(1) จากกรณีมีผู้ป่วยและเสียชีวิต 1 คน จากโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่ ต.เหล่าหมี อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร หลังเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2568 และเสียชีวิตในวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ทางอำเภอดอนตาล จะประกาศพื้นที่เฝ้าระวังในพื้นที่
ข้อมูลเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2568 พบว่ามีผู้ป่วยสะสม 2 ราย โดยมีกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส รวม 638 ราย แบ่งออกเป็นผู้ร่วมชำแหละเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ 36 ราย ผู้รับประทานเนื้อดิบ 472 ราย และผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ชำแหละ 130 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสได้รับยาป้องกันโรคครบแล้วทุกราย
นับว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคแอนแทรกซ์คนแรกของไทย และถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์ในไทยในรอบหลายปี
เหตุการณ์ที่ผ่านมาในไทย
ในปี 2543 ยังพบการเกิดโรค 1 ครั้ง มีผู้ป่วยจำนวน 15 คน ขณะที่ในปี 2542 มีการเกิดโรค 4 ครั้ง มีผู้ป่วย 14 คน ทั้งนี้ ปีที่พบการระบาดมากที่สุดเกิดขึ้นในปี 2538 มีรายงานผู้ป่วย 102 คน และล่าสุดคือในปี 2560 มีรายงานพบผู้ป่วยชาย ซึ่งเป็นผู้ชำแหละแพะที่ตายแล้ว โดยสงสัยเป็นโรคแอนแทรกซ์ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก จนหาย และต่อมาสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้
(2) โรคแอนแทรกซ์คุกคามอีสาน
ปี 2568 นับเป็นปีที่สาธารณสุขไทยต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคแอนแทรกซ์ในจังหวัดมุกดาหาร โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าพื้นที่ภาคอีสานเริ่มเข้าสู่ภาวะเฝ้าระวังเข้มข้นทั้งในระดับพื้นที่ควบคุมโรคและพื้นที่ใกล้เคียง
แอนแทรกซ์คืออะไร?
โรคแอนแทรกซ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสร้างสปอร์ที่ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและมีอายุยาวนาน เชื้อนี้สามารถแพร่สู่คนผ่านการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ การชำแหละ การบริโภคเนื้อดิบ หรือการสูดดมสปอร์เข้าสู่ปอด อัตราการเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาสูงถึง 80% โดยเฉพาะในรูปแบบแอนแทรกซ์ปอด
พื้นที่เฝ้าระวังโรคแอนแทรกซ์ในอีสาน
- อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร – เป็นจุดศูนย์กลางการระบาด พบผู้เสียชีวิตรายแรก และผู้ป่วยอีก 2 ราย
- จังหวัดยโสธร – ผู้ว่าราชการประกาศเตือนทั้ง 9 อำเภอ และมีการเน้นมาตรการป้องกันในชุมชน เช่น งดบริโภคเนื้อดิบ งดชำแหละสัตว์ป่วย
- จังหวัดอำนาจเจริญ – ตรวจพบผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อ และมีการสั่งปิดตลาดนัดโค-กระบือหลายแห่งในอีสานตอนล่าง เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ
- จังหวัดกาฬสินธุ์ – ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน แต่เฝ้าระวังเข้มเนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายปศุสัตว์จากพื้นที่เสี่ยง
โรคแอนแทรกซ์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่โรคของ “สัตว์” เท่านั้น แต่คือภัยคุกคามที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งรัฐ ท้องถิ่น และประชาชน การเรียนรู้จากการระบาดครั้งนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญของระบบสาธารณสุขไทยว่าจะสามารถจัดการภัยสุขภาพที่ซับซ้อนในโลกปัจจุบันได้มากน้อยเพียงใด
(3) โรคแอนแทรกซ์เปรียบเสมือนเงามืดที่คุกคามเศรษฐกิจและธุรกิจท้องถิ่น
การระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในพื้นที่ชนบทของภาคอีสาน มาตรการสาธารณสุขที่จำเป็น อย่างเช่น การกักกันสัตว์ การปิดตลาดนัดโค-กระบือ หรือแม้แต่การทำลายสัตว์ติดเชื้อ ส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร และครอบครัวที่พึ่งพารายได้จากการค้าสัตว์และการแปรรูปเนื้อสัตว์ การห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์หมายถึงการตัดช่องทางรายได้หลักนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อความตื่นตระหนกแพร่ไปในสังคม ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อวัวและเนื้อควาย แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีรายงานการระบาดโดยตรง ผลกระทบนี้ลุกลามถึงร้านอาหารพื้นบ้านที่ขายเมนูยอดนิยม อย่างเช่น ลาบ ก้อย ต้มแซ่บ หรือจิ้มจุ่ม ซึ่งเป็นเมนูที่เกี่ยวข้องกับเนื้อดิบหรือเนื้อสุกๆ ดิบๆ เมื่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ยอดขายในธุรกิจที่พึ่งพาวัตถุดิบเหล่านี้จึงลดลงตามไปด้วย
อ้างอิงจาก:
– สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
– กรุงเทพธุรกิจ
– Hfocus.org เจาะลึกระบบสุขภาพ
– Thai PBS
– BBC NEWS
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #โรคแอนแทรกซ์ #แอนแทรกซ์ #สถานการณ์โรคแอนแทรกซ์