อีก 3 ปี หากไม่แก้ รักษาฟรีอาจไม่มี บัตรทอง ระเบิดต้นทุนโรงพยาบาลที่รอวันปะทุ เปิด 4 ปัจจัยทำไมโรงพยาบาลรัฐถึงขาดทุน

บัตรทอง⌛ระเบิดเวลา อีก 3 ปี หากไม่แก้ รักษาฟรีอาจไม่มี❗สปสช.วางแผนรับมือ เตรียมตั้ง คกก.กลางศึกษาต้นทุนโรงพยาบาล เหตุโรงพยาบาลทั่วไทย🏥ขาดสภาพคล่อง 901 แห่ง 5.1 หมื่นล้าน และ ขาดทุนอีก 183 แห่ง 4.3 พันล้าน เฉพาะ Top10 ร.พ.ขาดทุน มาจากภาคอีสาน 4 ใน 10

[4 ปัจจัยทำไมโรงพยาบาลรัฐถึง(เงินสมทบติดลบ)ขาดทุน❓]

โรงพยาบาลรัฐในประเทศไทยประสบปัญหาหนี้สะสมและขาดทุนจากหลายสาเหตุที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน โดยหลักๆ มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย รวมถึงโครงสร้างระบบสาธารณสุขในปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญมีดังนี้:
.
1. รายรับไม่เพียงพอต่อต้นทุนที่แท้จริง:💸
▪️งบเหมาจ่ายรายหัว (บัตรทอง/หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) ต่ำกว่าต้นทุน: ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมคนส่วนใหญ่ของประเทศ มีการจัดสรรงบประมาณแบบเหมาจ่ายรายหัวให้กับโรงพยาบาล ซึ่งมักจะต่ำกว่าต้นทุนจริงในการให้บริการ โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่ซับซ้อนหรือโรคเรื้อรัง ทำให้โรงพยาบาลขาดทุนจากการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้
▪️การหักเงินเดือนบุคลากรจากงบเหมาจ่าย: เดิมมีการหักเงินเดือนบุคลากรจากงบเหมาจ่ายรายหัวที่จัดสรรให้โรงพยาบาล ซึ่งทำให้โรงพยาบาลมีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดลง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีบุคลากรจำนวนมาก
▪️การเคลมค่าบริการต่ำกว่าความเป็นจริง: บางครั้งการเคลมค่าบริการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบการจ่ายเงิน (เช่น สปสช.) ไม่ครอบคลุมต้นทุนทั้งหมด หรือมีการจ่ายล่าช้า ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระทางการเงิน
▪️การรักษาผู้ป่วยต่างด้าว: โรงพยาบาลรัฐจำนวนมากต้องให้การรักษาผู้ป่วยต่างด้าวโดยไม่ได้มีการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพียงพอ ทำให้เกิดหนี้ค้างชำระ
.
2. ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น:💊
▪️ค่าวัสดุทางการแพทย์และค่ายาที่เพิ่มขึ้น: ราคาของยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ค่าชดเชยที่ได้รับอาจไม่ปรับเพิ่มตาม
▪️การรักษาที่ซับซ้อนและทันสมัยขึ้น: เมื่อวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น การวินิจฉัยและการรักษามีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น
▪️ค่าตอบแทนบุคลากรที่ไม่สอดคล้อง: แม้บุคลากรทางการแพทย์จะทำงานหนัก แต่ค่าตอบแทนอาจไม่จูงใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับภาระงานและความรับผิดชอบ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนบุคลากรและอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว
▪️ภาระงานที่หนักเกินไป: จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลรัฐมีภาระงานล้นมือ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนแฝง เช่น ค่าล่วงเวลา หรือการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
.
3. ปัญหาเชิงโครงสร้างและการบริหารจัดการ:🏦
▪️ข้อจำกัดด้านงบประมาณภาครัฐ: รัฐบาลมีงบประมาณจำกัดในการจัดสรรให้กับระบบสาธารณสุข ทำให้โรงพยาบาลไม่ได้รับงบประมาณที่เพียงพอต่อการดำเนินงานและพัฒนา
▪️การบริหารจัดการที่ไม่ยืดหยุ่น: โรงพยาบาลรัฐบางแห่งอาจมีข้อจำกัดในการบริหารจัดการงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
▪️การขาดประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้: โรงพยาบาลอาจมีปัญหาในการจัดเก็บรายได้จากผู้ป่วยบางกลุ่ม หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
.
4. ผลกระทบที่ตามมา:🧑‍⚕️
▪️โรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง: เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายรับต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินเพียงพอในการชำระหนี้ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ หรือค่าสาธารณูปโภค
▪️คุณภาพบริการอาจได้รับผลกระทบ: เมื่อโรงพยาบาลประสบปัญหาการเงิน อาจส่งผลต่อการจัดซื้อยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น หรือการพัฒนาบุคลากร ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพการรักษาพยาบาล
▪️บุคลากรหมดกำลังใจ: การทำงานภายใต้ภาวะขาดแคลนทรัพยากรและภาระงานที่หนัก อาจทำให้บุคลากรทางการแพทย์เกิดภาวะหมดกำลังใจและลาออก
.
🏥โดยสรุปแล้ว ปัญหาหนี้สะสมและการขาดทุนของโรงพยาบาลรัฐเป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งเรื่องของโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ ต้นทุนที่สูงขึ้น และการบริหารจัดการ ซึ่งต้องอาศัยการแก้ไขปัญหาเชิงระบบจากภาครัฐอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

 

🏥จริงๆ ตอนนี้ทาง สปสช. เตรียมตั้ง คณะกรรมการกลาง ศึกษาต้นทุนโรงพยาบาล เพื่อหาต้นทุนกำหนดปัญหา🧐#พร้อมย้ำไม่ล่ม
.
💊รวมทั้งศึกษาแนวโน้มความเป็นไปได้ต่างๆ ย้ำ บัตรทอง ยังไม่ล่ม แต่หากไม่ทำอะไรเลยระบบล่มอาจเกิดขึ้น
.

🧐ส่วนวิธีการแก้ไข หลายฝ่ายมีข้อเสนอที่น่าสนใจ เช่น

  1. ภาษีที่ถูกกำหนดให้ใช้กับสุขภาพเท่านั้น ที่ถูกจำกัดไว้ในการรักษาสุขภาพต้องมีกรอบกำหนดชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างเช่นที่เคยมี ภาษีบุหรี่ ซึ่งตรงนี้จะถูกกรอบกำหนดไว้ว่างบที่ได้รายได้จากการเก็บภาษีก้อนนี้จะเอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ใช้ในการสาธารณสุขเท่านั้น , ปัจจุบันไทยเรามีทั้งภาษีน้ำตาล และจะมีภาษีความเค็มตามมา ซึ่งทั้งความหวานและความเค็มก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังและกลายเป็นภาระของทางสาธารณสุข
  2. การมี copayment หรือการจ่ายร่วม ในกรณีที่ผู้ป่วยดูแลสุขภาพดีจะไม่จำเป็นต้องจ่าย หรือใครที่อยู่ในภาวะเสี่ยงจากที่ทำงานหรือสิ่งแวดล้อมอาจจะมีข้อละเว้น แต่หากใครไม่ดูแลสุขภาพก็จะเป็นเครดิตที่ทำให้ถูกหักและจำเป็นต้องจ่าย เป็นต้น
  3. เพิ่มการจ่ายเงินจาก 30 บาท เป็นเรทราคาต่างๆ ตามความหนักเบาของอาการหรือการรักษา อย่างเช่น ผู้ป่วยนอก 30 บาท, ผู้ป่วยในเหมาจ่าย 50 บาท ซึ่งแม้เงินที่ผู้ป่วยจ่ายจะดูน้อย แต่การที่จ่ายเล็กๆน้อยๆก็สามารถดูแลสถานพยาบาลเล็กๆ อย่าง รพ.สต. ให้มีงบดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพางบกลางหรือเงินอุดหนุน
  4. ป้องกันการสวมสิทธิ์ หรือต่างด้าวใช้สิทธิ์โดยไม่ได้จ่ายเงินซื้อสิทธิ์รักษาพยาบาล โดยทั่วไปแรงงานต่างด้าวหากต้องการใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลในไทยก็สามารถซื้อสิทธิ์จ่ายเงินไว้ได้ แต่ในกรณีต่างด้าวที่หนีสงครามเข้ามารักษาฟรีในไทย จะต้องมีวิธีแก้ไขในเชิง รัฐศาสตร์ระหว่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย
  5. ปราบปรามการทุจริตการเบิกยา หรือ บริการเกินงบจริง แม้ว่าในเคสของ สปสช. จะน้อยกว่าเคสการเบิกสิทธิ์รักษาข้าราชการนั้น การวางมาตรการป้องกัน และการลดการทุจริตจากช่องว่างเชิงนโยบายนั้นก็เป็นการอุดรูรั่วได้
    ข้างต้นนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น จะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้และกรอบระเบียบต่างๆ รวมถึงเงินงบที่จะต้องใช้

#ISANInsightAndOutlook #บ้านเมืองอีสาน
#บัตรทอง #30บาทรักษาทุกโรค #สปสช #โรงพยาบาลขาดทุน #หมอลาออก

 

จาก ผู้ป่วยอนาถา สู่ บัตรทอง คนป่วยล้มละลาย vs โรงพยาบาลขาดทุน จะเกิดอะไรถ้าคนไทยไม่มีบัตรทอง 30 บาท

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top