Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง🦽จำนวนสะสมผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่จังหวัดภาคอีสาน ปี 2566 เทียบกับสัดส่วนของประชากรรวมของแต่ละจังหวัด

ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งของไทย มีมากถึง 238,625 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 68,501 ราย คิดเป็น 28.71% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด . โดยในจำนวนผู้ป่วย 68,501 ราย เป็นผู้ป่วยจาก ขอนแก่น 10,755 ราย คิดเป็น 15.7% ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในอีสาน หรือ 0.80% ของประชากรรวมจังหวัด โดย ปี 2566 จากจำนวน 10,755 รายนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 1,403 ราย นครราชสีมา 7,905 ราย คิดเป็น 11.54% ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในอีสาน หรือ 0.42% ของประชากรรวมจังหวัด โดย ปี 2566 จากจำนวน 7,905 รายนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 3,264 ราย อุดรธานี 6,849 ราย คิดเป็น 10.00% ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในอีสาน หรือ 0.56% ของประชากรรวมจังหวัด โดย ปี 2566 จากจำนวน 6,849 รายนี้ มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 1,499 ราย . ส่วนภูมิภาคอื่นๆ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็ง ดังต่อไปนี้ ภาคกลาง มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 64,012 ราย คิดเป็น 26.83% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ภาคใต้ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 24,611 ราย คิดเป็น 10.31% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ภาคเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 58,652 ราย คิดเป็น 24.58% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากที่สุด รองลงมาคือภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือ ปัจจัยที่ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากนั้น สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ประชากรมีจำนวนมาก อัตราการสูบบุหรี่สูง มลพิษทางอากาศสูง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการในการรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคอื่นๆ โดยเน้นไปที่การลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น รณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ . . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy […]

พามาเบิ่ง🦽จำนวนสะสมผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่จังหวัดภาคอีสาน ปี 2566 เทียบกับสัดส่วนของประชากรรวมของแต่ละจังหวัด อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง ผู้ป่วยมะเร็งปอด ในภาคอีสานมีมากแค่ไหน

“มะเร็งปอด” โรคร้ายที่มักตรวจพบเจอเมื่อมีอาการและโรคเข้าสู่ระยะลุกลามทำให้อัตราการเสียชีวิตสูง บุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ควันบุหรี่มือสอง งานที่ต้องสัมผัสสารก่อมะเร็ง พันธุกรรมมีความเสี่ยง รวมถึงการดำเนินชีวิตท่ามกลางมลพิษและฝุ่น PM2.5 ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด จากสถิติองค์การอนามัยโลกพบว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 2.5 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 1.8 ล้านคน สำหรับประเทศไทยมะเร็งปอดพบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี . สำหรับประเทศไทยที่ปัจจุบันคนในหลายพื้นที่เผชิญกับปัญหาฝุ่น PM2.5 การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะมะเร็งปอดกำลังคร่าชีวิตคนไทยในอัตราที่น่าตกใจถึงวันละ 40 ราย สูงกว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 48 คน ส่วนใหญ่มาพบแพทย์ในระยะลุกลาม เนื่องจากอาการเริ่มต้นไม่ชัดเจน แม้ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสพบมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบ 10 เท่า แต่มลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม . ใประเทศไทยจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมีมากถึง 263,517 คน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากถึง 73,518 ราย คิดเป็น 27.9% ของจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมดในประเทศ  . โดยในจำนวนผู้ป่วย 73,518 ราย เป็นผู้ป่วยจาก ขอนแก่น 11,549 คน ใน 1,000 คน จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งกว่า 7 คน นครราชสีมา 8,138 คน ใน 1,000 คน จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งกว่า 3 คน อุดรธานี 8,089 คน ใน 1,000 คน จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งกว่า 7 คน ส่วนภูมิภาคอื่นๆ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็ง ดังต่อไปนี้ ภาคกลาง มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมากถึง 91,891 คน ภาคใต้ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมากถึง 60,453 คน ภาคเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมากถึง 37,655 คน . 🦽จำนวนสะสมผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่จังหวัดภาคอีสาน ปี 2566 เทียบกับสัดส่วนของประชากรรวมของแต่ละจังหวัด จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งมากเป็นอันดับที่ 2 ปัจจัยที่ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมากนั้น สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ประชากรมีจำนวนมาก อัตราการสูบบุหรี่สูง มลพิษทางอากาศสูง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด เป็นต้น . ด้วยเหตุนี้ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการในการรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคอื่นๆ โดยเน้นไปที่การลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น รณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ . . อ้างอิงจาก: กระทรวงสาธารณสุข www.medi.co.th สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute Thai

ชวนมาเบิ่ง ผู้ป่วยมะเร็งปอด ในภาคอีสานมีมากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🦕ภาคอีสาน เทียบกับ ⛰ภาคเหนือ

ภาคอีสาน เทียบกับ ภาคเหนือ . #ภูมิประเทศ: ภาคอีสาน: พื้นที่ราบสูงเป็นส่วนใหญ่ มีทิวเขาทางทิศตะวันตกและทิศใต้ ขนาดพื้นที่ 168,854.34 ตร.กม. มีพื้นที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีพื้นที่สีเขียวสาธารณะ 12,300,0013 ตร.ม. หรือ เฉลี่ย 1.5 ตร.ม./คน ภาคเหนือ: ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับกับที่ราบ ขนาดพื้นที่ 93,690.85 ตร.กม. มีพื้นที่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีพื้นที่สีเขียวสาธารณะ 8,573,068 ตร.ม. หรือ เฉลี่ย 1.3 ตร.ม./คน . . #ประชากร: ภาคอีสาน: ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทย และประกอบด้วยเชื้อชาติ ที่หลากหลาย เช่น ลาว ญวน เขมร และกลุ่มชาติพันธุ์อีกหลากหลาย กว่า 13 ชาติพันธุ์ มีภาษาและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน จำนวนประชากร 21.7 ล้านคน มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 1 หรือกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ มีความหนาแน่นของประชากร: 132 คน/ตร.กม. . ภาคเหนือ: ประชากรประกอบด้วยหลายกลุ่มชาติพันธุ์ เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนกับสภาชนเผ่าพื้นเมืองประเทศไทย มีมากกว่า 40 กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ไทยลื้อ ไทยยวน ลัวะ ม้ง กะเหรี่ยง มีภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย จำนวนประชากร 11.6 ล้านคน มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ มีความหนาแน่นของประชากร: 75 คน/ตร.กม. . . #เศรษฐกิจ: ภาคอีสาน: เศรษฐกิจหลักคือการเกษตร พืชเศรษฐกิจสำคัญคือ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ขนาดเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(GRP): 1,671,902 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ โดย นครราชสีมา มีขนาด GPP สูงสุดของภูมิภาค ที่ 315,583 ล้านบาท  รายได้เฉลี่ยต่อหัวระดับภูมิภาค (GRP per capita): 90,998 บาท/ปี (1)  รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อเดือน: 23,207 บาท/เดือน (2)  หนี้ครัวเรือนในระบบเฉลี่ย: 193,252 บาท/ครัวเรือน  ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยเฉลี่ย: 3,854 บาท/เดือน  ค่าใช้จ่ายด้านอาหารเฉลี่ย: 7,579

พามาเบิ่ง🦕ภาคอีสาน เทียบกับ ⛰ภาคเหนือ อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง🧐เปรียบเทียบศักยภาพของเศรษฐกิจสายมู อีสาน vs เหนือ

จากข้อมูล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปี 2564 จะพบว่า จำนวนวัดในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 42,626 แห่ง ซึ่งหากแยกตามพื้นที่ทั่วประเทศ พื้นที่ที่มีวัดตั้งอยู่มากที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 21,319 แห่ง และ ภาคเหนือ 9,730 แห่ง แม้ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีวัดมากกว่าภาคเหนือ แต่กลับมีวัดซึ่งถูกจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว(ตาม Thailand Tourism Directory) เพียง 390 แห่ง ซึ่งน้อยกว่า วัดซึ่งถูกจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของภาคเหนือ ที่ 445 แห่ง โดยลักษณะเด่นของแหล่งท่องเที่ยวสายมูของภาคอีสาน จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถาน และ พญานาคที่มีจำนวนมากกว่า ภาคเหนือ โดยเฉพาะอีสานตอนบนที่ติดกับลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของพญานาคในพื้นที่, ส่วนภาคเหนือนั้น เนื่องจากมีภูมิประเทศเป็นภูเขา และลักษณะทางภูมิศาสตร์เหล่านี้จึงทำให้แหล่งท่องเที่ยวสายมูของภาคเหนือ จะเกี่ยวเนื่องกับถ้ำศักดิ์สิทธิ์และวัดถ้ำ เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงมีศาลเจ้าจำนวนมากกว่าในภาคอีสาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่แตกต่าง และพื้นฐานทางภูมิศาสตร์ที่ส่งผลต่อแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค ส่วนการใช้จ่ายในครัวเรือนด้านกิจกรรมทางศาสนา และ เงินที่ใช้ในการทำบุญ ช่วยเหลืออื่นๆ นั้นจะแปรผันตรงตามกลุ่มอาชีพที่มีรายได้สูง หมายความว่า ยิ่งอาชีพที่มีรายได้สูงมากเท่าไหร่ ก็จะมีแนวโน้มในการใช้จ่ายเงินกับกิจกรรมทางศาสนามากขึ้นเท่านั้น โดยเรียงตามอาชีพ ตั้งแต่ ผู้จัดการ นักวิชาการ และ ผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพ คนงานเกษตร ป่าไม้ และประมง คนงาน ด้านการขนส่ง และงานพื้นฐาน เสมียน พนักงานขาย ผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการผลิตก่อสร้างและเหมืองแร่ และจุดสังเกต ที่น่าสนใจคือ ค่าใช้จ่ายครัวเรือน/เดือน ในด้านกิจกรรมทางศาสนาจาก 5 กลุ่มอาชีพข้างต้น จะพบว่าคนอีสานจะมีค่าใช้จ่ายกับกิจกรรมทางศาสนา/เดือน มากกว่า คนภาคเหนือ เกือบทุกกลุ่มอาชีพ (ยกเว้น เสมียน และพนักงานขาย ภาคเหนือ ที่ใช้เงินทางกิจกรรมทางศาสนา เดือนละ ฿259 ที่มากกว่าภาคอีสานที่ ฿244 ) จากข้อมูลข้างต้น ก็จะพอเห็นแนวโน้มว่าคนอีสาน มีค่าใช้จ่ายครัวเรือนในด้านความเชื่อมากกว่า คนในภาคเหนือ ซึ่งอาจมีจากหลายปัจจัย ทั้ง ปัจจัยด้านรายได้/ครัวเรือน, ความยินดีที่จะจ่ายเพื่อความเชื่อ ความสบายใจ ที่แตกต่างกัน #อภิธานศัพท์ พระอารามหลวง หรือ วัดหลวง คือ วัดที่พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างหรือทรงบูรณปฏิสังขรณ์ หรือมีผู้สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นวัดหลวง และวัดที่ราษฎรสร้าง หรือบูรณปฏิสังขรณ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าจำนวนในบัญชีเป็นพระอารามหลวง วัดราษฎร์ หมายถึง วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และ สำนักสงฆ์ ซึ่งไม่ได้นับเข้าเป็นพระอารามหลวง ได้แก่ วัดที่ประชาชนทั่วไปสร้าง หรือ ปฏิสังขรณ์ หรือได้รับอนุญาตให้สร้างวัด และประกาศตั้งวัด โดยถูกต้องตามกฏหมายจากทางราชการ และช่วยกันทำนุบำรุงสืบต่อกันมาตามลำดับ .ติดตาม ISAN Insight &

ชวนเบิ่ง🧐เปรียบเทียบศักยภาพของเศรษฐกิจสายมู อีสาน vs เหนือ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐ศูนย์กลางเศรษฐกิจอีสาน-เหนือ ใครเด่นด้านไหน❓

อีสาน อินไซต์ พาเบิ่งเทียบเศรษฐกิจของสองยักษ์ใหญ่ประจำภูมิภาค ‘นครราชสีมา’ หรือ ‘โคราช’ แชมป์แห่งภาคอีสาน และ ‘เชียงใหม่’ หัวใจเศรษฐกิจภาคเหนือ มาดูกันว่าจังหวัดไหนโดดเด่นในด้านใด สะท้อนพลังทางเศรษฐกิจและบทบาทสำคัญของแต่ละพื้นที่ในการขับเคลื่อนภูมิภาค   ด้านข้อมูลพื้นฐาน โคราช มีพื้นที่จังหวัด 20,493 ตร.กม. ในขณะที่ เชียงใหม่ มีพื้นที่ 22,436 ตร.กม โดยทั้ง 2 นั้นเป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และ 1 ของประเทศตามลำดับ และย่อมส่งผลให้มีจำนวนประชากรที่มากเช่นกัน ซึ่งข้อมูลในเดือนมกราคม 2568 ของกรมการปกครอง ระบุว่าโคราชและเชียงใหม่มีประชากร 2,619,034 คน และ 1,798,882 คน ตามลำดับ   ด้านเศรษฐกิจ ขนาดเศรษฐกิจ(GPP) ในปี 2566 ของทั้ง 2 จังหวัด มีมูลค่าดังนี้: โคราช : 343,510 ล้านบาท เชียงใหม่: 277,477 ล้านบาท   หากมาพิจารณาเศรษฐกิจแต่ละด้านของแต่ละจังหวัด เพื่อเปรียบเทียบศักยภาพแต่ละจังหวัด ภาคการเกษตร โคราช: มูลค่า 48,933 ล้านบาท พืชเศรษฐกิจเด่นๆ เช่น ข้าวนาปี มันสำปะหลัง (มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดในไทย) และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น เชียงใหม่: มูลค่า 49,198 ล้านบาท พืชที่ปลูกมากจะเป็น ข้าว และลำไย ซึ่งเชียงใหม่มีความโดดเด่นในการปลูกผลไม้นานาชนิด เช่น ส้มเขียวหวาน สตรอว์เบอร์รี่ และอื่นๆ รวมไปถึงกาแฟ   ภาคการท่องเที่ยว หากพูดถึงการท่องเที่ยวแล้วนั้น เชียงใหม่ ถือว่าเป็น Top Destination ของประเทศไทย เป็นจุดขายสำคัญของจะงหวัด เนื่องจากมีแหล่งท่องที่ยวมากมาย ดึงดูดทั้งคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยตลอดทั้งปี 2567 นั้น เชียงใหม่มีผู้เยี่ยมเยือนรวม 11.5 ล้านคน ได้รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนกว่า 103.8 ล้านบาท โดยภาพรวมภาคการท่องเที่ยวของเชียงใหม่มีมูลค่า 22,065 ล้านบาท ด้านโคราช ก็เป็นจังหวัดที่โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวในภาคอีสาน เป็นทั้งหน้าด่านจากกรุงเทพฯ สู่อีสาน และมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยโคราชมีมูลค่าภาคการท่องเที่ยว 5,466 ล้านบาท แม้จะน้อยกว่าเชียงใหม่ประมาณ 4 เท่า แต่โคราช ก็ยังเป็นเมืองที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนมากที่สุดในภาคอีสาน กว่า 8.7 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 21.9 ล้านบาท    ภาคการค้า

พามาเบิ่ง🧐ศูนย์กลางเศรษฐกิจอีสาน-เหนือ ใครเด่นด้านไหน❓ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง มูลค่าการลงทุนของเอกชนในอีสานปี 2567

จังหวัด มูลค่าทุนจัดตั้ง (ล้านบาท) ร้อยละการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าการจดทะเบียน 2566 2567 นครราชสีมา 2,913 2,583 -11.3% ขอนแก่น 2,314 2,221 -4.0% อุดรธานี 1,311 2,046 56.1% อุบลราชธานี 1,203 1,331 10.6% บุรีรัมย์ 1,243 1,144 -8.0% สุรินทร์ 580 857 47.6% ร้อยเอ็ด 853 774 -9.3% มหาสารคาม 1,081 768 -29.0% กาฬสินธุ์ 524 593 13.1% ชัยภูมิ 743 562 -24.3% มุกดาหาร 243 555 128.4% สกลนคร 641 537 -16.2% ศรีสะเกษ 489 507 3.6% หนองคาย 336 324 -3.5% เลย 316 296 -6.3% นครพนม 324 294 -9.3% ยโสธร 370 290 -21.7% หนองบัวลำภู 210 226 7.8% อำนาจเจริญ 195 180 -7.7% บึงกาฬ 251 132 -47.3% กรุงเทพและปริมณฑล 409,986 156,697 -61.8% ภาคกลาง 64,395 58,020 -9.9% ภาคใต้ 32,821 27,464 -16.3% ภาคอีสาน 16,141 16,220 0.5% ภาคเหนือ 17,530 15,771 -10.0% ภาคอีสาน ธุรกิจที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด: การผลิตพลังงาน 384 ล้านบาท (+130.7%) ธุรกิจที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุด: การผลิต 1,853 ล้านบาท (-31.3%) ธุรกิจที่มีมูลค่ามากที่สุด: การก่อสร้าง 9,275 ล้านบาท (+5.9) การลงทุนของภาคเอกชนนอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าและสร้างการขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจแล้วนั้น อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ตามมาคือการจ้างงานของคนในพื้นที่ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้พื้นที่สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืน การมีงานทำในพื้นที่ไม่เพียงแต่ลดการย้ายถิ่นแรงงานออกจากพื้นที่เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับฐานพื้นที่อีกด้วย ในปี

พามาเบิ่ง มูลค่าการลงทุนของเอกชนในอีสานปี 2567 อ่านเพิ่มเติม »

อีสานบ่ได้มีแค่ข้าวเหนียว พาเปิดเบิ่ง อาณาจักรทุเรียน ทองคำเปลือกหนามแห่งแดนอีสาน

จากกระแสราคาทุเรียนต่ำกว่า 100 บาท/กก. ดิ่ง 90-95 บาท/กก. เหตุจีนเจอ “ทุเรียนอ่อน” เพียบ ผู้นำเข้าจีนชะลอซื้อ บางแผงหยุดรับซื้อเคลียร์ 1-2 วัน และล่าสุดจับ “ทุเรียนเวียดนาม” ขนส่งทางเรือ เตรียมส่งห้องเย็นแช่แข็ง หวัง “สวมสิทธิ” เป็นทุเรียนไทย หวั่นเจอ “สารแคดเมียม” ขณะที่จีนเพิ่งผ่อนปรนตรวจเข้มสารย้อมสี BY2 ของทุเรียนไทยเหลือ 30%   อีสานอินไซต์เลยจะพามาเบิ่งทุเรียนแดนอีสาน 🌳ในปี 2566 ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน อยู่ที่ 1,023,6741 ไร่ และมีจำนวนครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนอยู่ 162,293 ครัวเรือน แล้วรู้หรือไหมว่าภาคอีสานมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตทุเรียนมากแค่ไหน? โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนกว่า 42,145 ไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.1% ของพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนทั้งหมดในประเทศ และมีจำนวนครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนอยู่ 7,416 ครัวเรือน หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.6% ของจำนวนครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนทั้งหมดในประเทศ ตั้งแต่ปี 2554-2566 หรือในช่วง 12 ปี ที่ผ่านมา ไทยมีพื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เกษตรกรสามารถผลิตทุเรียนเพิ่มจาก 5 แสนตัน เป็น 1.4 ล้านตัน หรือได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 180% โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการขยายผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 1,500% เนื่องจากทุเรียนมีการส่งออกมากขึ้นและมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกษตรกรแต่ละจังหวัดหันมาปลูกทุเรียนกันมากขึ้น ในปี 2566 ไทยมีมูลค่าส่งออกทุเรียน 1.4 แสนล้านบาท ในตลาดจีนทุเรียนถือเป็นผลไม้ที่มีราคาสูงและได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคซึ่งมีกำลังซื้อสูง ในปีนี้หลายประเทศต้องเผชิญกับสภาวะอากาศแห้งแล้ง รวมทั้งประเทศไทย จึงทำให้ปริมาณการผลิตลดลงสวนทางกับความต้องการตลาดผู้บริโภค จึงทำให้เกิดปัญหาการลักลอบนำเข้าทุเรียนเพื่อสวมสิทธิและสอดใส้เป็นทุเรียนไทยเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดจีน หากมาดูทุเรียนเป็นรายจังหวัดในอีสานก็จะพบว่าจังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุดในภาคอีสาน ก็คือ จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเพียง 2 จังหวัดมีพื้นที่รวมกันมากกว่า 22,085 ไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 52.4% เลยทีเดียว 💛โดยทั้ง 2 จังหวัดมี “ทุเรียน GI” หรือทุเรียนขึ้นทะเบียนว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อในแต่ละพื้นที่ ที่เรียกได้ว่ามีรสชาติเด่น เป็นเอกลักษณ์ และหาได้เฉพาะถิ่นเท่านั้น 💛ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ขึ้นทะเบียน GI เมื่อวันที่ 27 มิ.ย 2561 เป็นทุเรียนพันธุ์ก้านยาว พันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี ปลูกในพื้นที่ อ.ขุนหาญ อ.กันทรลักษณ์ และ อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ดินบริเวณนี้เป็นดินที่เกิดจากภูเขาไฟโบราณผุพังมาจากหินบะซอลต์ มีธาตุอาหารชนิดต่างๆ ที่จำเป็นต่อพืชในปริมาณสูง ส่งผลให้ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษมีคุณสมบัติพิเศษคือ เนื้อทุเรียนละเอียด แห้ง เนียนนุ่ม รสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมปานกลาง สีเนื้อเหลืองสม่ำเสมอทั้งผล 💛ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ ขึ้นทะเบียน GI เมื่อวันที่

อีสานบ่ได้มีแค่ข้าวเหนียว พาเปิดเบิ่ง อาณาจักรทุเรียน ทองคำเปลือกหนามแห่งแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

🦉ยืนหนึ่งเรื่องภาษาและการติว🤓ขอนแก่น ศูนย์กลางการเรียนรู้ของอีสาน👨‍🏫

จังหวัด จำนวนธุรกิจ รายได้รวม กำไร ขอนแก่น 25 193 24 นครราชสีมา 14 72 3 อุดรธานี 10 17 2 อุบลราชธานี 14 29 4 สุรินทร์ 3 10 1 สถาบันกวดวิชา ธุรกิจที่คอยให้ความรู้แก่ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมมากกว่าการเรียนที่โรงเรียน เปรียบเสมือนโรงเรียนขนาดย่อมที่รวบรวมกลุ่มนักเรียนที่มีจุดประสงค์เดียวกันมาอยู่ ณ ที่เดียวกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ พัฒนาทักษะ และเตรียมความพร้อมในการสอบแข่งขันหรือการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยมีการจัดการเรียนการสอนอย่างเข้มข้นและเฉพาะทางมากกว่าห้องเรียนปกติ การแข่งขันด้านการศึกษามีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแย่งชิงเข้าโรงเรียนชื่อดังไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ในภาคอีสานเองก็มีทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยกระจายอยู่หลายแห่ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีโรงเรียนยอดนิยมที่มีอัตราการแข่งขันสูง รวมถึงมีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในพื้นที่ ยิ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจกลุ่มนี้ จังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีจำนวนการจดทะเบียนสถาบันกวดวิชามากที่สุดในอีสาน และยังมีรายได้จากธุรกิจกลุ่มนี้สูงเป็นอันดับ 1 ปัจจัยสำคัญมาจากการที่ขอนแก่นมีโรงเรียนประจำจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงถึง 3 แห่ง รวมถึงโรงเรียนสาธิตซึ่งเป็นโรงเรียนในกำกับของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ จังหวัดขอนแก่นยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับภูมิภาคขนาดใหญ่ที่มีการแข่งขันในการสอบเข้าค่อนข้างสูง และยังมีสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และอีกหลายแห่งภายในจังหวัด เมื่อรวมกับจำนวนประชากรในพื้นที่ จึงส่งผลให้ธุรกิจสถาบันกวดวิชามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนรองลงมา ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่และประชากรจำนวนมากติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยมีโรงเรียนประจำจังหวัดขนาดใหญ่ถึง 5 แห่ง และมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยราชมงคล และอื่นๆ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์ จึงทำให้การแข่งขันด้านการศึกษาในจังหวัดนี้สูงเช่นเดียวกับขอนแก่น ส่งผลให้ธุรกิจกวดวิชาในพื้นที่มีความเคลื่อนไหวคึกคักไม่แพ้กัน หนึ่งในตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนถึงศักยภาพของนักเรียนในแต่ละจังหวัดได้อย่างชัดเจนคือ ผลคะแนนสอบ O-NET แม้ว่าบทบาทและความสำคัญของการสอบ O-NET จะลดลงจากอดีต แต่การสอบดังกล่าวก็ยังคงมีความจำเป็นและเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่ใช้ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับพื้นที่ เมื่อพิจารณาคะแนนเฉลี่ย O-NET รายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีจำนวนสถาบันกวดวิชามาก มักมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม คะแนนเฉลี่ยในจังหวัดเหล่านี้ยังคง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระดับประเทศ ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างระหว่างส่วนกลางกับภูมิภาค แม้จะมีความพยายามจากภาคเอกชนในการส่งเสริมการเรียนรู้เพิ่มเติมผ่านสถาบันกวดวิชาก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจสถาบันกวดวิชา หลายแห่งจำเป็นต้องปิดสาขาชั่วคราวและปรับตัวเข้าสู่ระบบออนไลน์อย่างเร่งด่วน ผู้ประกอบการที่ไม่เคยวางระบบการเรียนการสอนออนไลน์มาก่อนเผชิญกับแรงเสียดทานอย่างหนัก ส่งผลให้บางรายต้องยุติกิจการ แม้จะไม่มีตัวเลขมูลค่าตลาดที่ชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็พบว่า มีสถาบันกวดวิชาจำนวนมากทยอยล้มหายตายจาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย กลับกลายเป็นช่วงที่ความท้าทายทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากเกิด การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเดิมเน้นการสอบแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันนักเรียนสามารถยื่น Portfolio เพื่อขอรับการพิจารณาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยตรงได้ ระบบการเข้ามหาวิทยาลัยในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลัก ได้แก่ รอบ Portfolio รอบโควตา รอบ Admission กลาง และรอบรับตรงอิสระ (Direct Admission) ผลกระทบต่อธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาชัดเจนในรูปแบบของรอบ Portfolio ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4–5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 30% หันมาเลือกใช้วิธีการยื่นผลงาน แทนการสอบแข่งขันเพียงอย่างเดียว ซึ่งสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เรียน และแรงจูงใจในการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยที่แตกต่างไปจากอดีต ส่วนหนึ่งมาจากการที่นักเรียนสามารถใช้จุดแข็งเฉพาะตัวหรือประสบการณ์ที่โดดเด่นเป็นใบเบิกทางสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้

🦉ยืนหนึ่งเรื่องภาษาและการติว🤓ขอนแก่น ศูนย์กลางการเรียนรู้ของอีสาน👨‍🏫 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แบงค์พาณิชย์อีสานยังเข้มงวด! ปล่อยกู้หดวูบต่อเนื่อง กระทบเป็นลูกโซ่หลายธุรกิจ

แบงค์พาณิชย์อีสานยังเข้มงวด! ปล่อยกู้หดวูบต่อเนื่อง   ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานปริมาณการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/2568 โดยพบว่า ภาพรวมทั่วประเทศยังคงชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า เช่นเดียวกับในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีมูลค่าสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,823,141 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากไตรมาสก่อน และลดลงกว่า 4.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหากมองย้อนปริมาณสินเชื่อและอัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน(%YoY) ของภาคอีสาน มีตัวเลขดังนี้ ไตรมาส 1/2567: ปล่อยสินเชื่อ 2.94 ล้านล้านบาท หดตัว 0.8% ไตรมาส 2/2567: ปล่อยสินเชื่อ 2.91 ล้านล้านบาท หดตัว 1.4% ไตรมาส 3/2567: ปล่อยสินเชื่อ 2.87 ล้านล้านบาท หดตัว 2.4% ไตรมาส 4/2567: ปล่อยสินเชื่อ 2.84 ล้านล้านบาท หดตัว 3.4%   จะเห็นได้ว่าปริมาณสินเชื่อยังคงหดตัวลงต่อเนื่องในทุกไตรมาส โดยสาเหตุสำคัญคือ ความเสี่ยงด้านเครดิตของธุรกิจ SME ที่ยังอยู่ในระดับสูงและสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 1/2568 ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ   ด้านภาพรวมการให้สินเชื่อไตรมาส1/2568 ของทั้งประเทศ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  สินเชื่ออุปโภคบริโภค ภาพรวมหดตัว 2.2% แต่ละหมวดเปลี่ยนแปลงดังนี้ สินเชื่อส่วนบุคคล ขยายตัว 0.3% สินเชื่อที่อยู่อาศัย ขยายตัว 0.2% สินเชื่อบัตรเครดิต หดตัว 1.9% สินเชื่อรถยนต์ หดตัว 10.2% สินเชื่อธุรกิจ ภาพรวมหดตัว 0.8% สินเชื่อวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท หดตัว 5.5% สินเชื่อวงเงินมากกว่า500 ล้านบาท ขยายตัว 1.5% ผลจากการที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หรือที่เรียกว่า “การหดตัวของสินเชื่อ” (Credit Crunch) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจในวงกว้าง ดังนี้: ผลกระทบโดยรวม: เศรษฐกิจชะลอตัว: เมื่อสินเชื่อหายากขึ้น ภาคธุรกิจจะลงทุนน้อยลง ผู้บริโภคจะลดการใช้จ่าย ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง หรืออาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สภาพคล่องตึงตัว: ธุรกิจและครัวเรือนจะมีเงินทุนหมุนเวียนน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาในการชำระหนี้ การบริหารจัดการกระแสเงินสด และการขยายธุรกิจ การลงทุนลดลง: ธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น ทำให้ไม่สามารถลงทุนในโครงการใหม่ๆ หรือขยายกิจการได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการสร้างงานและการเติบโตในระยะยาว การบริโภคหดตัว: ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน รถยนต์ หรือสินค้าอื่นๆ ได้ยากขึ้น ทำให้การบริโภคโดยรวมลดลง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น: เมื่อธุรกิจไม่สามารถขยายตัวหรือแม้แต่รักษาระดับการดำเนินงานได้ ก็อาจต้องลดขนาดองค์กรหรือเลิกจ้างพนักงาน ทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น หนี้เสีย

พามาเบิ่ง แบงค์พาณิชย์อีสานยังเข้มงวด! ปล่อยกู้หดวูบต่อเนื่อง กระทบเป็นลูกโซ่หลายธุรกิจ อ่านเพิ่มเติม »

พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 20 อำเภอที่มีเงินฝากมากสุดในอีสานเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน❓💳💰

(1) 🏦💳ปี 2568 ถือเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว และหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจก็คือ “เงินฝาก” ในระบบธนาคาร อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเผยให้เห็นข้อมูลน่าสนใจของ 20 อันดับอำเภอทั่วภาคอีสาน ที่มีปริมาณเงินฝากสูงสุดในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของแต่ละพื้นที่ 5 อันดับอำเภอที่มีเงินฝากมากที่สุดในภาคอีสาน – อำเภอเมืองนครราชสีมา 115,956 ล้านบาท – อำเภอเมืองขอนแก่น 94,464 ล้านบาท – อำเภอเมืองอุดรธานี 93,782 ล้านบาท – อำเภอเมืองอุบลราชธานี 53,708 ล้านบาท – อำเภอเมืองร้อยเอ็ด 28,834 ล้านบาท 💸จะเห็นได้ว่า “อำเภอเมืองนครราชสีมา” ครองอันดับ 1 ด้วยยอดเงินฝากสูงถึง 115,956 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจังหวัดนครรสีมาในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมที่เป็นประตูสู่ภาคอีสาน เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างภูมิภาค มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั้งภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ภาคบริการ ภาคการค้าปลีกสมัยใหม่ ไปจนถึงการเป็นเมืองการศึกษาที่ดึงดูดทั้งแรงงานและผู้ประกอบการจำนวนมาก นอกจากนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนจากภาคเอกชนในโครงการอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ล้วนเป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินให้ไหลเวียนและสะสมอยู่ในระบบเศรษฐกิจของเมืองนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่อำเภอที่มีเงินฝากมากสุดส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในอำเภอเมืองแต่ละจังหวัด จะมีอำเภอปากช่องที่เป็นอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มาก มีธุรกิจเกี่ยวกับการค้าและบริการที่มากซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าสังเกตุคือ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา, อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอชุมแพ, จังหวัดขอนแก่นที่ติดอันดับ ซึ่ง 3 อำเภอนี้ถือว่าอำเภอที่มีศักยภาพที่สูงและยังมีการลงทุนของธุรกิจการค้าและบริการทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมภายในอำเภอที่มาก อีกทั้งยังเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่อีกด้วย (2) อีกหนึ่งอำเภอที่น่าจับตาคือ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ที่ขยับอันดับจาก 7 ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ในปี 2568 โดยมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้นถึง 10,738 ล้านบาท จาก 18,096 ล้านบาท เป็น 28,834 ล้านบาท การปรับตัวที่ดีขึ้นของร้อยเอ็ดนี้มาจากหลายปัจจัย ทั้งจากความแข็งแกร่งของภาคเกษตรกรรมที่เป็นฐานรากสำคัญของเศรษฐกิจจังหวัด ซึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายและมีราคาดีขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เพิ่มกำลังซื้อและสภาพคล่องทางการเงินให้กับเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในจังหวัด การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ รวมถึงการยกระดับบริการสาธารณะและสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวเมือง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินและสร้างความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยและการออมของประชาชนมากขึ้นนั่นเอง (3) ในอีกด้านหนึ่ง อำเภอที่ต้องเฝ้าระวังคือกลุ่มที่มีอันดับลดลง คือ อำเภอเมืองหนองคาย ที่ร่วงจากอันดับ 5 มาอยู่ที่ 12 แม้เงินฝากจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่การเติบโตที่เชื่องช้าเมื่อเทียบกับอำเภออื่น สะท้อนว่าหนองคายอาจกำลังเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ หรือการค้าชายแดนอาจไม่ได้เติบโตโดดเด่นเท่าที่เคยเป็นมา เมื่อถูกเปรียบเทียบกับอำเภอชายแดนอื่นๆ (4) และอีก 1 อำเภอที่หลุดจาก 20 อันดับ คือ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ในปี 2568 มีเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 10,364 ล้านบาท แม้เงินฝากจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับอำเภอเมืองหนองบัวลำภูที่มีเงินฝากในปี 2559 แต่อำเภอบ้านไผ่กลับมีเงินฝากสะสมที่น้อยกว่าในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าอำเภออื่นๆ ที่ไม่เคยติดอันดับมาก่อน ได้ก้าวขึ้นมาแทนที่

พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 20 อำเภอที่มีเงินฝากมากสุดในอีสานเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน❓💳💰 อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top