้งเเละล้มเลิกไปตามกระเเสกาลเวลาเเละเศรษฐกิจในเเต่ละช่วงสถานการณ์  . เเต่ละจังหวัดในอีสานต่างมีกิจการที่สามารถทํารายได้มากที่สุดของจังหวัดเป็นหน้าเป็นตาถึงความสําเร็จในทางค้าขาย เเต่กว่าจะมีวันนี้กิจการเหล่านี้เริ่มต้นก่อร่างสร้างตัวกิจการมาเป็นระยะเวลาเท่าใดถึงยังคงดํารงอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน  . จากข้อมูล กิจการที่มีรายได้มากที่สุดของเเต่ละจังหวัดในอีสานเเละมีอายุกิจการมากที่สุดคือ บริษัท เล้งเส็ง จำกัด ในกลุ่มบริษัท เล้งเส็ง กรุ๊ป ที่เป็นผู้นำด้านการค้าปลีกและค้าส่งแห่งใหญ่ของจังหวัดสกลนคร ที่จดทะเบียนจดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด เล้งเส็ง ในวันที่ 1 เมษายน  พ.ศ. 2511 เเละเเปรสภาพในปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันดําเนินกิจการมาราว 56  ปีเสียจะได้ ส่วนบริษัท ซีวายวาย โกลบอล จำกัด  ที่ทําธุรกิจการผลิตสตาร์ชมันสำปะหลัง จนมีรายได้กว่า 2,4447 ล้านบาทมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ มีอายุกิจการน้อยสุดเพียง 7 ปีเท่านั้น . กิจการที่รายได้มากที่สุดในอีสานอย่าง  บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จากร้อยเอ็ดก็ใช้เวลาเดินทางร่วมกว่า   29 ปี จนเป็นกิจการที่มีรายได้กว่า 30,000 กว่าล้านบาทต่อปีในปัจจุบัน . แต่ละบริษัทไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาล เเต่ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดของตนอย่างมีนัยสำคัญ จากบริษัทที่มีอายุหลายปีถึงบริษัทใหม่ที่เข้ามาในตลาด ทุกบริษัทล้วนทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตและพัฒนาที่ยั่งยืนในอีสาน ยิ่งไปกว่านั้นความสำเร็จของกิจการเหล่านี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคนี้.   . หมายเหตุ :นับจากวันที่จดทะเบียนจัดตั้ง, ข้อมูลรายได้ปี 2566 ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า,เว็บไซต์ของบริษัท .. ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ธุรกิจรายได้มากสุด #บริษัทรายได้มากสุด #บริษัทอายุมากสุด #บริษัทเก่าสุด

ชวนมาเบิ่ง!  บริษัทเหล่านี้ดําเนินกิจการมากี่ปี ปัจจุบันถึงมีรายได้มากสุดของจังหวัดในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง! บริษัทเหล่านี้ดําเนินกิจการมากี่ปี ปัจจุบันถึงมีรายได้มากสุดของจังหวัดในอีสาน

จุดเริ่มต้นของฟาร์มโชคชัย เรื่องราวของฟาร์มแห่งนี้เริ่มต้นจาก คุณโชคชัย บูลกุล ชายหนุ่มผู้หลงใหลในวิถีชีวิตแบบ “คาวบอย” ความฝันของเขาพาให้เขาเดินทางไปศึกษาต่อด้านสัตวบาลที่ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐอเมริกา เพื่อสานต่อความหลงใหลให้กลายเป็นอาชีพ คุณโชคชัยเป็นบุตรชายของ นายมา บูลกุล และ นางบุญครอง บูลกุล เจ้าของอาณาจักรโรงสีข้าวและห้างสรรพสินค้า “มาบุญครอง” (MBK) ที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงเทพฯ แม้จะเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ แต่เส้นทางที่เขาเลือกเดินนั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เมื่อกลับมาจากสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2500 แม่ได้มอบรถสปอร์ตเป็นของขวัญ เขาขับรถท่องไปตามถนนมิตรภาพจนมาถึงอำเภอปากช่อง และตกหลุมรักธรรมชาติอันงดงามของ ป่าดงพญาไฟ ความประทับใจครั้งนั้นทำให้เขาตัดสินใจสร้างฟาร์มของตัวเอง เขาขอเงินลงทุนจากครอบครัว 1 แสนบาท แต่ได้รับเพียง 2 หมื่นบาท เท่านั้น ด้วยความมุ่งมั่น เขาจึงกลับไปช่วยบริหารธุรกิจโรงสีของครอบครัวเพื่อเก็บเงินสะสมจนสามารถซื้อที่ดินและเริ่มต้นเป็นคาวบอยได้ตามที่ฝัน จากฟาร์มเล็กๆ สู่ธุรกิจร้อยล้าน ชีวิตของคุณโชคชัยไม่ได้ราบรื่นเสมอไป หลังจากทำฟาร์มได้ 7 ปี เขาพบว่าหากดำเนินกิจการแบบเดิมต่อไป ฟาร์มอาจไปไม่รอด เขาจึงตัดสินใจทำอาชีพเสริมในด้านการก่อสร้าง หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเปิดร้านอาหาร “โชคชัยสเต็กเฮ้าส์” ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2514 บนชั้น 23 ของ “ตึกโชคชัย” ซึ่งเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยในเวลานั้น อย่างไรก็ตาม ฟ้าก็ยังคงไม่เข้าค้างเข้า เมื่อสัญญาจ้างก่อสร้างสนามบิน 8 แห่งของสหรัฐฯ ถูกยกเลิก เพราะสหรัฐฯ ถอยทัพจากสงครามเวียดนาม ด้วยปัญหาทางการเงิน ตึกโชคชัยถูกขายไป และปัจจุบันกลายเป็น สำนักงานใหญ่ของธนาคารยูโอบี (UOB) แต่แม้จะสูญเสียทรัพย์สินบางส่วน ธุรกิจฟาร์มโชคชัยกลับเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟาร์มโชคชัยในปัจจุบัน ปัจจุบัน ฟาร์มโชคชัย มีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ และโคนมกว่า 3,000 ตัว นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครืออีก 6 บริษัท ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายด้าน ภายใต้การบริหารของ คุณโชค บูลกุล ทายาทรุ่นที่สอง ธุรกิจครอบครัวแห่งนี้เติบโตขึ้นจากความฝันของผู้เป็นพ่อ การวางแผนบริหารของผู้เป็นแม่ และการสืบทอดเจตนารมณ์โดยลูกชาย ทุกองค์ประกอบเหล่านี้ช่วยผลักดันให้ “ฟาร์มโชคชัย” กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจที่แข็งแกร่ง และพร้อมปรับตัวเพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง หากพูดถึงฟาร์มโชคชัย ธุรกิจหลักที่หลายคนจะนึกถึงกันนอกจากฟาร์มโคนมได้แก่ ธุรกิจอาหารของร้านโชคชัยสเต็กเฮ้าส์ จากจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2514 และในปี พ.ศ. 2529 ได้ขยายสาขามายังฟาร์มโชคชัย ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับผู้ที่เดินทางผ่านปากช่อง และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ได้เปิดสาขาเพิ่มที่รังสิต จนกลายเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมและมีลูกค้าประจำที่พร้อมกลับมาซ้ำอีก ความพิเศษของโชคชัยสเต็กเฮ้าส์อยู่ที่คุณภาพของเนื้อวัว ซึ่งมาจากวัวที่เลี้ยงเองในฟาร์มโชคชัย คัดสรรสายพันธุ์อย่างพิถีพิถัน พร้อมด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงและกรรมวิธีการปรุงที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด รสชาติของสเต็กที่ถูกปรุงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานที่ทำให้ร้านยังคงครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน อีกหนึ่งธุรกิจที่หลายคนคุ้นเคยกันดีเมื่อเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อนั่นคือนมแบรนด์ฟาร์มโชคชัย แต่หนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบคือนมแบรนด์ฟาร์มโชคชัยนั้นไม่ใช่ของฟาร์มโชคชัยแล้ว ผลจากในช่วงที่คุณโชคชัยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จัดหาเครื่องจักรกล และอุปกรณ์ก่อสร้างให้แก่กองทัพอากาศอเมริกัน ในปี 2512 บริษัทได้บุกเบิกกิจการฟาร์มโคเนื้อจนถึงปี 2519 ฟาร์มโชคชัยประสบปัญหาการผลิต ทำให้ผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจโคนม

ชวนมาเบิ่ง! บริษัทเหล่านี้ดําเนินกิจการมากี่ปี ปัจจุบันถึงมีรายได้มากสุดของจังหวัดในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตัวอย่าง พระพุทธรูปไม้ ทั้ง 7 ปางในอีสาน

พามาเบิ่งตัวอย่าง พระพุทธรูปไม้ ทั้ง 7 ปางในอีสาน . พระพุทธรูปไม้ในภาคอีสานเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความศรัทธาและฝีมือของบรรพบุรุษไทย การแกะสลักพระพุทธรูปจากไม้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า แต่ยังเป็นการสืบสานศิลปะและวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ ในบทความนี้ เราจะพาท่านไปทำความรู้จักกับพระพุทธรูปไม้ทั้ง 7 ปางที่พบในภาคอีสาน ซึ่งแต่ละปางมีความหมายและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ   ปางพิศดารปาง: เป็นอิริยาบถที่พระพุทธองค์เสด็จไปยังสำนักงานชฏิล บริวารริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา พระพุทธองค์สามารถเสด็จจงกรมอยู่ได้ในกลางแจ้งท่ามกลางสายฝนโดยไม่เปียก ทำให้คนทั้งหลายยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ ปางนี้สะท้อนถึงพลังอำนาจและความเมตตาของพระพุทธเจ้าในการโปรดสัตว์   ปางห้ามญาติ: แสดงถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปห้ามสงครามการแย่งน้ำระหว่างพระญาติฝ่ายพระบิดา (กษัตริย์ชาวศากยะ) กับพระญาติฝ่ายพระมารดา (กษัตริย์ชาวโกลิยะ) พระพุทธรูปไม้ปางห้ามญาติพบในภาคอีสานจำนวนเพียง 5 องค์เท่านั้น สะท้อนถึงความหายากและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของปางนี้   ปางประทับยืน:เป็นอิริยาบถที่พระพุทธองค์เสด็จออกโปรดสัตว์ ณ หน้ามุขพระคันธกุฏิ หรือบางครั้งอาจเป็นปางประทับยืนบำเพ็ญสมาธิ ปางนี้แสดงถึงความพร้อมในการเผยแผ่ธรรมและความสงบในจิตใจของพระพุทธเจ้า   ปางพิจารณาชราธรรม: แสดงถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ประทับจำพรรษา ณ บ้านเวฬุวคาม ในพรรษานั้นพระองค์ทรงประชวรหนัก แต่สามารถขับไล่พยาธิทุกข์ให้ระงับลงด้วยอิทธิบาทภาวนา ปางนี้สอนให้เราตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิตและการพิจารณาธรรมเพื่อความหลุดพ้น   ปางสมาธิราบ (ปางตรัสรู้): เป็นอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา โดยพระหัตถ์ขวาจะวางทับพระหัตถ์ซ้าย ปางนี้พบมากเป็นอันดับสองรองจากปางมารวิชัย โดยพบถึง 180 องค์ในภาคอีสาน แสดงถึงความสำคัญของการบำเพ็ญสมาธิและการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า   ปางมารวิชัย: เหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะมารผจญ โดยประทับนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ นิ้วชี้พระแม่ธรณีเป็นพยานในการเอาชนะมาร บางครั้งเรียกว่าปางสะดุ้งมาร ปางนี้นิยมทำเป็นพระประธานในโบสถ์ และพบมากที่สุดในภาคอีสานถึง 1,243 องค์ จากพระไม้ทั้งหมด 1,669 องค์   ปางนาคปรก: พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขภายในวงขนดของพญานาคที่ขนดแวดล้อมพระกาย ปางนี้สะท้อนถึงการปกป้องและความสงบสุขที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม   พระพุทธรูปไม้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของช่างไม้ในอดีต ในปัจจุบันมีการรวบรวมและจัดแสดงพระพุทธรูปไม้ในพิพิธภัณฑ์และวัดต่างๆ ในภาคอีสาน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมนี้สืบไป . ที่มา: ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #วิถีไทบ้าน #ISANCulture #พระพุทธรูปไม้  #พระพุทธรูปในภาคอีสาน #พระพุทธรูปไม้ในภาคอีสาน #พระพุทธรูป #พระพุทธรูปไม้ #ศาสนาพุทธ #องค์พระปฎิมา

พามาเบิ่ง ตัวอย่าง พระพุทธรูปไม้ ทั้ง 7 ปางในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ทำไมโคราช ถึงถูกเสนอให้เป็น เมืองหลวงแห่งที่ 2 ในวันที่ กรุงเทพฯ อาจจมบาดาล

โคราช ถูกเสนอเป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 หลังถูกพูดถึงอีกครั้ง ในการประชุมแก้ปัญหาวิกฤต กทม. เมืองหลวงที่กำลังจะจมน้ำจากภาวะโลกร้อน หลังจากมีข่าว กระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และ สรุปผลการพิจารณาข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ แยกเป็นประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ ในส่วนของแผนการจัดน้ำที่ดี กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจัดหาพื้นที่รองรับน้ำและกักเก็บน้ำเพิ่มเติมสำหรับแผนการจัดการน้ำในระยะกลางแล้ว และได้ดำเนินการก่อสร้างระบบระบายน้ำ ซึ่งเป็นอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่แล้ว 4 แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 แห่ง และมีแผนสร้างคันกั้นน้ำด้านตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเพื่อการจัดการน้ำในระยะยาวอีกด้วย ในส่วนของโครงสร้างการป้องกันชายฝั่งกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำโครงสร้างแบบแข็ง (เขื่อนกันคลื่น/กำแพงกันคลื่น) และแบบอ่อน (เนินทราย/ป่าชายเลน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดสมุทรสาคร และกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลียทางด้านวิชาการด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะระบบระบายน้ำ การย้ายเมืองหลวง จากกรุงเทพมหานครไป จังหวัดนครราชสีมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า การการย้ายเมืองหลวงจะต้องมีการทำประชามติ และประเมินผลกระทบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการและการจ้างงาน และกระทบต่อวิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชน ดังนั้น การสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือดำเนินการเพิ่มเมืองศูนย์กลาง ระดับภาคและศูนย์กลางรองระดับภาคเพื่อสร้างสมดุลให้แก่ระบบเมืองของประเทศ น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า ความเหมาะสมของจังหวัดนครราชสีมา ที่จะเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศไทย โดยปัจจุบันกรมโยธาธิการและผังเมือง และกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการศึกษาและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานแล้ว เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ทั้งนี้ ควรมีการศึกษาด้านทรัพยากรน้ำในทุกมิติให้เกิดความมั่นคงและความสมดุลกับความต้องการน้ำในอนาคต และศึกษาแนวทางการย้ายเมืองหลวงของประเทศอื่นเป็นแนวทางและเทียบเคียงด้วย การศึกษาในเรื่องน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเกิดจากภาวะโลกร้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษา เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เช่น การจัดทำ Sea barrier ได้แก่ การพัฒนาเขื่อน ประตูกั้นปากแม่น้ำ ประตูระบายน้ำ คันกั้นน้ำทะเล รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาแนวทางการป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา และการศึกษาการคาดการณ์อนาคต ระดับน้ำที่สูงขึ้นในแต่ละช่วงปี เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาให้เกิดความครอบคลุมและควรศึกษาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและปัญหาอย่างต่อเนื่อง การศึกษาผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า ควรมีการจัดทำฉากทัศน์ เพื่อเปรียบเทียบ สถานการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางเลือกและผลได้ผลเสียเปรียบเทียบ และควรศึกษาผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นให้รอบคอบเพื่อกำหนดแผนป้องกัน แก้ไข และการจัดการแบบปรับตัว (Adaptive Management) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การสนับสนุนการวิจัยพัฒนาในการออกแบบอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า ควรมีการศึกษาการออกแบบอาคารใหม่ และการปรับปรุงอาคารที่มีอยู่เดิมแบ่งตามประเภทอาคารที่ใช้งานรวมถึงขนาดและความสูงของอาคาร ควรมีการปรับปรุง Rule Curve ของแต่ละอาคารบังคับน้ำและอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งควรเตรียมการด้านกฎหมายและการสร้างความตระหนักให้หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนและประชาชน ควบคู่กันไป และควรมีการปรับกฎหมายสิ่งก่อสร้างให้สอดรับกับการปรับโครงสร้างอาคารสถานที่ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ประชุมครม.ได้มีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนจากนี้จะแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบตามขั้นตอนต่อไป ล่าสุด 4/2/2568 : ครม.รับฟังข้อเสนอ เมืองหลวงแห่งที่ 2 หนีวิกฤตกรุงเทพฯ จมน้ำ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รัฐบาลได้มีการพิจารณาหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม หนึ่งในแนวคิดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การย้ายเมืองหลวงไปที่จังหวัดนครราชสีมา หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “โคราช” ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากที่กระทรวงมหาดไทยรวบรวมความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ และเสนอให้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2

ทำไมโคราช ถึงถูกเสนอให้เป็น เมืองหลวงแห่งที่ 2 ในวันที่ กรุงเทพฯ อาจจมบาดาล อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top