Nanthawan Laithong

พามาเบิ่งยี่ห้อรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มประเทศ GMS ปี พ.ศ.2565

กลุ่มประเทศเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง Greater Mekong Subregion (GMS) มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในประเทศ ไทย ลาว กัมพูชา และจีน โดยมีรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด และจากข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ความนิยมแต่ละยี่ห้อของรถไฟฟ้าในกลุ่มประเทศ GMS ก็จะพบข้อมูลดังนี้ จีน เนื่องจากเป็นประเทศผู้ผลิตรถไฟฟ้า รายใหญ่ของโลก ทั้งส่งออก และบริโภคภายในประเทศ และมีแบรนต์รถยนต์มากกว่าหลายร้อยแบรนด์ทำให้ มีการกระจายความนิยมรถไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์เช่นกัน ในขณะที่แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน คือ BYD(19%), Wuling(10%) ที่ถือเป็นแบรนด์สัญชาติจีน แต่ก็ยังมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกา คือ Tesla(10%) เข้ามาแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนอีกด้วย และนอกเหนือจากนั้นจะเป็นแบรนด์จีนค่ายเล็ก และแบรนด์ญี่ปุ่น ยุโรป และเกาหลี รวมกันที่ 46% เวียดนาม หนึ่งในประเทศผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแบรนด์ VinFast บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเครือ Vingroup จากเวียดนาม ด้วยความสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ VinFast ครองส่วนแบ่งเกือบทั้งหมดของเวียดนาม กว่า 99% ลาว อีกหนึ่งประเทศที่รถไฟฟ้าแบรนด์จีนเข้าไปทำตลาด ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดมาจากจีน 100% โดยมี 2 แบรนด์หลัก ได้แก่ BYD และ JMEV ที่แบ่งส่วนแบ่งการตลาดไป 72% และ 28% ตามลำดับ กัมพูชา ตลาดรถไฟฟ้า เกือบทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยมีแบรนด์ Levdeo ถือครองส่วนแบ่งไปกว่า 95% ส่วน ประเทศไทย นั้น หากอ้างอิงจากข้อมูล รถจดทะเบียน ปี พ.ศ.2565 รถไฟฟ้าจะยังไม่ได้มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายทางเลือกเหมือนปี พ.ศ.2566 แม้ว่าจะมี Nissan ที่เปิดตัวรถยนต์ EV เป็นเจ้าแรกแต่ก็ยังมีราคาที่สูง ทำให้ ความนิยมรถไฟฟ้าไปตกที่แบรนด์จากจีนที่ราคาถูกกว่าอย่าง MG และเครือ GMV(Great Wall Motor) ที่มีแบรนด์ลูกหลากหลายทั้ง Ora(ประเภท BEV), Haval(ประเภท HEV และ PHEV) ก่อนที่ BYD จะเริ่มเข้ามาทำการตลาดและส่งมอบรถในช่วง ไตรมาส สุดท้ายของปี พ.ศ.2565 ซึ่งจากสถานการณ์ข้างต้นก็ทำให้ตลาดรถ EV ในอีสาน มีแนวโน้มในทิศทางเดียวกัน คือ แบรนด์ MG ที่ครองส่วนแบ่งไปกว่า 78% โดยมี BYD ที่มาแรงครองส่วนแบ่งไปกว่า 12% และอีก 10% เป็นแบรนด์อื่นๆ ได้แก่ Ora, NETA, Nissan, Volvo, …

พามาเบิ่งยี่ห้อรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มประเทศ GMS ปี พ.ศ.2565 อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สินค้า GI แดนอีสาน ที่โกอินเตอร์ในต่างประเทศ

“ทุ่งกุลาร้องไห้” เป็นทุ่งใหญ่ของภาคอีสานมีพื้นที่อยู่ในเขต 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์ จํานวนพื้นที่ทั้งสิ้น 2,107,690 ไร่ ทำไมถึงเรียก “ทุ่งกุลาร้องไห้” เดิมมีชื่อว่า ทุ่งหมาหลง หรือ ทุ่งป่าหลาน ที่ได้ชื่อว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” นั้น มีตํานานกล่าวว่ามีพ่อค้าชาวกุลาเดินเร่ขายสินค้าผ่านเข้ามาในทุ่งกว้างแห่งนี้จนเมื่อยล้ายังไม่พ้นทุ่งกว้างแห่งนี้ จึงมีชื่อว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” การเพาะปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ คาดว่าเริ่มมีการนําเข้ามาปลูกหลังจากทางราชการมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิและรับรองพันธุ์ในปี 2502 ในชื่อพันธุ์ “ขาวดอกมะลิ 105” ได้เริ่มดําเนินการอย่างกว้างขวางในปี 2524 โดยโครงการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวเน้นการเปลี่ยนพันธุ์ปลูกจากข้าวเหนียวเป็นพันธุ์ข้าวเจ้า จึงทําให้ข้าวหอมมะลิมีการปลูกอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนพันธุ์ปลูกทุก 3 ปี เพื่อให้พันธุ์ข้าวมีความบริสุทธิ์ สภาพการปลูกข้าวหอมมะลิที่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ทําให้ปลูกได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็นและปราศจากฝน ประกอบกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เชื่อว่าพื้นที่ที่มีน้ำ จะต้องระบายน้ำออกก่อนเก็บเกี่ยวข้าวประมาณ 10 วัน จะทําให้ผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ มีคุณภาพดี ข้าวสารมีเมล็ดใส และแกร่ง ข้าวสุกมีความหอมและนุ่ม รวมทั้งขบวนการแปรรูปที่ได้มาตรฐานจึงทําให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้มีคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากข้าวหอมมะลิที่ผลิตจากแหล่งอื่นๆ จนเป็นที่ยอมรับของผู้ค้าและผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ ได้แก่ – สหภาพยุโรป – สาธารณรัฐประชาชนจีน – อินโดนีเซีย – มาเลเซีย จุดเด่นของพันธุ์นี้คืออะไร? ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ คือ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวขาว ที่แปรรูปมาจากข้าวเปลือกพันธุ์ข้าวหอมที่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข 15 ซึ่งปลูกในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในช่วงฤดูนาปี และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ข้าวเปลือกมีสีฟาง เมล็ดข้าว ยาว เรียว และเมล็ดไม่มีหางข้าว เมล็ดข้าวที่ผ่านการสีแล้ว จะมีความเลื่อมมัน จมูกข้าวเล็ก อ้างอิงจาก: – กรมทรัพย์สินทางปัญญา – สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ#ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ข้าว #ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ #ข้าวหอมมะลิ #ทุ่งกุลาร้องไห้ #สินค้าGI#ข้าวGI

พามาเบิ่งแนวโน้มการเติบโตของ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด รถยนต์สันดาปภายใน

อัตราการเติบโตการจดทะเบียนรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2566 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.80% หรือประมาณ 0.93 ล้านคันต่อปี โดยรถเกือบทุกประเภทมีอัตราเพิ่มขึ้น หากพิจารณาเฉพาะจำนวนรถจดทะเบียนใหม่ในปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 4.57 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 4.51 ล้านคัน คิดเป็นอัตราการเติบโต 1.4% และหากพิจารณาจากข้อมูลลงลึก ทั้งรายจังหวัดและรายภูมิภาค เราจะพบแนวโน้มที่น่าสนใจคือ การเติบโต ของรถไฟฟ้า ที่เพิ่มขึ้นทั้งในจังหวัดที่มีฐานจดทะเบียนปีก่อนหน้าต่ำอย่าง บึงกาฬ หรือ ยโสธร ปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 92.9% และ 80.4% ตามลำดับ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ กลุ่มจังหวัดใหญ่ที่มีฐานจดทะเบียนปีก่อนหน้าสูงอยู่แล้วอย่าง อุบลราชธานี นครราชสีมา ขอนแก่น ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องเป็น Top5 จังหวัดที่มีรถไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่มากที่สุดในอีสาน อยู่ที่ อุบลราชธานี 84.7% หรือจำนวน 1,290 คัน นครราชสีมา 80.6% หรือจำนวน 1,476 คัน ขอนแก่น 80.3% หรือจำนวน 1,820 คัน และภาคอีสาน ยังมีอัตราการเติบโตของรถไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ เติบโตที่ 334.1% สอดคล้องกับแนวโน้มการจดทะเบียนรถไฟฟ้า ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 มีจำนวนรถไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ทั้งประเทศสูงถึง 40,812 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวน 9,678 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 321.7% (ยอดจดทะเบียนสะสมรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 1 แสนคัน) นอกจากนั้นการเติบโตของรถยนต์ ไฮบริด ยังเติบโตเฉลี่ยทั้งประเทศถึง 36.3% ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าอีกด้วย ส่วนการเติบโตของรถเครื่องยนต์สันดาป ที่เฉลี่ยทั้งประเทศที่ 6.5% (มียอดจดทะเบียนสะสมรถยนต์สันดาปภายในรวมประมาณ 43.2 ล้านคัน) ทำให้มองเห็นทิศทางของพฤติกรรมผู้บริโภคที่สนใจในรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตการจดทะเบียนรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2566 ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคก่อนหน้า รวมทั้งภาวะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา ที่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนบางส่วน ที่มา: – กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก ปี พ.ศ.2565 และ พ.ศ.2566 – วิจัยกรุงศรี; บทวิเคราะห์: แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรม ปี 2566-2568: อุตสาหกรรมรถยนต์ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #IsanEcon #Business #Economy #ธุรกิจ#เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน#รถยนต์EV #EV #รถไฟฟ้า #รถจดทะเบียน

ชวนเบิ่งตัวอย่าง “ไนท์มาร์เก็ต” ดินแดนอีสาน

ตลาดต้นตาล – ขอนแก่น เปิดทำการทุกวัน เวลา 16:00 – 23:00 น. ตลาดต้นตาลแม้ว่าจะเปิดให้บริการมามากกว่า 10 ปีแล้ว แต่แนวคิดและการเปลี่ยนแปลงก็มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น โดยตลาดต้นตาลก่อตั้งขึ้นจากรุ่นคุณพ่อของคุณณิชกานต์ ตลาดต้นตาลกลายเป็นโซนพลาซ่าอย่างเดียว ก็คือเป็นพื้นที่ให้คนท้องถิ่นมาเช่าและขายของ ความน่าสนใจของตลาดต้นตาลก็คือ เหมือนเป็นแหล่งโอโซนอย่างดีของเมืองขอนแก่น เป็นพื้นที่กิจกรรม, ขายของ, แสดงวัฒนธรรม ดนตรี ศิลปะ ฯลฯ . ตลาดเซฟวัน – นครราชสีมา ปีก่อตั้ง 2539 เปิดทำการทุกวัน เวลา 14:00 – 22:00 น. ตลาดเซฟวันเเมื่อก่อนทำเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อห้างเซฟวัน โดยเจ้าของคลังพลาซ่า (ห้างท้องถิ่นของโคราช) ร่วมกับกลุ่มทุนเครือเซ็นทรัล แต่กิจการมีปัญหาใน ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 แล้วห้างก็ได้ปิดตัวลงไป แล้วก็มีคนเริ่มนำเอาของมือสองมาขายแบบเปิดท้ายขายของ เซฟวันจึงพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เปิดให้เช่าเป็นพื้นที่ขายของจนกลายเป็นตลาดกลางคืนขนาดใหญ่ . ถนนคนเดินเชียงคาน – เลย เปิดทำการทุกวัน เวลา 17:00 – 22:00 น. คำว่า “เชียง” ซึ่งตามธรรมเนียมราชประเพณีไทยล้านนา ล้านช้าง มักใช้คำนำหน้าเมืองว่า เชียง ส่วนคำว่า “คาน” เป็นชื่อของผู้สร้างเมืองเชียงคาน คือ “ขุนคาน” กษัตริย์แห่งเมืองเชียงทอง ปัจจุบันเชียงคานมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วแถมมีบ้านไม้เก่าๆ วิวสวยๆตามริมฝั่งโขง เงียบสงบ บรรยากาศดี แล้วก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากมาย . UD Town – อุดรธานี เปิดทำการทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น. UD TOWN เป็นศูนย์การค้าแบบเปิดโล่งที่ใหญ่ที่สุดในอุดรธานี บริหารโดย บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด โดยมีคุณธนาโกรณ์ วีรชาติยนกูล นักธุรกิจมากประสบการณ์กว่า 15 ปี ในวงการขายและการตลาด เป็นผู้ก่อตั้ง ตัวโครงการตั้งอยู่ในอุดรธานี ซึ่งเป็นประตูสู่อินโดจีน มีศักยภาพด้านการค้า ภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และการขนส่ง โดยมีพื้นที่ 24 ไร่ และมีขนาด 13,000 ตารางเมตร . . อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา – THE PEOPLE – KORATWAY – อีสานร้อยแปด ติดตาม ISAN Insight …

ชวนเบิ่งตัวอย่าง “ไนท์มาร์เก็ต” ดินแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง CEO บริษัทอีสานในตลาดหุ้น อยู่ GEN ไหนกันบ้าง?

Post war อายุ 79 ปี ขึ้นไป พิพัฒน์ ตั้งสืบกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. วัฒนาการแพทย์ ธุรกิจ: โรงพยาบาล ที่ตั้ง : อุดรธานี อายุ: 82 ปี Baby Boomer อายุ 60-78 ปี วิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ ธุรกิจ: วัสดุก่อสร้าง ที่ตั้ง : ร้อยเอ็ด อายุ: 66 ปี อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ดูโฮม ธุรกิจ: วัสดุก่อสร้าง ที่ตั้ง : อุบลราชธานี อายุ: 71 ปี Gen X อายุ 44-59 ปี อังกฤษ รุ่งโรจน์กิติยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พี.ซี.เอส.แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง ธุรกิจ : ชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ตั้ง : นครราชสีมา อายุ : 47 ปี ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ ธุรกิจ : แปรรูปยางพารา ที่ตั้ง : บุรีรัมย์ อายุ : 55 ปี Gen Y อายุ 28-43 ปี รัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช ธุรกิจ : แป้งมันสำปะหลัง ที่ตั้ง : มุกดาหาร อายุ : 34 ปี สุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล ธุรกิจ : เอทานอล ที่ตั้ง : อุบลราชธานี อายุ : 38 ปี อ้างอิงจาก: – รายงานประจำปี 2565 ของแต่ละบริษัท …

พามาเบิ่ง CEO บริษัทอีสานในตลาดหุ้น อยู่ GEN ไหนกันบ้าง? อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง คนอีสานอายุเกิน 100 มากแค่ไหน

ในปี 2566 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีคนที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป อยู่จำนวน 5,426 คน ซึ่งอายุคาดเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 77 ปีเท่านั้น โดยจังหวัดที่มีจำนวนผู้สูงอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไปมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ – นครราชสีมา มีจำนวน 765 คน – ขอนแก่น มีจำนวน 714 คน – บุรีรัมย์ มีจำนวน 504 คน – อุดรธานี มีจำนวน 419 คน – อุบลราชธานี มีจำนวน 382 คน สำหรับจังหวัดที่มีผู้สูงอายุเกิน 100 ปีน้อยที่สุดได้แก่ จังหวัดยโสธร ซึ่งมีเพียง 53 คนเท่านั้น แล้วอะไรที่ทำให้ผู้สูงอายุเหล่านี้มีอายุยืนเกิน 100 ปี? ความเจริญก้าวหน้าและความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ทั้ง ด้านการแพทย์ อาหาร สภาพแวดล้อม ฯลฯ ประกอบกับการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ จะทำให้ผู้คนมีอายุยืนมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลต่อการมีอายุยืนเช่นเดียวกัน ได้แก่ การมีกิจกรรมสังสรรค์กับเพื่อนฝูง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนอย่างสม่ำเสมอ เช่น ในรูปแบบของชมรมผู้สูงอายุกิจกรรมอาสาสมัครหรือกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ การมีงานอดิเรกหรือกิจกรรมสันทนาการที่ตนเองชื่นชอบ รวมไปถึงปัจจัยความเชื่อทางจิตวิญญาณ พลังศรัทธาทางศาสนา การมีจุดหมายในชีวิตและความเข้มแข็งของ จิตใจปัจจัยทางประเพณีและวัฒนธรรมในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการมีชีวิตความเป็นอยู่และอายุที่ยืนยาวของผู้สูงอายุ การมีชีวิตอย่างมีคุณภาพครอบคลุมทั้งปัจจัยทางสุขภาพและปัจจัยทางสังคมรวมถึง มีชีวิตอย่างยืนยาวเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เคล็ดลับทั้งหมดสู่การมีอายุยืนหนึ่งร้อยปีเป็นตัวอย่างอันพึงปฏิบัติ ยังไม่ช้าเกินไปที่จะเริ่มต้นในวันนี้ หากทุกคนมีความปรารถนาและความมุ่งมั่นสู่การมีชีวิตที่ยืนยาว มีสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้มีชีวิตอยู่ต่อไป คุณอาจเป็นหนึ่งในจำนวนผู้มีอายุยืนร้อยปีในวันข้างหน้า อ้างอิงจาก: – Agenda – กรมการปกครอง – กระทรวงสาธารณสุข – ข้อมูลสถิติประชากร พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Economy #เศรษฐกิจ #เศรษฐกิจอีสาน#บ้านเมืองอีสาน #คนอีสานอายุเกิน100ปี #อายุเกิน100ปี #คนแก่อายุเกิน100ปี #คนอีสาน

พามาเบิ่ง จำนวนครู : จำนวนนักเรียน ในอีสาน

วันครู ตรงกับ วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี โดยจุดประสงค์ในการมีวันครูนี้ เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอน ทำให้เป็นคนดีรู้วิชา ครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากในวงการ การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ เนื่องในโอกาสดังกล่าว อีสานอินไซต์ขอพาดูจำนวนครูทั้งหมดในภาคอีสาน โดยปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.7 แสนคนกระจายอยู่ทั่วทั้ง 20 จังหวัดโดยคิดเป็น 35% ของจำนวนครูทั้งหมดในประเทศ 5.1 แสนคน โดยครูในอีสานมีค่าเฉลี่ยในการดูแลเด็กต่อครู 1 คน อยู่ที่เด็ก 15 คน ซึ่งยังเป็นค่าที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาพรวมประเทศที่นักเรียน 16.8 คนต่อครู 1 คน สะท้อนถึงการดูแลเด็กที่ทั่วถึงมากขึ้น ข้อสังเกต ข้อมูลชุดนี้ยังไม่มีการแยกครูตามระดับชั้น ดังนั้นจะไม่สามารถเห็นการกระจายตัวได้ว่า ครู 1 คนในระดับชั้นใดรับภาระการสอน ต่อ จำนวนนักเรียนมากที่สุด? หมายเหตุ 1) จำนวนครูนับเฉพาะที่สังกัด โรงเรียนรัฐ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) โรงเรียนเอกชน (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) และโรงเรียนสาธิต (สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) โดยนับรวมในทุกระดับการศึกษา 2) ปีการศึกษา 2566 ที่มา กระทรวงศึกษาธิการ ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #IsanInsight #วันครู #วันครูแห่งชาติ#นักเรียน #ครูไทย #วันครูแห่งชาติ2567 #สวัสดีวันครู #สวัสดีวันครู2567 #บ้านเมืองอีสาน

สรุปเรื่องน่าฮู้ เกี่ยวกับ “สุรินทร์เมืองช้าง”

จังหวัดสุรินทร์ มีขนาดพื้นที่ 8,124 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 1,368,569 คน และในปี 2564 จังหวัดสุรินทร์มีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด อยู่ที่ 85,743 ล้านบาท และรายได้ต่อหัวของจังหวัดอยู่ที่ 81,675 บาท โครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจ SME – ภาคการบริการ คิดเป็น 47% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร มีผู้ประกอบการอยู่ 3,972 ราย – ภาคการเกษตร คิดเป็น 26% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อ มีผู้ประกอบการอยู่ 403 ราย – ภาคการผลิต คิดเป็น 14% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การทอผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ มีผู้ประกอบการอยู่ 14,426 ราย – ภาคการค้า คิดเป็น 13% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ ร้านขายของชำ มีผู้ประกอบการอยู่ 7,863 ราย ตัวอย่างสินค้าของจังหวัด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ และผ้าไหมมัดหมี่โฮล ข้อมูสะสมมกราคม – พฤศจิกายน ปี 2566 การค้าชายแดนของจังหวัดสุรินทร์กับกัมพูชา โดยมีมูลค่าการส่งออก อยู่ที่ 4,116 ล้านบาท และมีมูลค่าการนำเข้า อยู่ที่ 2,392 ล้านบาท ตัวอย่างโบราณสถานสำคัญของจังหวัดสุรินทร์ ปราสาทศีขรภูฃมิ – โบราณสถานขอมสมัยนครวัด สร้างด้วยอิฐ หินทราย และศิลาแลง ประกอบด้วยปรางค์ก่อด้วยอิฐ 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส โดยมีปรางค์ประธานตั้งอยู่ตรงกลาง และมีปรางค์บริวาร 4 หลัง ล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ ปรางค์ประธานมีแผนังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสย่อมมุมไม้ยี่สิบ มีประตูทางเข้าทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว บริเวณเหนือกรอบประตูพบทับหลังจำหลักเป็นภาพพระศิวะกำลังร่ายรำ มีหงส์แบกอยู่ 3 ตัว เหนือเกียรติมุข มีภาพพระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และพระอุมา ที่เสาประตูจำหลักเป็นภาพนางอัปสราและทวารบาล บริเวณหน้าบันเป็นอิฐประดับลวดลายปูนปั้น ปราสาทบ้านพลวง – ศิลปะขอมแบบบาปวน เป็นปราสาทขนาดเล็กจำนวน 1 หลัง สร้างด้วย สร้างด้วยหินทรายสีขาวบนฐานศิลาแลง ล้อมรอบด้วยคูน้ำรูปตัวยู องค์ปราสาทมีแผนผัง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนฐานศิลาแลงมีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า …

สรุปเรื่องน่าฮู้ เกี่ยวกับ “สุรินทร์เมืองช้าง” อ่านเพิ่มเติม »

พา “วัยรุ่นฟันน้ำนม” ไปดู “เครื่องบิน” ที่ไหนดี?

กองทัพอากาศ ด้วยหน่วยขึ้นตรงกับกองทัพอากาศทั้ง 4 แห่งในอีสาน ได้แก่ กองบิน 1 ที่นครราชสีมา กองบิน 21 ที่อุบลราชธานี กองบิน 23 ที่อุดรธานี ฝูงบินในสังกัด 237 (น้ำพอง) เปิดบ้านต้อนรับเด็ก ๆ และวัยรุ่นฟันน้ำนม พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับอากาศยาน ทั้ง เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงการแสดงจากอากาศยาน หลากหลายรุ่นในพื้นที่ของกองทัพอากาศ ภายในวันเด็กนี้ วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่มา กองทัพอากาศ ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#IsanEcon #วันเด็ก #วันเด็ก2567 #วันเด็ก2024#เครื่องบิน #เครื่องบินวันเด็ก

เตรียมพร้อมต้อนรับวันเด็ก พาส่องเบิ่ง “เด็กน้อยอีสาน” (อายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์) มีมากแค่ไหน

ข้อมูลสะสมถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ในภาคอีสานมีจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ทั้งหมด 3.3 ล้านคน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 1.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 51.5% และเพศหญิง 1.6 ล้านคน หรือคิดเป็น 48.5% โดย 5 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีมากที่สุด อันดับที่ 1 นครราชสีมา มีจำนวน 390,176 คน อันดับที่ 2 อุบลราชธานี มีจำนวน 301,923 คน อันดับที่ 3 ขอนแก่น มีจำนวน 255,355 คน อันดับที่ 4 บุรีรัมย์ มีจำนวน 251,234 คน อันดับที่ 5 อุดรธานี มีจำนวน 237,526 คน ข้อสังเกต!! จังหวัดที่มีเด็กมากก็แปรผันตามจำนวนประชากรรวมทั้ง โคราช ขอนแก่น อุบลฯ แต่ อุบล กลับเป็นจังหวัดใหญ่ที่มีสัดส่วนประชากรเด็กมากกว่าอีก 2 จังหวัด และ บึงกาฬ มีสัดส่วนเด็กต่อประชากรสูงที่สุด ถึง 16.8% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในอีสาน โดยมี มุกดาหาร อุบลฯ และ บุรีรัมย์ เป็นลำดับถัดมา ส่วนจังหวัดที่มีสัดส่วนเด็กน้อยต่อประชากรน้อยที่สุด กลับเป็น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และโคราช ตามลำดับ โดยมีสัดส่วนเด็กต่อประชากรต่ำกว่า 15% ซึ่งจะส่งผลต่อโครงสร้างประชากร ซึ่งอาจสร้างผลกระทบหลายด้านต่อภาพเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต รวมทั้งยังเป็นความท้าทายของสังคมที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หากแบ่งเป็น Generations ก็จะพบว่า The Digital Native (Gen Z) มีอายุตั้งแต่ 12-14 ปี ในภาคอีสานจะมี 399,987 คน เป็น Gen ที่เติบโตในยุคอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย เสพติดความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี และยังมีความเป็นตัวเองสูงและมีความคิดริเริ่ม เรียกได้ว่าใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก 99% ดูทีวี 54% เลยทีเดียว สามารถใช้แพลตฟอร์มหลากหลาย เข้าถึงสื่อกลุ่มใหม่ๆ เปิดรับสื่อและแพลตฟอร์มใหม่ อีกทั้งยังซื้อของออนไลน์สูงสุด เล่นเกมออนไลน์สูงเป็นอันดับ 2 The AI Kids (Gen Alpha) จะมีอายุน้อยกว่า 12 ปี ซึ่งในภาคอีสานมีมากกว่า 2,899,670 คน …

เตรียมพร้อมต้อนรับวันเด็ก พาส่องเบิ่ง “เด็กน้อยอีสาน” (อายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์) มีมากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top