May 2022

อีสาน ภูมิภาคที่มีควายมากที่สุด สู่การผลักดันอุดรฯ เป็น “เมืองหลวงควาย”

จากข้อมูลปศุสัตว์ปี 2564 ประเทศไทยมีจำนวนกระบือหรือควายทั้งสิ้น 1.46 ล้านตัว อยู่ในภาคอีสานมากที่สุด 1.04 ล้านตัว หรือคิดเป็น 71% ของจำนวนควายทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงควายไม่ใช่เพื่อใช้แรงงาน ขุนขายเนื้อหรือนำน้ำนมไปแปรรูปจำหน่ายเพิ่มมูลค่าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเลี้ยงเพื่อหวังเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และขายสายพันธุ์ด้วย . เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดอุดรธานีได้จัดกิจกรรมประกวดควาย ในโครงการอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย “วิถีคนวิถีควายสัญจร” โดยมีเทศบาลตำบลบ้านธาตุร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และกลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยอุดรธานี ที่มีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายเครือข่ายในระดับอำเภอ จำนวน 14 อำเภอ ร่วมเปิดงาน . กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การประกวดควายสวยงามเฉพาะควายในจังหวัดอุดรธานี จำนวน 10 ประเภท ซึ่งมีควายเข้าประกวดกว่า 100 ตัว การโชว์ควายสวยงาม มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท และการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรในชุมชน เช่น หญ้า และน้ำเชื้อควายพันธุ์ดี . อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ควาย รวมไปถึงสร้างองค์ความรู้-แลกเปลี่ยนความรู้การเลี้ยงควายในวิถีเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน โดยตั้งเป้าจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็น “เมืองหลวงควาย” ของประเทศ . นายกิตติภูมิ ดวงพรม หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอเพ็ญ หนึ่งในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย กล่าวว่า แม้ว่าการจัดงานในปีนี้จะลดระดับการจัดงานลง เนื่องจากเราต้องถือปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดอุดรธานี เรื่องมาตรการการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ทางผู้จัดยังได้เล็งเห็นถึงวิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกรผู้อนุรักษ์ควายไทย ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของเกษตกรไทย เป็นการสร้างรายได้ . . อ้างอิงจากhttps://kku.world/9h9hg https://kku.world/tw7s7 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุดรธานี #เมืองหลวงควาย

ผู้สูงอายุในอีสานเพิ่มขึ้น สวนทางกับผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุ ปี 64 กำลังบอกอะไร ?

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรครั้งสำคัญ คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยสัดส่วนประชากรในวัยทำงานและวัยเด็กลดลง เนื่องจากอัตราการเกิดและอัตราการตายลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชากรไทยโดยเฉลี่ยมีอายุยืนยาวขึ้น . ปี 2564 ไทยมีประชากรสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 13.4 ล้านคน เมื่อมาลองดูในระดับภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดอย่างภาคอีสาน พบว่ามีประชากรสูงอายุกว่า 3 ล้านคน หรือคิดเป็น 22.5% ของประชากรสูงอายุทั้งหมด . จังหวัดที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในอีสาน ได้แก่ 1. นครราชสีมา 2. ขอนแก่น และ 3. อุบลราชธานี . แต่ที่น่าสนใจ คือ อีสานมีประชากรสูงอายุที่ได้รับอนุมัติเงินกองทุนผู้สูงอายุเพียง 625 คน (ลดลง 75.7% จากปี 2563) อีกทั้งจังหวัดที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดอย่าง นครราชีมา และอุบลราชธานี กลับไม่มีผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุเลย . อีสานอินไซต์จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จัก “เงินกองทุนผู้สูงอายุ” เพื่อหาสาเหตุว่า เกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์แบบนี้กำลังบอกอะไรเรา . ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ‘เงินกองทุนผู้สูงอายุ’ ไม่เหมือนกับ ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ . โดย เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้กับผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์ทุกคน เพื่อเป็น ‘เงินช่วยเหลือ’ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน . ส่วนเงินกองทุนผู้สูงอายุ คือ เงินเพื่อเป็น ‘ทุนใช้จ่าย’ เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพ ซึ่งประกอบด้วย . 1. การให้การสนับสนุนงบโครงการแบบให้เปล่า (ในลักษณะกลุ่ม ชมรม องค์กร และเครือข่ายด้านผู้สูงอายุ) แบ่งเป็น 1.1) โครงการขนาดเล็ก ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท 1.2) โครงการขนาดกลาง ในวงเงินเกิน 50,000 – 300,000 บาท 1.3) โครงการขนาดใหญ่ วงเงินตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป . 2. ให้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ (ต้องมีผู้ค้ำประกัน) แบ่งเป็น 2.1) กู้ยืมเป็นรายบุคคล ได้คนละไม่เกิน 30,000 บาท 2.2) กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม ๆ ละไม่น้อยกว่า 5 คน ได้กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ให้ผ่อนชำระเป็นรายงวด ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย . การที่ประชากรสูงอายุได้รับอนุมัติเงินกองทุนผู้สูงอายุลดลงจึงสะท้อนความเป็นไปได้ 3 ข้อ …

ผู้สูงอายุในอีสานเพิ่มขึ้น สวนทางกับผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุ ปี 64 กำลังบอกอะไร ? อ่านเพิ่มเติม »

อีสาน ภาคที่มีแรงงานไทย ไปทำงานต่างแดน มากที่สุด

จากแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศในปี 2565 (มกราคม – เมษายน) ภาคอีสานยังเป็นภูมิภาคที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานต่างประเทศผ่านการลงทะเบียนที่ถูกต้องมากที่สุด จำนวน 11,176 คน คิดเป็น 63.8% จากทั่วทั้งประเทศ จำนวน 17,512 คน . จังหวัด (ตามภูมิลำเนา) ของแรงงานที่ไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ . 1. อุดรธานี 2,637 คน 2. นครราชสีมา 1,138 คน 3. สกลนคร 799 คน 4. ขอนแก่น 763 คน 5. บุรีรัมย์ 722 คน . โดยไต้หวันเป็นประเทศที่คนอีสานเดินทางไปทำงานมากที่สุด โดยส่วนใหญ่เป็นงานในตำแหน่งผลิตโลหะ สิ่งทอ เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์อาหาร และก่อสร้าง . อย่างไรก็ตาม การที่คนไทยรวมถึงคนอีสานนิยมไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น อาจเป็นช่องทางให้มิชฉาชีพหลอกลวงคนหางานได้ ดังนั้นการไปทำงานต่างแดนควรไปแบบถูกต้องตามกฏหมายและมีสัญญาว่าจ้างที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมา . การไปทำงานต่างประเทศโดยถูกต้องตามกฏหมายมี 5 วิธี คือ . 1.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 2.กรมการจัดหางานจัดส่ง 3.เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง 4.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน 5.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงาน . ปัจจุบันมีโครงการจัดส่งโดยรัฐ ที่ส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าบริการ นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าภาษี สนามบิน ค่าสมาชิกกองทุนฯ ค่าที่พักสำหรับเตรียมตัวก่อนเดินทาง ประกอบด้วย . โครงการจ้างตรง : ไต้หวัน โครงการ IM : ประเทศญี่ปุ่น โครงการ EPS : สาธารณรัฐเกาหลี โครงการ TIC : ประเทศอิสราเอล . สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9435-6 หรือโทร #สายด่วนกระทรวงแรงงาน1506 กด 2 กรมการจัดหางาน #กระทรวงแรงงาน . . ที่มา: กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ และบริการประชาชนกระทรวงแรงงาน (e-labour) . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #แรงงาน #ทำงานต่างประเทศ

นครพนม เปิดคลังสินค้าใหญ่สุดในจังหวัด รับโลจิสติกส์ที่ขยายตัวสู่ประตูอินโดจีน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดอาคารคลังสินค้า บริษัทแซมสยาม 99 จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 275 หมู่ 11 บ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม . ซึ่งเป็นการรวมตัวของลูกหลานชาวจังหวัดนครพนมโดยกำเนิด ที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจการค้า การลงทุน เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จนได้เล็งเห็นโอกาสในด้านการส่งขนส่งโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตของการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน . ด้วยความมุมานะพยายามของทีมกรรมการที่บริหาร ซึ่งมีทิศทางที่มุ่งมั่น ได้มีการบริหารจัดการทั้งในภาคขนส่ง และคลังสินค้า รวมถึงพิธีการผ่านข้ามแดนต่าง ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจจึงขยายกำลังการขนส่งและพื้นที่คลังสินค้า เพื่อรองรับปริมาณการผลิตของสินค้าที่มีความต้องการมากขึ้น ฯลฯ . นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในพื้นที่นครพนมว่า ได้มีการหยุดชะงักช่วงวิกฤต COVID-19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็มีมาตรการผ่อนคลายลง . ตนในฐานะผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดฯ ก็เดินทางไปพบมิตรประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเจรจาเปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศ ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งมีนักธุรกิจในพื้นที่และนอกพื้นที่เข้ามาตั้งกิจการในจังหวัดเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงเศรษฐกิจในจังหวัดนครพนม จะเติบโตในระยะเวลาอันรวดเร็ว . ซึ่งการตั้งคลังสินค้าเพื่อใช้ในการส่งออกและนำเข้าผ่านประเทศลาว เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ เส้นทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ถือว่ามีระยะทางสั้นที่สุด หลังพ้นวิกฤติ COVID-19 คาดว่า การค้า การลงทุนจะกลับมาคึกคักอีกแน่นอน เมื่อเศรษฐกิจในจังหวัดดี พี่น้องประชาชนทุกอาชีพก็มีรายได้เพิ่มขึ้น . นายสมาน ศรีสุข ประธานกรรมการบริษัทแซมสยาม 99 เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของหุ้นส่วนทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสมาน ศรีสุข 2.นายอธิปพัฒน์ มิ่งเจริญพาณิชย์ 3.นายอัมพล ยุวรี 4.นายสมนาม เหล่าเกียรติ และ 5.นายพงศ์นรินทร์ ศิริวงศ์ . โดยประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เวียดนาม สินค้าหลักของทางบริษัทที่ได้รับเป็นตัวแทนในการส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในเครือบิ๊กอาเจทั้งหมด และยังเป็นตัวแทนส่งออกสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าฮาตาริ ไปยังประเทศเวียดนามผ่านเส้นทางนครพนม ซึ่งมียอดขายเติบโตมากขึ้นในทุก ๆ ปี . บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในด้านการขนส่งโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเพื่อรองรับการเติบโตของการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน จึงร่วมกันพัฒนาพื้นที่กว่า 18 ไร่ ให้เป็นคลังสินค้าและเป็นลานจอดรถเสียบชาร์จไฟ สำหรับรองรับปริมาณรถตู้คอนเทนเนอร์ที่รอเพื่อข้ามไปส่งออกสินค้ายังประเทศต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการขนส่ง . และในปี 2565 นี้ ทางบริษัทแซมสยาม 99 ได้รับโอกาสอันดียิ่งในการร่วมลงนาม MOU เป็นคู่ธุรกิจกับทางบริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ แมนเนจเม้นท์ …

นครพนม เปิดคลังสินค้าใหญ่สุดในจังหวัด รับโลจิสติกส์ที่ขยายตัวสู่ประตูอินโดจีน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น อ่านเพิ่มเติม »

ปลดล็อก พ.ร.บ.ประกันสังคม เพิ่มสิทธิกองทุนชราภาพ ขอเลือก-ขอกู้-ขอคืน พร้อมเช็กเงื่อนไข

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ หนึ่งในนั้นเป็นการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ได้ ดังนี้ . – ขอเลือก : กรณีให้ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ – ขอคืน : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ – ขอกู้ : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ . โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน .. ทั้งนี้ กรณีชราภาพถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทน หรือผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือนนับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ ให้หักเงินชราภาพของผู้ประกันตนซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระอันเกิดจากการดำเนินการที่นำเงินชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินไว้เพื่อส่งใช้กองทุนก่อน ในกรณียังมีเงินชราภาพเหลืออยู่ ให้ทายาทมีสิทธิได้รับเงิน โดยต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตรา และการหักส่วนลดเงินบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพที่จะได้รับตามที่กำหนดในกฎกระทรวง . นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในการดึงเงินชราภาพมาใช้ก่อนถึงอายุ 55 ปี ถือเป็นหนึ่งในแนวคิดที่จะช่วยผู้ประกันตน โดยเฉพาะลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถนำเงินที่สะสมมาใช้ก่อนได้บางส่วน โดยอาจนำมาใช้ได้ 20-30% ตามความเหมาะสม หรือใช้ในช่วงเวลาเกิดวิกฤต เหมือนตอนนี้ที่มีการระบาดของ COVID-19 . อย่างไรก็ตาม ยังมีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีอื่นนอกเหนือกรณีชราภาพ เช่น เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพจาก 50% เป็น 70% ของค่าจ้าง, ลาคลอด ได้เงินสงเคราะห์เหมาจ่าย 50% ของค่าจ้างจากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน และมาตรา 39 สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างได้เงินสงเคราะห์บุตรต่อ 6 เดือน เป็นต้น . . ที่มา : https://kku.world/9udy9 https://kku.world/csynw . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ประกันสังคม #ชราภาพ

สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน

เว็บไซต์ DBD DataWarehouse+ ซึ่งรวบรวมข้อมูลนิติบุคคลที่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยดัชนีโอกาสหรือคะแนนที่บ่งบอกถึงโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย . โดยค่าดัชนีจะอยู่ในช่วง 0-1 (คะแนนสูง = มีโอกาสทางธุรกิจมาก) พิจารณาจาก กลไกตลาด (ขนาดของตลาด การแข่งขัน สภาวะตลาด) และปัจจัยทางอุตสาหกรรม (จำนวนแรงงาน เงินลงทุน) . 5 อันดับ จังหวัดในภาคอีสานที่มีดัชนีโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยสูงสุด . 1. เลย ค่าดัชนี 0.94 กลุ่มยานยนต์ 2. หนองบัวลำภู ค่าดัชนี 0.88 กลุ่มส่วนประกอบของยานยนต์ 3. มหาสารคาม ค่าดัชนี 0.87 กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร 4. หนองคาย ค่าดัชนี 0.87 กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 5. มุกดาหาร ค่าดัชนี 0.85 กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร . น่าสนใจว่า 4 จาก 20 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และอุดรธานี มีโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยประเภท ‘ส่วนประกอบของยานยนต์’ สูงที่สุด เช่นเดียวกับอีก 4 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม มุกดาหาร ชัยภูมิ และสุรินทร์ ที่มีโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยประเภท ‘วัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร’ สูงที่สุด . อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนคิดเป็นประมาณ 5.9% ของ GDP โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไม่ได้เติบโตได้ด้วยตัวเอง แต่เติบโตจาก ‘การลงทุนทางตรง-ย้ายฐาน’ จาก ‘ญี่ปุ่น’ เป็นหลัก . เมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ ‘ยุคยานยนต์ไฟฟ้า’ หรือ EV ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ค่ายรถญี่ปุ่นยังปรับตัวช้า โดยมีแผนผลิต EV น้อยกว่าค่ายจีน-อเมริกันมาก จึงส่งผลเสียกับไทยที่เป็นฐานการผลิตด้วย . ยิ่งการที่ไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับ ‘จีน’ อาจทำให้มีการนำเข้า EV มากกว่าผลิตเอง เพราะนำเข้า EV ได้โดยไม่มีภาษี อีกทั้งจีนยังมีกำลังผลิตมากกว่า ทำให้ต้นทุนถูกกว่า . ดังนั้น แม้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนจะมีค่าดัชนีที่สูงในหลายจังหวัดภาคอีสาน แต่การพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ยังมีแผนผลิต EV น้อย อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต เราจึงควรเร่งศึกษาผลกระทบ และโอกาสในระยะยาว (ควรเป็นการผลิต EV ไหม) รวมถึงทบทวนสัญญาข้อตกลงทางการค้าเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้ากลุ่มยานยนต์ให้มากขึ้น เพื่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมในประเทศ และส่งเสริมให้เกิดการลงทุน การวิจัยและพัฒนาไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูงได้ด้วยตัวเอง . . อ้างอิงจาก …

สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ป้าดติโท โคราชพบฟอสซิลใบไม้ อายุกว่าแสนปี เล็งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ตามที่นายสุพจน์ แสนมี นายอำภอวังน้ำเขียว พร้อมด้วยนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว และผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันทำความสะอาดและสำรวจแหล่งน้ำตกหินปูนในป่า ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา . หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกผาเก้า โดยมีความยาวตั้งแต่ชั้นบนถึงชั้นล่างกว่า 150 เมตร มีชั้นน้ำตกถึง 9 ชั้น ซึ่งทางอำเภอเตรียมที่จะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ และระหว่างที่ทำความสะอาด ชาวบ้านได้พบใบไม้ที่ฝังอยู่ในหินเป็นจำนวนมาก . คาดว่าน่าจะเป็นฟอสซิลใบไม้กลายเป็นหินที่มีอายุนับล้านปี เนื่องจากจุดนี้อยู่ใกล้กับพื้นที่พบหินดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่กว่า 250 ล้านปี ล่าสุดนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากอุทยานธรณีวิทยา โคราชจีโอพาร์ค ลงพื้นที่สำรวจฟอสซิลใบไม้ดังกล่าว . โดยผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผอ.อุทยานฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่า บริเวณนี้จะมีชั้นน้ำตกที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติเดิม ซึ่งจะทำให้มีใบไม้ไหลมาตามน้ำลงมาทับถมบริเวณชั้นล่างของน้ำตก และถูกดินโคลนทับถมเป็นระยะเวลานาน จนแข็งตัวกลายเป็นซากฟอสซิล . ทั้งนี้จากการใช้เครื่องมือทางธรณีวิทยาพิสูจน์อายุของซากฟอสซิลใบไม้ ก็คาดว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงยุคไพลสโตซีน (Pleistocene) ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.6 ล้านปี ถึง 1 หมื่นปี แต่ถ้าจะระบุอายุของฟอสซิลใบไม้กลายเป็นหินที่พบให้แคบลงไปอีก ตนก็คาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่าหลักหมื่นปี หรือน่าจะมีอายุประมาณ 1 แสนกว่าปี แต่ไม่น่าจะถึงล้านปีตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด . อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณน้ำตกแห่งนี้ ก็ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติแบบยุคดึกดำบรรพ์ หากได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม น่ามาเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก . . อ้างอิงจาก: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ฟอสซิลใบไม้ #น้ำตกผาเก้า

4 สินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) กับโอกาสสร้างรายได้ของอีสานตอนกลาง

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) ที่น่าสนใจ 4 สินค้า ได้แก่ จิ้งหรีด แพะเนื้อ โคขุน และหญ้าเนเปียร์ ที่สามารถเลี้ยงหรือปลูกเสริมทดแทนข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ในพื้นที่ไม่เหมาะสมของ (S3, N) 4 จังหวัด ภาคอีสานตอนกลาง คือ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ได้เป็นอย่างดี . สินค้าดังกล่าวมีต้นทุนและผลตอบแทนเป็นอย่างไร ? . จิ้งหรีด ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 276 บาทต่อตารางเมตร 1 ปี สามารถเลี้ยงได้ 6-7 รุ่น ให้ผลผลิตประมาณ 7 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ย 104.06 บาทต่อกิโลกรัม ผลตอบแทนเฉลี่ย 701 บาทต่อตารางเมตร ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 426 บาทต่อตารางเมตร หรือ 63 บาทต่อกิโลกรัม . เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในพื้นที่ มีการจำหน่ายผลผลิตเอง ทั้งจิ้งหรีดสดและจิ้งหรีดต้มสุก ทั้งในประเทศและให้กับพ่อค้าคนกลาง เพื่อส่งต่อให้กับตลาด Modern Trade รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น . แพะเนื้อ ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 3,537 บาทต่อตัว โดยแม่แพะ 1 ตัว ให้ผลผลิตลูกแพะ 2 ตัวต่อรุ่น เกษตรกรจำหน่ายแพะเนื้ออายุเฉลี่ย 7 เดือน ราคาจำหน่าย 3,780 บาทต่อตัว หรือ 140 บาทต่อกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 27 กิโลกรัมต่อตัว) ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 314 บาทต่อตัว . เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตทั้งหมดให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัดที่เข้ามารับซื้อ โดยพ่อค้าคนกลางจะมีการจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย . โคขุน ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 56,687 บาทต่อตัว ราคาจำหน่าย 60,864 บาทต่อตัว หรือ 91 บาทต่อกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 666 กิโลกรัมต่อตัว) ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 4,177 บาทต่อตัว . ปัจจุบันภาคอีสานตอนกลาง ยังผลิตโคขุนไม่เพียงพอต่อความต้องการรับซื้อ และมีพ่อค้ารายใหม่ ๆ เข้ามาติดต่อรับซื้ออย่างต่อเนื่อง เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนมีการจำหน่ายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัด …

4 สินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) กับโอกาสสร้างรายได้ของอีสานตอนกลาง อ่านเพิ่มเติม »

องค์การสวนสัตว์ ดันสวนสัตว์โคราช ผลิต ‘ดินพลังแรด’ จากมูลสัตว์และเศษวัชพืช

10 พ.ค. ที่ผ่านมา นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า สวนสัตว์นครราชสีมา ได้ดำเนินโครงการผลิตดินปลูกต้นไม้และพันธุ์ไม้เพื่อการจำหน่ายภายใต้ชื่อ “ดินพลังแรด” . โดยขั้นตอนการผลิตเป็นการนำมูลสัตว์ และเศษวัชพืชต่าง ๆ ในพื้นที่สวนสัตว์นครราชสีมาที่มีจำนวนมากในแต่ละวันไปทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมภายในสวนสัตว์ และเพื่อการจำหน่าย . นายอรรถพร กล่าวอีกว่า สำหรับการผลิตดินพลังแรดของสวนสัตว์นครราชสีมา ได้ทดลองผลิตและนำมาใช้ประโยชน์ในการปลูกต้นไม้ภายในสวนสัตว์ รวมทั้งได้จัดจำหน่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งมีปริมาณการผลิตเพียงพอต่อความต้องการ โดยดินมีความเหมาะสำหรับนำไปปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผลทุกชนิด . “โครงการผลิตดินพลังแรด ถือเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งของสวนสัตว์นครราชสีมา ที่ได้ริเริ่มในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับที่ดี มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและสนับสนุนเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด มีพ่อค้าต้นไม้ได้มาซื้อดินมากกว่า 1,000 ถุง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจค้าต้นไม้ของตน ซึ่งเป็นผลดีในอีกบริบทหนึ่งของสวนสัตว์นครราชสีมา ที่มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอรรถพร กล่าว . สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานเพาะชำ ฝ่ายพัฒนาสวนสัตว์ โทร. 085-6829791, 087-9595927, 065-7326645 . . ที่มา : https://kku.world/v2lt5 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #องค์การสวนสัตว์ #สวนสัตว์โคราช #ดินพลังแรด

ชวนเบิ่ง การพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยงพื้นที่ภาคอีสาน

เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศไทยมีแผนพัฒนาโครงข่ายในการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่าการขับเคลื่อนเชิงนโยบายดังกล่าว หรือที่เรียกว่า “โครงการ R-map” โดยเฉพาะในภาคอีสาน มีเส้นทางใดบ้าง กำหนดการก่อสร้างเป็นอย่างไร และใช้งบลงทุนมากน้อยแค่ไหน อีสานอินไซต์จะสรุปให้… . รถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน . 1. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม. มูลค่าโครงการ 24,064 ล้านบาท รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน และยกระดับ จำนวนสถานี : 19 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 3 แห่ง เปิดให้บริการแล้ว ในปี 2563 . 2. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 135 กม. มูลค่าโครงการ 29,968.62 ล้านบาท (4 สัญญา + ขยายระยะเวลา) รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน ยกระดับ และอุโมงค์ จำนวนสถานี : 19 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 1 แห่ง กำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2565 (บางส่วน) . ทางคู่ระยะที่ 2 . 1. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. มูลค่าโครงการ 26,663.26 ล้านบาท รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน และทางรถไฟยกระดับ จำนวนสถานี : 15 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 3 แห่ง สถานะ : รายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างกระทรวงคมนาคมพิจารณาเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินโครงการ โดยคาดว่า จะเริ่มก่อสร้างปี 2566 และเปิดให้บริการในปี 2569 . 2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. มูลค่าโครงการ 37,527.10 ล้านบาท รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน และทางรถไฟยกระดับ จำนวนสถานี : 35 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 4 แห่ง สถานะ : รายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ โดยคาดว่า …

ชวนเบิ่ง การพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยงพื้นที่ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top