Infographic

ภาคอีสาน มีผลผลิตทางการเกษตรอิหยัง หลายที่สุด ผลผลิตทางการเกษตร ปี 2564

พามาเบิ่ง 5 อันดับผลผลิตทางการเกษตรของภาคอีสานที่มากสุด มีอิหยังแหน่ . ผลผลิตทางการเกษตรของภาคอีสาน ในปี 2564 มีจำนวน 20.9 ล้านตัน ซึ่งลดลงจากปี 2563 มากกว่า 13.4 ล้านตัน  ผลผลิตลดลง เนื่องจากปัญหาด้านสภาพอากาศและการเกิดอุทกภัยในแหล่งผลิตสำคัญในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2564 ส่งผลให้ผลผลิตที่ต้องเก็บเกี่ยวในช่วงไตรมาสนี้บางส่วนได้รับความเสียหาย . ในปี 2564 ผลผลิตทางการเกษตรของภาคอีสาน 5 อันดับ มีดังนี้ มันสำปะหลังโรงงาน มีผลิตทั้งหมด 19.9 ล้านตัน ซึ่งมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านตัน (22.2%) โดยมีปัจจัยที่ทำให้เพิ่มขึ้น คือ การขยายพื้นที่เพาะปลูก โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรประเมินพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังที่ให้ผลผลิตในปี 2564 อยู่ที่ 9.16 ล้านไร่ เพิ่มขึ้น 2.8% จากปี 2563 เนื่องจากเกษตรกรได้รับแรงจูงใจจากการปรับขึ้นของราคามันสำปะหลังตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2563 และโครงการสนับสนุนภาคเกษตรจากรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการประกันรายได้ และอีกหนึ่งปัจจัย คือ ปริมาณฝน และน้ำในเขื่อนที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก  ข้าวนาปรัง มีผลิตทั้งหมด 1.07 ล้านตัน ซึ่งมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 353,800 ตัน (49.6%) เนื่องจากข้าวนาปรัง เป็นนาข้าวที่ทำนอกฤดูทำนา ปลูกง่าย ไวต่อแสง เป็นข้าวที่มีผลผลิตค่อนข้างแน่นอน เพราะสามารถนับอายุการปลูกข้าวได้ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยว และมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญและแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีมากขึ้น เกษตรกรจึงขยายการเพาะปลูกในพื้นที่นาปรังเดิมที่เคยปล่อยว่าง มันฝรั่งโรงงาน มีผลิตทั้งหมด 7,791 ตัน  ซึ่งมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 453 ตัน (6.2%) โดยตั้งแต่ปี 2559 – 2563 ความต้องการใช้มันฝรั่งภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก ผู้ประกอบการแปรรูปมันฝรั่งมีแผนการขยายการผลิตมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปี 2564 มีผลผลิตที่มากขึ้น และการปลูกมันฝรั่งของภาคอีสานมักปลูกทดแทนการปลูกข้าวนาปรังหลังจากฤดูทำนา โดยปลูกเฉพาะมันฝรั่งพันธุ์โรงงาน (สำหรับแปรรูป) ลิ้นจี่ มีผลิตทั้งหมด 1,580 ตัน ซึ่งมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 335 ตัน (26.9%) โดยจังหวัดที่มีผลผลิตมากที่สุดคือจังหวัดนครพนม พบว่า เกษตรกรนิยมลิ้นจี่พันธุ์นครพนม 1 หรือ นพ.1 เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ตั้งแต่ปี 2560 จึงมีเกษตรกรเริ่มหันมาสนใจเพาะปลูกเพิ่มมากขึ้น กระเทียม มีผลิตทั้งหมด 911 ตัน ซึ่งมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 125 ตัน (15.9%) จากการประกาศขึ้นทะเบียนกระเทียม GI กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มีการส่งเสริมการจัดทำระบบการตรวจสอบควบคุมคุณภาพสินค้า การเพิ่มมูลค่าสินค้า และสนับสนุนช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เป็นปัจจัยทำให้จังหวัดศรีสะเกษมีการเพาะปลูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2565 …

ภาคอีสาน มีผลผลิตทางการเกษตรอิหยัง หลายที่สุด ผลผลิตทางการเกษตร ปี 2564 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ดัชนีราคาผู้บริโภค ภาคอีสาน เดือนพฤษภาคม 2565

ดัชนีราคาผู้บริโภค  เป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ  โดยเฉลี่ยที่ผู้บริโภคจ่ายไป   สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการที่กำหนด . ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือนพฤษภาคม 2565 เท่ากับ 106.62 สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้น 7.1% (YoY) โดยในเดือนเมษายน 2565 สูงขึ้น 4.65% . ปัจจัยหลักยังคงเป็นราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปรับตัวสูงขึ้น การยกเลิกการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม และการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร  . นอกจากนี้ ฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างต่ำ จึงมีส่วนทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้อยู่ที่ 7.1%อย่างไรก็ตาม ข้าวสาร เครื่องนุ่งห่ม ค่าเช่าบ้าน การศึกษา ราคายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 2.28% (YoY) . เมื่อจำแนกดัชนีราคาผู้บริโภครายภาค พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในทุกภาคเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราเงินเฟ้อของภาคใต้สูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ โดยสูงขึ้น 7.95% รองลงมาได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ และกรุงเทพฯและปริมณฑล สูงขึ้น 7.46%,  6.98% และ 6.85% ตามลำดับ ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สูงขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ที่ 6.53% . พิจารณาเป็นรายสินค้า พบว่า สินค้าสำคัญที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในทุกภาค ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า น้้ามันเชื้อเพลิง อาหาร สำเร็จรูป เนื้อสุกร และน้ำมันพืช สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงในทุกภาค ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ผักสด เช่น ขิง ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว เป็นต้น . อัตราการเปลี่ยนแปลงสำคัญของภาคอีสาน ที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าภูมิภาคอื่น หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร  สูงขึ้น 12.54% โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้นถึง 34.22% ปรับสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก หมวดเคหสถาน  สูงขึ้น 5.85% ค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้น 45.44% ตามการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม–สิงหาคม 2565 และราคาก๊าซหุงต้มสูงขึ้น 5.16% จากการทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2565 หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 5.41% ในด้านกลุ่มอาหารสด เช่น เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่  ราคาเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนการเลี้ยง ผักสดราคาเปลี่ยนแปลงตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาด ส่วนเครื่องประกอบอาหาร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ราคาปรับขึ้นตามต้นทุน . แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2565  . มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับสูง …

พามาเบิ่ง ดัชนีราคาผู้บริโภค ภาคอีสาน เดือนพฤษภาคม 2565 อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนของภาคอีสานที่ต้องจัดการ

จากข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยในปี 2564 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 14.58 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 3.9% ใกล้เคียงกับการเติบโตของยอดคงค้างหนี้ในปี 2563 ที่ 4% แต่เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจที่ยังเติบโตช้า ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงขึ้นมาที่ระดับ 90.1% ในปี 2564 จากระดับ 89.7% ในปี 2563 . อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่อยู่กับเศรษฐกิจมานาน และมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในรอบนี้ เมื่อครัวเรือนมีรายได้จากการทำงานก็ต้องนำรายได้นั้นไปใช้คืนหนี้ เหลือใช้จ่ายน้อยลงทำให้การบริโภคลดลง จนส่งผลให้บั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินการคลังของรัฐไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ . อันดับภาคที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุด (หน่วย : บาท) 1. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 217,802 2. ภาคเหนือ 206,544 3. ภาคกลาง 200,744 4. ภาคใต้ 181,449 . เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายภาค ภาคใต้มีหนี้ครัวเรือนน้อยที่สุด ในขณะที่ภาคอีสาน มีหนี้ครัวเรือนสูงสุดกว่าทุกภาค โดยคนภาคอีสานแบกรับภาระหนี้ครัวเรือนเฉลี่ย 217,802 บาท . ครัวเรือนที่มีหนี้ในภาคอีสานส่วนใหญ่ คือ ครัวเรือนที่มีรายได้จากการเกษตร (ที่ต้องพึ่งพาสภาพดิน ฟ้า อากาศ) เงินโอนจากสมาชิกครอบครัว หรือเงินโอนภาครัฐ เป็นสัดส่วนสูงเกือบ 30% ของรายได้ทั้งหมด ทำให้มีภาวะเสี่ยงขาดสภาพคล่อง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดไม่ว่าจะเป็น ถูกให้ออกจากงาน หรือการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุในการก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น โดยหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะสั้นเพื่อใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นการก่อหนี้ที่ไม่สร้างผลตอบแทนในอนาคต . เมื่อขาดสภาพคล่องทางการเงิน ครัวเรือนจำนวนมากต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง มีการพึ่งพาบริการสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักประกันในการกู้ยืม ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและแก้ไขปัญหารายได้ที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยที่อาจเริ่มขยับขึ้นในอนาคต จนอาจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้สินไหว และนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมา . ดังนั้น อาจแก้ได้ด้วย การเพิ่มโอกาสให้แต่ละครัวเรือนมีการพัฒนาทักษะแรงงานเสริม เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดแรงงาน มีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น สร้างแรงจูงใจให้คนเพิ่มการเก็บออม และวางแผนทางการเงินเพื่อการใช้จ่ายในอนาคต เพื่อลดความเสี่ยงในวัยเกษียณ . . ที่มา : https://www.thansettakij.com/insights/499067 https://www.thansettakij.com/money_market/519845 http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/08.aspx https://www.bot.or.th/…/Doc…/X-ray%20Regional%20Debt.pdf https://www.kasikornresearch.com/…/Household-Debt-FB-11… #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #หนี้ครัวเรือน

สถานการณ์ตลาดแรงงานอีสาน ปี 64

ปี 2564 มีผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานจำนวนทั้งสิ้น 9.58 ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 9.30 ล้านคน (ลดลง 0.64% จากปี 2563) ผู้ว่างงาน 1.45 แสนคน (เพิ่มขึ้น 9.95%) และผู้รอฤดูกาล 1.34 แสนคน (เพิ่มขึ้น 14.32) ส่วนผู้ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน 5.42 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 0.52%) . เมื่อพิจารณาผู้มีงานทำ จำแนกตามภาคอุตสาหกรรม พบว่า ภาคเกษตรกรรม มีจำนวน 4.92 ล้านคน คิดเป็น 52.90% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด ภาคบริการและการค้า จำนวน 3.13 ล้านคน คิดเป็น 33.67% และภาคการผลิต จำนวน 1.25 ล้านคน คิดเป็น 13.43% . ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า ภาคเกษตรกรรม ลดลง 0.94% ภาคบริการและการค้า ลดลง 0.14% และภาคการผลิต ลดลง 0.70% . เมื่อพิจารณาผู้มีงานทำ จำแนกตามสถานภาพการทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานส่วนตัว 43.46% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด รองลงมาเป็นลูกจ้าง 30.10% ช่วยธุรกิจครัวเรือน 24.96% นายจ้าง 1.11% และการรวมกลุ่ม 0.37% . เมื่อพิจารณาผู้มีงานทำ จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา 28.21% รองลงมาคือไม่มีการศึกษา/ต่ำกว่าประถมศึกษา 23.86% ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 16.81% ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 16.49% ระดับอุดมศึกษา 14.60% และอื่นๆ/ไม่ทราบ 0.03% . . ที่มา: https://kku.world/7hx6r https://kku.world/h25uj . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สถานการณ์ตลาดแรงงาน

สำรวจดัชนีความเสี่ยงทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน

เว็บไซต์ DBD DataWarehouse+ ซึ่งรวบรวมข้อมูลนิติบุคคลที่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยดัชนีความเสี่ยงหรือคะแนนที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงของประเภทธุรกิจ . โดยค่าดัชนีจะอยู่ในช่วง 0-1 (คะแนนสูง = มีความเสี่ยงทางธุรกิจมาก) พิจารณาจาก 4 ปัจจัย ประกอบด้วย 1. FS Score หรือคะแนนความเสียงที่บริษัทจะเกิดวิกฤตทางการเงิน 2. ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก 3. ต้นทุนทางการเงิน และ 4. อัตราการคงอยู่ของธุรกิจ . 5 อันดับ จังหวัดในภาคอีสานที่มีดัชนีความเสี่ยงของประเภทธุรกิจสูงสุด . 1. อุบลราชธานี ค่าดัชนี 0.69 ในธุรกิจประเภท การขายส่งสัตว์มีชีวิต 2. นครราชสีมา ค่าดัชนี 0.68 ในธุรกิจประเภท การขายส่งสินค้าเฉพาะอย่างอื่น ๆ 3. หนองบัวลำภู ค่าดัชนี 0.68 ในธุรกิจประเภท การขายส่งเครื่องแต่งกาย และของใช้ในครัวเรือน 4. อำนาจเจริญ ค่าดัชนี 0.67 ในธุรกิจประเภท การขายส่งข้าวเปลือก และธัญพืช 5. สกลนคร ค่าดัชนี 0.67 ในธุรกิจประเภท ร้านขายปลีกอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้แสงสว่าง . อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่าภาคอีสานมีประชากรหรือผู้มีงานทำที่อยู่ในภาคเกษตรมากที่สุด และเป็นภูมิภาคที่มีการปลูกข้าวสูงที่สุด แต่ที่น่าสนใจ คือ 4 จาก 20 จังหวัดของภาค ได้แก่ อำนาจเจริญ นครพนม อุดรธานี และบุรีรัมย์ กลับมีความเสี่ยงในธุรกิจประเภท ‘การขายส่งข้าวเปลือก และธัญพืช’ สูงที่สุด . ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันในจังหวัดน้อย ทำให้ผู้ผลิตไม่ค่อยปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้าของตนเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่น โดยเฉพาะจังหวัดใกล้เคียง เพราะอย่าลืมว่า ‘ข้าว’ เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศรับประทาน และทุกจังหวัดในภาคอีสานปลูก ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันในจังหวัด แต่เป็นการแข่งขันในภาคและประเทศ . ประกอบกับปัจจุบัน ช่องทางออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งด้านการสั่งซื้อและขนส่ง ทำให้ร้านค้าหรือแบรนด์ที่ให้คุณภาพสินค้าและบริการที่ดีกว่า ทำการตลาดได้ตรงความต้องการมากกว่า สามารถดึงกลุ่มลูกค้าไปได้โดยง่าย . ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีดัชนีความเสี่ยงสูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่น่าลงทุนเสมอไป หากเรารู้ปัญหาและสามารถทำลายข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ก็อาจเป็นโอกาสในการทำธุรกิจในจังหวัดนั้นด้วย . ยกตัวอย่าง จังหวัดนครพนม หากลองไปดูเนื้อที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตข้าวนาปี (ปีเพาะปลูก 2563/64) พบว่า มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 1.44 ล้านไร่ ให้ผลผลิต 5.04 แสนตัน หรือคิดเป็นผลผลิตที่เก็บได้ต่อไร่เท่ากับ 350 กก./ไร่ ซึ่งถือว่าสูงกว่าหลายจังหวัดในภูมิภาค และจะช่วยเรื่องความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากประหยัดต่อขนาด (มีวัตถุดิบผลิตสินค้าจำนวนมากพอจนได้ต้นทุนที่ต่ำ) อีกทั้งพันธุ์ข้าวที่ผลิตส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวเจ้าหอมมะลิ และข้าวเหนียว ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว . …

สำรวจดัชนีความเสี่ยงทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ส่องราคาที่ดินสูงสุด แต่ละจังหวัดในอีสาน รอบใหม่ คาดเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2566

กรมธนารักษ์ได้สำรวจราคาและปรับปรุงราคาที่ดิน แต่ละจังหวัด เพื่อจัดทำประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ (คาดใช้รอบปี 2566) และอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการประจำจังหวัด โดยราคาภาพรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6-7% ส่วนภาคอีสาน เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 8.7% . การประเมินราคาที่ดิน แต่ละจังหวัด หรือราคาประเมินที่ดิน โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเมินราคาที่ดินของกรมธนารักษ์ ประเมินราคาที่ดินของภาคเอกชน และประเมินราคาที่ดินราคาตลาด ซึ่งจะใช้เลขที่โฉนด เพื่อประเมินราคาที่ดิน แล้วนำมาเทียบเคียงกัน . . จังหวัดที่ราคาประเมินที่ดินสูงสุดในอีสาน ได้แก่ . 1. ขอนแก่น ถนนศรีจันทร์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 209) มีราคาประเมินที่ 2,500-200,000 บาทต่อตารางวา . 2. อุดรธานี ถนนโพศรี มีราคาประเมินที่ 70,000-180,000 บาทต่อตารางวา . 3. นครราชสีมา ถนนจอมพล มีราคาประเมินที่ 45,000-130,000 บาทต่อตารางวา ถนนชุมพล มีราคาประเมินที่ 130,000 บาทต่อตารางวา ถนนราชดำเนิน มีราคาประเมินที่ 40,000-130,000 บาทต่อตารางวา ถนนอัษฎางค์ มีราคาประเมินที่ 50,000-130,000 บาทต่อตารางวา . สาเหตุที่ ถนนศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น ราคาประเมินสูงสุด เนื่องจากเป็นย่านการค้า ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่รอบล้อมด้วยห้างร้าน สถานบันการศึกษา ศูนย์แสดงสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง ฯลฯ ส่งผลให้ราคาอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางวา หรือราว 80 ล้านบาทต่อไร่ ราคาแพงที่สุดในภาคอีสาน . อย่างไรก็ตาม การประเมินราคาที่ดินดังกล่าว เป็นการประเมินเป็นรายถนนเท่านั้น ไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงราคาที่ดินรายแปลงได้ ดังนั้น ผู้ต้องการขอทราบราคาประเมินเฉพาะแปลงจะต้องตรวจสอบที่สำนักงานที่ดิน หรือ ธนารักษ์พื้นที่ หรือ สำนักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ . . หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง การลงทุนในที่ดิน ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุน . ประกาศ ราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 ที่จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 https://kku.world/ns51l . ทั้งนี้ หากกรมธนารักษ์จัดทำราคาประเมินราคาที่ดินแต่ละจังหวัด ปี 2566 แล้วเสร็จ จะมีการอัปโหลดข้อมูลบนเว็บไซต์ https://kku.world/v99x7 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น . . อ้างอิงจาก: https://kku.world/pqpu0 https://kku.world/4n93o . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ราคาประเมินที่ดิน

อีสาน ภูมิภาคที่มีสัดส่วนคนจน (ด้านรายจ่าย) มากเป็นอันดับ 2 ของไทย กับเหตุผลว่าทำไมต้องเร่งแก้

ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ‘ความยากจน’ หรือ Poverty สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ความยากจนด้านตัวเงิน (Monetary Poverty) และที่ไม่ใช่ตัวเงิน (Non-monetary poverty) . เครื่องมือวัดความยากจนด้านตัวเงิน คือ เส้นความยากจน (Poverty line) ดังนั้น ผู้ที่มีรายได้หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคต่ำกว่าเส้นความยากจนจะถูกจัดให้เป็นคนจน . ปี 2563 ภาคอีสาน มีเส้นความยากจน (ด้านรายจ่าย) อยู่ที่ 2,495 บาท/คน/เดือน ทำให้จำนวนคนจนมากถึง 2,128,610 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 11.54% ของคนอีสาน . โดยสัดส่วนคนจนในอีสานนี้ ถ้านำมาเปรียบเทียบกับภาพรวมทั้งประเทศหรือระดับภูมิภาค ถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูง (ไม่ดี) ยิ่งในระดับภูมิภาคเป็นรองแค่ภาคใต้ (สัดส่วนคนจนทั้งประเทศ 6.84% | ภาคใต้ 11.62% | ภาคเหนือ 6.83% | ภาคกลาง 3.25% | กรุงเทพฯ 0.49%) . จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดในอีสาน ได้แก่ 1. กาฬสินธุ์ 23.79% 2. นครราชสีมา 21.20% 3. นครพนม 20.33% . จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนต่ำสุดในอีสาน ได้แก่ 1. เลย 0.28% 2. ขอนแก่น 0.75% 3. หนองคาย 3.42% . สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโครงสร้างการผลิต ซึ่งแรงงานอีสานส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร และเป็นแรงงานนอกระบบ มีรายได้ไม่แน่นอน จึงส่งผลไปถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย โดยจากข้อมูลปี 2564 พบว่า ภาคอีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด 7.2 ล้านคน หรือคิดเป็น 75.2% อย่างไรก็ตาม ปี 2565 ประเทศไทย รวมถึงภาคอีสานกำลังเผชิญสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างหนัก (จากฝั่ง Supply คือ ของแพงขึ้นจากต้นทุนการผลิตเพิ่ม ไม่ใช่ Demand ซื้อเพิ่ม) . เดือนเมษายนที่ผ่านมา ไทยมีอัตราเงินเฟ้อทั่วไป 4.65% (YoY) ส่วนภาคอีสาน เงินเฟ้อ 4.14% และคาดว่าเดือน พฤษภาคม นี้จะขยับขึ้นอีก จากปัจจัยราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีการอุดหนุนราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้ม ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสินค้าและราคาอาหารมีแนวโน้มขยับขึ้น . การที่ต้องเผชิญสถานการณ์เงินเฟ้อ ไหนจะอัตราดอกเบี้ยที่พร้อมจะขึ้นตามเงินเฟ้อ ในขณะที่ค่าแรงยังเท่าเดิม (ข้อมูลค่าจ้างขั้นต่ำล่าสุด เป็นของปี 63) ทำให้ในระยะยาวเราอาจต้องรับมือกับปัญหาหนี้ครัวเรือน …

อีสาน ภูมิภาคที่มีสัดส่วนคนจน (ด้านรายจ่าย) มากเป็นอันดับ 2 ของไทย กับเหตุผลว่าทำไมต้องเร่งแก้ อ่านเพิ่มเติม »

อีสาน ภาคที่มีแรงงานไทย ไปทำงานต่างแดน มากที่สุด

จากแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศในปี 2565 (มกราคม – เมษายน) ภาคอีสานยังเป็นภูมิภาคที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานต่างประเทศผ่านการลงทะเบียนที่ถูกต้องมากที่สุด จำนวน 11,176 คน คิดเป็น 63.8% จากทั่วทั้งประเทศ จำนวน 17,512 คน . จังหวัด (ตามภูมิลำเนา) ของแรงงานที่ไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ . 1. อุดรธานี 2,637 คน 2. นครราชสีมา 1,138 คน 3. สกลนคร 799 คน 4. ขอนแก่น 763 คน 5. บุรีรัมย์ 722 คน . โดยไต้หวันเป็นประเทศที่คนอีสานเดินทางไปทำงานมากที่สุด โดยส่วนใหญ่เป็นงานในตำแหน่งผลิตโลหะ สิ่งทอ เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์อาหาร และก่อสร้าง . อย่างไรก็ตาม การที่คนไทยรวมถึงคนอีสานนิยมไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น อาจเป็นช่องทางให้มิชฉาชีพหลอกลวงคนหางานได้ ดังนั้นการไปทำงานต่างแดนควรไปแบบถูกต้องตามกฏหมายและมีสัญญาว่าจ้างที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมา . การไปทำงานต่างประเทศโดยถูกต้องตามกฏหมายมี 5 วิธี คือ . 1.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 2.กรมการจัดหางานจัดส่ง 3.เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง 4.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน 5.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงาน . ปัจจุบันมีโครงการจัดส่งโดยรัฐ ที่ส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าบริการ นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าภาษี สนามบิน ค่าสมาชิกกองทุนฯ ค่าที่พักสำหรับเตรียมตัวก่อนเดินทาง ประกอบด้วย . โครงการจ้างตรง : ไต้หวัน โครงการ IM : ประเทศญี่ปุ่น โครงการ EPS : สาธารณรัฐเกาหลี โครงการ TIC : ประเทศอิสราเอล . สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9435-6 หรือโทร #สายด่วนกระทรวงแรงงาน1506 กด 2 กรมการจัดหางาน #กระทรวงแรงงาน . . ที่มา: กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ และบริการประชาชนกระทรวงแรงงาน (e-labour) . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #แรงงาน #ทำงานต่างประเทศ

สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน

เว็บไซต์ DBD DataWarehouse+ ซึ่งรวบรวมข้อมูลนิติบุคคลที่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยดัชนีโอกาสหรือคะแนนที่บ่งบอกถึงโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย . โดยค่าดัชนีจะอยู่ในช่วง 0-1 (คะแนนสูง = มีโอกาสทางธุรกิจมาก) พิจารณาจาก กลไกตลาด (ขนาดของตลาด การแข่งขัน สภาวะตลาด) และปัจจัยทางอุตสาหกรรม (จำนวนแรงงาน เงินลงทุน) . 5 อันดับ จังหวัดในภาคอีสานที่มีดัชนีโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยสูงสุด . 1. เลย ค่าดัชนี 0.94 กลุ่มยานยนต์ 2. หนองบัวลำภู ค่าดัชนี 0.88 กลุ่มส่วนประกอบของยานยนต์ 3. มหาสารคาม ค่าดัชนี 0.87 กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร 4. หนองคาย ค่าดัชนี 0.87 กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 5. มุกดาหาร ค่าดัชนี 0.85 กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร . น่าสนใจว่า 4 จาก 20 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และอุดรธานี มีโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยประเภท ‘ส่วนประกอบของยานยนต์’ สูงที่สุด เช่นเดียวกับอีก 4 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม มุกดาหาร ชัยภูมิ และสุรินทร์ ที่มีโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยประเภท ‘วัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร’ สูงที่สุด . อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนคิดเป็นประมาณ 5.9% ของ GDP โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไม่ได้เติบโตได้ด้วยตัวเอง แต่เติบโตจาก ‘การลงทุนทางตรง-ย้ายฐาน’ จาก ‘ญี่ปุ่น’ เป็นหลัก . เมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ ‘ยุคยานยนต์ไฟฟ้า’ หรือ EV ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ค่ายรถญี่ปุ่นยังปรับตัวช้า โดยมีแผนผลิต EV น้อยกว่าค่ายจีน-อเมริกันมาก จึงส่งผลเสียกับไทยที่เป็นฐานการผลิตด้วย . ยิ่งการที่ไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับ ‘จีน’ อาจทำให้มีการนำเข้า EV มากกว่าผลิตเอง เพราะนำเข้า EV ได้โดยไม่มีภาษี อีกทั้งจีนยังมีกำลังผลิตมากกว่า ทำให้ต้นทุนถูกกว่า . ดังนั้น แม้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนจะมีค่าดัชนีที่สูงในหลายจังหวัดภาคอีสาน แต่การพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ยังมีแผนผลิต EV น้อย อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต เราจึงควรเร่งศึกษาผลกระทบ และโอกาสในระยะยาว (ควรเป็นการผลิต EV ไหม) รวมถึงทบทวนสัญญาข้อตกลงทางการค้าเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้ากลุ่มยานยนต์ให้มากขึ้น เพื่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมในประเทศ และส่งเสริมให้เกิดการลงทุน การวิจัยและพัฒนาไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูงได้ด้วยตัวเอง . . อ้างอิงจาก …

สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง การพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยงพื้นที่ภาคอีสาน

เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศไทยมีแผนพัฒนาโครงข่ายในการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่าการขับเคลื่อนเชิงนโยบายดังกล่าว หรือที่เรียกว่า “โครงการ R-map” โดยเฉพาะในภาคอีสาน มีเส้นทางใดบ้าง กำหนดการก่อสร้างเป็นอย่างไร และใช้งบลงทุนมากน้อยแค่ไหน อีสานอินไซต์จะสรุปให้… . รถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน . 1. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม. มูลค่าโครงการ 24,064 ล้านบาท รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน และยกระดับ จำนวนสถานี : 19 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 3 แห่ง เปิดให้บริการแล้ว ในปี 2563 . 2. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 135 กม. มูลค่าโครงการ 29,968.62 ล้านบาท (4 สัญญา + ขยายระยะเวลา) รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน ยกระดับ และอุโมงค์ จำนวนสถานี : 19 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 1 แห่ง กำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2565 (บางส่วน) . ทางคู่ระยะที่ 2 . 1. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. มูลค่าโครงการ 26,663.26 ล้านบาท รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน และทางรถไฟยกระดับ จำนวนสถานี : 15 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 3 แห่ง สถานะ : รายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างกระทรวงคมนาคมพิจารณาเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินโครงการ โดยคาดว่า จะเริ่มก่อสร้างปี 2566 และเปิดให้บริการในปี 2569 . 2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. มูลค่าโครงการ 37,527.10 ล้านบาท รูปแบบโครงสร้าง : ระดับพื้นดิน และทางรถไฟยกระดับ จำนวนสถานี : 35 สถานี ย่านกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า : 4 แห่ง สถานะ : รายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ โดยคาดว่า …

ชวนเบิ่ง การพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยงพื้นที่ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top