April 2025

พาเลาะเบิ่ง จากเหนือจรดใต้ 3 อันดับจังหวัดที่มี GPP สูงสุดในแต่ละภูมิภาค

ใครคือ “แชมป์” GRP และเบื้องหลังขุมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย? จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภาค หรือ GRP ล่าสุดปี 2566 จะพบว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงครองบัลลังก์ความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 8,570,179 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 47.7% ของ GDP ทั้งประเทศ ตัวเลขนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการบริโภคของประเทศ อย่างไรก็ตาม การมีสัดส่วนที่สูงเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP ทั้งประเทศ ก็อาจเป็นประเด็นที่น่าพิจารณาถึงความสมดุลและความเสี่ยงของการพึ่งพาเศรษฐกิจในพื้นที่เดียว   ภาคตะวันออก รองแชมป์ ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 3,229,062 ล้านบาท คิดเป็น 18.0% ของ GDP ทั้งประเทศ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ   สำหรับภูมิภาคอื่นๆ ภาคอีสาน มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 1,808,413 ล้านบาท (10.1%), ภาคใต้ มี 1,437,591 ล้านบาท (8.0%), ภาคเหนือ มี 1,390,863 ล้านบาท (7.7%), ภาคกลาง (ที่ไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล) มี 881,689 ล้านบาท (4.9%), และ ภาคตะวันตก มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจน้อยที่สุดที่ 636,869 ล้านบาท (3.5%)   ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของขนาดเศรษฐกิจและโครงสร้างทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค ซึ่เป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายการพัฒนาที่แตกต่างกัน   เปิดขุมทรัพย์เศรษฐกิจรายจังหวัด 3 อันดับขนาดเศรษฐกิจสูงสุดแต่ละภูมิภาค ใครคือดาวเด่น ใครคือม้ามืด? ภาคเหนือ: เชียงใหม่นำทัพ ผนังเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากหลากหลายมิติ เชียงใหม่ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยขนาดเศรษฐกิจ 277,477 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อุตสาหกรรมหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และภาคเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รองลงมาคือ นครสวรรค์ (124,649 ล้านบาท) ซึ่งอาจได้รับอานิสงส์จากการเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง และ กำแพงเพชร (121,156 ล้านบาท) ที่อาจมีภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก   ภาคอีสาน: นครราชสีมาคือ “พี่ใหญ่” ขอนแก่นและอุบลฯ ตามติดด้วยศักยภาพที่แตกต่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี นครราชสีมา เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ด้วยขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 343,510 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากขนาดของจังหวัด จำนวนประชากร และการเป็นศูนย์กลางทางการค้า และการคมนาคมของภูมิภาค ขอนแก่น (225,107 ล้านบาท) ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยศักยภาพในด้านการค้า […]

พาเลาะเบิ่ง จากเหนือจรดใต้ 3 อันดับจังหวัดที่มี GPP สูงสุดในแต่ละภูมิภาค อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง “ม.ราชภัฏ” ในอีสาน ใครครองบัลลังก์นักศึกษาครูมากสุด

มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยสำคัญของประเทศที่มีการกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาคกว่า 38 แห่ง ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยมหาวิทยาลัยราชภัฎเป็นแหล่งผลิตบัณฑิตครูสำคัญของไทย โดยนักศึกษาครูมากกว่าครึ่งของประเทศมาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ   อีสานอินไซต์จึงขอพาดูจำนวนนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏในแต่ละแห่งว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และนักศึกษาเรียนครูสาขาอะไรมากที่สุด   ขุมพลังผลิตครูจากรั้ว “ม.ราชภัฏ” ทั่วไทย การศึกษาไทย “ครู” ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนอนาคตของชาติ แล้วใครคือผู้สร้างและบ่มเพาะ “ครูของแผ่นดิน” เหล่านี้?   ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศในปีการศึกษา 2567 พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศได้หล่อหลอมนักศึกษาครูมากถึง 74,250 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 48% ของจำนวนนักศึกษาครูทั้งหมดในประเทศ จำนวนนี้ตอกย้ำสถานะของมหาวิทยาลัยราชภัฏในฐานะ “หนึ่งในแหล่งผลิตครู” ของประเทศ   หากลงลึกในระดับภูมิภาค จะพบว่า ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีจำนวนนักศึกษาครูมากที่สุด ด้วยตัวเลขสูงถึง 30,175 คน จาก 11 สถาบันในภูมิภาคนี้ ตัวเลขนี้อาจสะท้อนถึงความต้องการครูที่สูงในพื้นที่ หรืออาจเป็นผลมาจากความเข้มแข็งและชื่อเสียงของคณะครุศาสตร์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏของภาคอีสาน รองลงมาคือ ภาคกลาง ที่มีนักศึกษาครู 22,614 คน จากจำนวนมหาวิทยาลัยที่มากถึง 14 แห่ง สะท้อนถึงความสำคัญของการผลิตครูในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีความหลากหลายทางการศึกษา ขณะที่ ภาคเหนือ มีจำนวน 15,416 คนจาก 8 มหาวิทยาลัย และ ภาคใต้ มีจำนวนนักศึกษาครูน้อยที่สุดที่ 6,045 คน จาก 5 มหาวิทยาลัย   หากลงไปดูมหาวิทยาลัยราชภัฏในภาคอีสาน พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยจำนวนนักศึกษาครูสูงสุดถึง 3,581 คน ตามมาด้วยสองสถาบันเก่าแก่และมีชื่อเสียงในภาคอีสานอย่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่มี 3,427 คน และ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ที่มี 3,242 คน ซึ่งถือว่าเป็น 3 อันดับมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีนักศึกษาครูมากสุดในประเทศ การที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏจากภาคอีสานครองอันดับต้นๆ ยิ่งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภูมิภาคนี้ในการผลิตครู   อย่างไรก็ตาม การที่ภาคอีสานมีจำนวนนักศึกษาครูมากที่สุด อาจเป็นผลดีในการตอบสนองความต้องการครูในภูมิภาค แต่ก็อาจนำมาซึ่งคำถามถึงการกระจายโอกาสทางการศึกษาและการบรรจุครูในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ จำนวนนักศึกษาครูในแต่ละมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ก็เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาถึงปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นขนาดของมหาวิทยาลัย ศักยภาพของคณะครุศาสตร์ หรือความต้องการครูในพื้นที่นั้นๆ   โดยตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการเป็นครู จำนวนนักศึกษาในปัจจุบันไม่ได้หมายถึงจำนวนครูที่จะเข้าสู่ระบบในอนาคต ทั้งอัตราการสำเร็จการศึกษา และความสามารถในการสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ข้อมูลนี้ยังจำกัดอยู่เฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งไม่ได้รวมถึงสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ที่มีการผลิตครูเช่นกัน     อ้างอิงจาก: – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม   ติดตาม ISAN Insight

พาเปิดเบิ่ง “ม.ราชภัฏ” ในอีสาน ใครครองบัลลังก์นักศึกษาครูมากสุด อ่านเพิ่มเติม »

จากคดี ร่วมกันยักยอกทรัพย์ สู่ผลตัดสิน ‘เอกราช ช่างเหลา’ และการถูกขับออกจาก ภูมิใจไทย

เอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น และอีกบทบาทหนึ่งคือ พ่อนายก อบจ. ป้ายแดงของชาว #ขอนแก่น ถูกศาลสั่งจำคุก 5 ปี คดีโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดขอนแก่น 431 ล้านบาท ที่ยีดเยื้อมานาน ศาลพิพากษาตัดสินแล้วศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย ขอนแก่น 17 เม.ย.-ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท ที่ห้องพิจารณาคดี 6 ศาลจังหวัดขอนแก่น นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ และนายสุธน สอนคำแก้ว ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสาร และร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กรณีทุจริตเงิน 1,275 ล้านบาทของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ระหว่างปี 2554-2563 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ฯ โดยนายเอกราช เคยเซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ และให้การรับสารภาพมาตลอด เพิ่งขอยื่นกลับคำให้การ วันที่ 7 ตุลาคม 2567 หลังสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ให้เหตุผลว่า ทนายความชุดเก่าหลอกให้รับสารภาพ โดยเงินที่นำออกไป ได้ซื้อที่ดินมาจดจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้จากการซื้อลอตเตอรี่ให้สหกรณ์ฯ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การใหม่ เชื่อว่า เป็นการประวิงคดี ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทำผิดตามฟ้องจริง โดยปลอมเอกสารยืนยันยอดเงินฝาก เงินคงเหลือ ทั้งฉบับ และบางส่วนรวม 35 ครั้ง เพื่อให้ ผู้พบเห็นชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคาร ผู้สอบ ผู้ตรวจบัญชีและประชาชนทั่วไป รวมจำนวน เงินยักยอก 1275 ล้านบาทชดใช้คืนแล้วเกือบ 900 ล้านบาทคงเหลือกว่า 405 ล้านบาท โดยจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน พิพากษาจำคุก ข้อหายักยอก 5 กระทง กระทงละ 3 ปี ข้อหาใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม 21 กระทง กระทงละ 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกข้อหายักยอก 5 ปี 30 เดือน ข้อหาใช้เอกสารสิทธิปลอม 63 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 93

จากคดี ร่วมกันยักยอกทรัพย์ สู่ผลตัดสิน ‘เอกราช ช่างเหลา’ และการถูกขับออกจาก ภูมิใจไทย อ่านเพิ่มเติม »

หนี้ข้าราชการไทย 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือน ยอดกู้กว่า 5 ล้านล้านบาท เสี่ยงถูกยื่นล้มละลาย 1.4 หมื่นคน

ฮู้บ่ว่าข้าราชการไทย กู้รวมกันกว่า 5 ล้านล้าน เป็นหนี้ในระบบ 3 ล้านล้าน และกู้สหกรณ์อีก 2 ล้านล้านเสี่ยงล้มละลายพุ่ง 1.4 หมื่นคน, ‘ครู’ ครองแชมป์มากที่สุด วิกฤตหนี้ครัวเรือนไทย’ จากข้อมูลบัญชีลูกหนี้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนมากกว่า 84 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้คงค้างกว่า 13.6 ล้านล้านบาท พบคนไทยก่อหนี้วนลูป จนกลายเป็นหนี้พอกเรื้อรังไปตลอดชีวิต ที่น่ากังวลไม่ต่างกันคือ มากกว่า 1 ใน 3 หรือมากกว่า 5 ล้านล้านบาท นั้นเป็นหนี้ครัวเรือนของข้าราชการไทย . ด้าน ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า “ตัวเลขข้าราชการ’ล้มละลายพุ่ง 1.4 หมื่น ‘ครู’ ครองแชมป์เสี่ยงถูกให้ออกมากสุด” . ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 14,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่า และในจำนวนนี้เป็นข้าราชการครูกว่า 5,000 คน ซึ่งหากถูกฟ้องล้มละลายก็จะถูกให้ออกจากราชการ ไม่มีอาชีพทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาจึงมีการเร่งถก’ก.พ.’เปิดช่องให้โอกาสทำงานต่อ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ถูกฟ้องล้มละลาย ไม่ต้องออกจากราชการ เนื่องจากเป็น ‘คดีทางแพ่ง’ ไม่ใช่การทุจริตหรือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เพราะหากถูกบังคับออกจากราชการก็จะเสียช่องทางการหารายได้เป็นการสร้างภาระเพิ่ม“จากนี้จะต้องหารือกับทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ซึ่งเป็นผู้แลภาพรวมของข้าราชการทั่วประเทศ รวมไปถึงหารือกับคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) เพื่อยกก่อนจะนำเรื่องนี้เข้าเสนอที่ประชุมครม.ต่อไปซึ่งเป็นขั้นตอนปกติของการผลักดันร่างกฎหมาย ส่วนสหกรณ์ที่เข้าระบบมีเพียง 7 แห่งเท่านั้น ทำให้เกิดการกู้ทั้งซ้ำซ้อน จนไม่สามารถใช้คืนหนี้ได้ โดยรายชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์ที่สมัครเข้าร่วมเครดิตบูโรแล้ว ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำกัด (สอ.สป.) สหกรณ์อิสลามอิบนูอัฟฟาน จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยมหิดล จำกัด  

หนี้ข้าราชการไทย 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือน ยอดกู้กว่า 5 ล้านล้านบาท เสี่ยงถูกยื่นล้มละลาย 1.4 หมื่นคน อ่านเพิ่มเติม »

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢

ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฮียบหงวนมิลเลอร์ จังหวัด: อุดรธานี ปีที่จดทะเบียน: 2500 อายุบริษัท: 68 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 10 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: จำหน่ายรถยนต์ ขายอะไหล่ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: จำหน่ายรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,918.5 (-28.8%) กำไร (ล้านบาท): 34.9 (-25%)   ชื่อบริษัท: บริษัท เมรัยชัยภูมิ จำกัด จังหวัด: ชัยภูมิ ปีที่จดทะเบียน: 2503 อายุบริษัท: 65 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 21 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่ง สุรา เบียร์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,279.2 (-2.3%) กำไร (ล้านบาท): 6.0 (+2,123.9%)   ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะฮั้วอุบล จังหวัด: อุบลราชธานี ปีที่จดทะเบียน: 2504 อายุบริษัท: 64 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 6 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายปลีกเบียร์ และสินค้าเบ็ดเตล็ด ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,309.1 (-7.1%) กำไร (ล้านบาท): 6.1 (-1.2%)   ชื่อบริษัท: บริษัท สหเรือง จำกัด จังหวัด: มุกดาหาร ปีที่จดทะเบียน: 2506 อายุบริษัท: 62 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 774 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ผลิตและขายส่งน้ำตาลทราย ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: โรงงานน้ำตาล รายได้รวม (ล้านบาท): 3,074.7 (+2.0%) กำไร (ล้านบาท): 462.1 (+6.1%)   ชื่อบริษัท: บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด จังหวัด: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2507 อายุบริษัท: 61 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 2,000 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: เข้าซื้อหุ้นในบริษัทอื่นและกิจการอื่น (บริษัทโฮลดิ้ง) ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายยานยนต์ รายได้รวม (ล้านบาท): 5,330.8 (-33.6%) กำไร

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢 อ่านเพิ่มเติม »

Big 4 อีสานติดโผ! 15 จังหวัดที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศไทย

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) สำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึง 2567 รวม 31 ปี และโดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาค ทั้งหมด 40 หลักจังหวัดที่มีโครงการทั่วประเทศ ซึ่งได้คัด 15 จังหวัดหลักที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยไม่นับ6 จังหวัดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อันดับ 1 และอันดับ 2 คือจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งเติบโตด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดหลักในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ โดยจังหวัดชลบุรี ณ ปี 2567 ยังมีหน่วยขายรอผู้มาซื้ออยู่ 45,470 หน่วย หรือเหลืออยู่ 15% มีมูลค่ารวม 159,738 ล้านบาท ในส่วนของจังหวัดระยอง ยังมีหน่วยที่อยู่อาศัยรอขายอยู่  23,092 หน่วย หรือ 25% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด รวมมูลค่า 58,563 ล้านบาท อันดับที่ 3 เป็นจังหวัดใหญ่ของภาคเหนือ นั่นคือ จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีหน่วยขายรอขายอยู่ 11,900 หน่วย ถือเป็นเพียง 14% ของหน่วยขายทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมกัน 54,218 ล้านบาท และอันดับที่ 4 เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและจังหวัดสำคัญของภาคใต้ คือจังหวัดภูเก็ต มีหน่วยที่อยู่อาศัยรอขายอยู่ 11,607 หน่วย คิดเป็น 15% ของปริมาณทั้งหมด มีมูลค่ารวมสูงถึง 142,796 ล้านบาท ข้ามฝั่งมายังอีสาน พบว่ามีจังหวัดในภาคอีสานติดอยู่ในลำดับจังหวัดที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากที่สุด ซึ่งได้แก่จังหวัดกลุ่ม Big 4 อย่าง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และ อุบลราชธานี โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้ นครราชสีมา หน่วยขายรอขาย: 8,336 หน่วย คิดเป็น 21% ของหน่วยขายทั้งหมด มูลค่าที่รอขายรวม 26,458 ล้านบาท   ขอนแก่น หน่วยขายรอขาย: 5,642   หน่วย คิดเป็น 95% ของหน่วยขายทั้งหมด มูลค่าที่รอขายรวม 19,484  ล้านบาท   อุดรธานี หน่วยขายรอขาย: 2,530 หน่วย คิดเป็น 16% ของหน่วยขายทั้งหมด มูลค่าที่รอขายรวม 9,229 ล้านบาท   อุบลราชธานี หน่วยขายรอขาย:

Big 4 อีสานติดโผ! 15 จังหวัดที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง “หมออีสาน” แบกรับภาระงานสุดโหด จังหวัดไหน “คนไข้ล้นมือ” หนักสุด ปี 66 

ในปี 2566 สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรภาคอีสาน อยู่ที่แพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 2,565 คน ซึ่งสัดส่วนจำนวนแพทย์ในภาคอีสานแต่ละจังหวัดกลับมีตัวเลขที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก เพราะ WHO หรือองค์การอนามัยโลกได้แนะนำสัดส่วนมาตรฐานเอาไว้ โดยกำหนดว่าสัดส่วนที่เหมาะสมคือ แพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 1,000 คน นั่นเอง     โดย 5 จังหวัดแรกที่แพทย์แบกรับภาระมากที่สุด จังหวัดบึงกาฬ มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 5,003 คน จังหวัดหนองบัวลำภู มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 4,650 คน จังหวัดอำนาจเจริญ มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 4,202 คน จังหวัดนครพนม มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 4,150 คน จังหวัดชัยภูมิ มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 3,790 คน   สำหรับในจังหวัดที่แพทย์แบกรับภาระน้อยที่สุดนั้น คือ จังหวัดขอนแก่น โดยมีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากรเพียงแค่ 1,080 คน ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนแพทย์ที่ไม่ห่างจากสัดส่วนมาตรฐานมากนัก   จากสัดส่วนข้างต้น ทำให้เห็นว่าปัญหาของจำนวนแพทย์ในประเทศไทยนั้น ขาดการกระจายตัวของแพทย์อย่างเห็นได้ชัดเจน   โดยปริมาณแพทย์ส่วนใหญ่มักกระจุกกันอยู่ที่จังหวัดหัวเมืองหลักของภาคอีสาน อาจเพราะว่าจังหวัดเหล่านั้นเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วยก็เป็นได้ ซึ่งทำให้โรงพยาบาลเหล่านั้นต้องรับรักษาผู้ป่วยที่มาจากจังหวัดใกล้เคียงเพิ่มด้วยเช่นกัน   “หมออีสาน” แบกภาระงานสุดโหด ใน 4 จังหวัด “คนไข้ล้นมือ” วิกฤตอันดับต้นของประเทศ เมื่อสถิติจำนวนประชากรต่อแพทย์ในภาคอีสาน ปี 2566 เผยให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำและความตึงเครียดในระบบสาธารณสุขของภูมิภาคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรากฏชื่อ 4 จังหวัดที่น่าตกใจ ได้แก่ บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ และนครพนม ที่ติดอันดับจังหวัดที่มีอัตราส่วนประชากรต่อแพทย์สูงที่สุด 4 อันดับแรกของประเทศ สะท้อนถึงภาระงานอันหนักอึ้งที่บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่เหล่านี้ต้องเผชิญ และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพการรักษาและชีวิตของผู้ป่วย   การที่จังหวัดบึงกาฬมีอัตราส่วนประชากรต่อแพทย์สูงถึง 5,003 ต่อ 1 คน หมายความว่าแพทย์หนึ่งท่านต้องดูแลประชากรมากถึงห้าพันกว่าชีวิต เช่นเดียวกับหนองบัวลำภู (4,650 : 1), อำนาจเจริญ (4,202 : 1) และนครพนม (4,150 : 1) ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถิติที่น่ากังวล แต่เป็นภาพสะท้อนของความยากลำบากในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ความเหนื่อยล้าของบุคลากร และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ สถานการณ์ “หมอไม่พอ” ในอีสาน โดยเฉพาะใน 4 จังหวัดดังกล่าว มีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการกระจายตัวของบุคลากรที่ไม่สมดุล โดยแพทย์ส่วนใหญ่มักกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่และโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในขณะที่โรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัยในพื้นที่ห่างไกลเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรอย่างต่อเนื่อง 

พาเปิดเบิ่ง “หมออีสาน” แบกรับภาระงานสุดโหด จังหวัดไหน “คนไข้ล้นมือ” หนักสุด ปี 66  อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง KUBOTA ผู้นำเบอร์ 1 รถเพื่อการเกษตรในไทย

ผู้ก่อตั้ง: Gonshiro Kubota ชื่อบริษัท: บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ปีที่ก่อตั้ง: พ.ศ. 2521 ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: ปทุมธานี รายได้: 54,347 ล้านบาท (-7.6% YoY) กำไร (ขาดทุน): 4,838 ล้านบาท (-13.9% YoY) ยอดรถแทรกเตอร์จดทะเบียนครั้งแรกปี 2567: ทั่วประเทศ 40,222 คัน / ภาคอีสาน 19,606 คัน   จังหวัด จำนวนศูนย์บริการ (แห่ง) จำนวนตัวแทนจำหน่าย (แห่ง) รายได้จากตัวแทนจำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนรถรถแทรกเตอร์คูโบต้าจดทะเบียนครั้งแรก ปี 2567 (คัน) ชัยภูมิ ศูนย์บริการเทคนิค 1 8 1,335.7 1,876 ยโสธร ศูนย์บริการเทคนิค 1 5 540.9 452 อุบลราชธานี ศูนย์บริการเทคนิค 1 16 4,334.6 1,430 ศรีสะเกษ – 14 1,188.7 919 บุรีรัมย์ – 11 1,132.2 1,125 นครราชสีมา ศูนย์บริการเทคนิค 1 ศูนย์กระจายอะไหล่ 2 คลังสินค้า 8 28 3,165.3 3,153 สุรินทร์ ศูนย์บริการเทคนิค 1 11 1,806.1 869 อำนาจเจริญ – 4 259.8 336 หนองบัวลำภู – 5 977.3 729 บึงกาฬ – 7 3.2 216 หนองคาย – 4 722.9 353 เลย ศูนย์บริการเทคนิค 1 7 735.4 682 อุดรธานี ศูนย์บริการเทคนิค 1 15 3,552.8 1,754 นครพนม ศูนย์บริการเทคนิค 1 7 401.1 426 สกลนคร ศูนย์บริการเทคนิค 1 10

พามาเบิ่ง KUBOTA ผู้นำเบอร์ 1 รถเพื่อการเกษตรในไทย อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน

พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้า” พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน . ภาคอีสานของเรา เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพด้านพลังงานทดแทนสูง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 2,842 เมกะวัตต์ (MW) เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากภาคกลางที่มีกำลังการผลิต 4,143 MW และสูงกว่าภาคเหนือ (2,387 MW) และภาคใต้ (989 MW) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในภาคอีสานมีหลายประเภท โดยลมเป็นแหล่งพลังงานหลัก รองลงมาคือชีวะมวลและ พลังงานแสงอาทิตย์   โดยสามารถจำแนกศักยภาพพลังงานหมุนเวียนในภาคอีสานได้ดังนี้ – โรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Power Plants) – 1,266 MW พลังงานลมกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดของภาคอีสาน ด้วยศักยภาพกระแสลมที่เหมาะสมในบางพื้นที่ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง – โรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass Power Plants) – 691 MW ภาคอีสานมีวัตถุดิบชีวมวลที่อุดมสมบูรณ์ เช่น เศษวัสดุจากการเกษตร อ้อย ข้าว และมันสำปะหลัง ทำให้ชีวมวลเป็นพลังงานที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างยั่งยืน – โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Plants) – 551 MW ด้วยปริมาณแสงแดดที่มีตลอดปี ทำให้ภาคอีสานเหมาะสมต่อการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว – โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ (Large Hydro Power Plants) – 238 MW แม้ว่าภาคอีสานจะไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่เท่าภาคเหนือ แต่ยังสามารถใช้ศักยภาพของแม่น้ำสายสำคัญเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ – โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (Biogas Power Plants) – 80 MW โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพใช้ของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นแหล่งเชื้อเพลิง ช่วยลดปัญหามลพิษและสร้างพลังงานสะอาด – โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก (Mini-Hydro Power Plants) – 6 MW แม้กำลังการผลิตจะไม่สูงมาก แต่โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กยังสามารถช่วยกระจายพลังงานไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกลได้ – โรงไฟฟ้าขยะ (Waste Power Plants) – 10 MW การนำขยะมาใช้ผลิตไฟฟ้าช่วยลดปริมาณขยะในชุมชนและเป็นอีกแนวทางในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน – โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Power Plants) – 0 MW ยังไม่มีการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานนี้   ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ เหมาะสำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและแสงอาทิตย์ซึ่งต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมหากได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การลงทุน และนโยบายที่ส่งเสริมพลังงานทดแทน ภาคอีสานสามารถเป็นศูนย์กลางพลังงานสะอาดที่สำคัญของไทยที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงานได้ในอนาคต . ที่มา: กระทรวงพลังงาน   หมายเหตุ: 1. ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 2.ไม่รวมกำลังการผลิตไฟฟ้านอกระบบ

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

บุรีรัมย์ โมโตจีพี มหกรรมความเร็วระดับโลก เเรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหรือ MotoGP ฤดูกาล 2025 ก็จะเริ่มเปิดสนามอย่างเป็นทางการกันแล้ว และสนามแรกก็ประเดิมที่บ้านเราเลยกับ ‘พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์’ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคมนี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ แถมในปีนี้แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทยก็มีเรื่องราวให้น่ายินดีมากขึ้นไปอีกเพราะเราจะได้เชียร์ ‘คิงคองก้อง’ สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยคนแรกที่ได้ลงแข่ง MotoGP ไปกันยาวๆ ในซีซั่นนี้  โดยมีแข่งขันสนามแรกประจำฤดูกาลที่บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6 ซึ่งดอร์นา สปอร์ต เปิดเผยว่า ทั้ง 3 อีเวนต์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย ใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 23 ล้านยูโร หรือประมาณ 819 ล้านบาท ไม่รวมกับงบประมาณจัดงานจากฝั่งการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ซึ่งบทบาทในปีนี้ถือเป็นโอกาสทองจาก 22 สนามที่จะถูกจัดขึ้นทั้งปีทั่วโลก เนื่องจากได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและแฟนความเร็วมากที่สุด เพราะจะได้เห็นนักแข่งกับการวางแผนทำงานของทีมแข่ง ภายใต้รถแข่งในเทคโนโลยีใหม่, ผลงานภายใต้สนามนี้ เรียกว่าเป็นสนามที่จะชี้ชะตาของฤดูกาล 2025 เลยก็ว่าได้ และการได้รับโอกาสเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ “สนามประเทศไทย” ที่โดดเด่นมากที่สุดสนามหนึ่งของโลก โมโตจีพี MotoGP ในปีนี้เป็นปีที่ทุบสถิติในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจเเละตัวเลขผู้ชมที่มากเป็นประวัติการณ์ในปี 2568 . กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยข้อมูลสำคัญ PT Grand Prix of Thailand 2025 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 2025 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 224,634 คน เป็นคนไทย 172,565 คน ชาวต่างชาติ 52,069 คน มูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5,043 ล้านบาท กระตุ้นการใช้จ่ายกว่า 4,268 ล้านบาท ใช้งบจัดงาน 775 ล้านบาท สร้างงาน 7,772 ตำแหน่ง ภาษีที่รัฐเก็บได้กว่า 318 ล้านบาท ที่มา : กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา . .   Motorsports: กีฬาความเร็วกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ Motorsports หรือกีฬาแข่งขันความเร็วที่ใช้ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก การแข่งขันรายการใหญ่ เช่น Formula 1, MotoGP, Nascar และ IndyCar  ดึงดูดแฟนกีฬาจำนวนมาก และมีการจัดแข่งขันในหลายประเทศ ทำให้ Motorsports

บุรีรัมย์ โมโตจีพี มหกรรมความเร็วระดับโลก เเรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top