ชวนเบิ่ง 7 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในภาคอีสาน
เปลี่ยนไปส่ำใด๋แหน่ . . . อ้างอิงจาก: – CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุด #มูลค่าบริษัทมากที่สุด #บริษัทในภาคอีสาน
เปลี่ยนไปส่ำใด๋แหน่ . . . อ้างอิงจาก: – CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุด #มูลค่าบริษัทมากที่สุด #บริษัทในภาคอีสาน
มาฮู้จัก Travel Trends in 2023 5 เทรนด์การท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลทำให้คนทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญในด้านการดูแลสุขภาพมากขึ้น และเน้นการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Brighter Future of Culinary Tourism) อาหารเป็นบ่งบอกถึงความเป็นมาของสังคมและวัฒนธรรม ท้องถิ่นของประเทศต่าง ๆ ซึ่งในแต่ละประเทศมีเมนูอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันตามวัฒนธรรม ทั้งวัตถุดิบ รสชาติ ไปจนถึงอาหารแนะนำและสินค้าของแต่ละพื้นที่ อาหารอีสานที่มีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ไก่ย่าง อาหารพื้นบ้าน การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustain to Regain) การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงการรองรับของธรรมชาติ ชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิต ทั้งยังต้องปลูกจิตสำนึกให้แก่นักท่องเที่ยว โดยการเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่ ทรัพยากรและวิถีชีวิต ซึ่งแต่ละประเทศมีขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต ที่น่าสนใจและสืบทอดกันมายาวนาน การท่องเที่ยวพร้อมการทำงาน (Work from Anywhere & Digital Nomad) เทรนด์ใหม่ของคนชอบเที่ยวอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ช่วยให้สร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันยังเป็นการพยุงธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยอาชีพที่เหมาะกับการทำงานไปด้วยท่องเที่ยวไปด้วย เช่น งานด้านอีคอมเมิร์ช ฟรีแลนซ์ งานเขียนคอนเทนต์ งานออกแบบ เป็นต้น การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness a Gift from Pandemic) ท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและพักผ่อนหย่อนใจ เช่น ทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ การบำบัดรักษาฟื้นฟูสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี การฝึกปฏิบัติสมาธิ ตลอดจนการตรวจร่างกาย ปรับสภาพจิตใจและร่างกายให้สมดุล แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ให้คุณนั่งรับลมเย็น ๆ ชมวิวสวย ๆ สูดโอโซนให้เต็มปอด นวัตกรรมใหม่ที่ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น (Innovation for a Betterment) การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ หรือการพัฒนาของเดิมให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน การลดใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สำหรับผู้ที่ชอบความสะดวกสบาย แนะนำเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการเดินทางไม่ยุ่งยาก ระบบขนส่งมวลชนเข้าถึงทุกพื้นที่ ช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ไร้อุปสรรค ข้อมูลจาก ISAN Insight ที่ได้เก็บแบบสอบถามสำรวจพฤติกรรมการท่องเที่ยวในภาคอีสาน จำนวน 382 คน ได้ผลสำรวจว่า มีกิจกรรมหลักในการท่องเที่ยวภาคอีสานที่มากที่สุด 3 อันดับคือ 1.การท่องเที่ยวเชิงสัมผัสธรรมชาติ 72% 2.ทำบุญไหว้พระ 68% และ 3. ไปร้านอาหาร ร้านกาแฟ โดยมีทุกกลุ่มอายุที่ชอบท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติคือ Gen X (39-54 ปี) 78%, Gen Z (15-21 ปี) 73%, Gen Y (22-38 ปี) …
มาฮู้จัก Travel Trends in 2023 5 เทรนด์การท่องเที่ยว อ่านเพิ่มเติม »
การฟื้นตัวนักท่องเที่ยวคนไทย ในภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋ ? (ม.ค.-พ.ย. 2565) ในเดือน กันยายน ปี 2565 ภาคอีสานมีจำนวนนักท่องเที่ยว 2,976,399 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทย 2,849,098 คน และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ 127,301 คน จำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยในอีสานฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดเมืองรอง โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกท่องเที่ยวเชิงสัมผัสธรรมชาติเป็นหลัก จังหวัดนครพนม เป็นอันดับที่ 1 คิดเป็น 137% สาเหตุนี้มาจากด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม เริ่มมีการฟื้นตัวมาโดยตลอด ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทาง ททท.สำนักงานนครพนม ได้ใช้สื่อออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขงของนครพนม โดยได้เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ตลอดเวลาโดยใช้ Concept ว่าคิดถึงนครพนม ให้เป็นจุดหมายปลายทาง แรกของนักท่องเที่ยว จากกระแสตอบรับใน Content ต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ จึงมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวจังหวัดนครพนม เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีเส้นทางแห่งศรัทธาอาทิพระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิด เส้นทางตามรอยพญานาค องค์พญาศรีสัตตนาคราช อีกหนึ่งเส้นทางที่โดดเด่นคือถ้ำนาคี ซึ่งเป็นกระแสที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ที่ถนนสวรรค์ชายโขง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุก Generation โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ดูแลตัวเอง และรักษาสุขภาพ ตอกย้ำว่านครพนมเป็นเมืองแห่งความสุข และเป็นเมืองแห่งสุขภาพ ทางด้านผู้ประกอบการที่พักโรงแรม ก็มีการพัฒนาตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำว่านครพนมเป็นเมืองแห่งความสุข สุขที่สุดที่นครพนม นครพนม 3 ที่สุด คือ “ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ” พระธาตุพนม และพระธาตุประจำวันเกิด ” สวยที่สุด” สะพานมิตรภาพ 3 และ “งามที่สุด” ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง อีกทั้งนครพนม ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง เธอกับฉันกับฉัน (You & Me & Me) หนังจากค่าย GDH ที่จะเข้าฉายวันที่ 9 กุมภาพันธ์ คาดการณ์ว่าหลังจากเรื่องนี้ได้เข้าฉาย นักท่องเที่ยวไทยจะยิ่งพากันมาเที่ยวนครพนม ตามรอยหนังอย่างแน่นอน อ้างอิงจาก: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชาชาติ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ภาคอีสาน #นักท่องเที่ยว #จำนวนนักท่องเที่ยว #นครพนม
ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันประจำปี 2565 คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานสถานการณ์การพนันในสังคมไทยปี 2564 ระบุว่า มากถึง 52.6% ของกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจ ไม่ถือว่า การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการพนัน ในขณะที่ 35.2% มองว่าเข้าข่ายการพนัน ส่วนอีก 12.2% ไม่แน่ใจ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือ การขยายตัวของธุรกิจการพนันเข้าสู่สังคมออนไลน์ ทำให้กลุ่มตัวอย่างถึง 13.9% ยอมรับว่า การได้พบเห็น ดารา นักร้อง หรือเน็ตไอดอล แสดงตัวว่าเล่นการพนัน มีส่วนกระตุ้นให้รู้สึกอยากเล่นการพนันด้วย ทั้งนี้ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” คือ การพนันยอดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทย โดยมีประมาณการของคนไทยที่เล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลมากถึง 24,626,233 คน โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็นเพศหญิง 12.6 ล้านคน (51%) เพศชาย 11.9 ล้านคน (49%) โดยสามารถแยกออกเป็นกลุ่มอายุดังต่อไปนี้ 15-18 ปี : 342,000 คน (1.39%) 19-25 ปี : 2.2 ล้านคน (8.93%) 26-29 ปี : 2.2 ล้านคน (8.93%) 30-39 ปี : 5.2 ล้านคน (21.12%) 40-49 ปี : 5.5 ล้านคน (22.33%) 50-59 ปี : 6 ล้านคน (24.36%) 60 ปีขึ้นไป : 2.9 ล้านคน (11.78%) พื้นที่ที่มีประชากรเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลมากที่สุด ได้แก่ 1. ภาคอีสาน : 8.1 ล้านคน หรือ 44.6% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 2. ภาคกลาง : 4.8 ล้านคน หรือ 44% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 3. ภาคเหนือ : 4.4 ล้านคน หรือ 45.9% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 4. กทม.ปริมณฑล : 4.3 ล้านคน หรือ 55.8% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 5. ภาคใต้ : 2.8 ล้านคน หรือ …
พามาเบิ่ง สถิติคนไทยซื้อ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ภาคอีสานอันดับหนึ่ง อ่านเพิ่มเติม »
พามาเบิ่ง 6 อันดับ สินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาสูงสุด เดือนธันวาคม 2565 ดัชนีราคาผู้บริโภคในทุกภาคเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้ายังคงขยายตัว ในทุกภูมิภาค โดยเงินเฟ้อภาคอีสาน เดือน ธ.ค. 65 ขยายตัว 5.6% (YoY) เมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้า พบว่า สินค้าส้าคัญที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในทุกภาค ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า น้้ามันเชื้อเพลิง รวมทั้งราคาสินค้าในกลุ่มอาหารยังคงขยายตัว โดยมีสาเหตุหลักจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับตัวสูงขึ้น และมีผลต่อเนื่องให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มปรับราคาเพิ่มขึ้นตาม นอกจากนี้การเกิดโรคระบาดในสุกร ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรเพิ่มสูงขึ้นตามอุปทานที่ลดลง สำหรับราคาสินค้ากลุ่มเครื่องประกอบอาหาร อาหารบริโภคในบ้านและบริโภคนอกบ้าน ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุน การผลิตและวัตถุดิบที่ราคาเพิ่มขึ้น ประกอบกับฐานราคาที่ต่ำในปี 2564 อีกด้วย แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 คาดว่าจะชะลอตัวลงจากปี 2565 อย่างชัดเจน เนื่องจากราคาสินค้าส่วนใหญ่เริ่มทรงตัวและบางรายการปรับลดลงหลังจากที่ทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนแล้วในปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มชะลอตัวตามอุปสงค์โลก ที่ลดลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่ากระแสไฟฟ้า ค่าปรับขึ้นค่าจ้างทั้งระบบ และเงินบาทที่ยังผันผวน เป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญรวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับสูงขึ้น อ้างอิงจาก: กระทรวงพาณิชย์ https://www.price.moc.go.th/price/fileuploader/file_admin_sum/indices_all.pdf #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เงินเฟ้ออีสาน #ราคาสินค้า
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ศาลหลักเมืองโคราช นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา พร้อมคณะสมาชิกสภา ฯ ร่วมพิธีไหว้สักการะศาลหลักเมือง รวมทั้งเจ้าพ่อไฉ่ซิงเอี้ย พิธีสวดมนต์ไทย-จีน ทำบุญสะเดาะเคราะห์ปีชง กราบไหว้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งภายในงาน “เทศกาลตรุษจีนโคราช จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี ถนนแห่งวัฒนธรรม” ท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีน มีการประกวดการแต่งกาย การร้องเพลงจีนโดยองค์กรคนไทยเชื้อสายจีน ชม ชิม ช้อป อาหารระดับภัตตาคารและอาหารท้องถิ่นกว่า 180 ร้าน อีกทั้งยังมี การแสดงเชิดมังกรความยาว 55 เมตร ฉลองครบรอบ 555 ปี เมืองนครราชสีมา การแสดงสิงโต-มังกรดอกเหมย การประกวดการแต่งกายในชุด Mr.Chinese new year “เจ้าพ่อเชียงใช้” การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากากและมหัศจรรย์มนตรามายากล ท่ามกลางอากาศเย็นสบายพบนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาเที่ยวชมและพากันเซลฟี่บรรยากาศย้อนยุคกันอย่างเนืองแน่น เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการย้อนรอยบอกเล่าความเป็นมา 108 ปี ถนนจอมพลชื่อเดิมถนนเจริญพาณิชย์ ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองโคราชและภาคอีสาน อดีตเคยเป็นศูนย์กลางของความเจริญเปรียบเสมือนหัวมังกรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาครวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยกับคนจีนทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันที่มีความผูกพันกันมายาวนานและกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อ้างอิงจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/1049614 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #งานตรุษจีน #โคราช #เทศกาลตรุษจีนโคราช #จอมพลถนนหัวมังกร #นครราชสีมา
แม่ค้าส้มตำโอด มะนาวแพง นอกจากมะนาวจะปรับราคาสูงขึ้นแล้ว ราคามะละกอยังขยับขึ้นรายวัน ล่าสุดมะนาวกระสอบละ 1,400 บาท มะละกอถุงละ 300 บาท แต่ยังต้องแบกรับต้นทุน ขายให้ลูกค้าในราคาเดิม ไม่ลดปริมาณเหตุเห็นใจลูกค้า ที่ร้านส้มตำอาหารอีสาน ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นางอุทัยวรรณ สีธรรา แม่ค้าส้มตำ เปิดเผยว่า ร้านตนเองขายส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารอีสาน ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ราคามะนาวมีการขยับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะมีผลกระทบมาจากน้ำท่วม ซึ่งปกติมะนาวจะแพงช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนเมษายน แต่ปีนี้แค่เดือนมกราคมราคาก็ปรับขึ้นแล้ว ซึ่งร้านของตนจะซื้อมะนาวครั้งละครึ่งกระสอบ ตอนนี้ราคามะนาวที่ซื้อมาครึ่งกระสอบอยู่ที่ 700 บาท เต็มกระสอบก็จะอยู่ที่ 1,400 บาท นอกจากราคามะนาวที่แพงขึ้นแล้ว ซึ่งทางร้านจะใช้มะนาวแป้นจะได้รสชาตที่หอมและอร่อย วัตถุดิบหลักอีกอย่างของส้มตำก็คือ มะละกอ ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนช่วงปีใหม่ เคยซื้อมะละกอเกรดเอ เป็นมะละกอพันธุ์ดำเนิน ถุงละ 350 บาท ที่ผ่านมาซื้อมาราคาถุงละ 300 บาท ราคาจะปรับขึ้น ๆ ลง แล้วแต่วัน ซึ่งราคานี้ถือว่าเป็นราคาที่ยังสูงอยู่ จากเดิมที่เคยซื้อมาถุงละ 240-260 บาทเท่านั้น ทำให้ทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน แต่ยังคงขายให้ลูกค้าในราคาเท่าเดิม และไม่ลดปริมาณ เพราะสงสารลูกค้า อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม สำหรับส้มตำแต่ละครก ก็จะใช้มะนาวครึ่งลูกถึงหนึ่งลูก แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากชอบเปรี้ยว ลูกค้าก็จะแจ้งก็จำเป็นต้องเพิ่มมะนาวไปให้ โดยทางร้านจะไม่ใช้น้ำมะนาวผสม หรือใช้มะขามเปียก เพราะรสชาติมันไม่ใช่ไม่อร่อยสู้ใช้มะนาวสดไม่ได้ หากถามว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยยังไง สิ่งที่อยากจะขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ อยากให้มีการคุมเข้มจากต้นทางให้ถูกลงกว่านี้ เศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง ข้าวของปรับตัวขึ้นสูงทุกอย่าง พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1047771 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มะนาว #มหาสารคาม #ส้มตำ #มะนาวแพง #แม่ค้าส้มตำ
เกษตรกรขอบคุณหลายๆ “รมว.เกษตรฯ-กรมปศุสัตว์” ปราบหมูเถื่อนต่อเนื่อง ผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศขอบคุณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ หลังเดินหน้าปราบปราม “หมูเถื่อน” อย่างจริงจัง ล่าสุดสามารถฝังทำลายหมูเถื่อนของกลางกว่า 7 แสนกิโลกรัม ตัดตอนวงจรหมูเถื่อนที่เกาะกินทำร้ายทำลายเกษตรกรไทยมานาน ส่งผลให้เกษตรกรมั่นใจ เร่งเพิ่มผลผลิตหมูปลอดภัยเพื่อคนไทย พร้อมฝากความหวังเดินหน้าจับ “ผู้บงการ” ล้างบางขบวนการนำเข้าหมูผิดกฎหมายให้สิ้น ปราบปรามได้ถึงกว่า 1 ล้านกิโลกรัม ช่วยป้องกันไม่ให้หมูอันตรายปะปนเข้าสู่ตลาด ทำลายกลไกราคาสุกรในประเทศ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาด ASF ลงได้อย่างมาก รวมถึงเป็นการปกป้องผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนอันตรายในหมูเถื่อนด้วย ในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ขอชื่นชมและขอบคุณท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผลงานในปี 2565 ที่กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีหมูเถื่อน มีจำนวนรวม 42 คดี ปริมาณน้ำหนักรวม 1,089,514 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการกับซากสุกรของกลางเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.) เป็นส่วนที่ทำลายไปแล้ว จำนวน 179,612 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 71 ล้านบาท 2.) อยู่ในระหว่างดำเนินคดี จำนวน 186,116 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท เมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ดำเนินการทำลายต่อไป และ 3.) เป็นหมูเถื่อนที่เพิ่งทำลายไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2566 จำนวน 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท ด้าน นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การกำจัดขบวนการหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ราคาสุกรในประเทศเริ่มคงที่ นับเป็นภารกิจที่ทำได้สำเร็จ สิ่งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรในภาคอีสาน กล้าที่จะลงหมูเข้าเลี้ยง ลดความกังวลเกี่ยวกับราคาที่ตกต่ำลงในช่วงที่มีหมูเถื่อนระบาดอย่างหนัก รวมถึงความกังวลด้านโรคระบาดที่อาจติดมากับหมูเถื่อน โดยขณะนี้สถานการณ์การเลี้ยงหมูในภาคอีสานมีผลผลิตแม่พันธุ์อยู่ในระดับ 70% แล้ว เมื่อมีแนวโน้มการจัดการที่ดีเช่นนี้คาดว่าปริมาณแม่พันธุ์จะเพิ่มเป็น 90% ได้ภายในสิ้นปีนี้ การกำจัดอุปสรรคด้านหมูเถื่อนที่เข้ามาเบียดเบียนตลาดหมูของเกษตรกรไทย นับว่าช่วยให้เกษตรกรเกิดกำลังใจในการเลี้ยงหมู แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่แพงขึ้นก็ตาม อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9660000003908 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ปราบหมูเถื่อน #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #กรมปศุสัตว์
จุดเริ่มต้น “น้ำมันศรีพลัง” “เครือศรีไทยใหม่” เริ่มจากธุรกิจโรงสีข้าวในอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ในปี 2506 และได้ขยายไปสู่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจส่งออกข้าวสารไปต่างประเทศ “กลุ่มศรีพลัง” เป็นหนึ่ง ในกลุ่มธุรกิจในเครือศรีไทยใหม่ โดยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เริ่มจากสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ในปี 2513 จนปัจจุบัน น้ำมันศรีพลัง ยึดมั่นในเรื่องความซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอมา โดยจะรับน้ำมันจากคลังน้ำมันที่มีคุณภาพเท่านั้น ได้แก่ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ เชลล์ ปตท. บางจาก ไทยออยล์ และไออาร์พีซี นอกจากนี้ ยังใช้รถบรรทุกน้ำมันของบริษัท ฯ เอง เพื่อทำการจัดส่งให้กับลูกค้า ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและเวลาทุกขั้นตอนได้ โดยเฉพาะการควบคุมการจอดรถในที่ที่กำหนด จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบการจอดรถเป็นประจำทุกวันจากระบบจีพีเอส และถ้ามีการจอดรถนอกจุดที่กำหนด โดยไม่มีเหตุผลอันควร โดยเฉพาะการจอดใกล้แหล่งซื้อขายน้ำมันเถื่อน จะถูกลงโทษโดยให้ออกจากงานทันที ในขณะเดียวกันทางศรีพลังก็ให้รายได้และสวัสดิการกับพนักงานขับรถที่เหมาะสม ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับน้ำมันที่มีคุณภาพเต็มร้อย ปริมาณเต็มลิตร อย่างแท้จริง ในขณะที่จุดเริ่มต้น “จักราชการปิโตรเลียม” บริษัท จักราชการปิโตรเลียม จำกัด เป็นบริษัทในเครือ บริษัท พี โอ ออยล์ จำกัด ประกอบธุรกิจจำหน่ายและรับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซปิโตรเลียมเหลว และประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลวและโรงบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว ร้านค้าแก๊ส โรงแรม และบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ อเมซอน ร้านค้าเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ผ่านมาคุณพงษ์ศักดิ์นิยามตัวเอง เพื่อ “เป็นผู้นำธุรกิจการขนส่งและการบริการ” บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาพร้อมขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการก๊าซ โรงบรรจุก๊าซ ร้านค้าก๊าซ รถขนส่งน้ำมัน รถขนส่งก๊าซ และธุรกิจบริหารแฟรนไชส์เรื่อยมา จนถึงปัจจุบันมีสาขามากถึง 27 แห่ง และรถขนส่งจำนวน 100 คัน เพื่อการบริการให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเพียงพอ และ ไม่หยุดนิ่งที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ อ้างอิงจาก: https://www.sripalang.com/ https://www.pooilstation.com/%E0…/614c4f6a0ac79700137754b8 https://data.creden.co/company/general/0305543000755 https://data.creden.co/company/general/0415544000073 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #จักราชการปิโตรเลียม #น้ำมันศรีพลัง #สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง #น้ำมันเชื้อเพลิง
บริษัทฯ เริ่มต้นจากการเป็นร้านทองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งก่อตั้งในปี 2518 โดยเป็นธุรกิจครอบครัว และได้ดำเนินกิจการสั่งสมประสบการณ์และขยายกิจการเรื่อยมา ปี 2542 ได้แยกตัวออกมาเพื่อเปิดร้านค้าส่งและได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ห้างทอง ทองสวย” จนถึงปัจจุบัน ห้างทองทองสวย ได้เริ่มต้นการผลิตทองคำรูปพรรณและทองคำแท่งเป็นของตนเอง ปี 2547 ประเทศไทยได้มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของทองคำรูปพรรณในประเทศเป็นครั้งแรกขึ้น โดย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ ห้างทองทองสวย ได้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรูปพรรณ 71 รายแรกของประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโดย สคบ. ให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทองคำรูปพรรณได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ บริษัท ห้างทองทองสวย จำกัด ได้รับการยอมรับจากร้านทองทั่วประเทศ และได้ขยายสาขาไปหลายจังหวัด ขยายโรงงานกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ผลิตสินค้า บริการ และนวัตกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งปลีกและส่งอย่างเสมอมา บริษัทฯ ประเดิมทุนครั้งแรกในปี 2559 จำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 205 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 6,007 ล้านบาท และมีกำไร 5 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 7,815 ล้านบาท และมีกำไร 6 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 9,292 ล้านบาท และมีกำไร 8 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 17,193 ล้านบาท และมีกำไร 9 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้ 15,679 ล้านบาท และมีกำไร 7 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลรายได้รวมและกำไรรวม จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะรายได้จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่หลักพันล้านบาท แต่ในปี 2563 บริษัทฯ สามารถทำรายได้พุ่งไปสูงถึงหลักหมื่นล้าน อ้างอิงจาก: https://thongsuay.co.th/about-us https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0405559002603 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ห้างทองทองสวย #ทองคำ #ขอนแก่น #ธุรกิจจำหน่ายทอง