Nanthawan Laithong

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “ทาเคชิ โกลด์ (Takeshi Gold)” อาณาจักรอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่ในภาคอีสาน

ร้านอาหารญี่ปุ่น “ทาเคชิโกลด์” เป็นความตั้งใจที่จะเข้าภาคอีสานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะคุณชัยวัฒน์เป็นคนนครราชสีมา แต่ได้ไปเริ่มที่ขอนแก่นก่อนเป็นสาขาแรกเมื่อปี 2561 แล้วก็ไปเปิดสาขาที่ ยูดีทาวน์ จ.อุดรธานี ปี 2562 และสาขานครราชสีมาปี 2563 ส่วนสาขา 4 จะเปิดที่อุบลราชธานี ปี 2564 ครอบครัวของคุณชัยวัฒน์ ทำธุรกิจขายวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำมานาน 34 ปี ซึ่งส่งให้ร้านอาหารญี่ปุ่นหลักๆทั่วประเทศ จึงอยากแตกไลน์ธุรกิจของที่บ้าน และอยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง จากนั้นได้มาบริหารที่ บริษัทเบียร์ไฮเนเก้น เป็นผู้จัดการ 9 ปีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั่นก็ลาออกมาช่วยที่บ้าน และก็คิดว่าอยากแตกไลน์ออกมา เพราะมีวัตถุดิบอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ “ทาเคชิ” มาจากชื่อคนญี่ปุ่นไม่ได้มีความหมายอะไร แต่อยากตั้งชื่อให้คนเข้าถึงง่าย พูดถึงนึกถึงแล้วคนรู้จักเลย จึงได้ใช้ชื่อนี้ “ทาเคชิ” ที่ขอนแก่นถือว่าประสบความสำเร็จในเวลาแค่ 3 เดือน จากนั้นจึงได้ขยายสาขามีทุนไปต่อที่อุดร แล้วก็มาที่นครราชสีมา โดยสำหรับจุดเด่นของอาหารญี่ปุ่น คือ เป็นซอส 5 ตัวที่ร้านตีเอง เป็นสูตรเฉพาะของร้านเอง ส่วนเมนูอาหารมี 116 เมนู ซิกเนเจอร์ของร้าน คือ ทาเคชินิเคดิ, นิเคดิหน้าเยิ้ม, คันชี่โรล, และหัวปลาต้มซีอิ๊ว ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ ราคาบุฟเฟต์แซลมอลสด 399 บาท ไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งไม่จำกัดเวลา อ้างอิงจาก: https://www.koratstartup.com/235678/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0305563006767 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ทาเคชิ #อาหารญี่ปุ่น #ขอนแก่น #อุดรธานี #นครราชสีมา #Takeshi

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ

“เชฟหนุ่ม-กิตติศักดิ์ ลีล้อม” เขาเป็นคนอุบลฯ แท้ ๆ เกิดและเติบโตที่บ้านหนองเม็ก ตำบลหนองช้างใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ หลังจากเรียนจบมัธยมต้น ด้วยความที่บ้านมีฐานะค่อนข้างยากจน เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ แต่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปทำงานตามคำชักชวนของพี่ที่รู้จัก จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ย่านสุขุมวิท ณ เวลานั้น เด็กชายหนุ่มอายุ 17 ปี ตั้งเป้าหมายชีวิตเพียงว่าอยากมีหน้าที่การงานมั่นคง ส่งเสียตัวเองและครอบครัวได้ แต่หารู้ไม่ว่า อีกสิบกว่าปีต่อมา เขาจะกลายเป็นผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาทั่วประเทศ ทำรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องชาวอุบลฯ ตลอดจนคนหนุ่มสาวในภาคอีสาน รวมแล้วเฉียดพันชีวิต วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาดูจุดเริ่มต้นของ “โอชิเน” ว่าเป็นอย่างไร? หลังเรียนจบมัธยมต้น เชฟหนุ่มตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องการเรียนเท่าไหร่ อยากลองทำงานหาเงินแล้ว จึงตัดสินใจไปทำ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในซอยสุขุมวิท 11 มีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น พอไปถึงเขาก็สอนทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการล้างผัก การเตรียมวัตถุดิบ การเก็บรักษาวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ผมได้ฝึกกับเชฟคนญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ได้ซึมซับความเป็นระบบระเบียบมา อย่างที่ทราบว่าคนญี่ปุ่นเขาค่อนข้างเข้มงวด ทุกอย่างต้องเป๊ะตามมาตรฐานที่เขากำหนดไว้ เมื่อทำได้ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้น เชฟหนุ่มจึงเกิดความคิดว่า ถ้าเราเปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากที่ใหม่ ๆ ก็น่าจะพัฒนาฝีมือตัวเองได้ พูดง่าย ๆ คือได้ทั้งประสบการณ์ ทั้งฝีมือ ทั้งเงินเดือน เชฟหนุ่มเลยตัดสินใจย้ายไปอีกที่หนึ่ง เป็นร้านที่ 2 ร้านนี้โดดเด่นเรื่องเส้นโซบะสด ทำจากแป้ง Buckweed ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็มีวัตถุดิบพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น เช่น ปลาฮามาจิ ปลาหายากหลายชนิด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เราไม่เคยเห็นที่ร้านเก่า ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกมากมาย หลังจากนั้นเชฟหนุ่มย้ายร้านอีกประมาณ 2 – 3 ที่ ทั้งร้านอิซากายะ ร้านเทปปันยากิ ร้านที่เน้นเสิร์ฟเซ็ตเบนโตะ เรียกว่าได้ทำครบเกือบทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่น จนมีโอกาสได้ไปทำที่ร้าน Tensui ทำอยู่ประมาณ 2 ปีก็ย้ายไปอยู่ร้าน Honmono Sushi ของเชฟบุญธรรม ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่วงที่ทำอยู่กับเชฟบุญธรรและเชฟบรรณฑูร ทั้งสองคนเป็นทั้งหัวหน้างานและอาจารย์ที่เชฟหนุ่มเคารพ สิ่งที่เชฟทั้งสองสอนนอกเหนือไปจากเรื่องการทำอาหาร คือเรื่องความสม่ำเสมอ หมั่นฝึกฝน พูดง่าย ๆ ว่าเมนูเดิม ทำ 10 ครั้งต้องเหมือนเดิมทั้ง 10 ครั้ง ถ้าทำได้แบบนั้นถือว่าโอเค ซึ่งต้องเริ่มจากการรู้ทฤษฎีก่อน ต้องมีความรู้ก่อน เมื่อทฤษฎีแม่น ก็ลองปฏิบัติ ฝึกฝนจนชำนาญเพื่อลดการสูญเสียหรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด พอทำที่ Honmono Sushi ได้ประมาณ 1 ปี มีงานที่ต่างประเทศติดต่อเข้ามา ให้เชฟหนุ่มไปเป็นเชฟประจำร้านอาหารที่อเมริกา …

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” อาณาจักรขายปลีกวัสดุก่อสร้าง

บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2512 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยเริ่มจากการเป็นธุรกิจครอบครัว มีหน้าร้านเป็นห้องแถว 2 ห้อง ก่อนจะขยายธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงสู่ปีที่ 53 โดยปัจจุบันมีหน้าร้านเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และมีการขยายสาขาไปจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย ด้วยความมุ่งมั่นในการบริการและเอาใจใส่ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง จึงได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับช่าง งานเหล็กทุกชนิด วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านงานโลจิสติกส์ โดยมุ่งเน้นสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม และยึดหลักในการอำนวยให้ความสะดวกลูกค้าว่า “มาที่นี่ได้ของครบจบในที่เดียว” (One Place Has All) แม้ปัจจุบันจะมีการเปิดสาขาใหม่ของกลุ่มทุนโมเดิร์นเทรดที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งจังหวัดหัวเมืองใหญ่อย่างขอนแก่น แต่ด้วยความที่บริษัทมีทีมงานคอยแนะนำและให้คำปรึกษากับลูกค้า รวมถึงการจัดสรรสินค้าให้อย่างรวดเร็ว เช่น หากมาที่ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ลูกค้าจะได้รับบริการที่รวดเร็วและได้สินค้าครบภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดส่งหริการหาสินค้าตรงกับความต้องการลูกค้าอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือ ส่วนในกรณีที่ซื้อสินค้าไปแล้วมีปัญหาสามารถนำกลับมาให้ทีมงานช่วยแก้ไขได้ รวมทั้งสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถหาซื้อตามออนไลน์หรือหาซื้อตามร้านอื่นไม่ได้ ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์สามารถจัดหาให้ได้ อีกทั้งบริษัทมีทีมพนักงานขายที่เชี่ยวชาญในการบริการกับลูกค้าในหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม หรือกลุ่มลูกค้าตามหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีระบบจัดส่งที่บริการลูกค้าได้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด และอุดรธานี โดยทุกครั้งที่ทีมขายลงพื้นที่จะมีให้คำปรึกษาและสอบถามถึงความต้องการของลูกค้าด้วยความเอาใจใส่ ทำให้ลูกค้าประทับใจและเลือกใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ช่วงนั้นร้าน Modern Trade ต่างๆ มียอดขายลดลงและหลายแห่งที่ต้องปิดกิจการ แต่ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ยังสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการมี Long Term Relationship ที่ดีกับลูกค้า ทำให้ถูกนึกถึงเป็นเจ้าแรกเมื่อต้องการซื้อสินค้า ปัจจุบันไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ มีการรวมทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อแบรนด์ (Omni Channel) ได้ แม้รายได้หลักจะมาจากการขายผ่านหน้าร้านและการบริการลูกค้าถึงที่ แต่ก็ต้องมีช่องทางออนไลน์ด้วย เช่น Facebook, Shopee และ Line เพื่อส่งเสริมยอดขาย ทำให้เป็นที่รู้จัก ตอบทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้า โดยสิ่งสำคัญที่บริษัทต้องมีก็คือ “ทีมงาน” ที่เข้าใจวัฒนธรรมและบริบทของคนในพื้นที่นั้นๆ เพื่อการวางแผนพัฒนาด้านการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นทางธุรกิจของ “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า แม้กระแสตลาดออนไลน์จะมาแรง แต่บางธุรกิจกลับเหมาะแบบออฟไลน์มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นทุกองค์กรก็ควรมีการตลาดแบบ Omni Channel โดยสิ่งที่ทุกบริษัทควรทำก็คือ การมีบริการที่ดี รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายเป็นจุดแข็งในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยาวนานกว่า 53 ปีของ “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbanksme.com/…/local-hero-thaipipat… https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0405529000165 https://www.tpphw.co.th/about-tpphw #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ #วัสดุก่อสร้าง #ขอนแก่น

พาส่องเบิ่ง “อาณาจักรณัฐกรุ๊ป”

“คุณวิชัย” เล่าให้ฟังว่า ปี 2565 จะครบ 20 ปีในการดำเนินธุรกิจ มีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง จากเดิมเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ในนาม“ณัฐ มอเตอร์เซลส์” มีการขยายสาขาไปตามอำเภอต่าง ๆ โดยการเช่าพื้นที่ ปัจจุบันกำลังเริ่มหาซื้อที่ดินในการสร้างโชว์รูปแห่งใหม่ เพื่อลดต้นทุนค่าเช่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ ทำคล้ายโชว์รูมรถยนต์ คือ มีที่จอดรถให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ มีจุดรับรถไว้บริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย เริ่มสาขาเปิดใหม่ในใจกลางเมือง คือ สาขาถนนทหาร และสาขาตลาดหนองบัว นอกจากนั้นได้เริ่มขยายสาขาออกต่างจังหวัด เริ่มต้นที่จังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้ การซื้อที่ดินสร้างโชว์รูมใหม่ในต่างอำเภอ และรีโนเวตสาขาเก่า คาดจะใช้งบประมาณรีโนเวตประมาณ 100 ล้านบาท “จากที่ลูกค้าต้องเข้าไปในเมือง เดี๋ยวนี้ลูกค้าต้องการความสะดวกมากขึ้น มีที่จอดรถมากขึ้น เราเห็นตัวอย่างจากเซเว่นอีเลฟเว่น ตรงไหนมีที่จอดรถ ก็จะขายดีขึ้น เราก็ตอบโจทย์ลูกค้าแนวทางเดียวกัน แต่ก็ต้องลงทุน เรามองศักยภาพระยะยาว รองรับคนมาอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น” ในส่วนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใหญ่ ในนาม “ณัฐ บิ๊กวิงค์” มองว่าตลาดรถจักรยานยนต์ใหญ่ยังไปได้ โดยณัฐ บิ๊กวิงค์ อุดรธานี ได้อันดับ 1 ของประเทศไทย รางวัลแข่งขันการขายดีลเลอร์ไซซ์ XXL จึงมีการขยายสาขาไปยังจังหวัดขอนแก่น ได้รับการตอบรับที่ดี “รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ ยอดขายยังดีแม้จะลดลง เรามีโปรโมชั่นดึงกำลังซื้อ ตอนนี้ตลาดบิ๊กวิงค์เริ่มเต็ม เราสามารถรองรับลูกค้าได้อีกหลายปี ความต้องการใหม่ ๆ ไม่ได้เร็วขึ้น ตลาดมอเตอร์ไซค์มีการเปิดตัวทางออนไลน์มาตลอด ต้นปีหน้าก็จะมีโมเดลใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด” สำหรับธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์มือสอง มีเพียง 1 สาขา คือ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับณัฐ มอเตอร์เซลส์ สาขาตลาดหนองบัว (ข้างสนามเวสสุวรรณ) ในชื่อ “ณัฐ รถมือสอง” จะมีการรีโนเวตปลายปีนี้ “เท่าที่มอง ตลาดรถจักรยานยนต์มือสองโดยภาพรวมไม่ค่อยโต ตัวไหนที่ตลาดยังไม่ทำ เราก็เข้าไปทำเป็นช่องทางการตลาด เศรษฐกิจเป็นแบบนี้เราต้องเจาะเข้าไป มอเตอร์ไซค์ยอดขายเติบโตไม่ได้ลดลง รถครอบครัวเติบโต จากโรคระบาดคนย้ายกลับมาบ้านต่างจังหวัดกันมาก” “แนวโน้มการขายมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐาน การเดินทาง คนไม่อยากใช้รถสาธารณะเพราะกลัวติดโรคระบาด ในต่างจังหวัดรถมอเตอร์ไซค์ยังเป็นพาหนะที่สะดวกสบายอยู่ และตอบโจทย์ไม่ใกล้ชิดคน จึงมีแนวโน้มเติบโตในต่างจังหวัด” ในส่วนของธุรกิจรถยนต์นิสสันในนาม “ณัฐ ออโต้คาร์” ในช่วง 3 ปีนี้ มีการขยายสาขา โดยในจังหวัดอุดรธานี 2 แห่ง และ จ.หนองคาย 1 แห่ง รวมเป็น 3 แห่ง และกลับมาปรับปรุงสาขาใหญ่ใน จ.อุดรธานี คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 60 ล้านบาท ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ในนาม “ณัฐ บาวาเรียน มอเตอร์” มีการปรับพื้นที่ด้านข้าง เพื่อขยายและเปิดขายรถบีเอ็มดับเบิลยูมือสอง ครั้งแรกในจังหวัดอุดรธานี …

พาส่องเบิ่ง “อาณาจักรณัฐกรุ๊ป” อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “EVEANDBOY” อาณาจักรเครื่องสำอางเจ้าดังระดับประเทศ

จุดเริ่มกำเนินของต้นของ EVEANDBOY EVEANDBOY เริ่มจากร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ชื่อ “สารคามซูเปอร์มาร์เก็ต” ในจังหวัดมหาสารคาม โดยทำธุรกิจมานานหลายสิบปีตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ พอความความเจริญเข้าไปต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดห้างร้านโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เริ่มผุดกันเป็นดอกเห็ด ทำให้ธุรกิจต้องถึงเวลาปรับตัวแบบ 360 องศา ไม่อย่างนั้นก็จะสู้กับห้างไม่ได้ คุณ หิรัญ ตันมิตร เป็นหนึ่งในทายาทของสารคามซูเปอร์มาร์เก็ต ได้มีความคิดว่าถ้าขายสินค้าเครื่องสำอางน่ามีโอกาสไปรอดมากกว่า เพราะขายเครื่องสำอางมีกำไรส่วนต่างสูง จึงร่วมกับพี่สาวซึ่งได้เปิดและตั้งชื่อ EVEANDBOY ชื่อร้านมากจากชื่อเล่นของทั้งสองคน โดยร้านขายเครื่องสำอางเริ่มแรกปี พ.ศ.2548 เป็นจำหน่ายคอสเมติกหลากหลายยี่ห้อที่ได้นำแนวคิดจากต่างประเทศนำมาใช้ โดยมองว่าเป็นเทรนด์ของผู้หญิงยุคใหม่ชอบซื้อสินค้าจากร้านแบบนี้มากกว่าคอนเซาส์กับบีเอตามเคาน์เตอร์แบรนด์ห้างสรรพสินค้า เพราะลูกค้าสามารถเดินเลือกดูได้ตามความชอบ และจากการชักชวนปากต่อบากของลูกค้าทำให้ EVEANDBOY ขยายสาขาไปสู่กรุงเทพ และจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน จำนวน 11 สาขา และมีแผนขยายเพิ่มอีกในเวลาอันใกล้ รูปแบบธุรกิจ การทำธุรกิจของ EVEANDBOY คือ การขายพร้อมขยายตลาดเชิงรุก โดยมีการขยายตลาดจากต่างจังหวัดเข้าสู่กรุงเทพฯ หรือ “ป่าล้อมเมือง” เลือกทำเลที่มีคนเป็นแหล่งผู้คนพลุกพล่าน เช่น สยาม รังสิต เมกาบางนา สยามสแควร์วัน เป็นต้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก ปัจจุบันร้านมีเครื่องสำอางมากกว่า 900 แบรนด์ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 5 หมื่นรายการ ทำให้ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี และที่สำคัญคือเป็นเครื่องสำอางของแท้ที่ราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดกว่าปกติประมาณ 30% สินค้าทุกชิ้นนำเข้าโดยดิสทริบิวเตอร์ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพแน่นอน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเครื่องสำอางของ EVEANDBOY ได้ทำให้เราได้เห็นว่า การเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในตลาดและมีคู่แข่งใหญ่อย่าง Watsons Boots แต่ EVEANDBOYสามารถขึ้นมาเป็นคู่แข่งได้ เพราะมีความแตกต่างที่จุดขาย โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ราคา โปรโมชั่น คุณภาพและการโฆษณา EVEANDBOY การสร้างความแตกต่างทางการตลาดทั้ง โดยฉีกกฎเดิม ๆ ไม่ว่าจะชนิดของสินค้าที่มีเฉพาะ ราคาที่จับต้องได้ การโฆษณาที่เข้าถึงได้ง่าย และโปรโมชั่นที่โดนใจ อ้างอิงจาก: https://taokaemai.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8…/ ​​https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0445559000295 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีฟแอนด์บอย #มหาสารคาม #เครื่องสำอาง #ธุรกิจเครื่องสำอาง #EVEANDBOY #สารคามซูเปอร์มาร์เก็ต

ชวนเบิ่ง “บ้านสาริน” อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เมืองอุบล

ด้วยวิสัยทัศน์การมองการณ์ไกลของผู้นำครอบครัว ที่เริ่มต้นทำธุรกิจซื้อขายที่ดินตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 จนได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในการรับเหมาก่อสร้างในปี พ.ศ.2540 กับช่างฝีมือดี 10 คน และการสร้างบ้าน 2 หลัง ได้จุดประกายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัวรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ ก้าวสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในนาม บริษัท มหาชัยอุบล แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด จากบ้านเพียง 2 หลัง เป็น 20 หลัง และมากขึ้นๆด้วยทีมช่างฝีมือคุณภาพเยี่ยมและประสบการณ์ที่สั่งสม บริษัทฯจึงได้เริ่มโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพในทำเลที่โดดเด่น ในนามโครงการบ้านสารินจากพลังความคิดสร้างสรรค์ ที่ขับเคลื่อนกับการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง บ้านสารินเริ่มโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงในวงกว้าง ส่งผลให้บ้านสารินมีโครงการอีกถึง 12 โครงการติดตามมา อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจต้องมีการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม ซึ่งต้องทําการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการลงทุน โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่เหมาะสมและสอดคล้องกับธุรกิจ พร้อมสํารวจพฤติกรรมและความต้องการสินค้าของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ ก่อน ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/company/general/0345557001473 https://www.baansarin.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0… #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บ้านสาริน #อุบลราชธานี #อสังหาริมทรัพย์ #ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ #สาริน #โครงการบ้านจัดสรร

พาส่องเบิ่ง “พิจิตรเพชร” 2 สาขาใหญ่ในภาคอีสานเป็นจังใด๋แหน่

คุณไพรวรรณ์ สร้างถาวร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พิจิตรเพชรขอนแก่นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า มาสด้า พิจิตรเพชรขอนแก่นเซลส์ ฯ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจรถยนต์กับ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ครั้งแรกเมื่อปี 2554 ในฐานะผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้า ที่จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้นรถยนต์ มาสด้ายังไม่เป็นที่นิยมดั่งเช่นทุกวันนี้ เมื่อปี 2560 ในจังหวัดอุบลราชธานี ขายรถมาสด้า ได้ถึง 631 คัน เพราะว่ารถยนต์มาสด้า ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนในจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางของการเดินทาง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อบ้านได้ เราเชื่อว่าขอนแก่นจะเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในอนาคต “วันนี้เรามีความมั่นใจกับ มาซดา เป็นอย่างยิ่ง เพราะทีมงานทุกคนมีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ดำเนินธุรกิจบนเส้นทางเดินที่แตกต่าง ผนวกกับรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตพิถีพิถัน โดดเด่นด้วยดีไซจ์นล้ำด้วยเทคโนโลยีทีดีที่สุด ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครบครัน แบรนด์ มาซดา จึงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่น จึงตัดสินใจขยายธุรกิจไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยปักหมุดที่ใจกลางเมืองขอนแก่น ติดถนนมิตรภาพ กับการก่อสร้างโชว์รูมเต็มพื้นที่จนกลายเป็นโชว์รูม มาซดา ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย” คุณไพรวรรณ์ กล่าวเพิ่มเติม สำหรับโชว์รูม พิจิตรเพชรขอนแก่น ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย ส่วนโชว์รูม ห้องพักสำหรับรับรองลูกค้าที่เข้ารับบริการ, ศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถได้ถึง 21 ช่อง และศูนย์ซ่อมสีและตัวถังที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน อีกหนึ่งองค์ประกอบหลักที่สำคัญ คือ คุณภาพการบริการ ด้วยความคิดที่ว่าพนักงานทุกตำแหน่งเป็นดั่งนักบริการ ที่มิใช่เพียงการขายผลิตภัณฑ์ แต่ต้องนำเสนอการบริการที่มีประสิทธิภาพ สร้างความพึงพอใจเหนือความคาดหวัง และไม่เสร็จสิ้นเพียงแค่การส่งมอบรถ แต่ยังคงต่อเนื่องไปจนถึงบริการหลังการขาย สานความสัมพันธ์จวบจนกระทั่งลูกค้ามองหารถคันใหม่ และกลับมาที่โชว์รูมอีกครั้ง ภายใต้ปรัชญาที่ว่า “ความสำเร็จของพวกเรามาจากรอยยิ้มของผู้ใช้ มาซดา ทุกท่าน เพราะการบริการ คือ หัวใจในการเติบโตของพวกเรา” อ้างอิงจาก: https://www.pijitphet.com/ https://autoinfo.co.th/online/200363 https://data.creden.co/company/general/0475553000285 https://data.creden.co/company/general/0475553000285 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #พิจิตรเพชร #พิจิตรเพชรขอนแก่น #อุบลพิจิตรเพชร #Ford #GWM #Mazda

ชวนเบิ่ง “สิริมงคลพร๊อพเพอร์ตี้” อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ จุดเริ่มต้นจากภูธรสู่เมืองกรุง

“ห้างหุ้นส่วนจำกัด สิริมงคล พร็อพเพอร์ตี้” นอกจากจะเป็นเจ้าตลาดอสังหาฯในศรีสะเกษแล้ว ยังเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ น้อยรายในพื้นที่ ที่ลุยพัฒนาบ้านเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กรรมการ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สิริมงคล พร็อพเพอร์ตี้ เล่าว่า จุดเริ่มต้นลุยธุรกิจ อสังหาฯ เพราะพ่อให้มาช่วยขายโครงการ “สิริมงคล1” ซึ่งตอนนั้นมีเพียง 60 ยูนิต มูลค่าโครงการ 80-90 ล้านบาท พอขายได้ พ่อจึงมอบที่ดินอีก 1 แปลงเนื้อที่ 30 ไร่ ไปปลุกปั้นโครงการถัดไปจนกระทั่งปัจจุบันมีบ้านเดี่ยว 7 โครงการ ในจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานี จำนวนราว 700 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 1,300-1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีที่ดินสะสมอีก 1,000 ไร่ รอการพัฒนาใน 3 จังหวัด ทั้งศรีสะเกษ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ซึ่งแนวทางการพัฒนาโครงการจะค่อยเป็นค่อยไป เพราะยอมรับว่า บางตลาดแม้มีศักยภาพแต่ขนาดตลาดยังเล็ก ขณะที่ปลายปีนี้จะมีการพัฒนาบ้านเดี่ยวโครงการสิริมงคล 8 ที่ จังหวัดอุบลราชธานี และโครงการสิริมงคล 9 ที่ จังหวัดศรีสะเกษ บนเนื้อที่ราว 20 ไร่ รวมมูลค่าโครงการราว 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขายและรับรู้รายได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวหรู เจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง อย่างในศรีสะเกษฐานลูกค้าหลักเป็นข้าราชการ 60-70% ส่วนการขยับมาทำตลาดในอุบลราชธานี ต้องการชิมลางทำเลใหม่ๆ ซึ่งความยากในการบุกพื้นที่ใหม่มีความยากในการทำตลาดเจาะลูกค้า เพราะวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ต่างกัน อีกทั้งอุบลฯ เป็นจังหวัดที่กำลังซื้อสูง การแข่งขันสูงจากทุนท้องถิ่นเจ้าตลาด แต่จุดแข็งบริษัทในการพัฒนาบ้านเดี่ยวให้ความสำคัญกับทำเล และสร้างแบรนด์ควบคู่กัน ซึ่งบริษัทยังมีแผนผุดบ้านเดี่ยว 1 โครงการ ในระยะ 2 ปี แนวทางการลงทุนจะเน้น จังหวัดที่ไม่ใหญ่มากนัก และมีเมืองบริวารหรือกำลังซื้อจากผู้บริโภคข้ามอำเภอมาซื้อที่อยู่อาศัย โดยเป้าหมายใน 3-5 ปี ต้องการขยายตลาดเจาะจังหวัดในภาคอีสานตอนใต้ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร เป็นต้น และต้องการผลักดันแบรนด์ สิริมงคลติดท็อป 3 ในตลาดท้องถิ่น” สิริมงคลพร๊อพเพอร์ตี้ เจาะตลาดท้องถิ่นมาราว 15 ปี เป็น “บิ๊กเพลเยอร์” ในศรีสะเกษแล้ว ก้าวต่อไป คือ “ชิมลาง”อสังหาฯ สังเวียนใหญ่ในกรุงเทพฯ ด้วยการผนึกผู้เล่นอสังหาฯรายสำคัญในตลาดหลักทรัพย์ (ยังไม่เปิดเผยชื่อ) ร่วมทุนกันตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งบริษัทถือหุ้น 49% และซื้อที่ดินย่านพระราม 9 เนื้อที่ราว 10 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบ้านเดี่ยวหรูแบรนด์ใหม่ ระดับราคา …

ชวนเบิ่ง “สิริมงคลพร๊อพเพอร์ตี้” อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ จุดเริ่มต้นจากภูธรสู่เมืองกรุง อ่านเพิ่มเติม »

พาซอมเบิ่ง “มดแดงมอเตอร์” ผู้นำบริการด้านเช่าซื้อ รถจักรยานยนต์ จักรยานไฟฟ้า และรถสามล้อ ครบวงจร

จุดเริ่มต้น เดิมมีชื่อ “อีฮง” ตั้งแต่รุ่นอากงของคุณสุรณัฐ โดยได้เริ่มก่อตั้งบริษัทที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มแรกได้ทำธุรกิจขายทอง ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นขายรถจักรยานยนต์ คุณสุรณัฐได้สืบทอดธุรกิจจากคุณพ่อ และหลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อีฮงมดแดงมอเตอร์” . . . อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/company/general/0445555000355 https://ehongmd.com https://youtu.be/4PDdbC1iCBc #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีฮง #มหาสารคาม #จำหน่ายรถจักรยานยนต์ #อีฮงมดแดงมอเตอร์

ชวนเบิ่ง “ก.เจริญคอนกรีต กาฬสินธุ์”

อาณาจักรขายปลีกวัสดุก่อสร้าง ระดับสิบล้าน . . . อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/company/general/0465549000071 https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0465549000071 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เจริญคอนกรีต #กาฬสินธุ์ #ขายปลีกวัสดุก่อสร้าง #ธุรกิจระดับสิบล้าน

Scroll to Top