Nanthawan Laithong

พามาเบิ่ง 8 อันดับแบรนด์ปลาร้าสำเร็จรูปแดนอีสานที่มีกำไรมากสุด ปี 2565

“ปลาร้า” หรือ “น้ำปลาร้า” ถือเป็นเครื่องปรุงรสเด็ดที่เรียกได้ว่าอยู่คู่ครัวไทยแทบจะทุกบ้าน เพราะสามารถใช้ปรุงอาหารที่หลากหลายโดยเฉพาะเมนูแซ่บ ๆ ที่ถูกปากทุกคนทั้ง ส้มตำ ,ยำ ,แกงอ่อม, น้ำพริก และอื่น ๆอีกมากมาย ซึ่งธุรกิจน้ำปลาร้า เรียกได้ว่าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก อีสานอินไซต์ จะพามาเบิ่ง 8 อันดับแบรนด์ปลาร้าสำเร็จรูปแดนอีสานที่มีกำไรมากสุด ปี 2565 1. น้ำปลาร้า แม่บุญล้ำ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด จังหวัด : กาฬสินธุ์ รายได้ปี 2565 : 801.4 ล้านบาท กำไรปี 2565 : 75.2 ล้านบาท 2. น้ำปลาร้า แม่เหรียญ บริษัท ปลาร้าแม่เหรียญ จำกัด จังหวัด : เลย รายได้ปี 2565 : 262.8 ล้านบาท กำไรปี 2565 : 15.6 ล้านบาท 3. น้ำปลาร้า ภาทอง บริษัท เซ็น แอนด์โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด จังหวัด : มหาสารคาม รายได้ปี 2565 : 116.0 ล้านบาท กำไรปี 2565 : 9.2 ล้านบาท 4. น้ำปลาร้า เชฟไพรฑูรย์ บริษัท ปลาร้าเชฟไพรฑูรย์ ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด จังหวัด : ขอนแก่น รายได้ปี 2565 : 22.9 ล้านบาท กำไรปี 2565 : 1.7 ล้านบาท 5. น้ำปลาร้า ศิริพร รสแซ่บ บริษัท ศิริพร (1622) จำกัด จังหวัด : ร้อยเอ็ด รายได้ปี 2565 : 50.2 ล้านบาท กำไรปี 2565 : 0.8 ล้านบาท 6. น้ำปลาร้า แม่ละมุล ห้างหุ้นส่วนจำกัด ละมุลอินเตอร์ฟู้ดส์ จังหวัด : มหาสารคาม รายได้ปี …

พามาเบิ่ง 8 อันดับแบรนด์ปลาร้าสำเร็จรูปแดนอีสานที่มีกำไรมากสุด ปี 2565 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่งจำนวนสะสมผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่จังหวัดภาคอีสาน ปี 2566

เทียบกับสัดส่วนของประชากรรวมของแต่ละจังหวัดปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งของไทย มีมากถึง 238,625 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 68,501 ราย คิดเป็น 28.71% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด โดยในจำนวนผู้ป่วย 68,501 ราย เป็นผู้ป่วยจาก ขอนแก่น 10,755 ราย คิดเป็น 15.7% ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในอีสาน หรือ 0.80% ของประชากรรวมจังหวัด โดย ปี 2566 จากจำนวน 10,755 รายนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 1,403 ราย นครราชสีมา 7,905 ราย คิดเป็น 11.54% ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในอีสาน หรือ 0.42% ของประชากรรวมจังหวัด โดย ปี 2566 จากจำนวน 7,905 รายนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 3,264 ราย อุดรธานี 6,849 ราย คิดเป็น 10.00% ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในอีสาน หรือ 0.56% ของประชากรรวมจังหวัด โดย ปี 2566 จากจำนวน 6,849 รายนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 1,499 ราย . ส่วนภูมิภาคอื่นๆ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็ง ดังต่อไปนี้ ภาคกลาง มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 64,012 ราย คิดเป็น 26.83% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ภาคใต้ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 24,611 ราย คิดเป็น 10.31% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ภาคเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 58,652 ราย คิดเป็น 24.58% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากที่สุด รองลงมาคือภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือ ปัจจัยที่ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากนั้น สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ประชากรมีจำนวนมาก อัตราการสูบบุหรี่สูง มลพิษทางอากาศสูง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการในการรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคอื่นๆ โดยเน้นไปที่การลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น รณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ#ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #สสส …

พามาเบิ่งจำนวนสะสมผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่จังหวัดภาคอีสาน ปี 2566 อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง อาณาจักร “บุรีรัมย์ อีสปอร์ต”

“บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต” ก่อตั้งขึ้นโดย คุณไชยชนก ชิดชอบ เมื่อปี 2561 พร้อมวางเป้าหมายด้านผลงานในการแข่งขันคือ “ต้องคว้าแชมป์โลกให้ได้ภายใน 3 ปี” ซึ่งหากใครติดตามวงการฟุตบอลและสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็คงจะคุ้นชินกันดีกับเป้าหมายอันสูงลิ่วที่ทีมตั้งไว้มาตลอด แน่นอนว่าเมื่อมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ การดำเนินการทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างจริงจังและมีมาตรฐานที่สูง หลายครั้งที่เรามักเห็นทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนแปลงนักเตะเข้าออกเป็นว่าเล่น บางรายเซ็นสัญญาร่วมทีมแล้วยังไม่ทันได้ใช้งานจริงจังแต่ต้องปล่อยตัวออกไปเลยก็มี นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต ก็ไม่ต่างกัน หลังจากก่อตั้งทีมเมื่อปี 2561 ทีมมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกมาหลายต่อหลายครั้ง เพื่อเป้าหมายในการไต่เต้าจากแชมป์ในประเทศสู่แชมป์ระดับนานาชาติ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้ทีมจะประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ในประเทศอย่างศึก RoV Pro League สองสมัยติดใน Season 4 และ 5 แต่ก็มีช่วงเวลาที่ผิดหวังไม่น้อยเช่นกัน การคว้าแชมป์ในประเทศ ทำให้บุรีรัมย์ได้เป็นตัวแทนคว้าตั๋วไปแข่งระดับนานาชาติในรายการ Arena of Valor International Championship (AIC) ซึ่งพวกเขาต้องอกหักคว้ามาได้เพียงรองแชมป์ถึง 2 ครั้งติด โดยในปี 2019 ไปแพ้ให้กับทีม Team Flash จากเวียดนาม ต่อด้วยปี 2020 แพ้ให้ทีม Flash Wolves จากไต้หวัน หลังจากผิดหวังมาหลายทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน บุรีรัมย์ได้โอกาสเข้าไปท้าชนในรายการระดับโลกอีกครั้ง ในศึก AIC 2021 ซึ่งมีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 14 ทีมจาก 8 ชาติ และอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าเป้าหมายของทีมคือการคว้าแชมป์โลกให้ได้ภายใน 3 ปี และนี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายหลังจากคว้ารองแชมป์รายการนี้มาแล้ว 2 สมัย อย่างไรก็ตาม เส้นทางของพวกเขาค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร พวกเขาผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟด้วยการจบที่อันดับ 3 ของ Group A และยังต้องตกลงมาเล่นในสายล่างตั้งแต่วันแรก แต่พวกเขายังคงกัดฟันสู้จนทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยต้องเผชิญหน้ากับยอดทีมอย่าง V Gaming จากเวียดนาม ที่ครองสถิติไร้พ่ายมาอย่างยาวนานตั้งแต่รอบ Group Stage การแข่งในรอบชิงฯ บุรีรัมย์สร้างเซอร์ไพรส์คว้าชัยชนะได้ก่อนในเกมแรก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของคู่แข่งที่เปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างดุดันจนสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาขึ้นนำที่ 3-1 เกม และขออีกเพียงวินเดียวก็จะคว้าโทรฟี่ไปเชยชม สถานการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นกับบุรีรัมย์ในการแข่งรอบรองชนะเลิศกับ HKA จากไต้หวัน แต่พวกเขาก็ยังสามารถกลับมาเอาชนะได้ที่ 4-3 เกม และครั้งนี้ก็เช่นกันที่พวกเขารวมใจสู้จนพลิกกลับมาชนะที่ 4-3 คว้าแชมป์สมัยแรกไปครองได้สำเร็จ พร้อมได้รับเงินรางวัล 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13.4 ล้านบาท) อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – sanook – THAIRATH SPORT ติดตาม ISAN Insight …

พาเปิดเบิ่ง อาณาจักร “บุรีรัมย์ อีสปอร์ต” อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาฮู้จัก ไดโนเสาร์ที่พบในภาคอีสาน

“ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” (Phuwiangosaurus sirandhornae) เป็นไดโนเสาร์กินพืช อยู่ในกลุ่มซอโรพอด (Sauropod) คอยาว หางยาว มีขนาดใหญ่ เดิน 4 ขา ยาวประมาณ 15 – 20 เมตร จะพบในยุคครีเทเชียสตอนต้น (Early Cretaceous) หรือประมาณ 130 ล้านปีก่อน โดยจังหวัดที่พบได้ คือ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร “สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส” (Siamotyrannus isanensis) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ มีขนาดใหญ่ อยู่ในกลุ่มเทอโรพอด (Theropod) เดิน 2 ขา มีขาหลังขนาดใหญและแข็งแรง ลำตัวยาวประมาณ 6.5 เมตร พบในยุคครีเทเชียสตอนต้น (Early Cretaceous) หรือประมาณ 130 ล้านปีก่อน โดยจังหวัดที่พบได้ คือ ขอนแก่น “สยามโมซอรัส สุธีธรนิ” (Siamosaurus suteethorni) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ มีขนาดใหญ่ อยู่ในกลุ่มเทอโรพอด (Theropod) วงศ์สไปโนซอริด เดิน 2 เท้า ความยาวประมาณ 7 เมตร ฟันมีลักษณะเป็นทรงกรวยคล้ายฟันจระเข้ พบในยุคครีเทเชียสตอนต้น (Early Cretaceous) หรือประมาณ 130 ล้านปีก่อน โดยจังหวัดที่พบได้ คือ ขอนแก่น “อิสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ” (Isanosaurus attavipachi) เป็นไดโนเสาร์กินพืช อยู่ในกลุ่มซอโรพอด (Theropod) ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในไทย คอและหางยาว เดิน 4 ขา มีความยาวประมาณ 12 – 16 เมตร พบในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย (Late Triassic) หรือประมาณ 210 ล้านปีก่อน โดยจังหวัดที่พบได้ คือ ชัยภูมิ “กินรีมิมัส ขอนแก่นเอนซิส” (Kinnareemimus khonkaenensis) เป็นไดโนเสาร์อยู่ในกลุ่มเทอโรพอด (Theropod) เดิน 2 ขา คล้ายนกกระจอกเทศ วิ่งเร็ว ปราดเปรียว กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร ความยาวประมาณ 1 – 2 เมตร พบในยุคครีเทเชียสตอนต้น (Early Cretaceous) หรือประมาณ 130 ล้านปีก่อน โดยจังหวัดที่พบได้ คือ …

ชวนมาฮู้จัก ไดโนเสาร์ที่พบในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่งบริษัทที่ทำกำไรมากที่สุดของแต่ละอุตสาหกรรมในอีสาน ปี 2565

1. ธุรกิจเกษตร บริษัท ก้าวหน้าไก่สด จำกัด อุบลราชธานี รายได้ ปี 2565: 4,828 ล้านบาท กำไร ปี 2565: 152 ล้านบาท ธุรกิจหลัก: เลี้ยงไก่เนื้อ 2. อุตสาหกรรมผลิตอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (เป็นบริษัทในเครือ บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน)) บุรีรัมย์ รายได้ ปี 2565: 7,108 ล้านบาท กำไร ปี 2565: 743 ล้านบาท ธุรกิจหลัก: ผลิตน้ำตาลทราย 3. สินค้าอุปโภคบริโภค บริษัท อินฟุส เมดิคัล จำกัด ขอนแก่น รายได้ ปี 2565: 1,034 ล้านบาท กำไร ปี 2565: 320 ล้านบาท ธุรกิจหลัก: ผลิตเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 4. สินค้าอุตสาหกรรม บริษัท ฮิตาชิ แอสเตโม โคราช เบรก ซิสเตมส์ จำกัด นครราชสีมา รายได้ ปี 2565: 7,759 ล้านบาท กำไร ปี 2565: 885 ล้านบาท ธุรกิจหลัก: ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 5. สินค้าเทคโนโลยี บริษัท เอ็มเอ็มไอ พรีซิชั่น แอสเซมบลิ (ไทยแลนด์) จำกัด นครราชสีมา รายได้ ปี 2565: 6,488 ล้านบาท กำไร ปี 2565: 936 ล้านบาท ธุรกิจหลัก: ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 6. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ร้อยเอ็ด รายได้ ปี 2565: 35,443 ล้านบาท กำไร ปี 2565: 3,349 ล้านบาท ธุรกิจหลัก: ขายวัสดุก่อสร้าง 7. ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ชัยภูมิ รายได้ ปี …

พามาเบิ่งบริษัทที่ทำกำไรมากที่สุดของแต่ละอุตสาหกรรมในอีสาน ปี 2565 อ่านเพิ่มเติม »

ขอนแก่น เตรียมพบกับ “โอ้กะจู๋” อาณาจักรของคนรักผัก สาขาแรกของอีสาน

จากความฝันของเด็กมัธยมปลาย ที่อยากจะทำอะไรด้วยกันกับเพื่อน เติบโตมาไกลกว่าที่คาดคิด สู่พันธกิจที่สร้างแรงกระเพื่อนต่อวงการเกษตรอินทรีย์ เพราะปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจผักอินทรีย์มากมาย แต่จะมีกี่รายที่เติบโตและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ด้วยมาตรฐานของตัวเอง จนสามารถขยายโอกาสสู่เกษตรกรรายย่อย ได้ร่วมอุดมการณ์เกษตรอินทรีย์ และกำลังจะก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชนในเวลาอันใกล้นี้ หลังจาก OR เข้าซื้อหุ้นแบรนด์ “โอ้กะจู๋” ตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมาโดยธุรกิจเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนว่า บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ โอ้กะจู๋ ที่ OR ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนราว 20% มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2567 นี้ สำหรับบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” มีแผนที่ยะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อลงทุนการขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋“, ขยายแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ , พัฒนาแฟลตฟอร์มรองรับการขาย และขยายฟาร์มเพื่อให้เพียงพอกับการเติบโต ทั้งนี้ OR ได้เข้าลงทุนในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ตลอดจนเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรผู้ปลูกผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านทางสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และ ร้าน Cafe Amazon ที่มีสาขาทั่วประเทศ อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท OHKAJHU – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – ลงทุนแมน – MARKETING OOPS! ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ#ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #โอ้กะจู๋ #OHKAJHU#สวนผักโอ้กะจู๋ #ธุรกิจขายผัก #ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ

สรุปเรื่องน่าฮู้ เกี่ยวกับ “ศรีสะเกษ” ดินแดนแห่งขอมโบราณ

จังหวัดศรีสะเกษ มีขนาดพื้นที่ 8,840 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 1,454,730 คน และในปี 2564 จังหวัดศรีสะเกษมีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด อยู่ที่ 78,658 ล้านบาท และรายได้ต่อหัวของจังหวัดอยู่ที่ 83,332 บาท โครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจ SME – ภาคการบริการ คิดเป็น 51% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร มีผู้ประกอบการอยู่ 2,994 ราย – ภาคการเกษตร คิดเป็น 28% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อ มีผู้ประกอบการอยู่ 1,133 ราย – ภาคการค้า คิดเป็น 12% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ ร้านขายของชำ มีผู้ประกอบการอยู่ 10,036 ราย – ภาคการผลิต คิดเป็น 10% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การสีข้าว มีผู้ประกอบการอยู่ 2,955 ราย ตัวอย่างสินค้า IG ของจังหวัด ได้แก่ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง หอมแดงศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ และครุน้อยบ้านสะอางศรีสะเกษ ข้อมูลสะสมมกราคม – สิงหาคม ปี 2566 การค้าชายแดนของจังหวัดศรีสะเกษกับกัมพูชา โดยมีมูลค่าการส่งออก อยู่ที่ 1,012 ล้านบาท โดย 3 อันดับสินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุด คือ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอส์ น้ำผลไม้ และสินค้าแร่และเชื้อเพลิง และมีมูลค่าการนำเข้า อยู่ที่ 20,291 ล้านบาท โดย 3 อันดับสินค้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด คือ ผลไม้และของปรุงแต่งจากผลไม้ ผักและของปรุงแต่งจากผัก และกาแฟ ชา เครื่องเทศ ตัวอย่างโบราณสถานสำคัญของจังหวัดศรีสะเกษ ปราสาทบ้านปราสาท (ปราสาทห้วยทับทัน) โบราณสถานแบบขอมแห่งหนึ่งที่ถูกดัดแปลงในสมัยหลัง ปราสาทแห่งนี้มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ร่วมสมัยศิลปะขอมแบบคลัง-บาปวนของเขมร และต่อมาได้รับการดัดแปลงในสมัยหลัง จากความเชื่อของชาวบ้านในชุมชนที่ว่าบุคคลใดที่มีความเดือดร้อนมาบนบาน ก็จะได้สมดังปรารถนา จึงมีผู้แวะเวียนมากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง ต่อมาจึงมีการริเริ่มจัดงานประเพณีไหว้พระธาตุ โดยจัดขึ้นในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ปราสาทปรางค์กู่ สร้างเมื่อสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สมัยขอมเรืองอำนาจ สันนิษฐานว่าสร้างเพื่อใช้เป็นสถาน “อโรคยาศาล” หรือสถานีอนามัยเพื่อรักษาคนป่วย …

สรุปเรื่องน่าฮู้ เกี่ยวกับ “ศรีสะเกษ” ดินแดนแห่งขอมโบราณ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่งยี่ห้อรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มประเทศ GMS ปี พ.ศ.2565

กลุ่มประเทศเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง Greater Mekong Subregion (GMS) มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในประเทศ ไทย ลาว กัมพูชา และจีน โดยมีรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด และจากข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ความนิยมแต่ละยี่ห้อของรถไฟฟ้าในกลุ่มประเทศ GMS ก็จะพบข้อมูลดังนี้ จีน เนื่องจากเป็นประเทศผู้ผลิตรถไฟฟ้า รายใหญ่ของโลก ทั้งส่งออก และบริโภคภายในประเทศ และมีแบรนต์รถยนต์มากกว่าหลายร้อยแบรนด์ทำให้ มีการกระจายความนิยมรถไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์เช่นกัน ในขณะที่แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน คือ BYD(19%), Wuling(10%) ที่ถือเป็นแบรนด์สัญชาติจีน แต่ก็ยังมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกา คือ Tesla(10%) เข้ามาแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนอีกด้วย และนอกเหนือจากนั้นจะเป็นแบรนด์จีนค่ายเล็ก และแบรนด์ญี่ปุ่น ยุโรป และเกาหลี รวมกันที่ 46% เวียดนาม หนึ่งในประเทศผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแบรนด์ VinFast บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเครือ Vingroup จากเวียดนาม ด้วยความสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ VinFast ครองส่วนแบ่งเกือบทั้งหมดของเวียดนาม กว่า 99% ลาว อีกหนึ่งประเทศที่รถไฟฟ้าแบรนด์จีนเข้าไปทำตลาด ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดมาจากจีน 100% โดยมี 2 แบรนด์หลัก ได้แก่ BYD และ JMEV ที่แบ่งส่วนแบ่งการตลาดไป 72% และ 28% ตามลำดับ กัมพูชา ตลาดรถไฟฟ้า เกือบทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยมีแบรนด์ Levdeo ถือครองส่วนแบ่งไปกว่า 95% ส่วน ประเทศไทย นั้น หากอ้างอิงจากข้อมูล รถจดทะเบียน ปี พ.ศ.2565 รถไฟฟ้าจะยังไม่ได้มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายทางเลือกเหมือนปี พ.ศ.2566 แม้ว่าจะมี Nissan ที่เปิดตัวรถยนต์ EV เป็นเจ้าแรกแต่ก็ยังมีราคาที่สูง ทำให้ ความนิยมรถไฟฟ้าไปตกที่แบรนด์จากจีนที่ราคาถูกกว่าอย่าง MG และเครือ GMV(Great Wall Motor) ที่มีแบรนด์ลูกหลากหลายทั้ง Ora(ประเภท BEV), Haval(ประเภท HEV และ PHEV) ก่อนที่ BYD จะเริ่มเข้ามาทำการตลาดและส่งมอบรถในช่วง ไตรมาส สุดท้ายของปี พ.ศ.2565 ซึ่งจากสถานการณ์ข้างต้นก็ทำให้ตลาดรถ EV ในอีสาน มีแนวโน้มในทิศทางเดียวกัน คือ แบรนด์ MG ที่ครองส่วนแบ่งไปกว่า 78% โดยมี BYD ที่มาแรงครองส่วนแบ่งไปกว่า 12% และอีก 10% เป็นแบรนด์อื่นๆ ได้แก่ Ora, NETA, Nissan, Volvo, …

พามาเบิ่งยี่ห้อรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มประเทศ GMS ปี พ.ศ.2565 อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สินค้า GI แดนอีสาน ที่โกอินเตอร์ในต่างประเทศ

“ทุ่งกุลาร้องไห้” เป็นทุ่งใหญ่ของภาคอีสานมีพื้นที่อยู่ในเขต 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์ จํานวนพื้นที่ทั้งสิ้น 2,107,690 ไร่ ทำไมถึงเรียก “ทุ่งกุลาร้องไห้” เดิมมีชื่อว่า ทุ่งหมาหลง หรือ ทุ่งป่าหลาน ที่ได้ชื่อว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” นั้น มีตํานานกล่าวว่ามีพ่อค้าชาวกุลาเดินเร่ขายสินค้าผ่านเข้ามาในทุ่งกว้างแห่งนี้จนเมื่อยล้ายังไม่พ้นทุ่งกว้างแห่งนี้ จึงมีชื่อว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” การเพาะปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ คาดว่าเริ่มมีการนําเข้ามาปลูกหลังจากทางราชการมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิและรับรองพันธุ์ในปี 2502 ในชื่อพันธุ์ “ขาวดอกมะลิ 105” ได้เริ่มดําเนินการอย่างกว้างขวางในปี 2524 โดยโครงการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวเน้นการเปลี่ยนพันธุ์ปลูกจากข้าวเหนียวเป็นพันธุ์ข้าวเจ้า จึงทําให้ข้าวหอมมะลิมีการปลูกอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนพันธุ์ปลูกทุก 3 ปี เพื่อให้พันธุ์ข้าวมีความบริสุทธิ์ สภาพการปลูกข้าวหอมมะลิที่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ทําให้ปลูกได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็นและปราศจากฝน ประกอบกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เชื่อว่าพื้นที่ที่มีน้ำ จะต้องระบายน้ำออกก่อนเก็บเกี่ยวข้าวประมาณ 10 วัน จะทําให้ผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ มีคุณภาพดี ข้าวสารมีเมล็ดใส และแกร่ง ข้าวสุกมีความหอมและนุ่ม รวมทั้งขบวนการแปรรูปที่ได้มาตรฐานจึงทําให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้มีคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากข้าวหอมมะลิที่ผลิตจากแหล่งอื่นๆ จนเป็นที่ยอมรับของผู้ค้าและผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ ได้แก่ – สหภาพยุโรป – สาธารณรัฐประชาชนจีน – อินโดนีเซีย – มาเลเซีย จุดเด่นของพันธุ์นี้คืออะไร? ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ คือ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวขาว ที่แปรรูปมาจากข้าวเปลือกพันธุ์ข้าวหอมที่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข 15 ซึ่งปลูกในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในช่วงฤดูนาปี และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ข้าวเปลือกมีสีฟาง เมล็ดข้าว ยาว เรียว และเมล็ดไม่มีหางข้าว เมล็ดข้าวที่ผ่านการสีแล้ว จะมีความเลื่อมมัน จมูกข้าวเล็ก อ้างอิงจาก: – กรมทรัพย์สินทางปัญญา – สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ#ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ข้าว #ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ #ข้าวหอมมะลิ #ทุ่งกุลาร้องไห้ #สินค้าGI#ข้าวGI

พามาเบิ่งแนวโน้มการเติบโตของ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด รถยนต์สันดาปภายใน

อัตราการเติบโตการจดทะเบียนรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2566 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.80% หรือประมาณ 0.93 ล้านคันต่อปี โดยรถเกือบทุกประเภทมีอัตราเพิ่มขึ้น หากพิจารณาเฉพาะจำนวนรถจดทะเบียนใหม่ในปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 4.57 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 4.51 ล้านคัน คิดเป็นอัตราการเติบโต 1.4% และหากพิจารณาจากข้อมูลลงลึก ทั้งรายจังหวัดและรายภูมิภาค เราจะพบแนวโน้มที่น่าสนใจคือ การเติบโต ของรถไฟฟ้า ที่เพิ่มขึ้นทั้งในจังหวัดที่มีฐานจดทะเบียนปีก่อนหน้าต่ำอย่าง บึงกาฬ หรือ ยโสธร ปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 92.9% และ 80.4% ตามลำดับ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ กลุ่มจังหวัดใหญ่ที่มีฐานจดทะเบียนปีก่อนหน้าสูงอยู่แล้วอย่าง อุบลราชธานี นครราชสีมา ขอนแก่น ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องเป็น Top5 จังหวัดที่มีรถไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่มากที่สุดในอีสาน อยู่ที่ อุบลราชธานี 84.7% หรือจำนวน 1,290 คัน นครราชสีมา 80.6% หรือจำนวน 1,476 คัน ขอนแก่น 80.3% หรือจำนวน 1,820 คัน และภาคอีสาน ยังมีอัตราการเติบโตของรถไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ เติบโตที่ 334.1% สอดคล้องกับแนวโน้มการจดทะเบียนรถไฟฟ้า ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 มีจำนวนรถไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ทั้งประเทศสูงถึง 40,812 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวน 9,678 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 321.7% (ยอดจดทะเบียนสะสมรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 1 แสนคัน) นอกจากนั้นการเติบโตของรถยนต์ ไฮบริด ยังเติบโตเฉลี่ยทั้งประเทศถึง 36.3% ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าอีกด้วย ส่วนการเติบโตของรถเครื่องยนต์สันดาป ที่เฉลี่ยทั้งประเทศที่ 6.5% (มียอดจดทะเบียนสะสมรถยนต์สันดาปภายในรวมประมาณ 43.2 ล้านคัน) ทำให้มองเห็นทิศทางของพฤติกรรมผู้บริโภคที่สนใจในรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตการจดทะเบียนรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2566 ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคก่อนหน้า รวมทั้งภาวะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา ที่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนบางส่วน ที่มา: – กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก ปี พ.ศ.2565 และ พ.ศ.2566 – วิจัยกรุงศรี; บทวิเคราะห์: แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรม ปี 2566-2568: อุตสาหกรรมรถยนต์ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #IsanEcon #Business #Economy #ธุรกิจ#เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน#รถยนต์EV #EV #รถไฟฟ้า #รถจดทะเบียน

Scroll to Top