Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง🧐อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนภาคอีสาน ปี 2566 เป็นยังไงบ้าง💰💱

พามาเบิ่ง🧐อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนภาคอีสาน ปี 2566 เป็นยังไงบ้าง💰💱 . อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในภาคอีสาน จังหวัดไหนได้มากสุดน้อยสุด เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในปี 2566 . จากการเก็บข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เรื่องรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในปี 2566 พบว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรื่อนต่ำที่สุดในประเทศที่เดือนละ 22,524 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 21,587 บาท เพิ่มขึ้น 4.3% . 💼ในปี 2566 ครัวเรือนอีสานส่วนใหญ่จะมีรายได้จากการทำงานอยู่ที่ 12,724 บาท แบ่งเป็น ค่าจ้างและเงินเดือน 6,972 บาท กำไรสุทธิจากการทำธุรกิจ 3,288 บาทและกำไรสุทธิจากการทำการเกษตร 2,464 บาท รายได้ประจำที่ไม่เป็นตัวเงิน จากสินค้าและบริการ การอุปโภคบริโภค และค่าเช่าบ้าน (รวมบ้านตนเอง) 4,221 บาท และส่วนสุดท้ายรายได้ที่ไม่ได้มากจากการทำงาน เช่น ทุนการศึกษา มรดก หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น เป็นไง 395 บาท . หากพิจารณารายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ร้อยละการเติบโตโดยเฉลี่ยของภาคอีสานนั้นอยู่ที่ 3.7% ซึ่งอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 3.9% และภาคอีสานเป็นภาคที่มีการเติบโตโดยเฉลี่ยน้อยเกือบจะที่สุดเป็นรองเพียงภาคใต้ที่โตเฉลี่ยเพียง 0.8% โดยค่าเฉลี่ยของภาคอีสานตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเป็นดังนี้ . 🪙ปี 2556 อยู่ที่ 19,181 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2558 อยู่ที่ 21,094 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2560 อยู่ที่ 20,271 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ลดลง -3.9% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2562 อยู่ที่ 20,600 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 1.6% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2564 อยู่ที่ 21,587 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2566 อยู่ที่ 22,524 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อนหน้า . จะเห็นได้ว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมารายได้ของภาคครัวเรือนภาคอีสานมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 19,181 บาท ในปี 2556 สู่ 22,524 บาทในปี 2566 จากปัจจัยต่างๆทั้งการช่วยเหลือ […]

พามาเบิ่ง🧐อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนภาคอีสาน ปี 2566 เป็นยังไงบ้าง💰💱 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🕺💃ดารา-เซเลบ ในธุรกิจขายตรง EP.1

พามาเบิ่ง🕺💃ดารา-เซเลบ ในธุรกิจขายตรง EP.1 . จากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (OCPB) มีการรายงานว่าบริษัทขายตรงในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 641 บริษัท และมีจำนวนผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงทั้งสิ้น 892 บริษัท โดยใน 641 บริษัทนั้นมีบริษัทที่เข้าร่วมเป็น สมาคมขายตรงไทย (TDSA) ทั้งสิ้นเพียง 29 บริษัทเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทที่อยู่ในสมาคมขายตรงจะเป็นบริษัที่ชื่อคุ้นหู คุ้นหาคุ้นตากันอยู่แล้ว เช่น Amway, Herbalife, และ Nu Skin ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมูลของตลาดขายตรงในปี 2566 อยู่ 75,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มสมาคมขายตรงไทย 39,282 ล้านบาท และรายจากจากบริษัทที่ไม่อยู่ในกลุ่มอีก 35,918 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ารายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เพียง 29 บริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมขายตรง มากกว่ารายได้จากบริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มขายตรงอีกหลายร้อยบริษัท . นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมของธุรกิจขายตรงได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทต่างๆ ได้ดึงดูดดาราและคนดังในวงการบันเทิงมาเป็นพรีเซนเตอร์หรือร่วมเป็นสมาชิก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มความนิยมในผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ดาราที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำให้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ขายตรงผ่านบุคคลเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในตัวสินค้าและบริการมากขึ้น โดยตัวอย่าง 4 บริษัท ดังนี้ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (Unicity) สถานะ ยังดำเนินกิจการ งบการเงินปี 2566 รายได้รวม 624,275,140 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -13.77%) กำไรสุทธิ 7,308,013 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน +226.72%) ปีที่เริ่มดำเนินกิจการ พ.ศ. 2545 🌟ตัวอย่างดารา – ภัทรพล ศิลปาจารย์ (พอล) ตำแหน่ง นักธุรกิจระดับ PRESIDENTIAL DIAMOND บริษัท บีฮิบ (ไทยแลนด์) จำกัด (Bhip)  สถานะ ยังดำเนินกิจการ งบการเงินปี 2566 รายได้รวม 63,340,198 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -57.87%) กำไรสุทธิ -17,006,491 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -272.14%) ปีที่เริ่มดำเนินกิจการ พ.ศ. 2554 🌟ตัวอย่างดารา – เกริกพล มัสยวาณิช (ฟลุ๊ค) ตำแหน่ง ประธานกรรมการผู้บริหาร   บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (Amway) สถานะ ยังดำเนินกิจการ งบการเงินปี

พามาเบิ่ง🕺💃ดารา-เซเลบ ในธุรกิจขายตรง EP.1 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่อยู่ในภาคอีสานมีมากเท่าไหร่ ทำงานอะไรบ้าง?

พามาเบิ่ง แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่อยู่ในภาคอีสานมีมากเท่าไหร่ ทำงานอะไรบ้าง? . แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย มีความสำคัญกับเศรษฐกิจภายในประเทศไทยมากกว่าที่เราคิด เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และปัญหาการขาดแคลนแรงงานสำหรับงานฐานราก ไม่ว่าจะเป็น การผลิต การก่อสร้าง งานบริการ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้การมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาช่วยในจุดนี้ก็สามารถผลักดันให้ธุรกิจภายในประเทศสามารถดำเนินต่อไปได้   . ซึ่งแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมากที่สุดก็คือ แรงงานจากประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำที่น้อย และ ค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ประชากรชาวเมียนมาร์บางส่วนเลือกที่จะออกมาทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือประเทศไทยของเรานี้เอง    . ในประโยชน์จากการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ทำให้งานฐานรากในประเทศดำเนินต่อไปได้ ก็นำมาสู่ปัญหาได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าวนอกระบบ ที่จากสถิติพบว่า จำนวนแรงงานเมียนมาร์ที่เข้ามาอย่างถูกกฏหมายมีอยู่ 2 ล้านคน แต่จากการคาดการณ์พบว่าแรงงานเมียนมาร์ที่ทำงานในประเทศไทยอาจมีมากถึง 7 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น การมีแรงงานต่างด้าวบางส่วนเริ่มตั้งธุรกิจเป็นของตัวเอง การรวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิที่มากขึ้น ปัญหาแรงงานต่างด้าวนอกระบบที่ไม่ได้รับสวัสดิการ ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน การรักษาพยาบาล รวมไปถึงการศึกษา ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาทางสังคมได้ในอนาคต   . แม้ว่าในภาคอีสานจะมีจำนวนแรงงานต่างด้าวจากประเทศเมียนมาร์ที่น้อยกว่าในภาคอื่นๆ แต่ด้วยโครงสร้างด้านประชากรของอีสานที่มีอัตราการเกิดที่เริ่มลดลง และขยับเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว เราจึงควรคำนึงถึงอนาคตที่แรงงานต่างด้าวจะเริ่มเข้ามามีบทบาทในด้านแรงงานของภาคอีสานมากยิ่งขึ้น   . โดยในวันนี้ ISAN Insight สิพามาเบิ่ง ว่าแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ในภาคอีสาน ว่าแต่ละจังหวัดมีจำนวนเท่าไหร่และทำงานอะไรกันบ้าง   จังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์มากที่สุดคือ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีแรงงานเมียนมาร์ 14,070 คน คิดเป็นสัดส่วน 51% จากแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ตามมาด้วยจังหวัด ขอนแก่นและชัยภูมิ ที่มีจำนวนแรงงานเมียนมาร์ 4,350 คน และ 1,597 คน ซึ่งมีจำนวนที่แตกต่างจาก อันดับที่ 1(นครราชสีมา) ค่อนข้างมากเนื่องจากงานอันดับ 1 ที่มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ทำงานมากที่สุดอยู่ในภาคการผลิตซึ่งมีอยู่มากในจังหวัดนครราชสีมา   และจังหวัดที่มีสัดส่วนแรงงานเมียนมาร์น้อยที่สุดคือจังหวัดหนองคาย ที่มีจำนวนแรงงานชาวเมียนมาร์ 250 คน คิดเป็นสัดส่วน 11% เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาว ทำให้มีแรงงานต่างด้าวชาวลาวคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 86% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด

พามาเบิ่ง แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่อยู่ในภาคอีสานมีมากเท่าไหร่ ทำงานอะไรบ้าง? อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐ผ่านมาแล้ว 9 เดือนท่องเที่ยวภาคอีสานครึกครื้นแค่ไหน✈

พามาเบิ่ง🧐ผ่านมาแล้ว 9 เดือนท่องเที่ยวภาคอีสานครึกครื้นแค่ไหน✈ . ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความครึกครื้นมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยว และเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อเทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโรคระบาด Covid-19 จะพบว่าจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในปี 2567 นั้นสูงกว่าปี 2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในด้านของรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนนั้นยังคงต่ำกว่าในปี 2562 อยู่ สำหรับในภาคอีสานซึ่งถือเป็นภาคที่การท่องเที่ยวนั้นมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนน้อยเกือบที่สุดในประเทศ เป็นรองเพียงภาคเหนือ หากมองกลับมาในภาคอีสานด้านแหล่งท่องเที่ยวอาจจะนั้นไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากเมื่อเทียบกับภาคอื่นที่มีภูเขา หรือทะเล แต่ภาคอีสานนั้นจะเน้นไปในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมประเพณี และธรรมชาติเป็นหลัก โดยผู้เยี่ยมเยือนจากต่างชาติที่มาในภาคอีสานนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวลาวที่ขับรถข้ามมาจากด่านเพื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทย . 🇹🇭สำหรับผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนสะสมอยู่ที่ 33,207,031 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2562 อยู่ที่ 8.6% โดย 5 จังหวัดแรกในภาคอีสานที่ผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยนิยมไปมากที่สุด ได้แก่   🛄นครราชสีมา 6,011,804 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 11,429.93 ล้านบาท 🛄ขอนแก่น 3,444,439 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 10,252.33 ล้านบาท 🛄อุบลราชธานี 2,927,061 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 7,535.37 ล้านบาท 🛄อุดรธานี 2,831,819 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 7,413.40 ล้านบาท 🛄บุรีรัมย์ 2,791,601 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 6,110.28 ล้านบาท . . ✈สำหรับผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนสะสมอยู่ที่ 2,346,536 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2562 อยู่ที่ 76.2% โดย 5 จังหวัดที่ผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาตินิยมไปมากที่สุด ได้แก่   🚶หนองคาย 833,934 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 1,973.82 ล้านบาท 🚶อุดรธานี 757,369 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 2,663.42 ล้านบาท 🚶นครราชสีมา 196,930 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 666.45 ล้านบาท 🚶นครพนม 135,678 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 318.29 ล้านบาท 🚶มุกดาหาร 103,050 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 230.4 ล้านบาท . . หากมองในด้านของภาพรวมผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยที่มาในภาคอีสานนั้นถือว่าฟื้นตัวและเติบโตมากกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะเกิด Covid-19 แต่หากมองไปเป็นรายจังหวัดนั้นจะพบว่าในจังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆนั้นยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ 100% โดยคาดว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2568 และจะเห็นได้ว่าผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยนั้นนิยมท่องเที่ยวจังหวัดหลักในภาคอีสานซึ่งเป็นจังหวัดที่ผู้เยี่ยมเยือนนิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันเป็นประจำอยู่แล้ว ขณะที่หากมองในภาพรวมของผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติจะพบว่าผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาตินั้นฟื้นตัวมีนักท่องเที่ยวสูงกว่าปี 2562 ตั้งแต่ปี 2566

พามาเบิ่ง🧐ผ่านมาแล้ว 9 เดือนท่องเที่ยวภาคอีสานครึกครื้นแค่ไหน✈ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🚨 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคอีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปแล้วเท่าไหร่🚑🚓

พามาเบิ่ง🚨 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคอีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปแล้วเท่าไหร่🚑🚓 . . ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาสถิติการตายและบาดเจ็บจากจักรยานยนต์ในประเทศไทยไม่เคยลดลงเลย จากการสำรวจขององการอนามัยโลกในปี 2561 ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และได้มีความพยายามในการลดอุบัติเหตุด้วยมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต และทุพพลภาพรวมกันทั้งสิ้น 569,756 รายทั้งประเทศ . ทั้งนี้ภาคอีสานเป็นภาคที่มีสถิติผู้ประสบอุบัติเหตุสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศที่ 122,487 ราย รองจากกรุงเทพและปริมณฑลที่ 144,164 ราย โดย 3 จังหวัดในภาคอีสานที่มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บสูงที่สุด ได้แก่ 🚨นครราชสีมา 21,482 ราย เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมากสุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศในปีนี้ 🚨อุบลราชธานี 12,529 ราย เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมากสุดเป็นอันดับ 8 ของประเทศในปีนี้ 🚨ขอนแก่น 9,327 ราย เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา . นอกจากอุบัติเหตุทางถนนจะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังคงมีผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเช่นกัน โดย 3 จังหวัดในภาคอีสานที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงที่สุด ได้แก่ 🚨นครราชสีมา 311 ราย ลดลง -13% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 🚨อุดรธานี 215 ราย เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 🚨บุรีรัมย์ 195 ราย เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา . สำหรับจังหวัดในภาคอีสานที่มีจำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนลดลงมากที่สุดทั้งในด้านของผู้🤕บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บลงลด -16% และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง -31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา . 🤯ในส่วนของประเภทยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุสูงที่สุดยังคงเป็นรถจักรยายนต์ที่ 78.27% ส่วนรถยนต์นั้นอยู่ที่ 7.86% หากมองกลับมาก็จะพบว่าสาเหตุของยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นรถจักนยานยนต์เนื่องจากจำนวนรถจักรยานยนต์บนท้องถนนนั้นมีมากถึง 57% เลยทีเดียว หรือประมาณ 5 ล้านคัน ทั้งนี้เนื่องจากราคาของรถจักรยานยนต์ที่ถูกกว่ารถยนต์ และการเข้าถึงการใช้งานที่สะดวกกว่า เหมาะกับสภาพถนนในเมืองไทยที่ต้องอาศัยความคล่องตัวสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเร่งด่วน ในขณะที่รถยนต์ส่วนบุคคลนั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ี 19% หรือประมาณ 1.7 ล้านคันในภาคอีสานปัจจัยส่วนหนึ่งเนื่องจากราคารถยนต์ที่สูงกว่ารถจักรยานยนต์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่ความกังวลและระมัดระวังมากกว่ารถจักรยานยนต์นั่นเอง . จากรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2565 คาดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยอ้างอิงจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด การเกิดการตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด และเมาแล้วขับ อีกทั้งอุบัติเหตุบนถนนส่วนใหญ่มักจะเกิดช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้น . *หมายเหตุ:

พามาเบิ่ง🚨 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคอีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปแล้วเท่าไหร่🚑🚓 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอีสาน กับ เมียนมาร์

พามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอีสาน กับ เมียนมาร์ . ด้านภูมิศาสตร์ #ภาคอีสาน: ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีพื้นที่ประมาณ 168,854 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 20 จังหวัด ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มีเทือกเขาภูพานและภูหลวงเป็นแนวแบ่งเขตทางทิศตะวันตก แม่น้ำสายสำคัญได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล # เมียนมาร์: ตั้งอยู่ตามแนวอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 2,000 ไมล์ และมีหาดที่สวยงามเก่าแก่บริสุทธิ์อยู่หลายแห่ง ส่วนภูมิประเทศทาง ตอนกลางเป็นพื้นที่ราบล้อมรอบด้วยพื้นที่สูงชัน พื้นที่สูงขรุขระ มีจุดสูงสุดอยู่ที่ 5,881 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง . ด้านประชากร #ภาคอีสาน: มีประชากรประมาณ 21.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยลาว พูดภาษาไทยอีสาน #เมียนมาร์: มีประชากรประมาณ 54.2 ล้านคน ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 85 ใช้ภาษาพม่าเป็นหลัก ส่วนที่เหลือพูดภาษากระเหรี่ยง มอญ และจีนกลาง . ด้านวัฒนธรรม #ภาคอีสาน: ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ขอม และมีบางวัฒนธรรมร่วมกับลาว ประเพณีสำคัญคือบุญบั้งไฟ ประเพณีแห่เทียนพรรษา #เมียนมาร์: มีวัฒนธรรมที่คล้ายกันกับภาคอีสานคือการนับถือศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี และศิลปะ นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมากจาก อินเดีย จีน และประเทศใกล้เคียง . ด้านเศรษฐกิจ #ภาคอีสาน: เศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมมีรายได้จากการปลูกข้าว ข้าวโพด อ้อย และยางพารา มี GRP อยู่ที่ 1.76 ล้านล้านบาท โดยที่มีค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยในปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 343 บาทต่อวันและมีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 95,948 บาทต่อปี นอกจากนี้อิสานยังมีประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักคือ ลาว, จีน และเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ของภาคอิสานที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในแถบ GMS นี้ #เมียนมาร์: มีเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมที่มีรายได้จากการปลูกถั่ว ข้าว ข้าวโพด และยางพารา ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับภาคอีสาน มี GDP อยู่ที่ 2.27 ล้านล้านบาท ค่าแรงขั้นต่ำพึ่งถูกให้ปรับสูงขึ้นเป็น 108 บาทต่อวันเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2567 และมีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 41,566 บาทต่อปี เศรษฐกิจในภาพรวมส่งสัญญาณที่จะฟื้นตัวขึ้น แต่ยังต้องเจอกับปัญหาเงินเฟ้อที่สูง และสถานการณ์ความไม่สงบภายในที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงมีภาคการผลิตสินค้าและแรงงานในต่างประเทศที่ยังคงผลักดันให้เศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ ส่วนภาคการท่องเที่ยว เมียนมาร์ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงโควิดที่ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2565 เหลือเพียง 2.3 แสนคนลดลง 95เปอร์เซ็น จากปี พ.ศ.2562

พามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอีสาน กับ เมียนมาร์ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง สถิติการขอหนังสือเดินทาง 2567 คนอีสานเดินทางไปต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน

พามาเบิ่งเปิดสถิติการขอหนังสือเดินทาง 2567 . หนังสือเดินทาง หรือเรียกง่ายๆว่า พาสปอร์ต (Passport) เป็นเอกสารที่รับรองสัญชาติของผู้ถือ และเป็นเอกสารแสดงตน (identity) ของผู้ถือซึ่งออกให้โดยรัฐบาลของแต่ละประเทศสำหรับใช้เดินทางระหว่างประเทศ ข้อมูลสำคัญที่ปรากฏบนหนังสือเดินทาง ได้แก่ ชื่อ วันเดือนปีเกิด เพศ และสถานที่เกิดของผู้ถือหนังสือเดินทาง . โดยในภาคอีสานสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ทั้งหมด 6 สำนักงาน ได้แก่: สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว อุดรธานี ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา อุดรธานี ชั้น 3 สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ขอนแก่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ชั้น 5 (ฝั่งขอนแก่นฮอลล์) สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว นครราชสีมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา ชั้น 3 สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว อุบลราชธานี อาคารศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ชั้น 1 ด้านหลังฝั่งทิศตะวันตก สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บุรีรัมย์ โครงการบุรีรัมย์ คาสเซิล (Buriram Castle) หน่วยบริการหนังสือเดินทางชั่วคราว หนองคาย ศูนย์แสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ชั้น 2 . ในปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน ทั่วประเทศไทยมีผู้ขอหนังสือเดินทางรวมทั้งสิ้น 1,540,736 คน ในส่วนเฉพาะภาคอีสานมีผู้ขอทั้งสิ้น 242,228 คน จากสถิติพบว่าคนอีสานก็มักจะนิยมมาดำเนินการขอหนังสือเดินทางอยู่ที่สำนักงานจังหวัดขอนแก่นมากที่สุด จำนวน 61,057 คน รองลงมาในจำนวนใกล้เคียงกันอยู่ที่สำนักงานจังหวัดอุดรธานี จำนวน 59,518 คน ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับข้อมูลแรงงานจังหวัดอุดรธานีที่ไปทำงานต่างประเทศมากที่สุดในภูมิภาค จากสถิติหลายๆปีพบว่า ช่วงต้นปี โดยเฉพาะเดือนมกราคม จะมีจำนวนผู้ขอหนังสือเดินทางมากที่สุดเนื่องจากเป็นเวลาที่หลายคนวางแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดทั้งในและต่างประเทศ บางคนอาจมีแผนท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์หรือวันหยุดยาวอื่น ๆ ดังนั้น การทำพาสปอร์ตล่วงหน้าจึงเป็นการเตรียมตัวเพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินทาง . ที่มา: กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ . ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsight #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #พาสปอร์ต #หนังสือเดินทาง #เที่ยวต่างประเทศ

พามาเบิ่ง สถิติการขอหนังสือเดินทาง 2567 คนอีสานเดินทางไปต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก “กลุ่มชาติพันธุ์” กระจายอยู่ไหนบ้างในอีสาน

พามาฮู้จัก “กลุ่มชาติพันธุ์” กระจายอยู่ไหนบ้างในอีสาน . . ประเทศไทยมี 60 กลุ่มชาติพันธุ์ มี 4,011 ชุมชน หรือราว 6.1 ล้านคน กลุ่มชาติพันธุ์มีจุดเริ่มต้นในทศวรรษที่ 2420 หรือสมัย ร.5 ชนชั้นนำของสยามใช้คำเรียกรวม ๆ ว่า “ชาวป่า” หรือ “คนป่า” โดยสามารถแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์ตามการตั้งถิ่นฐานได้ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในป่า เช่น มานิ มลาบรี, กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอบู่บนพื้นที่สูง เช่น กะเหรี่ยง ม้ง อาข่า, กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบ เช่น ไทดำ ไทลื้อ ภูไท ชอง กูย กะเลิง และ กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะแก่งและชายฝั่ง เช่น อูรักลาโว้ย มอแกน มอแกลน . โดยในภาคอีสานมีกว่า 20 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วภาคอีสาน และในความเป็นจริง “เราทุกคน” ล้วนมีความเป็นชาติพันธุ์อยู่ . ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น แต่ละจังหวัด ศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกถึงความเชื่อ ค่านิยม ศาสนา และรูปแบบการดำเนินชีวิต ตลอดจนอาชีพของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี สาเหตุที่ภาคอีสานมีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจาก การเป็นศูนย์รวมของประชากรหลากหลายเชื้อชาติ การอพยพย้ายถิ่นที่อยู่ การกวาดต้อนไพร่พล หรือจากการหนีภัยสงครามเมื่อครั้งอดีต และมีการติดต่อสังสรรค์กับประชาชนในประเทศใกล้เคียง จนก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมขึ้น . . ชาวอีสาน มาจากไหน? . ชาวอีสาน หรือ ฅนอีสาน มีบรรพชนมาจากการประสมประสานของผู้คนชนเผ่าเหล่ากอหลายชาติพันธุ์ ทั้งภายในและภายนอกทั้งทางสังคมและวัฒนธรรม ไม่ต่ำกว่า 5,000 ปีมาแล้ว (อาจถึง 10,000 ปีมาแล้ว) ผู้คนชนเผ่าเหล่ากอหลายชาติพันธุ์ที่ประสมประสานกันเป็น ชาวอีสาน มีบรรพชนอย่างน้อย 2 พวก คือ คนพื้นเมืองดั้งเดิมอยู่ภายในสุวรรณภูมิ กับคนภายนอกเคลื่อนย้ายเข้ามาภายหลังจากทิศต่างๆ . . ในภาคอีสานมีชุมชนวัฒนธรรมท้องถิ่นมากมาย ไม่ใช่มีแต่เฉพาะชาวไทลาวหรือชาวอีสานเท่านั้น หากมีกลุ่ม ชาติพันธุ์ ที่พูดภาษาถิ่น เช่น กลุ่มผู้ไท(ภูไท) แสก โซ่(โส้) กูย ญ้อ(ย้อ) โย้ย กะเลิง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกันเฉพาะ ความหลากหลายของ กลุ่มชาติพันธุ์ในแอ่งสกลนคร ค่อนข้างจะเด่นชัดกว่า โดยเฉพาะที่จังหวัดสกลนครมีทั้งไทยอีสานหรือไทลาวที่ตั้งรกรากกระจัดกระจายทุกอำเภอ . . กลุ่มชาติพันธุ์ในภาคอีสานมีอะไรบ้าง? . กะเลิง 📍สกลนคร (อำเภอเมืองและอำเภอกุดบาก), นครพนม

พามาฮู้จัก “กลุ่มชาติพันธุ์” กระจายอยู่ไหนบ้างในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง อีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด แม้เกษียณก็ยังต้องทำงาน?

พามาเบิ่ง อีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด แม้เกษียณก็ยังต้องทำงาน? . “สถานการณ์แรงงานนอกระบบในปี 2566 ประมาณครึ่งหนึ่งทำงานในภาคเกษตรกรรม  และลูกจ้างที่เป็นแรงงานนอกระบบได้รับค่าจ้างตำกว่าแรงงานในระบบ” ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประจำปี 2566 เปิดเผยให้เห็น ถึงภาพรวมว่าแรงงานในไทยทั้งหมดกว่า  40.1 ล้านคน เป็นแรงงานนอกระบบจำนวน 21.0 ล้านคน (ร้อยละ 52.3) ซึ่งมากกว่าแรงงานในระบบที่มีจำนวน 19.1 ลานคน (ร้อยละ 47.7) โดยครึ่งหนึ่งของแรงงานนอกระบบอยในชวง 40-59 ปี และที่น่าสนใจคือ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ยังทำงานอยู่ประมาณ 5.1 ล้านคนนั้น เป็นแรงงานนอกระบบมากถึง 4.4 ล้านคน แรงงานนอกระบบของทั้งประเทศ กว่าร้อยละ 55.4 ทำงานอยู่ ในภาคเกษตรกรรม โดยมีชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อสปดาห์ของแรงงานนอกระบบมีแนวโนมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  . หากดูตัวเลขรายภูมิภาค จะพบว่าแรงงาน 40.1 ล้านคน ภาคอีสานมีแรงงานรวมเป็นรองแค่ภาคกลางเท่านั้น ซึ่งในจำนวนแรงงานของภาคกลางก็เป็นคนที่ย้ายภูมิลำเนาเพื่อมาทำงาน โดยยังมีคนจากภาคอีสานมากที่สุด เช่นกัน โดยเทียบจำนวนเป็นสัดส่วนต่อแรงงานทั้งประเทศได้ ดังนี้ ภาคกลาง 13,208,476 คน (32.9%) อีสาน 9,712,273 คน (24.2%) เหนือ 6,221,813 คน (15.5%) กทม 5,652,257 คน (14.1%) ใต้ 5,296,507 คน (13.2%) . และเมื่อเจาะลึกตัวเลข จำนวนแรงงานในตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 9,712,273 คน โดยมีแรงงานในระบบ 2,290,872 คน แต่กลับมีแรงงานนอกระบบสูงถึง 7,421,401 คน จะพบว่าภาคอีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ โดยเมื่อนำมาคิดสัดส่วนแรงงานนอกระบบในแต่ละภูมิภาคเทียบกับจำนวนแรงงานนอกระบบทั้งประเทศที่ 20,957,666 คน จะได้ ดังนี้ อีสาน 7,421,401 คน (35.4%) กลาง 4,918,196 คน (23.5%) เหนือ 4,295,682 คน (20.5%) ใต้ 2,937,453 คน (14.0%) กทม. 1,384,934 คน (6.6%) ยิ่งไปกว่านั้น หากเจาะลึกลงไปในช่วงอายุของแรงงานนอกระบบในภาคอีสาน ทั้ง 7,421,401 คน จะยิ่งพบข้อมูลกว่า 22.5% หรือ มากกว่า 1 ใน 5 ของแรงงานนอกระบบในภาคอีสาน เป็นแรงงานสูงวัยที่มีอายุตั้ง 60

พามาเบิ่ง อีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด แม้เกษียณก็ยังต้องทำงาน? อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง : อัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายของภาคอีสาน

ชวนมาเบิ่ง : อัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายของภาคอีสาน อาชญากรรมทางร่างกาย นับว่าเป็นความผิดรุนแรงที่สร้างความเดือดร้อน ความทุกข์ ให้กับเหยื่อรวมถึงคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกายและทางใจ จึงส่งผลให้การกระทำดังกล่าวถูกจัดอยู่ในการกระทำผิดร้ายแรง ที่มีไม่อยากให้มีการก่อคดีในลักษณะนี้กับตนเองหรือคนใกล้ตัว   โดยสถิติการก่ออาชญากรรมสามารถแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมได้หลายอย่าง เช่น ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาด้านโครงสร้างทางสังคม ปัญหายาเสพติด ปัญหาด้านการขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานเป็นต้น   ในวันนี้เราสิพามาเบิ่งว่าที่ไหนบ้างในภาคอีสานที่มีสถิติการก่ออาชญากรรมทางร่างกายมากที่สุดโดยใช้ข้อมูลจากการจับกุมผู้ต้องหาในคดีความผิดเกี่ยวกับ ชีวิต ร่างกาย และเพศของแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน ว่าในประชากร 100,000 คน จะมีการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายกี่ครั้ง   จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2565 จะพบว่าภายในภาคอีสานมีอัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกาย 19.3 ที่ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.7% นับว่าน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆของประเทศ โดยอัตราการเกิดอาชญากรรมของทั้งประเทศจะอยู่ที่ 26.98 มากที่สุดที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่อัตราการเกิดอาชญากรรมอยู่ที่ 43.4 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10.6%   เมื่อเจาะลึกเข้ามาดูข้อมูลของจังหวัดในภาคอีสานจะพบว่าจังหวัดที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายมากที่สุดคือ จังหวัดมุกดาหาร ที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมอยู่ที่ 33.3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14.8% ตามด้วยจังหวัดขอนแก่น 25 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14.1% และจังหวัดที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายน้อยที่สุดในภาคอีสานคือจังหวัดอำนาจเจริญ ที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายแค่ 9.3 ลดลงจากปีก่อนหน้า 55.6% ตามด้วยจังหวัดสกลนคร 11.7 ลดลงจากปีก่อนหน้า 27.5% **** ข้อมูลสถิติคดีอาญาความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ ประกอบด้วยคดีเกี่ยวกับ การฆ่าผู้อื่น, ทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย, พยายามฆ่า, ทำร้ายร่างกาย ข่มขืนกระทำชำเรา และ อื่นๆ

ชวนมาเบิ่ง : อัตราการเกิดอาชญากรรมทางร่างกายของภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top