ใครคือ “แชมป์” GRP และเบื้องหลังขุมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย?
จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภาค หรือ GRP ล่าสุดปี 2566 จะพบว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงครองบัลลังก์ความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 8,570,179 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 47.7% ของ GDP ทั้งประเทศ ตัวเลขนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการบริโภคของประเทศ อย่างไรก็ตาม การมีสัดส่วนที่สูงเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP ทั้งประเทศ ก็อาจเป็นประเด็นที่น่าพิจารณาถึงความสมดุลและความเสี่ยงของการพึ่งพาเศรษฐกิจในพื้นที่เดียว
ภาคตะวันออก รองแชมป์ ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 3,229,062 ล้านบาท คิดเป็น 18.0% ของ GDP ทั้งประเทศ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับภูมิภาคอื่นๆ ภาคอีสาน มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 1,808,413 ล้านบาท (10.1%), ภาคใต้ มี 1,437,591 ล้านบาท (8.0%), ภาคเหนือ มี 1,390,863 ล้านบาท (7.7%), ภาคกลาง (ที่ไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล) มี 881,689 ล้านบาท (4.9%), และ ภาคตะวันตก มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจน้อยที่สุดที่ 636,869 ล้านบาท (3.5%)
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของขนาดเศรษฐกิจและโครงสร้างทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค ซึ่เป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายการพัฒนาที่แตกต่างกัน
เปิดขุมทรัพย์เศรษฐกิจรายจังหวัด 3 อันดับขนาดเศรษฐกิจสูงสุดแต่ละภูมิภาค ใครคือดาวเด่น ใครคือม้ามืด?
ภาคเหนือ: เชียงใหม่นำทัพ ผนังเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากหลากหลายมิติ
เชียงใหม่ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยขนาดเศรษฐกิจ 277,477 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อุตสาหกรรมหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และภาคเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รองลงมาคือ นครสวรรค์ (124,649 ล้านบาท) ซึ่งอาจได้รับอานิสงส์จากการเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง และ กำแพงเพชร (121,156 ล้านบาท) ที่อาจมีภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
ภาคอีสาน: นครราชสีมาคือ “พี่ใหญ่” ขอนแก่นและอุบลฯ ตามติดด้วยศักยภาพที่แตกต่าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี นครราชสีมา เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ด้วยขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 343,510 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากขนาดของจังหวัด จำนวนประชากร และการเป็นศูนย์กลางทางการค้า และการคมนาคมของภูมิภาค ขอนแก่น (225,107 ล้านบาท) ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยศักยภาพในด้านการค้า การบริการ และการเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาและสุขภาพที่สำคัญของภาค ในขณะที่ อุบลราชธานี (143,160 ล้านบาท) มีความโดดเด่นในด้านการเกษตร การค้าชายแดน และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ภาคตะวันออก: ระยองคือ “ดาวเด่น” อุตสาหกรรมหนักหนุนนำเศรษฐกิจเติบโต
ภาคตะวันออกมีความโดดเด่นอย่างยิ่งด้วย ระยอง ที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 1,188,192 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนักของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและยานยนต์ ชลบุรี (1,050,952 ล้านบาท) ตามมาติดๆ ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวชายทะเล อุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ส่วน ฉะเชิงเทรา (450,808 ล้านบาท) มีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรและเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของภาค
ภาคกลาง : พระนครศรีอยุธยานำทัพ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวผสมผสาน
ในภาคกลาง พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้นำด้วยขนาดเศรษฐกิจ 393,943 ล้านบาท ซึ่งได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ สระบุรี (264,742 ล้านบาท) มีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์จากหิน ในขณะที่ สมุทรสาคร (117,741 ล้านบาท) มีความโดดเด่นในภาคอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลและการประมง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล: มหานครนำโด่ง สมุทรปราการและปทุมธานีเป็นฐานการผลิตสำคัญ
สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรุงเทพมหานคร ยังคงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ด้วยขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 6,142,910 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน ทั้งบริการ การค้า การเงิน และอุตสาหกรรม สมุทรปราการ (757,502 ล้านบาท) มีบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งอุตสาหกรรมและการขนส่งสินค้าทางทะเลที่สำคัญ ส่วน ปทุมธานี (460,312 ล้านบาท) เป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรที่ป้อนสู่ตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ภาคตะวันตก: ราชบุรีคือ “หัวหอก” การเกษตรและอุตสาหกรรมเบาเป็นแรงขับเคลื่อน
ในภาคตะวันตก ราชบุรี นำมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยขนาดเศรษฐกิจ 187,601 ล้านบาท ซึ่งอาจได้รับแรงหนุนจากภาคเกษตรกรรมที่มีความหลากหลาย และอุตสาหกรรมเบาบางประเภท กาญจนบุรี (128,134 ล้านบาท) มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ในขณะที่ ประจวบคีรีขันธ์ (107,561 ล้านบาท) โดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวชายทะเลและการเกษตร
ภาคใต้: สงขลาคือ “ประตูสู่ใต้” เศรษฐกิจหลากหลายบนฐานทรัพยากร
ภาคใต้มี สงขลา เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจด้วยขนาดเศรษฐกิจ 251,480 ล้านบาท ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า การขนส่ง และอุตสาหกรรมที่สำคัญของภาคใต้ตอนล่าง สุราษฎร์ธานี (220,374 ล้านบาท) ตามมาด้วยความแข็งแกร่งในด้านการท่องเที่ยว (เกาะสมุย เกาะพะงัน) และภาคเกษตร (ยางพารา ปาล์มน้ำมัน) ส่วน นครศรีธรรมราช (194,669 ล้านบาท) มีความโดดเด่นในภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติ
การนำ 3 อันดับจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงสุดในแต่ละภูมิภาคมานำเสนอนั้น จะช่วยให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ภาคอุตสาหกรรมหนักและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในหลายภูมิภาค ในขณะที่ภาคเกษตรยังคงมีบทบาทสำคัญในบางพื้นที่
อ้างอิงจาก:
– สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #GRP #GPP #GPPperCapita #ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาค #ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด