Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง “ไทยเด็ด” รวมสินค้าเด็ดๆจากแดนอีสานบนเว็บไทยเด็ด

พามาเบิ่ง “ไทยเด็ด” รวมสินค้าเด็ดๆจากแดนอีสานบนเว็บไทยเด็ด . ก่อนอื่นต้องพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ “ไทยเด็ด” กันเสียก่อน โครงการ “ไทยเด็ด” โดยบริษัท PTT OR เป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นจากชุมชนทั่วประเทศไทย โดยเลือกสรรสินค้าที่โดดเด่นจากผู้ประกอบการในท้องถิ่น โดยสินค้าจะแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ 1.เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ 2.เครื่องดื่ม 3.ของใช้ และ 4.อาหาร โดยวางจำหน่ายในพื้นที่เฉพาะที่เรียกว่า “มุมสินค้าไทยเด็ด” ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT ทั่วประเทศ หลังจากได้รู้จักกับ ไทยเด็ด ไปคร่าวๆกันแล้ว ขอให้อีสานอินไซต์ได้พาทุกท่านไปทำความรู้จักผลิตภัณฑ์เด็ดๆบางส่วนจากอีสานที่อยู่ในโครงการไทยเด็ดกันต่อเลย . โดยเริ่มที่ เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ เป็นหมวดแรก ตัวอย่างสินค้าเช่น 1. ”ผ้าทอย้อมคราม บ้านดอนกอย” จากจังหวัดสกลนคร ผลิตผ้าโดยใช้เส้นใยจากธรรมชาติที่เป็นภูมิปัญญาพื้นถิ่น มั่นใจได้ด้วยมาตรฐาน มผช. และ OTOP 5 ดาว 2.กระเป๋าจากแดนนครราชสีมา “ผ้าไหมไทย ฅญาบาติก” ผลิตภัณฑ์จากผืนผ้าไหมแท้ 100 % ที่ใช้เทคนิคบาติกในการสร้างสรรค์งาน มาตรฐาน มผช.   ต่อมาที่หมวด เครื่องดื่ม ในหมวดนี้ค่อนข้างน่าสนใจเนื่องจากสินค้าจากแดนอีสานมีเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น นั่นก็คือ “น้ำมัลเบอร์รี่ ตราโนอาห์วี่” จากจังหวัดขอนแก่น ผลต้นหม่อน (Mulberry) สามารถนํามาแปรรูปได้หลากหลาย ที่ผ่านมาตรฐาน อย. เป็นที่เรียบร้อย โดยตลาดเครื่องดื่มยังมีผู้เล่นแค่รายเดียว นี่อาจเป็นโอกาส ที่ดีของผู้ประกอบการที่ต้องการเล่นในธุรกิจนี้เลยทีเดียว   หมวดที่สามคือ ของใช้ ซึ่งตัวอย่างของสินค้าหมวดนี้ได้แก่ 1. “ไม้นวด Kanyawooden” ไม้นวดคุณภาพเยี่ยมจากบุรีรัมย์ พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตหัตถกรรมจากไม้ตาลบ้านหนองบอน พร้อมเครื่องการันตีอีกมากมายไม่ว่าจะเป้น มผช., OTOP 5 ดาว, OTOP Select และ สิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา 2. “สารบำรุงพืชชีวภาพ BioVis” สารบำรุงพืชที่มีคุณภาพด้วยกระบวนการทางชีวภาพ จากอำนาจเจริญ ด้วยแนวคิดส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เปลี่ยนสิ่งที่ไม่มีมูลค่าอย่างเศษอาหารให้มีมูลค่า และมีประโยชน์ขึ้นมา   หมวดที่มีสินค้าจากอีสานเยอะที่สุด “อาหาร” (มีมาตรฐาน อย. ทุกชิ้น) อาจเป็นเพราภาคอีสานที่มีความอุมสมบูรณ์ มีอาหารที่เป็นเอกลักษณ์และหลากหลาย จึงมีสินค้ามากกว่าหมวดอื่นอยู่หลายเท่าตัว โดยตัวอย่างของสินค้าในหมวดนี้ได้แก่ 1. “ขนมจีนไทยอบแห้ง ตรา Mr.BOB ข้าวกล้อง” สินค้าจากจังหวัดกาฬสินธุ์ สินค้าอบแห้งที่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารสามารถทานได้อย่างปลอดภัย 2. “ผัดหมี่โคราชพร้อมซอสผัดสำเร็จรูป ร้านเพ็ญนภา” ของขึ้นชื่อจากเมืองโคราช รสชาติที่กลมกล่อม เข้มข้น เป็นเอกลักษณ์แบบฉบับหมี่ตะคุท้องถิ่นแท้ๆ และ 3. […]

พามาเบิ่ง “ไทยเด็ด” รวมสินค้าเด็ดๆจากแดนอีสานบนเว็บไทยเด็ด อ่านเพิ่มเติม »

พาย้อนเบิ่ง ในช่วงกว่า 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน “เคยหนาวสุด” มากแค่ไหน

🥶ภาคอีสานเริ่มหนาวอย่างสมศักดิ์ศรีของฤดูหนาว‼️   ❄️⛄️ช่วงนี้มีมวลอากาศเย็นยังแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้อากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้าต่อเนื่อง แต่มีบางวันที่มีอากาศอุ่นขึ้นสลับเย็นลง  ลมหนาวยังมีพัดแรงบ้าง เบาบ้างสลับบางช่วง ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุด ยังสามารถสัมผัสอากาศหนาวเย็นได้บริเวณภาคอีสานตอนบน    โดยภาคอีสานของเราเคยมีอุณหภูมิต่ำสุดติดลบถึง -1.4 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ที่จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2517 โดยสกลนครเป็นจังหวัดที่ราบสูงล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ โดยพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดเป็นที่ราบสูงมีป่าไม้ ส่วนทางตอนใต้เป็นที่ราบสูงเชิงเขา ได้แก่ ที่ราบสูงบนเทือกเขา ภูพานและที่ราบระหว่างหุบเขา จึงทำให้มีอุณหภูมิต่ำสุดกว่าทุกจังหวัดในภาคอีสาน   และอีกหนึ่งจังหวัดที่เคยมีอุณหภูมิที่ต่ำสุดจนติดลบ คือ จังหวัดเลย เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งทะเลภูเขา ซึ่งความหนาวเย็นนี้ก็ยังเอื้อประโยชน์ต่อการปลูกพืชเมืองหนาว อ.ภูเรือ จังหวัดเลย จึงเป็นแหล่งปลูกไม้ดอกและไม้ผลเมืองหนาว โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์เชอแทง บลัง และพันธุ์ชีร่า องุ่นพันธุ์ดีจากฝรั่งเศสที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไวน์ชาโต เดอ เลย ไวน์รสชาติเยี่ยมฝีมือคนไทยนั่นเอง     อ้างอิงจาก:  – ศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา – TNN Thailand – Sanook   ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsight #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #แวดล้อมอีสาน #อุณหภูมิต่ำสุด #อุณหภูมิต่ำ #ฤดูหนาว #หนาว #ลมหนาว #อากาศหนาว

พาย้อนเบิ่ง ในช่วงกว่า 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน “เคยหนาวสุด” มากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง ความยาว “รันเวย์” สนามบินในภาคอีสาน

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.67 มีเหตุการณ์น่าเศร้า ซึ่งเกิดเหตุการณ์เครื่องบินไถลออกออกนอกรันเวย์ก่อนชนเข้ากับรั้วที่สนามบินมูอัน ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากขณะจะลงจอดล้อของเครื่องบินไม่กางออกทำให้ตัวเครื่องบินไถลไปตามรันเวย์ เครื่องบินไฟไหม้ มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยยังพบว่ามีผู้โดยสารคนไทยเดินทางกลับจากสายการบินดังกล่าวจำนวน 2 ราย   “สนามบินนานาชาติมูอัน” ในจังหวัดชอลลาใต้ สนามบินที่เป็นประตูสู่ภาคใต้ของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะคนที่จะเดินทางไปเที่ยวเมืองมกโพ และยอซู เมืองเด่นๆ ในแถบภาคใต้ของเกาหลีใต้   โดยท่าอากาศยานนานาชาติมูอันของเกาหลีใต้ มีความยาวรันเวย์ 2,800 เมตร ขณะที่สนามบินทั้ง 8 แห่งของภาคอีสาน มี 4 สนามบินที่ยาวกว่ามูอัน ได้แก่  – ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี มีความยาว 3,048 เมตร  – ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น มีความยาว 3,050 เมตร  – ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี มีความยาว 3,000 เมตร – ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ มีความยาว 3,000 เมตร   และอีก 4 สนามบินที่สั้นกว่ามูอัน ได้แก่  – ท่าอากาศยานนครพนม มีความยาว 2,500 เมตร – ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด มีความยาว 2,500 เมตร – ท่าอากาศยานสกลนคร มีความยาว 2,600 เมตร – ท่าอากาศยานเลย มีความยาว 2,100 เมตร   อย่างไรก็ตาม ทางการได้ปฏิเสธว่ารันเวย์ที่สั้นของสนามบินมูอันไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยบอกว่าความยาวของรันเวย์ 2,800 เมตรนั้นสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใกล้เคียงกับลำที่เกิดเหตุได้อย่างไม่มีปัญหา อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับความยาวของรันเวย์     ในส่วนของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของสนามทั้ง 8 แห่งในภาคอีสานนั้น จะเห็นได้ว่าทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เยอะจะกระจุกตัวอยู่ 3 สนามบินหลักของภาคอีสาน อย่างท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี, ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น และท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารตลอดทั้งปี 2567 หลักล้านคนเลยทีเดียว    ทำไมท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ถึงมีจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินมากที่สุด?   เนื่องจากอุดรธานีตั้งอยู่ใกล้เขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างจังหวัดหนองคาย และตั้งอยู่ใกล้เวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาว โดยอยู่ห่างเพียง 50 กิโลเมตร ทำให้มีผู้โดยสารทั้งลาวและจีนมาใช้บริการ อีกทั้งยังมีเที่ยวบินในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก สามารถเลือกเวลาการเดินทางได้ แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายถูกกว่าที่จะใช้บริการสนามบินนานาชาติวัตไต ที่กรุงเวียงจันทน์    และยังมีปัจจัยเสริมที่สำคัญคือ มีคนจีนส่วนหนึ่งที่เดินทางมากับรถไฟจีน-ลาว มาถึงลาวแล้วต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจที่กรุงเทพฯหรือพื้นที่ภาคตะวันออก ก็จะมาใช้บริการ อีกส่วนที่เป็นชาวลาวที่เดินทางข้ามแม่น้ำโขงมาใช้บริการด้วย สังเกตได้จากป้ายทะเบียนรถยนต์ที่จอดค้างคืนที่สนามบินอุดรธานี    โดยท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนของภูมิภาคและประเทศไทย      อ้างอิงจาก: – MGR Online – Matichon

พาสำรวจเบิ่ง ความยาว “รันเวย์” สนามบินในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง💄💋 Watsons เปิดครบ77 จังหวัดเมื่อปีที่เเล้ว เเล้วในอีสานมีกี่สาขา

พามาเบิ่ง Watsons เปิดครบ77 จังหวัดเมื่อปีที่เเล้ว เเล้วในอีสานมีกี่สาขา   ความสวยงามและสุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญจนเป็นเทรนด์ที่คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจมากกว่าในอดีต ธุรกิจด้านความงามและสุขภาพก็เติบโตขึ้นทุกปี หากพูดถึงร้านค้าค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามหลายคนคงนึกถึง Watsons เเต่ทราบหรือไม่ว่าร้านค้าปลีกนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากฮ่องกงเเละมีอายุเกือบ 200 ปีมาเเล้ว    ชื่อร้าน Watsons มีที่มาจากโทมัส บอสเวลล์ วัตสัน (Thomas Boswell Watson) ผู้ก่อตั้ง โดยมีจุดเริ่มต้นจากการเป็นร้านขายยาในฮ่องกง ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2384  ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ผู้ค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามระดับสากลที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เข้ามาในประเทศไทยภายใต้เครือเซ็นทรัลจดทะเบียนในชื่อบริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จํากัด    เส้นทาง “วัตสัน” ในประเทศไทย พ.ศ. 2539 เปิดสาขาเเรก ที่ตึกมณียา เซ็นเตอร์ พ.ศ. 2548 ครบรอบ 9 ปี พร้อมฉลองครบ 100 สาขา พ.ศ. 2555 เปิดสาขาครบในภาคตะวันตก พ.ศ. 2557 เปิดสาขาครบในภาคตะวันออก พ.ศ. 2558 ฉลองครบรอบ 333 สาขา พ.ศ. 2561 ฉลองครบรอบ 500 สาขา พ.ศ. 2562 เปิดสาขาครบในภาคกลาง พ.ศ. 2564 เปิดสาขาครบในภาคใต้ พ.ศ. 2565 เปิดสาขาครบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2566 เปิดสาขาครบในภาคตะวันออกภาคเหนือเเละครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย   ถือเป็น Watsons ร้านเพื่อสุขภาพและความงามรายเเรกที่เปิดครบ 77 จังหวัดเเละตั้งเป้าจะเปิดเพิ่มปีละ 50 สาขา Watsons ในปัจจุบันปี 2567 ทั่วประเทศมี 742 สาขา ในอีสานมี  130 สาขาเป็นรองจาก กทม โดยนครราชสีมามีจํานวนสาขามากสุดที่ 22 สาขา    โดย Watsons มีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่นคือ โปรโมชัน  “ชิ้นที่สอง 1 บาท”  ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์เรือธงของธุรกิจเเละมีในส่วนแคมเปญโปรโมเชื่อม ชอป-เชื่อม-ลด  ช่องทางการขายในรูปแบบ O+O (Offline Plus Online) เชื่อมโลกช้อปปิงออฟไลน์และออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก อีกทั้งยังมีการจําหน่ายผลิตภัณฆ์จากเเบรนด์ของ Watsons เอง    หากมองไปที่ผลประกอบการ จะพบว่ารายได้เเละกําไรของ Watsons เป็นบวกเเละกําลังเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังโควิด 19

พามาเบิ่ง💄💋 Watsons เปิดครบ77 จังหวัดเมื่อปีที่เเล้ว เเล้วในอีสานมีกี่สาขา อ่านเพิ่มเติม »

🔎พาเปิดเบิ่ง 20 อันดับเส้นทางที่มีการใช้รถมากที่สุดอยู่ไหนบ้างในภาคอีสาน🚗🛣️

อันดับที่ 1 ถนนหมายเลข 2 เส้นนครราชสีมา – ดอนหวาย มีปริมาณการใช้รถ 137,258 คัน อันดับที่ 2 ถนนหมายเลข 204 ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา มีปริมาณการใช้รถ 119,243 คัน อันดับที่ 3 ถนนหมายเลข 2 เส้นมวกเหล็ก – บ่อทอง มีปริมาณการใช้รถ 98,718 คัน อันดับที่ 4 ถนนหมายเลข 2 เส้นดอนหวาย – บ้านวัด มีปริมาณการใช้รถ 97,435 คัน อันดับที่ 5 ถนนหมายเลข 2 เส้นน้ำสวย – สะพานมิตรภาพที่หนองคาย(เขตแดนไทย/ลาว) มีปริมาณการใช้รถ 93,592 คัน อันดับที่ 6 ถนนหมายเลข 291 ทางเลี่ยงเมืองมหาสารคาม มีปริมาณการใช้รถ 93,592 คัน อันดับที่ 7 ถนนหมายเลข 2 เส้นโคกกรวด – นครราชสีมา มีปริมาณการใช้รถ 91,551 คัน อันดับที่ 8 ถนนหมายเลข 201 เส้นหนองบัวโคก – บ้านลี่ มีปริมาณการใช้รถ 91,475 คัน อันดับที่ 9 ถนนหมายเลข 12 เส้นร่องแซง – หนองแก มีปริมาณการใช้รถ 84,919 คัน อันดับที่ 10 ถนนหมายเลข 224 เส้นพะโค – หนองสนวน มีปริมาณการใช้รถ 84,261 คัน อันดับที่ 11 ถนนหมายเลข 2050 เส้นอุบลราชธานี – ตระการพืชผล มีปริมาณการใช้รถ 82,993 คัน อันดับที่ 12 ถนนหมายเลข 304 เส้นดอนขวาง – โพธิ์กลาง มีปริมาณการใช้รถ 80,359 คัน อันดับที่ 13 ถนนหมายเลข 23 เส้นหนองจิก – ห้วยแอ่ง มีปริมาณการใช้รถ 74,949 คัน อันดับที่ 14 ถนนหมายเลข 22

🔎พาเปิดเบิ่ง 20 อันดับเส้นทางที่มีการใช้รถมากที่สุดอยู่ไหนบ้างในภาคอีสาน🚗🛣️ อ่านเพิ่มเติม »

ติดลบต่อเนื่อง!! บ้านสร้างใหม่ในอีสาน จังหวัดส่วนใหญ่ยังหดตัว ตลอดปี 67

  หมายเหตุ: บ้าน ในที่นี้นับรวมเฉพาะ บ้าน, บ้านแฝด, บ้านแถว, ทาวน์เฮาส์ และทาวน์โฮม   สถานการณ์การสร้างบ้านใหม่ในภาคอีสานหดตัวหนักแบบ YoY . จากข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างบ้านใหม่ในภาคอีสาน พบว่ามีการลดลงของตัวเลขแบบปีต่อปี (YoY) ในหลายจังหวัดอย่างชัดเจน ซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม และต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2566 หลายจังหวัดในภาคอีสานมีสถิติการสร้างบ้านใหม่ที่ลดลงอย่างมาก โดยบางจังหวัดมีการลดลงสูงถึง 31% เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ ขณะที่จังหวัดที่มียอดการสร้างบ้านเพิ่มขึ้น เช่น สุรินทร์ +166% . ภาพรวมของการลดลงในภาคอีสานในหลายจังหวัด เช่น ขอนแก่น -28%, นครราชสีมา -20%, และอุดรธานี -1% การหดตัวของสถิติการสร้างบ้านใหม่สะท้อนถึงการชะลอตัวในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ข้อมูลบ่งชี้ว่าปัจจัยหลายประการอาจส่งผลต่อสถานการณ์ดังกล่าว เช่น   1.กำลังซื้อที่ลดลงของประชาชน ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค ส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะในภาคอีสานที่เน้นเกษตรกรรม และราคาสินค้าเกษตรช่วงนี้ก็ไม่แน่นอน ซ้ำยังมีหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงราว 90% ซึ่งบ่งบอกถึงภาคประชาชนนั้นมีปัจจัยอยู่มาก 2.อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวในระดับประเทศส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอีสาน นักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความระมัดระวังมากขึ้นในการพัฒนาโครงการใหม่ 3.การย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นใหม่ จากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เกิดจากหลายปัจจัย เช่น โอกาสในการทำงานที่หลากหลายและรายได้ที่สูงกว่า รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เช่น การเข้าถึงบริการสุขภาพ การศึกษา และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และแนวโน้มของคนรุ่นใหม่นิยมเช่าอยู่มากขึ้น . ข้อมูลที่น่าสนใจของปี 2567 และปีอื่นๆ พบว่าสถิติการสร้าบ้านใหม่มี High Season ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งมีตัวเลขสูงกว่าช่วงเดือนอื่นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ในเดือนมกราคม จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนการสร้างบ้านใหม่สูงสุดที่ 1,188 หลัง แต่ในเดือนพฤศจิกายนเหลือเพียง 932 หลัง (-21% จากเดือนมกราคม) หรือจังหวัดขอนแก่น เริ่มต้นที่ 752 หลังในเดือนมกราคม และลดลงเหลือ 638 หลังในเดือนพฤศจิกายน -15%   ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปัจจัยทางฤดูกาลที่สภาพอากาศในช่วงต้นปีมักจะเป็นฤดูแล้ง ทำให้การก่อสร้างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการและประชาชนเริ่มต้นแผนการลงทุนหลังจากสิ้นปีที่ผ่านมา รวมถึงโปรโมชั่นทางการเงินจากธนาคารที่มักมีในช่วงต้นปีเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ อย่างไรก็ตามเราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตัวเลขการบ้านใหม่ของภาคอีสาน ลดลงจากหลายที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยปัจจัยที่ได้กล่าวไปข้างต้น . โดยสรุปการลดลงของสถิติการสร้างบ้านใหม่ในภาคอีสานเป็นภาพสะท้อนของปัญหาเศรษฐกิจและโครงสร้างในระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการที่เหมาะสมและการสนับสนุนที่ตรงจุด การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอีสานยังคงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคต สู้ต่อไปพี่น้อง! . ที่มา: กรการปกครอง, ธนาคารแห่งประเทศไทย ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight

ติดลบต่อเนื่อง!! บ้านสร้างใหม่ในอีสาน จังหวัดส่วนใหญ่ยังหดตัว ตลอดปี 67 อ่านเพิ่มเติม »

เตรียมตัวเบิ่ง.. “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ฝนดาวแรกของปี 68 สถานที่ดูดาวในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง

หลังเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 02:00 น. เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้าของวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568 จะเกิดปรากฏการณ์    “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ศูนย์กลางการกระจายอยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส (Hercules) กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Boötes) และกลุ่มดาวมังกร (Draco) เริ่มสังเกตได้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปีนี้คาดมีอัตราการตกสูงสุด 80 ดวงต่อชั่วโมง และไร้แสงจันทร์รบกวน จึงเหมาะแก่การสังเกตการณ์ สามารถชมด้วยตาเปล่าได้ทั่วประเทศ แนะนำชมในสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน   “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ตั้งตามกลุ่มดาวควอดแดรนส์ มูราลิส (Quadrans Muralis) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากลุ่มดาวเครื่องมือเดินเรือ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่เคยมีในแผนที่ดาวในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 (ในปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว) อยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มดาวมังกร เชื่อกันว่า ฝนดาวตกนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยแอนโตนิโอ บรูคาลาสซี นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี เมื่อปี 1825 ซึ่งสังเกตเห็นอุกกาบาตที่เปล่งแสงออกมาจากท้องฟ้า   ฝนดาวตกควอดรานติดส์ มีสาเหตุจากเศษอนุภาคจากอุกกาบาต (ที่มาจากหิน) ขณะที่ดาวตกชนิดอื่น ๆ เกิดมาจากดาวหาง (ซึ่งประกอบด้วยน้ำแข็งและฝุ่น)     สถานที่ดูดาว ทั้ง 22 แห่ง ในภาคอีสาน ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย นับเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการสังเกตการณ์ฝนดาวตก เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว เช่น มีพื้นที่โล่งที่ไม่มีต้นไม้หรือวัตถุบดบังบริเวณขอบฟ้า มีการบริหารจัดการแสงสว่างที่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะกับการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ   📍นครราชสีมา – ภูคำหอม รีสอร์ท – สวนไพลินชมดารา – มกุฏคีรีวัน เขาใหญ่ – อุ่นฟ้าอิงดาวแคมป์ปิ้ง – อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – ไร่เขาน้อยสุวณา – ไร่องุ่นไวน์กราน-มอนเต้ – หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา – โรงแรมเรนทรี เขาใหญ่ – ไร่องุ่นไวน์ อัลซิดินี่ – โรงแรม เดอะเปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่   📍ชัยภูมิ – อุทยานแห่งชาติไทรทอง – อุทยานแห่งชาติตาดโตน – อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม – เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว – อุทยานแห่งชาติภูแลนคา   📍ขอนแก่น – หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ขอนแก่น – อุทยานแห่งชาติภูเวียง – สวนสัตว์ขอนแก่น   📍อุบลราชธานี –

เตรียมตัวเบิ่ง.. “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ฝนดาวแรกของปี 68 สถานที่ดูดาวในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

พาเลาะเบิ่ง คนอีสานมัก “ดื่มในงานเทศกาล” มากแค่ไหน

จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2564 ภาคอีสาน มีสัดส่วนนักดื่มมากถึง 32.3% ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ รองจากภาคเหนือ และมีสัดส่วนของนักดื่มประจำ อยู่ที่ 38.6% ซึ่งมีสัดส่วนน้อยที่สุดในประเทศ เมื่อไปดูก็พบว่า ภาคอีสานมีนักดื่มที่ดื่มในงานประเพณี/คอนเสิร์ต/งานเลี้ยงมากถึง 70.0% ซึ่งมีสัดส่วนมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ   ภาคอีสานโดยทั่วไปมีวัฒนธรรมการดื่มที่ผูกพันกับวิถีชีวิตและสังคมมาอย่างยาวนาน การดื่มมักเป็นส่วนหนึ่งของการพบปะสังสรรค์ งานบุญ งานเทศกาล และกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้คนในพื้นที่คุ้นเคยและยอมรับการดื่มมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ทำไมคนถึงชอบดื่มในงานสังสรรค์มากกว่าดื่มอยู่บ้าน? “บรรยากาศ” เพราะวงสังสรรค์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนุกสนานในการดื่มกินได้อย่างไม่น่าเชื่อ   จากการสำรวจในปี 2016 เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราสนุกกับการดื่มมากแค่ไหน โดยรวบรวมข้อมูลจากแอปพลิชันชื่อ ‘Mappiness’ ที่ให้คะแนนความสนุกจาก 1-100 คะแนน พบว่าการดื่มเชื่อมโยงกับความสนุก 10.79 คะแนน หมายความว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อความสนุกของคนจริงๆ ซึ่งนอกเหนือจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ปัจจัยแวดล้อมและกิจกรรมอื่นๆ ก็ยังส่งผลเช่นกัน   การที่คนเรา “รู้สึกดี” ท่ามกลางบรรยากาศสังสรรค์ในวงเหล้า ไม่ใช่แค่เรื่องของการเข้าสังคมเพื่อพบปะเพื่อนฝูงเท่านั้น งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธ (University of Portsmouth) ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ระดับ “ความดัง” ของบรรยากาศทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “หวาน” ขึ้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อเปิดดนตรีขับกล่อมเป็นพื้นหลัง นอกจากนี้มันยังส่งผลต่อปริมาณการดื่มและอัตราความเร็วในการดื่มของผู้คนด้วย พูดง่ายๆ คือยิ่งเสียงดัง คนก็ยิ่งดื่มเยอะ แถมยังดื่มเร็วขึ้น   ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้าในปี 2008 ของมหาวิทยาลัย เด เบรทาเน ซาด (Université de Bretagne-Sud) ในฝรั่งเศส ซึ่งทดสอบระดับความดังในบาร์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมของนักดื่ม พบว่า เมื่อเปิดเพลงเสียงดังในระดับ 88 เดซิเบล ทำให้ผู้ดื่มจะสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้นและสั่งถี่ขึ้นตามความดังของบรรยากาศรอบตัว   มนุษย์เราอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่นชอบเครื่องดื่มมึนเมา ซึ่งบรรยากาศสังสรรค์ ผู้คนที่กำลังสรวลเสเฮฮา บวกกับเสียงดนตรีที่เปิดคลอเคล้าภายในงานสังสรรค์ต่างๆ ก็ล้วนเป็น “ตัวกระตุ้นชั้นดี” ที่ทำให้อยากดื่ม แถมยังสนุกกับการดื่มมากขึ้นไปอีก นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมหลายคนถึงโหยหาบรรยากาศการดื่มสุราในงานสังสรรค์มากกว่าการนั่งดื่มที่บ้านนั่นเอง     อ้างอิงจาก:  – BrandThink – ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) – สำนักงานสถิติแห่งชาติ   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #นักดื่ม #สุราก้าวหน้า #เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ #นักดื่มหนัก #ดื่มหนัก

พาเลาะเบิ่ง คนอีสานมัก “ดื่มในงานเทศกาล” มากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามกำลังแซงหน้าประเทศไทย?

ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามกำลังแซงหน้าประเทศไทย! สถานการณ์การส่งออกข้าวทั่วโลกในปี 5 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมเฉลี่ยสูงถึง 9 แสนล้านบาท สำหรับประเทศผู้ส่งออกทั้งหมด เมื่อเทียบกับปี 2019 สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่ผู้คนต้องการบริโภคข้าวมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย ก็มีการแข่งขันเพื่อขยายตลาดส่งออกข้าวให้ครอบคลุมทั่วโลก . โดย ไทย และ เวียดนาม ถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของโลกเป็นรองอินเดีย โดยในปี 2020-2021 จะพบว่าเวียดนามมีการส่งออกแซงไทย . . สาเหตุที่เวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนแรงงาน: เวียดนามมีต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่าไทย ทำให้สามารถผลิตข้าวในราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น เทคโนโลยีการเกษตร: รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ในระดับที่สูงกว่าไทย (เฉลี่ยประมาณ 970 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่ไทยประมาณ 450 กิโลกรัมต่อไร่) ความยืดหยุ่นในการทำการค้า: เวียดนามมีความสามารถในการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ ซึ่งช่วยลดอุปสรรคทางภาษีและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การขยายตลาดใหม่: เวียดนามเน้นการขยายตลาดส่งออกข้าวไปยังประเทศในแอฟริกา, จีน, และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีความต้องการข้าวราคาประหยัดและข้าวที่มีคุณภาพหลากหลาย   ความต่างของการส่งออกข้าวระหว่างไทยกับเวียดนาม เวียดนามส่งออกข้าวเกรดรองในปริมาณมาก ซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่าและเป็นที่ต้องการของตลาดประเทศกำลังพัฒนา เช่น แอฟริกาและเอเชียใต้ ในขณะที่ไทยมุ่งเน้นการส่งออกข้าวหอมมะลิและข้าวเกรดพรีเมียมที่มีราคาสูง ทำให้เสียส่วนแบ่งตลาดข้าวทั่วไปให้กับเวียดนาม   ปี ไทย(ล้านตัน) เวียดนาม(ล้านตัน) 2019 7.6 6.4 2020 5.7 6.2 2021 6.1 6.2 2022 7.7 7.1 2023 8.7 8.1 จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2563-2566 ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2566 เวียดนามสามารถส่งออกข้าวได้มากกว่าไทย . แม้ไทยจะถูกหลายชาติแซงหน้าด้วยกำลังการผลิตที่สูงกว่า อีกทั้งปัญหาของการส่งออกข้าวไทย สาเหตุสำคัญคือ ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง ค่าเงินบาทแข็ง พันธุ์ข้าวไทยไม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สร้างผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยมูลค่านับหมื่นล้านบาท . ขณะที่ตลาดสำคัญของข้าวหอมมะลิยังคงนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คาดว่า หลังจากนี้ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงอีกครั้ง เนื่องจากอินเดียได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออก ทั้งการยกเลิกภาษีส่งออกและการกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกของอินเดียสามารถส่งออกได้โดยไม่มีข้อจำกัด ประกอบกับอินเดียยังมีอุปทานข้าวปริมาณมากและราคาค่อนข้างต่ำ . อีกทั้งการส่งเสริมการทำเกษตรแบบยั่งยืน กลายเป็นนโยบายหลักที่แต่ละชาติให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพของข้าวให้เป็นที่นิยมและครองส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุดแล้ว ยังได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ที่จะลดการสร้างมลภาวะจากเกษตรกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยไทยเล็งไปที่การพัฒนาคุณภาพและส่งออกข้าวเกรดพรีเมียมราคาสูงมากขึ้นนั้นเอง . ที่มา เว็ปไซต์: fftc.org,กระทรวงพาณิชย์,statista

พามาเบิ่ง ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามกำลังแซงหน้าประเทศไทย? อ่านเพิ่มเติม »

ข้อมูลน่าฮู้ 🇹🇭อีสาน กับ 🇨🇳จีน

สิพามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอิสาน กับ จีน   . ภาคอีสานของไทย และประเทศจีนแม้ว่าจะเปรียบเทียบกันได้ยากในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากขนาดของพื้นที่ จำนวนประชากร รวมถึงทรัพยากรที่ต่างกันมาก แต่ด้วยประวัติศาสตร์ การย้ายถิ่นฐานของประชากร และการค้าที่มีร่วมกันมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ภาคอีสานส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของอีสานยังคงต้องพึ่งพาจีนเป็นหลัก เนื่องจากการเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งนำมาสู่โอกาสมากมายที่นำมาซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ภาคอีสานรวมถึงประเทศไทยจำเป็นต้องมองเห็นความสำคัญ   . ➤ด้านเศรษฐกิจ ภาคอีสาน: เศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมมีรายได้จากการปลูกข้าว ข้าวโพด อ้อย และยางพารา มี GRP อยู่ที่ 1.76 ล้านล้านบาท โดยที่มีค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยในปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 343 บาทต่อวันและมีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 95,948 บาทต่อปี นอกจากนี้อิสานยังมีประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักคือ ลาว, จีน และเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ของภาคอิสานที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในแถบ GMS นี้ โดยในปัจจุบัน การนำเข้าสินค้าฝั่งอีสานมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้นเป็นอันดับที่ 1 แซงหน้าลาวที่เคยเป็นประเทศที่เรานำเข้าสินค้ามากที่สุดในครั้งอดีต ซึงเกิดขึ้นจากรถไฟลาวจีน ที่เป็นทางเชื่อมสำคัญในการลำเลียงสินค้าทั้งจากจีนมาไทย และจากไทยไปยังจีน   จีน : เป็นประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้ามากที่สุดในโลก โดยมีสินค้าสำคัญอย่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงยานยนต์และส่วนประกอบ ที่เป็นสินค้าที่มูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้จีนยังคงมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ควรเฝ้าระวังหลายด้าน เช่น ผลกระทบจากนโยบายทางการค้า เงินฝืด และราคาที่พุ่งสูงของอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งรายได้เฉลี่ยต่อประชากรที่ไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของ GDP เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ทำให้การกระจายรายได้ไปยังพื้นที่ชนบทยังทำได้ไม่ทั่วถึงมากนัก    . ➤ด้านภูมิศาสตร์ ภาคอีสาน: ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีพื้นที่ประมาณ 168,854 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 20 จังหวัด ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มีเทือกเขาภูพานและภูหลวงเป็นแนวแบ่งเขตทางทิศตะวันตก แม่น้ำสายสำคัญได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล  จีน: เป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 – 4  ของโลก และมีพรมแดนติดกับประเทศอื่นๆมากถึง 14 ประเทศ ทำให้มีสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยมีแม่น้ำสายหลักอยู่ 2 เส้นคือแม่น้ำหวงและแม่น้ำแยงซี ปัญหาด้านภูมิศาสตร์ที่พบคือ ปัญหาการขยายตัวของทะเลทราย    . ➤ด้านประชากร ภาคอีสาน: มีประชากรประมาณ 21.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยลาว พูดภาษาไทยอีสาน จีน: มีประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ทำให้มีความหลากหลายของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่    . ➤ด้านวัฒนธรรม ภาคอีสาน: ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ขอม

ข้อมูลน่าฮู้ 🇹🇭อีสาน กับ 🇨🇳จีน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top