February 2023

บริษัทผลิตสตาร์ชมันสำปะหลังใหญ่ที่สุด

ในภาคอีสาน มีบริษัทใด๋แหน่?? อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มันสำปะหลัง #บริษัทผลิตมันสำปะหลัง #โรงมันสำปะหลัง

พาจอบเบิ่ง “อาณาจักรฟาร์มสุกร” เจ้าใหญ่แห่งภาคอีสาน

จุดเริ่มต้นของ “อาร์เอ็มซี ฟาร์ม” บริษัท อาร์เอ็มซี ฟาร์ม จำกัด มีผู้ร่วมกันก่อตั้งอยู่ 2 ท่าน คือ คุณมงคล และคุณชูศักดิ์ สองพี่น้องตระกูลรัตนวนิชย์วิโรจน์ โดยเริ่มแรกทำธุรกิจจากการขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร ภายใต้ชื่อร้านเจริญกิจเกษตรภัณฑ์ หลังจากนั้นได้เริ่มต้นธุรกิจ ฟาร์มหมู มีพ่อพันธุ์เพียง 4 ตัว และแม่พันธุ์ 60 ตัว ซึ่งฟาร์มได้มีการพัฒนาสายพันธุ์สุกรเอง จนเกิดผลผลิตในปริมาณที่มากพอ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในแถบภาคอีสานได้ ทั้งในด้านคุณภาพ โดยมีสายพันธุ์ที่ดี และคุณภาพซากที่สวย เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ในปัจจุบันทาง ฟาร์มหมู มีสุกรแม่พันธุ์ 5,500 แม่ จากรากฐานที่มั่นคงในการทำธุรกิจสุกรมาแล้ว 37 ปี มีการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน โดยการทำงานร่วมกันของคุณชูศักดิ์ และคุณศราวุฒิ จากการซึมซับการเลี้ยงหมู ตั้งแต่เล็กถึงแม้จะไม่ได้จบด้านปศุสัตว์โดยตรง แต่ก็ได้เข้าฟาร์มดูการทำคลอด คลุกแป้งลูกหมู อุ้มลูกหมู ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต RMC Farm เป็นฟาร์มหมูที่อยู่ใกล้กับชุมชนมาก ดังนั้นต้องมีการจัดการที่ดี มีการพัฒนารูปแบบการ เลี้ยงหมูเป็นระบบอีแวป (Evap) มาหลายสิบปี ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างใหม่ และบางส่วนมีการดัดแปลงจากโครงสร้างเก่า การจัดการในแต่ละวันจะเริ่มต้นด้วยการให้อาหาร ทำความสะอาด และเดินตรวจสุขภาพ ขณะที่สุกรกำลังกินอาหารเพื่อสังเกตสิ่งผิดปกติจะได้จัดการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ถ้าสุกรป่วยเป็นระยะเวลานานจะทำให้การรักษานั้นยากมากขึ้น ในขณะที่จุดเริ่มต้นของ “ณัฐพงษ์ ฟาร์ม” บริษัทฯ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2545 ฟาร์มหมูขนาดใหญ่ 4 ฟาร์ม แม่พันธุ 3,000 แม่ ที่เลี้ยงตั้งแต่นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาผสมพันธุ์ เมื่อคลอดลูกหมูก็จะเลี้ยงจนกระทั่งเป็นหมูขุน โดยลงทุนในรูปแบบการเลี้ยงที่ทันสมัย ระบบปิดทั้งหมด อีกทั้งยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ซึ่งเป็นบริษัทตั้งต้น และได้ต่อยอดบริษัทที่ 2 คือ บริษัท พีแอนด์เจ มีท โปรดักส์ จำกัด โรงชำแหละและตัดแต่งเนื้อหมู มาตรฐาน GMP/HACCP กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ลูกค้าโมเดิร์นเทรด จากนั้นจึงมี บริษัท หมูณัฐ จำกัด เป็นบริษัทที่ 3 ที่เป็นร้านเนื้อหมูสะดวกซื้อ ซึ่งเปิดกิจการมาย่างเข้าปีที่ 8 แล้ว กับ 10 สาขาในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ในการทำธุรกิจฟาร์มสุกรนั้น การทำธุรกิจทุกอย่างที่ทำออกมาต้องมีการเติบโตอย่างยั่งยืน ค่อยเป็นค่อยไป และประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีจรรยาบรรณ มีศีลธรรมอันดีในการประกอบธุรกิจ ซื่อตรงต่อตัวเองและลูกค้า อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ฟาร์มสุกร #ฟาร์มหมู #หมู #ณัฐพงษ์ฟาร์ม …

พาจอบเบิ่ง “อาณาจักรฟาร์มสุกร” เจ้าใหญ่แห่งภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง “แมงแคง” เมนูสุดแซ่บที่สร้างรายได้งามให้แก่ชาวอีสาน

ชาวบ้าน บ้านโนนขี้ตุ่น หมู่ 9 ต.ตลาดเเร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ใช้เวลาว่าง พากันออกหาเก็บแมงแคง ที่มาหากินและอาศัยตามต้นผักบุ้งที่เกิดตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ในชุมชน มาปรุงเป็นอาหารและเป็นของฝากญาติ ๆ หรือขายสร้างรายได้ โดยแมงแคง ตัวเป็น ๆ จะมีกลิ่นฉุนคล้ายแมงดา แต่เมื่อปรุงเป็นอาหารจะมีกลิ่นหอมอร่อยมาก ซึ่งชาวบ้านจะนิยมทำเมนู น้ำพริกแมงแคง คั่ว ทอด ซึ่งแมงแคงจะมีรสชาติหอมมันอร่อยยิ่งกว่าแมงดาหรือแมงจี้ซอนมาก เป็นที่ชื่นชอบของชาวอีสาน หากนำไปขายส่วนใหญ่จะทำเป็นกองหรือใส่ถุงขายราคา กองหรือถุงล่ะ 20-50 บาท สามารถทำเงินให้กับผู้ที่หาของป่าได้ วันล่ะ 300-500 บาทเลยที่เดียวในระยะนี้ ด้าน คุณวรรณวิลัย โลมะบุตร ชาวบ้าน บ้านโนนขี้ตุ่น หมู่ 9 ต.ตลาดเเร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ เผยว่าตนเองและครอบครัวจะใช้เวลาว่างในช่วงเย็น พากันขับจักรยานยนต์นำถุงหรือขวดน้ำเปล่า ตระเวนออกหาเก็บ แมงแคง ตามแหล่งน้ำ โดยเฉพาะที่บริเวณริมห้วยหรือหนองฉิม ซึ่งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของหมู่บ้านเป็นแหล่งน้ำที่เริ่มแห้งขอด มีต้นผักบุ้งเกิดขึ้นเยอะ และมีแมงแคงออกมาหากินเป็นจำนวนมาก คุณวรรณวิลัยและครอบครัวจึงได้นำเอาขวดน้ำเปล่าหรือถุงพลาสติดออกเดินหาเก็บแมงแคงที่หากินตามต้นผักบุ้ง เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหาร ซึ่งเป็นเมนูเด็ดหากินยาก นาน ๆ จะมีให้กินครั้งหนึ่ง ซึ่งในการออกหาแมงแคงแต่ล่ะครั้งจะได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อครั้ง หากนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าหรือเพื่อนบ้านจะได้ประมาณ 200-300 บาท แต่สำหรับคุณวรรณวิลัยและครอบครัว จะนำมาปรุงเป็นอาหารและนำเป็นของฝากแก่ญาติ ๆ ให้ได้กินเสียก่อน เพราะเป็นเมนูที่หากินได้ยากนานปีจะมีให้กินครั้งหนึ่ง โดยแมงแคงที่หามาได้คุณวรรณวิลัยจะนำมาล้างน้ำให้สะอาด จากน้ำก็นำมาคั่วใส่เกลือ หรือรสดี และตำน้ำพริก จิ้มกับมะขามเทศ นำกินกับข้าวเหนียวอร่อยสุด ๆ ไปเลย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1050660 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #แมงแคง #ชัยภูมิ #เมนูแซ่บอีสาน

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด   ปี 2564 ผลจากสถานการณ์การล็อกดาวน์ชาว Gen Z  ผู้ใช้งาน  Tinder  ทั่วโลกมีการใช้วิธีเดทผ่าน วิดีโอคอล (video call) โดยมีการระบุถึง “ วิดีโอคอล (video call) ” ในหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder เพิ่มมากขึ้นถึง 52% โดยสมาชิกในจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น เป็น 2 จังหวัดที่มีการพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอลมากที่สุดในประเทศไทย    ถึงแม้จะมีการล็อกดาวน์บางส่วน ทำให้การมาเจอกันยากขึ้น แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคของนักเดตชาวไทย เพราะพวกเขาใช้ฟีเจอร์ Passport ปักหมุดไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อตามหาคู่เดตในฝัน โดยเมืองยอดนิยมในต่างประเทศ ที่ Gen Z ชาวไทย ใช้ฟีเจอร์ Passport ไปปักหมุด ได้แก่ 1) กรุงโซล 2) ลอนดอน 3) นิวยอร์ก 4) โตเกียว 5) ลอสแอนเจลิส ส่วนจังหวัดยอดนิยมในประเทศไทย ที่คนนิยมปักหมุด คือ 1) กรุงเทพฯ 2) เชียงใหม่ 3) ขอนแก่น 4) ปทุมธานี 5) หาดใหญ่ (สงขลา)   นอกจากนี้ คนไทยวัย Gen Z ยังมองหาการสร้างคอนเนกชันกับผู้คนใหม่ ๆ ที่อยู่ใกล้กัน เพื่อได้นัดเจอกันได้ในชีวิตจริง และเพื่อที่จะหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันได้ ทั้งสองคำนี้จึงถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้น โดยคำว่า “นัดเจอ” เพิ่มขึ้นถึง 77% และคำว่า “หาเพื่อนเที่ยว” เพิ่มขึ้นกว่า 85%  อีกทั้ง Tinder พบว่ามีการระบุถึงคำว่า “กางเต็นท์” เพิ่มมากขึ้น 3.2 เท่าในหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder ของคนไทย ภูเขา และ ทะเล ก็เป็นสถานที่เดทที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และการฉีดวัคซีนถือเป็นรายการแรกของเช็คลิสท์ในการเตรียมตัวออกเดท พบว่า มีการระบุถึงคำว่า “วัคซีน” มากขึ้น 27 เท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการออกเดท และจะเห็นได้ว่าสมาชิกของ Tinder มีการพูดถึง “สิ่งเล็กๆน้อยๆ” บนหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างการสร้างความสัมพันธ์กันผ่านความชอบ …

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด อ่านเพิ่มเติม »

พาซอมเบิ่ง “อุบล ไบโอ เอทานอล” อาณาจักรผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลัง รายใหญ่ของประเทศ

บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “UBE”) เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เอทานอล และแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งบริษัทจำหน่ายทั้งแป้งมันสำปะหลัง (Tapioca Starch) และฟลาวมันสำปะหลัง (Cassava Flour) แบบทั่วไปและแบบออร์แกนิก บริษัทถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร (Well-integrated Tapioca Player) รายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จากการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตทั้งเอทานอล แป้งมันสำปะหลังและแป้งฟลาว ซึ่งมีการนำวัตถุดิบมันสำปะหลังเข้าสู่กระบวนการผลิตมากถึง 1,200,000 ตันต่อปี บริษัทมีการนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต เช่น น้ำใช้จากกระบวนการผลิตและกากมันสำปะหลัง มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนในโรงงานผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้หมุนเวียนในโรงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต และจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง นอกจากการผลิตและจำหน่ายเอทานอล แป้งมันสำปะหลัง และการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง บริษัทได้ขยายสู่การพัฒนาสินค้าทางการเกษตรชนิดอื่นที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) หรือมีศักยภาพในการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี 2563 บริษัทได้ริเริ่มธุรกิจเกษตรอินทรีย์ โดยมีแผนที่จะปลูกกาแฟอินทรีย์ (Organic Coffee) และข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) เพื่อจำหน่าย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรประเภทอื่นๆ เช่น อาหารผสมเสร็จที่ผลิตจากหญ้าเนเปียร์ สำหรับการเลี้ยงโคเนื้อ เป็นต้น อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุบลไบโอเอทานอล #มันสำปะหลัง #เอทานอล #อุบลราชธานี

5 จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกอ้อย หลายที่สุดในอีสาน

5 จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกอ้อย หลายที่สุดในอีสาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยจำนวน 20 จังหวัด มีพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งหมด 4,661,795 ไร่ เพิ่มขึ้น จากปีการผลิต 2563/64 จำนวน 67,351 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.47 ในปัจจุบันอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวไปได้อีกไกล เนื่องจาก มีการขอตั้ง และขยายโรงงานน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนมากและสืบเนื่องจาก รัฐบาลผลักดัน นโยบายบริหารพื้นที่เกษตรกรรมของพืช (Zoning) โดยเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่อยู่ในพื้นที่ ไม่เหมาะสมไปสู่การปลูกอ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้ พื้นที่ปลูกอ้อยของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นผลให้การผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้แนวโน้มที่ดีส่งผลให้ราคาอ้อยขยับเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรส่วนหนึ่งหันกลับมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น ประกอบกับปี 2564 ประเทศไทยมีมรสุมเข้าตั้งแต่ต้นปี ทำให้มีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของอ้อย ส่งผลให้ผลผลิตต่อตันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ราคาอ้อยจะสูงขึ้นแต่ต้นทุนภาพรวมก็สูงขึ้นด้วย เช่น ค่าน้ำมัน ค่าแรงงานและค่าปุ๋ย อ้างอิงจาก: สํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ําตาลทราย #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #น้ำตาล #อุดรธานี #ขอนแก่น #นครราชสีมา #ชัยภูมิ #กาฬสินธุ์

เป็นจั้งใด๋ ? สถานการณ์ขยะมูลฝอยของไทย ปี 2564

เป็นจั้งใด๋ ? สถานการณ์ขยะมูลฝอยของไทย ปี 2564 สถานการณ์ขยะมูลฝอยในปี 2564 เกิดขึ้น 24.98 ล้านตัน ลดลงจากปี 2563 ร้อยละ 1 สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยลดลงเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้มีการควบคุมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันมีมาตรการกำหนดให้ปฏิบัติงาน Work From Home การสั่งอาหารผ่านระบบบริการส่งอาหาร (Food Delivery) ส่งผลให้ปริมาณพลาสติกใช้ครั้งเดียว (Single use plastic) เพิ่มขึ้น เช่น กล่องโฟม กล่องพลาสติกใส่อาหาร ถุงพลาสติกหูหิ้ว ถุงร้อน-เย็น ช้อน ส้อม มีดพลาสติก แก้วพลาสติก จากห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และ Platform ของผู้ให้บริการส่งอาหาร การจัดการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยและขยะพลาสติก มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563-2565) เช่น โครงการเปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ (เมื่อคุณหมุนเวียน) อ้างอิงจาก: กรมควบคุมมลพิษ https://www.pcd.go.th/pcd_news/20802 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ขยะมูลฝอย

พามาเบิ่ง “กลุ่มบริษัทต้องบุญ” ที่อยู่ในภาคอีสาน ผลประกอบการแต่ละบริษัทเป็นจังใด๋แหน่??

บริษัทต้องบุญปิโตรเลียมจำกัด เดิมจดทะเบียนในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัดปักธงชัย ปิโตรเลียม ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และบริการค้าส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ต่อมาธุรกิจค้าส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในนามของ หจก.ปักธงชัยปิโตรเลียม มีการขยายตัวและเติบโตในอัตราที่สูงมาก ผู้บริหารจึงมีความเห็นให้แยกธุรกิจค้าส่งน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ใน ชื่อ บริษัท ต้องบุญปิโตรเลียม จำกัด เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2540 โดย บริษัทต้องบุญปิโตรเลียม ก็ได้ปรับแกนของธุรกิจหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายดำเนินธุรกิจ บริการขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ภายใต้นโยบายที่มุ่งหวังจะเป็นเลิศด้านการให้บริการค้าส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมันแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ด้วยพื้นฐานเติบโตมาจากผู้รับบริการ เมื่อเป็นผู้ให้บริการทำให้เรามีจุดเด่นการให้บริการที่ใส่ใจ เข้าใจความต้องการของลูกค้า จึงมุ่งมั่นให้สิ่งที่ดีที่สุด คุณภาพที่ดีที่สุดสู่ผู้รับบริการและลูกค้า ทำให้ บริษัท ต้องบุญปิโตรเลียม จำกัด เติบโตขยายขอบเขตธุรกิจตลอดมา ในปัจจุบัน เป็นบริษัทชั้นนำในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน และน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมให้บริการด้านการขนส่งที่เป็นหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มบริษัทต้องบุญ ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้่งในราชอาณาจักรและนอกราชอาณาจักรไทย ทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง ให้บริการทุกพื้นที่ทั่วไทย โดยมีรถบรรทุกน้ำมันให้บริการกว่า 200 คัน รวมถึงบริการขนส่งน้ำมันให้กับแบรนด์น้ำมันเชื้อเพลิงชั้นนำของไทย อีกด้วย ดังนั้น บริษัทฯจึงเป็นผู้นำในธุรกิจ ที่พร้อมก้าวและเติบโตไปกับลูกค้าในธุรกิจจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเชื้อเพลิงและขนส่งน้ำมันเชื้อพลิง ที่ลูกค้าไว้วางใจเพราะบริษัทฯบริการด้วยคุณภาพและมาตรฐานสูงสุด “เพราะบริษัทฯเป็นหนึ่งด้านการค้าส่ง และบริการขนส่ง ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม “ อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทต้องบุญ #ต้องบุญปิโตรเลียม #ต้องบุญแอทเสท #ทีบีแทงค์แอนด์เทรลเลอร์ #ทีเอสเคโลจิสติกส์ #ที9

เจาะลึก แต่ละ Gen เป็นจั้งใด๋ ? เพื่อเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น

เจาะลึก แต่ละ Gen เป็นจั้งใด๋ ? เพื่อเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น   “ผู้บริโภค” หรือ “ลูกค้า” เป็นตัวแปรสำคัญที่เราจะต้องศึกษา ทำความรู้จักและทำความเข้าใจถึงความต้องการของพวกเขา โดย Generations ของผู้บริโภค ได้ถูกจัดแบ่งโดยช่วงเวลาของการเกิด ซึ่งแต่ละ Generation นั้นก็มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งเรียกว่า Generation Gap โดยเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นมาจากช่วงเวลาที่เกิด  การรู้จักและเข้าใจความต้องการของคนแต่ละ Generation ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ทำให้ทำการตลาดได้ง่ายมากขึ้น เพราะหากเรามีสินค้าหรือบริการที่ดี แต่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ ก็จะไม่เกิดยอดขายตามมา แต่ถ้าเรารู้จักลูกค้าดีพอ ก็จะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ ทำให้ง่ายที่จะผลิตสินค้าและบริการที่ดึงดูดใจผู้บริโภค ทำให้ขายได้มากขึ้น เกิดการบอกต่อ และเป็นผู้ภักดีของแบรนด์ในที่สุด   อ้างอิงจาก: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย https://goonlinethailand.com/blog/online-marketing/generations-for-marketing/    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #Generation #ผู้บริโภค #BabyBoomer #GenX #GenY #GenZ #Alpha

Scroll to Top