Rujimaphat Korchitwisarn

“ ปลดล็อกกัญชา ” มูลค่าเติบโตจากปีก่อนมากกว่า 7,000 ล้านบาท บุรีรัมย์เตรียมจัดมหกรรมใหญ่ รับปลดล็อก

การปลดล็อก “กัญชา-กัญชง” ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นแรงกระตุ้นให้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชา กัญชงออกสู่ตลาดมากมาย และส่งผลให้ตลาดกัญชา กัญชงเติบโตแบบก้าวกระโดด จากปีก่อนมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท โดย 5 กลุ่มสินค้าที่ต้องจับตาดู ได้แก่ เครื่องดื่ม อาหาร ยาและอาหารเสริม เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล . นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่าธุรกิจกัญชา ยังเป็นบลูโอเชี่ยน (พื้นที่ทางธุรกิจที่เน้นการแข่งขันในการสร้างความต้องการใหม่ ผ่านการสร้างสินค้าใหม่) และไวท์โอเชี่ยน (การทำธุรกิจบนพื้นฐานความดีและความยั่งยืน โดยไม่มองผลกำไรเป็นตัวตั้ง) ที่มีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจเศรษฐกิจด้วยการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจในวงกว้างได้ เนื่องจากมีช่องว่างในตลาดอยู่มาก . ซึ่งช่องว่างทางธุรกิจที่สามารถสอดแทรกเข้าไปดำเนินการได้ทุกระดับและกว้างขวางมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขมุ่งต่อยอดนวัตกรรมกัญชา กัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ เพื่อส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการส่งเสริมแหล่งปลูกเป็นเส้นทางท่องเที่ยว เป็นศูนย์การเรียนรู้ และส่งเสริมเป็นผลิตภัณฑ์ในเวลเนส เซ็นเตอร์ . จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีการเตรียมจัดมหกรรมใหญ่รับ “ปลดล็อกกัญชา” โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงความพร้อมการจัด “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” วันที่ 10-12 มิถุนายน 2565 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนใช้ “กัญชา” โดยเน้นย้ำเรื่องของการใช้อย่างถูกต้องและใช้อย่างเข้าใจ ไม่ให้เกิดการนำไปใช้ในทางที่ผิดได้อย่างถูกต้องในทุกมิติ ตอบรับการปลดล็อกจากยาเสพติด พร้อมแสดงผลงานวิจัย นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์กัญชา-อาหาร และคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด 19 . โดยมีกิจกรรมและสาระความรู้เกี่ยวกับกัญชาในหลายมิติ ที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชน ผู้ป่วย และผู้ประกอบการต่างๆ อาทิ การจัดนิทรรศการ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ตำรับยาที่สกัดจากกัญชา ผลิตภัณฑ์จากกัญชา คลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการให้บริการตรวจรักษาแก่ประชาชนที่มาร่วมงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย . นอกจากนี้ ยังมีเวทีสัมมนาวิชาการ โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศมาให้ความรู้ มีเมนูอาหารจากกัญชารสชาติดี ถูกสุขอนามัยและปลอดภัย รวมถึงมีบูธให้คำแนะนำการนำกัญชามาประกอบอาหารอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจแก่ผู้ร่วมงาน ด้วยมาตรการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัด . . อ้างอิง: https://www.thansettakij.com/business/522874 https://www.thansettakij.com/business/526790 https://pr.moph.go.th/?url=pr%2Fdetail%2F2%2F04%2F174584 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ปลดล็อกกัญชา #กัญชา #กัญชง #บุรีรัมย์

ชวนเบิ่ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนของภาคอีสานที่ต้องจัดการ

จากข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยในปี 2564 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 14.58 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 3.9% ใกล้เคียงกับการเติบโตของยอดคงค้างหนี้ในปี 2563 ที่ 4% แต่เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจที่ยังเติบโตช้า ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงขึ้นมาที่ระดับ 90.1% ในปี 2564 จากระดับ 89.7% ในปี 2563 . อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่อยู่กับเศรษฐกิจมานาน และมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในรอบนี้ เมื่อครัวเรือนมีรายได้จากการทำงานก็ต้องนำรายได้นั้นไปใช้คืนหนี้ เหลือใช้จ่ายน้อยลงทำให้การบริโภคลดลง จนส่งผลให้บั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินการคลังของรัฐไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ . อันดับภาคที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุด (หน่วย : บาท) 1. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 217,802 2. ภาคเหนือ 206,544 3. ภาคกลาง 200,744 4. ภาคใต้ 181,449 . เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายภาค ภาคใต้มีหนี้ครัวเรือนน้อยที่สุด ในขณะที่ภาคอีสาน มีหนี้ครัวเรือนสูงสุดกว่าทุกภาค โดยคนภาคอีสานแบกรับภาระหนี้ครัวเรือนเฉลี่ย 217,802 บาท . ครัวเรือนที่มีหนี้ในภาคอีสานส่วนใหญ่ คือ ครัวเรือนที่มีรายได้จากการเกษตร (ที่ต้องพึ่งพาสภาพดิน ฟ้า อากาศ) เงินโอนจากสมาชิกครอบครัว หรือเงินโอนภาครัฐ เป็นสัดส่วนสูงเกือบ 30% ของรายได้ทั้งหมด ทำให้มีภาวะเสี่ยงขาดสภาพคล่อง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดไม่ว่าจะเป็น ถูกให้ออกจากงาน หรือการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุในการก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น โดยหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะสั้นเพื่อใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นการก่อหนี้ที่ไม่สร้างผลตอบแทนในอนาคต . เมื่อขาดสภาพคล่องทางการเงิน ครัวเรือนจำนวนมากต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง มีการพึ่งพาบริการสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักประกันในการกู้ยืม ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและแก้ไขปัญหารายได้ที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยที่อาจเริ่มขยับขึ้นในอนาคต จนอาจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้สินไหว และนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมา . ดังนั้น อาจแก้ได้ด้วย การเพิ่มโอกาสให้แต่ละครัวเรือนมีการพัฒนาทักษะแรงงานเสริม เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดแรงงาน มีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น สร้างแรงจูงใจให้คนเพิ่มการเก็บออม และวางแผนทางการเงินเพื่อการใช้จ่ายในอนาคต เพื่อลดความเสี่ยงในวัยเกษียณ . . ที่มา : https://www.thansettakij.com/insights/499067 https://www.thansettakij.com/money_market/519845 http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/08.aspx https://www.bot.or.th/…/Doc…/X-ray%20Regional%20Debt.pdf https://www.kasikornresearch.com/…/Household-Debt-FB-11… #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #หนี้ครัวเรือน

วิกฤตทุเรียนล้นตลาด ซีพีเปิดโครงการ Let’s DO RIAN ช่วยเกษตรกรอีสาน

เมื่อพูดถึงทุเรียนอีสาน หลายคนจะนึกถึงทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ซึ่งเป็นชนิดที่ปลูกบนดินภูเขาไฟเก่าที่มีแร่ธาตุต่าง ๆ ในดินอุดมสมบูรณ์มาก ทำให้ทุเรียนมีรสชาติที่อร่อย กรอบนอกนุ่มใน รสหวานมัน เปลือกบาง ที่สำคัญกลิ่นอ่อนไม่ฉุน แม้เนื้อทุเรียนสุกแล้วก็ตาม จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ชอบทุเรียนกลิ่นฉุน . อีกทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างชื่อเสียง และรายได้ให้จังหวัดศรีสะเกษจำนวนมาก ล่าสุดทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษเป็นหนึ่งในวาระการขับเคลื่อนประเด็นเกษตรบูรณาการของจังหวัด ที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกรในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ . จากปัญหาการส่งออกทุเรียนไทยไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ เกษตรกรเผชิญปัญหาทุเรียนล้นตลาด คาดว่าปี 2565 นี้จะทะลุ 1.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน ซึ่งเดือนพฤษภาคม ทุเรียนจะออกมาอีกประมาณ 3.5 แสนตัน . เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สถาบันผู้นำเครือซีพีจึงวางเป้าหมายช่วยกระจายผลผลิตทุเรียนเพื่อการบริโภคภายในประเทศผ่านช่องทางค้าปลีกของเครือซีพี ในโครงการ Let’s Do Rian สร้างอาชีพเถ้าแก่ทุเรียน มุ่งสนับสนุนขยายตลาดให้เกษตรกรไทย โดยการจัดทำร้านขายทุเรียนกว่า 500 จุด ตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านค้าปลีกค้าส่งในเครือซีพีทั่วประเทศ ได้แก่ ห้างโลตัส, โลตัส โก เฟรช, ซีพี เฟรช และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น . พร้อมกับประกาศรับสมัครพ่อค้าแม่ค้าประจำทุกจุดขาย เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพในช่วงฤดูกาลทุเรียนที่มีระยะเวลาประมาณ 100 วัน ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 20,000 บาท และคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ตั้งแต่เดือนแรกของการขาย . ทั้งนี้ เครือซีพีจะรับซื้อทุเรียนคุณภาพโดยตรงจากกลุ่มเกษตรกรในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น กลุ่มเกษตรกรสมาชิกการเกษตรเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ทุเรียนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมไปถึงทุเรียนภาคอีสาน ทุเรียนภูเขาไฟ จากกลุ่มเกษตรกรคุณภาพที่มีเครื่องหมาย GI เป็นต้น ส่งต่อไปยังร้านค้า Let’s DO RIAN เพื่อจำหน่ายให้ผู้บริโภคทั่วประเทศ . ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางในการขายและกระจายผลผลิตในช่วงนี้ ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการขาย แต่จะได้รับความรู้เกี่ยวกับทุเรียน โดยมีการฝึกอบรมให้ความรู้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการในทุกด้าน และเปิดโอกาสให้ Supply Chain ได้เติบโต ทั้งเกษตรกรสวนทุเรียน ผู้ประกอบการและแรงงานคัดทุเรียน คนขับรถขนส่ง ได้มีอาชีพ . . อ้างอิงจาก: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000046586 https://workpointtoday.com/cp-lets-do-rian-project/ https://siamrath.co.th/n/160933 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ

พัฒนา 20 ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี สร้างความแตกต่างด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่สากล

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ Local Alike บริษัทที่ดำเนินกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับชุมชนทั่วประเทศไทยมากว่า 10 ปี ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพ 20 ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ภายใต้ “โครงการส่งเสริมการบริหารจัดการชุมชนท่องเที่ยวรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” . ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยตลอดระยะเวลาโครงการได้มุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนตามแนวคิด Hotown เพื่อยกระดับและฟื้นฟูศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวแบบองค์รวมให้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย . Hotown (โฮทาวน์) ที่เอาคำว่า Hotel กับ Town มารวมกัน เป็นแนวคิดที่ต้องการขับเคลื่อนชุมชนทั้งชุมชนให้กลายเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่ครบครันด้วยที่พัก อาหาร ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก และสภาพแวดล้อมทางภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยการเชื่อมโยงกลุ่มงานต่าง ๆ ของคนในชุมชนเข้าด้วยกัน โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้นำแนวคิดนี้มาใช้ในการนำร่องพัฒนาศักยภาพของ 20 ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้แก่ . 1. ชุมชนบ้านแม่แมะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชุมชนบ้านถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน 3. ชุมชนบ้านปางห้า อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 4. ชุมชนบ้านหาดสองแคว อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ 5. ชุมชนบ้านผาทั่ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี 6. ชุมชนบ้านเซินเหนือ อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น 7. ชุมชนบ้านสุขสมบูรณ์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา 8. ชุมชนบ้านโคกเมือง อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ 9. ชุมชนบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ 10. ชุมชนบ้านพิพิธภัณฑ์ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 11. ชุมชนบ้านแก่งแคบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี 12. ชุมชนบ้านล่าง อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 13. ชุมชนบ้านสลักคอก อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 14. ชุมชนบ้านตอนใน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี 15. ชุมชนบ้านคลองตาจ่า อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม 16. ชุมชนบ้านอ่าวกะพ้อ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา 17. ชุมชนบ้านลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง 18. ชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 อำเภอธารโต จังหวัดยะลา 19. ชุมชนบ้านหาดส้มแป้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง 20. ชุมชนบ้านปลายคลอง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี . …

พัฒนา 20 ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี สร้างความแตกต่างด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่สากล อ่านเพิ่มเติม »

ผลักดันสินค้า GI ภาคอีสาน เป็น Soft Power ของเมืองไทย ส่งออกสินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นสู่ตลาดโลก

GI หรือ Geographical indication เป็นเครื่องหมายรับรองสินค้า ว่าพิเศษเป็นเอกลักษณ์จากแหล่งผลิตในท้องถิ่น ที่แหล่งผลิตอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ ปัจจุบันสินค้าที่ผ่านมาตรฐาน GI ไทย มีมากกว่า 170 รายการ แบ่งเป็นข้าว ผัก/ผลไม้ อาหาร ผ้า (ไหม/ฝ้าย) และหัตถกรรม/อุตสาหกรรม . สำหรับภาคอีสานมีสินค้า GI หลายรายการ ที่มีคุณภาพ พร้อมเป็น Soft Power ของไทย เนื่องจากสามารถถ่ายทอดอัตลักษณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอีสานได้เป็นอย่างดี . อย่างเช่น ผ้าไหมสาเกต จังหวัดร้อยเอ็ด ที่สามารถผลิตสินค้าพื้นบ้านกว่า 15,000 ผืนต่อปี มีราคาจำหน่าย 1,800–2,500 บาทต่อผืน ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนไม่น้อยกว่า 27 ล้านบาทต่อปี มีตลาดส่งออกสำคัญ คือ ประเทศญี่ปุ่น . ปัจจุบันภาคอีสานมีสินค้า GI ทั้งหมด 34 รายการ ประกอบด้วย . สินค้า GI ของ จ.นครราชสีมา 1. กาแฟดงมะไฟ 2. ไวน์เขาใหญ่ 3. ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ 4. กาแฟวังน้ำเขียว 5. เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 6. มะขามเทศเพชรโนนไทย 7. ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ . สินค้า GI ของ จ.กาฬสินธุ์ 8. ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ 9. ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ . สินค้า GI ของ จ.ขอนแก่น 10. ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท . สินค้า GI ของ จ.นครพนม 11. สับปะรดท่าอุเทน 12. ลิ้นจี่นครพนม . สินค้า GI ของ จ.บุรีรัมย์ 13. ผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดงบุรีรัมย์ 14. ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ . สินค้า GI ของ จ.เลย 15. ไวน์ที่ราบสูงภูเรือ . สินค้า GI ของ จ.สกลนคร 16. ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี 17. ผ้าครามธรรมชาติสกลนคร 18. หมากเม่าสกลนคร 19. น้ำหมากเม่าสกลนคร 20. เนื้อโคขุนโพนยางคำ . …

ผลักดันสินค้า GI ภาคอีสาน เป็น Soft Power ของเมืองไทย ส่งออกสินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นสู่ตลาดโลก อ่านเพิ่มเติม »

สถานการณ์ตลาดแรงงานอีสาน ปี 64

ปี 2564 มีผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานจำนวนทั้งสิ้น 9.58 ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 9.30 ล้านคน (ลดลง 0.64% จากปี 2563) ผู้ว่างงาน 1.45 แสนคน (เพิ่มขึ้น 9.95%) และผู้รอฤดูกาล 1.34 แสนคน (เพิ่มขึ้น 14.32) ส่วนผู้ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน 5.42 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 0.52%) . เมื่อพิจารณาผู้มีงานทำ จำแนกตามภาคอุตสาหกรรม พบว่า ภาคเกษตรกรรม มีจำนวน 4.92 ล้านคน คิดเป็น 52.90% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด ภาคบริการและการค้า จำนวน 3.13 ล้านคน คิดเป็น 33.67% และภาคการผลิต จำนวน 1.25 ล้านคน คิดเป็น 13.43% . ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า ภาคเกษตรกรรม ลดลง 0.94% ภาคบริการและการค้า ลดลง 0.14% และภาคการผลิต ลดลง 0.70% . เมื่อพิจารณาผู้มีงานทำ จำแนกตามสถานภาพการทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานส่วนตัว 43.46% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด รองลงมาเป็นลูกจ้าง 30.10% ช่วยธุรกิจครัวเรือน 24.96% นายจ้าง 1.11% และการรวมกลุ่ม 0.37% . เมื่อพิจารณาผู้มีงานทำ จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา 28.21% รองลงมาคือไม่มีการศึกษา/ต่ำกว่าประถมศึกษา 23.86% ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 16.81% ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 16.49% ระดับอุดมศึกษา 14.60% และอื่นๆ/ไม่ทราบ 0.03% . . ที่มา: https://kku.world/7hx6r https://kku.world/h25uj . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สถานการณ์ตลาดแรงงาน

ร่วมเชียร์ ทีมชาติไทย ปะทะ เติร์กฯ ฟีฟ่าเดย์ ศึกประวัติศาสตร์ บนแผ่นดินศรีสะเกษครั้งแรก

การแข่งขันฟุตบอลรายการ “SAT SISAKET FOOTBALL INVITATION 2022” ระเบิดศึกฟุตบอลอุ่นเครื่อง ระดับ A-MATCH เก็บคะแนนสะสมอันดับฟีฟ่าแรงกิ้ง เป็นการพบกันระหว่าง “ช้างศึก” ฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ทีมอันดับ 111 ของโลก พบกับ ทีมชาติเติร์กเมนิสถาน ทีมอันดับ 134 ของโลก โดยจะจัด ณ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม นี้ ที่สนามกีฬากลางจังหวัดศรีสะเกษ . สำหรับแมตช์ประวัติศาสตร์ที่ศรีสะเกษครั้งแรกนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ , สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ จัดการแข่งขันขึ้น โดยได้รับการพลักดันโดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และ นายชนินทร์ คุ้มใหญ่โต ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดศรีสะเกษ . โดยมีเป้าหมายนำฟุตบอลทีมชาติไทย มาสร้างความสุข และ ได้สัมผัสแมตช์ระดับฟีฟ่าเดย์ ให้สำหรับแฟนบอลชาวศรีสะเกษ และ พื้นที่ใกล้เคียง ในจังหวัดภาคอีสาน . สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะฝ่ายจัดการแข่งขัน เผยถึงความพร้อมในแมตช์นี้ว่า “กระแสตอบรับดีเกินคาดมาก ๆ เราเปิดขายบัตรเข้าชมหมดตั้งแต่วันแรก ภายในไม่ถึง 20 นาที ทำให้ทางสมาคมกีฬาจังหวัดได้จัดการขายตั๋วเข้าชมอีกครั้ง ในวันแข่งขัน 27 พ.ค. 2565 อีก 3 พันใบ โดย 1 คิวซื้อได้ไม่เกิน 4 ใบ ซึ่งอาจจะเพิ่มความจุอีก จะประเมินหน้าสนาม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด” . ขณะที่ มาโน โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย เผยถึงความพร้อมเกมนี้ว่า “การอุ่นเครื่องที่เราวางไว้นั้นเพื่อเป็นการทดสอบทีมเพื่อหาข้อบกพร่อง เพราะในระดับเอเชียนั้นมันจะยากกว่า เราจึงต้องพร้อมในทุก ๆด้าน ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบที่สุดเมื่อเราเล่นระดับนั้น” . ส่วน ชญาวัต ศรีนาวงษ์ กองหน้าทีมชาติไทย ฝากถึงแฟนบอลชาวศรีสะเกษ ว่า “อยากฝากถึงแฟนบอลที่คอยให้กำลังใจผม ช่วยกันร่วมเชียร์ทีมชาติไทย ผมจะทำให้เต็มที่” . อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษจะเปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชมอีกครั้ง ในวันแข่งขัน 27 พฤษภาคม 2565 หน้าสนามกีฬากลางจังหวัดศรีสะเกษในเวลา 13.00 น. …

ร่วมเชียร์ ทีมชาติไทย ปะทะ เติร์กฯ ฟีฟ่าเดย์ ศึกประวัติศาสตร์ บนแผ่นดินศรีสะเกษครั้งแรก อ่านเพิ่มเติม »

สำรวจดัชนีความเสี่ยงทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน

เว็บไซต์ DBD DataWarehouse+ ซึ่งรวบรวมข้อมูลนิติบุคคลที่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยดัชนีความเสี่ยงหรือคะแนนที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงของประเภทธุรกิจ . โดยค่าดัชนีจะอยู่ในช่วง 0-1 (คะแนนสูง = มีความเสี่ยงทางธุรกิจมาก) พิจารณาจาก 4 ปัจจัย ประกอบด้วย 1. FS Score หรือคะแนนความเสียงที่บริษัทจะเกิดวิกฤตทางการเงิน 2. ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก 3. ต้นทุนทางการเงิน และ 4. อัตราการคงอยู่ของธุรกิจ . 5 อันดับ จังหวัดในภาคอีสานที่มีดัชนีความเสี่ยงของประเภทธุรกิจสูงสุด . 1. อุบลราชธานี ค่าดัชนี 0.69 ในธุรกิจประเภท การขายส่งสัตว์มีชีวิต 2. นครราชสีมา ค่าดัชนี 0.68 ในธุรกิจประเภท การขายส่งสินค้าเฉพาะอย่างอื่น ๆ 3. หนองบัวลำภู ค่าดัชนี 0.68 ในธุรกิจประเภท การขายส่งเครื่องแต่งกาย และของใช้ในครัวเรือน 4. อำนาจเจริญ ค่าดัชนี 0.67 ในธุรกิจประเภท การขายส่งข้าวเปลือก และธัญพืช 5. สกลนคร ค่าดัชนี 0.67 ในธุรกิจประเภท ร้านขายปลีกอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้แสงสว่าง . อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่าภาคอีสานมีประชากรหรือผู้มีงานทำที่อยู่ในภาคเกษตรมากที่สุด และเป็นภูมิภาคที่มีการปลูกข้าวสูงที่สุด แต่ที่น่าสนใจ คือ 4 จาก 20 จังหวัดของภาค ได้แก่ อำนาจเจริญ นครพนม อุดรธานี และบุรีรัมย์ กลับมีความเสี่ยงในธุรกิจประเภท ‘การขายส่งข้าวเปลือก และธัญพืช’ สูงที่สุด . ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันในจังหวัดน้อย ทำให้ผู้ผลิตไม่ค่อยปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้าของตนเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่น โดยเฉพาะจังหวัดใกล้เคียง เพราะอย่าลืมว่า ‘ข้าว’ เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศรับประทาน และทุกจังหวัดในภาคอีสานปลูก ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันในจังหวัด แต่เป็นการแข่งขันในภาคและประเทศ . ประกอบกับปัจจุบัน ช่องทางออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งด้านการสั่งซื้อและขนส่ง ทำให้ร้านค้าหรือแบรนด์ที่ให้คุณภาพสินค้าและบริการที่ดีกว่า ทำการตลาดได้ตรงความต้องการมากกว่า สามารถดึงกลุ่มลูกค้าไปได้โดยง่าย . ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีดัชนีความเสี่ยงสูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่น่าลงทุนเสมอไป หากเรารู้ปัญหาและสามารถทำลายข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ก็อาจเป็นโอกาสในการทำธุรกิจในจังหวัดนั้นด้วย . ยกตัวอย่าง จังหวัดนครพนม หากลองไปดูเนื้อที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตข้าวนาปี (ปีเพาะปลูก 2563/64) พบว่า มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 1.44 ล้านไร่ ให้ผลผลิต 5.04 แสนตัน หรือคิดเป็นผลผลิตที่เก็บได้ต่อไร่เท่ากับ 350 กก./ไร่ ซึ่งถือว่าสูงกว่าหลายจังหวัดในภูมิภาค และจะช่วยเรื่องความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากประหยัดต่อขนาด (มีวัตถุดิบผลิตสินค้าจำนวนมากพอจนได้ต้นทุนที่ต่ำ) อีกทั้งพันธุ์ข้าวที่ผลิตส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวเจ้าหอมมะลิ และข้าวเหนียว ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว . …

สำรวจดัชนีความเสี่ยงทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ส่องราคาที่ดินสูงสุด แต่ละจังหวัดในอีสาน รอบใหม่ คาดเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2566

กรมธนารักษ์ได้สำรวจราคาและปรับปรุงราคาที่ดิน แต่ละจังหวัด เพื่อจัดทำประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ (คาดใช้รอบปี 2566) และอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการประจำจังหวัด โดยราคาภาพรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6-7% ส่วนภาคอีสาน เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 8.7% . การประเมินราคาที่ดิน แต่ละจังหวัด หรือราคาประเมินที่ดิน โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเมินราคาที่ดินของกรมธนารักษ์ ประเมินราคาที่ดินของภาคเอกชน และประเมินราคาที่ดินราคาตลาด ซึ่งจะใช้เลขที่โฉนด เพื่อประเมินราคาที่ดิน แล้วนำมาเทียบเคียงกัน . . จังหวัดที่ราคาประเมินที่ดินสูงสุดในอีสาน ได้แก่ . 1. ขอนแก่น ถนนศรีจันทร์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 209) มีราคาประเมินที่ 2,500-200,000 บาทต่อตารางวา . 2. อุดรธานี ถนนโพศรี มีราคาประเมินที่ 70,000-180,000 บาทต่อตารางวา . 3. นครราชสีมา ถนนจอมพล มีราคาประเมินที่ 45,000-130,000 บาทต่อตารางวา ถนนชุมพล มีราคาประเมินที่ 130,000 บาทต่อตารางวา ถนนราชดำเนิน มีราคาประเมินที่ 40,000-130,000 บาทต่อตารางวา ถนนอัษฎางค์ มีราคาประเมินที่ 50,000-130,000 บาทต่อตารางวา . สาเหตุที่ ถนนศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น ราคาประเมินสูงสุด เนื่องจากเป็นย่านการค้า ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่รอบล้อมด้วยห้างร้าน สถานบันการศึกษา ศูนย์แสดงสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง ฯลฯ ส่งผลให้ราคาอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางวา หรือราว 80 ล้านบาทต่อไร่ ราคาแพงที่สุดในภาคอีสาน . อย่างไรก็ตาม การประเมินราคาที่ดินดังกล่าว เป็นการประเมินเป็นรายถนนเท่านั้น ไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงราคาที่ดินรายแปลงได้ ดังนั้น ผู้ต้องการขอทราบราคาประเมินเฉพาะแปลงจะต้องตรวจสอบที่สำนักงานที่ดิน หรือ ธนารักษ์พื้นที่ หรือ สำนักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ . . หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง การลงทุนในที่ดิน ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุน . ประกาศ ราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 ที่จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 https://kku.world/ns51l . ทั้งนี้ หากกรมธนารักษ์จัดทำราคาประเมินราคาที่ดินแต่ละจังหวัด ปี 2566 แล้วเสร็จ จะมีการอัปโหลดข้อมูลบนเว็บไซต์ https://kku.world/v99x7 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น . . อ้างอิงจาก: https://kku.world/pqpu0 https://kku.world/4n93o . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ราคาประเมินที่ดิน

รพ.สุรินทร์ เปิดตัวเครื่องฉายรังสี Harmony Pro นวัตกรรมการรักษามะเร็งใหม่ล่าสุด ร่นระยะเวลารักษาได้ถึง 25% ต่อครั้ง

วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 โรงพยาบาลสุรินทร์ ได้เปิดตัวเครื่องฉายรังสี รุ่น Harmony Pro อย่างเป็นทางการ นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ลงทุนในเทคโนโลยี Harmony Pro นี้ . เครื่องฉายรังสี Harmony Pro ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการฉายรังสีบำบัด โดยผสานคุณสมบัติที่สำคัญได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้แก่ . ประสิทธิภาพการทำงาน: การใช้งานภายในห้องแบบรวดเร็ว หรือ FastTrack แบบใหม่ ที่ช่วยลดเวลาการจัดตำแหน่งผู้ป่วยและตั้งค่าก่อนการฉายรังสีได้ และเมื่อรวมกับขั้นตอนการทำงานที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ระยะเวลาในการรักษาต่อครั้งจึงลดลงได้ถึง 25% ทำให้แพทย์สามารถให้การรักษามะเร็งคุณภาพสูงแก่ผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นได้ . ความแม่นยำ: ด้วยชุดบังคับลำรังสีที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องฉายรังสีประเภทเดียวกันนี้ คือมีความละเอียดถึงหนึ่งมิลลิเมตรในการฉายแสงทั่วทั้งพื้นที่ขนาด 40 ซม. X 40 ซม. ด้วยชุดบังคับลำรังสีนี้ทำให้สามารถเข้าถึงเป้าหมายในการฉายรังสีและสอดคล้องกับการหดตัวของเนื้องอกในความละเอียดระดับมิลลิเมตร . ความสามารถรอบด้าน: ตัวเลือกของพลังงานรังสี และเทคนิคการรักษา รวมทั้งรูปแบบการถ่ายภาพที่หลากหลาย ทำให้ Harmony Pro มีคุณสมบัติที่จำเป็นในการรักษามะเร็งที่พบได้บ่อย ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งอุ้งกระดูกเชิงกราน มะเร็งศีรษะและคอ . พญ. สุภาพรรณ วิทยานุวัฒน์ หัวหน้าแผนกรังสีวิทยา โรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า “เครื่องฉายรังสี Harmony Pro มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ทันสมัย แต่สิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดคือ เราสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเวลาในการตั้งค่าที่ลดลง และเวลาในการรักษาที่รวดเร็วขึ้น ทำให้เราคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีต่อวันได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นได้รับการรักษา และมีโอกาสที่จะหายเร็วขึ้นด้วย” . ทั้งนี้ การใช้เครื่องฉายรังสี Harmony Pro จะไม่เพียงแค่สร้างเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสร้างความหวังให้กับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น จากเครื่องฉายรังสี (linac) ที่ใช้เทคนิคในการรักษาด้วยรังสีใหม่ล่าสุด อีกทั้งช่วยให้แพทย์สามารถรักษามะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ กับผู้ป่วยจำนวนมากเหล่านี้ด้วย . . อ้างอิงจาก: บทสัมภาษณ์ทีมแพทย์รพ.สุรินทร์ โดยบริษัท อัลลิสัน แอนด์ พาร์ทเนอส์ . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สุรินทร์ #รักษามะเร็ง

Scroll to Top