June 2023

พามาฮู้จัก“ทุเรียนเสิงสาง” ราชาผลไม้ของดีที่คนจีนแห่ซื้อ

พามาฮู้จัก“ทุเรียนเสิงสาง” ราชาผลไม้ของดีที่คนจีนแห่ซื้อ   ขึ้นชื่อว่า “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้ ที่เชื่อว่าทุกคนต่างชอบทุกเรียน ผลไม้ที่มีเอกลลักษณ์เฉพาะตัว และ 1 ปีก็มีให้หารับประทานเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีการทำทุเรียนนอกฤดูกันบ้างแล้วในหลายพื้นที่แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุดทุเรียนเสิงสาง ซึ่งกำลังมาแรงและได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจีนและคนไทยที่ชื่นชอบรับประทานทุเรียนเป็นอย่างมากจนแทบไม่พอขาย บางต้นมีการลงชื่อจับจองตั้งแต่ทุเรียนยังไม่แก่เลยก็มี สร้างรายได้ให้กับชาวสวนทุเรียนเป็นอย่างมาก   เรามาทำความรู้จักทุเรียนเสิงสางกัน  ทุเรียนเป็นทุเรียนของอำเภอเสิง จ.นครราชสีมา นั้นมีการปลูกมากนานแล้ว เพียงแต่อาจจะรู้จักกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ทั้งนี้เอกลักษณ์ที่สำคัญของทุเรียนเสิงสาง คือ เนื้อละเอียดเป็นครีม และกลิ่นไม่แรง แตกต่างจากทางภาคใต้ ภาคตะวันออก เนื่องจากมีกรดกำมะถันน้อย ก่อให้เกิดความร้อนน้อยกว่าทุเรียนทางภาคอื่นๆ เพราะฉะนั้นเวลาที่รับประทานเข้าไปก็จะมีอาการเรอได้น้อย ทำให้ทุเรียนของอำเภอเสิงสางกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ราคาจำหน่ายทุเรียนเสิงสาง ที่สวน จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 140 บาท   และล่าสุดที่อำเภอเสิงสาง มีเกษตรกรหันมาปลูกทุเรียนเป็นพืชหลักในพื้นที่ 6 ตำบล กำลังให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดแล้วกว่า 100 ไร่ และขณะนี้ทางอำเภอเตรียมที่จะผลักดันการปลูกทุเรียนให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้นในรูปแบบของเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้าทุเรียนเสิงสาง จะสร้างรายได้เข้าพื้นที่ปีละประมาณ 80-100 ล้านบาท   อย่างเช่นที่บ้านดงเย็น ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา สวนทุเรียนของนายธวัชชัย สายทองทิพย์ อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนที่รอเกษียณ ได้ปลูกทุเรียนเอาไว้เป็นจำนวนมาก บนเนื้อที่ 15 ไร่ โดยทำสวนทุเรียนแบบเบญจพรรณหลากหลายสายพันธุ์ และในช่วงนี้ทุเรียนของอำเภอเสิงสางกำลังออกผลผลิตพอดี ทำให้มีเข้ามากว้านซื้อทุเรียนในเขตอำเภอเสิงสางเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันอำเภอเสิงสางมีพื้นที่ปลูกทุเรียนไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่   ซึ่งปีนี้อากาศค่อนข้างร้อนจัด ทำให้ทุเรียนไม่ค่อยติดผล จึงมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดไม่มากและยิ่งประเทศจีนมีความต้องการทุเรียนไทยสูง ราคาจำหน่ายจึงค่อนข้างสูงตามไปด้วย ซึ่งล่าสุดเข้ามาติดต่อขอซื้อทุเรียนไปแล้ว ชุดแรกเกือบ 1 ตัน สร้างรายได้ให้อย่างงดงาม แต่ทางสวนก็ยังเหลือทุเรียนไว้อีก 1 ชุด เพื่อเอาไว้ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากชิมทุเรียนเสิงสางได้มาชิมลิ้มลองกันอีกด้วย   ทางด้าน นางอมรรัตน์ ขอนพุทรา เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรของสำนักงานเกษตรอำเภอเสิงสาง ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ปรับเปลี่ยนชนิดพืชที่จะนำมาปลูก ซึ่งเดิมเกษตรกรเคยปลูกแต่มันสำปะหลัง และเมื่อประสบปัญหาเรื่องโรคใบด่างระบาด เกษตรกรส่วนใหญ่จึงเริ่มหันมาปลูกทุเรียนในไร่มันสำปะหลังเพิ่มเติม จนปัจจุบันนี้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว    ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอเสิงสางได้จัดการอบรมให้ความรู้ในเรื่องการตัดทุเรียนด้วย โดยกำชับทุกสวนที่จะตัดทุเรียนไปจำหน่าย ให้ตัดเฉพาะที่แก่จัดเท่านั้นเพื่อตัดปัญหาการร้องเรียนเรื่องทุเรียนอ่อน รับประทานไม่ได้ ถือเป็นการรักษาคุณภาพมาตรฐานทุเรียนเสิงสางเอาไว้ด้วย   อ้างอิงจาก:  ฐานเศรษฐกิจ, ผู้จัดการออนไลน์   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ทุเรียน #ทุเรียนไทย #ทุเรียนเสิงสาง

พาส่องเบิ่ง 6 อันดับธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ แห่งภาคอีสานบ้านเฮา

อันดับที่ 1 บริษัท เคแพค อินเตอร์เทรด จำกัด รายได้รวม 970 ล้านบาท กำไรรวม 5.9 ล้านบาท จังหวัด ขอนแก่น . อันดับที่ 2 บริษัท สิรารมย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด รายได้รวม 541 ล้านบาท กำไรรวม 22 ล้านบาท จังหวัด นครราชสีมา . อันดับที่ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เกรียงศักดิ์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2003 รายได้รวม 463 ล้านบาท กำไรรวม 26 ล้านบาท จังหวัด ขอนแก่น . อันดับที่ 4 บริษัท อาณาสรา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รายได้รวม 397 ล้านบาท กำไรรวม 11 ล้านบาท จังหวัด นครราชสีมา . อันดับที่ 5 บริษัท ที สเปซ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด รายได้รวม 385 ล้านบาท กำไรรวม 31 ล้านบาท จังหวัด ขอนแก่น . อันดับที่ 6 บริษัท วนาทิพย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด รายได้รวม 340 ล้านบาท กำไรรวม 14 ล้านบาท จังหวัด นครราชสีมา . . หมายเหตุ: เป็นข้อมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย (รหัสประเภทธุรกิจ 68101) . . อ้างอิงจาก: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ #ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ #ธุรกิจ #Business #ธุรกิจอีสาน

พามาฮู้จัก “ เหล้าอีสาน ” ขายหมดโรงงาน 

พามาฮู้จัก “ เหล้าอีสาน ” ขายหมดโรงงาน    เช็กชื่อ ‘เหล้าไทย’ ขายหมดโรงงาน พิธา เอฟเฟค ‘สุราก้าวหน้า’ การผลักดัน “สุราก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล ทำ #สุราก้าวหน้า ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ ติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะเมื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เอ่ยถึงสุราพื้นบ้านไทย จนกลายเป็นไวรัลในเสี้ยววินาที ดันให้ขายเกลี้ยงในพริบตา     หลังจากนั้นเป็นต้นมา “เหล้าไทย” จากท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ เริ่มตื่นตัว เพจเฟซบุ๊ก ประชาชนเบียร์ อัปเดตสถานการณ์ สุราพื้นบ้าน ที่พบว่า ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ขายหมดแทบจะทุกโรงงาน อัปเดตรายชื่อ เหล้าอีสานกันเด้อจ้า   และเมื่อไม่นานมานี้ที่ร้านฮ็อปเบียร์ ซึ่งเป็นโรงเบียร์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ ถนนสืบศิริ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการคราฟต์เบียร์จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เกือบ 30 ราย เดินทางมาเรียนรู้การทำคราฟเบียร์ อย่างมืออาชีพ กับโรงเบียร์ ฮอบเบียร์ ภายหลังจากที่ พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ ได้มีการลงนาม MOU ผลักดัน นโยบายสุราก้าวหน้า ลดการผูกขาดจากกลุ่มทุนใหญ่ กระจายรายได้ สู่ผู้ประกอบการรายย่อยให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม   โดยมี ดร.ลำไพร ศรีธรรมมา เจ้าของโรงเบียร์ ฮอบเบียร์ และนายธนากร โพธิโต สรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา มาให้ความรู้ทั้งเรื่องของวิชาการด้านการทำคราฟต์เบียร์อย่างถูกวิธี และเรื่องการคำนวณภาษี อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการสอนภาคปฏิบัติ การทำคราฟต์เบียร์ และการทำสุราพื้นเมืองอย่างถูกวิธีอีกด้วย   นายนฤพนธ์ ทิพวงษ์ อายุ 27 ปี ชาว จ.น่าน หนึ่งในผู้สนใจลงทุนทำร้านคราฟเบียร์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตนเองสนใจทำคราฟเบียร์ เนื่องจากที่บ้านก็มีอาชีพทำนา ปลูกข้าว แต่ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำมาก จึงมีความคิดว่าถ้าสามารถนำข้าวมาแปรรูปเป็นเบียร์ได้ ก็จะสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรได้มาก  ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลว่า เยาวชนจะเข้าถึงได้ง่าย และเกิดนักดื่มรายใหม่เพิ่มขึ้นนั้น มองว่าทุกวันนี้ก็มีกฎหมายควบคุมไม่ให้จำหน่ายให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี อยู่แล้ว   ขณะที่นายธนากร โพธิโต สรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจเรื่องการทำโรงเบียร์ขนาดเล็ก ก็ต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายด้วย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 และกฎหมายลูก ที่เป็นกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ.2565 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถผลิตสุรา หรือเบียร์ จำหน่ายที่บ้านหรือในร้านได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศบังคับใช้ตามกฎหมาย เพราะต้องมีอีกหลายขั้นตอน  หากรัฐบาลมีการออกกฎหมายประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ทางกรมสรรพสามิตก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายที่รัฐบาลกำหนดทุกประการ   อ้างอิงจาก: ประชาชนเบียร์ pptvhd36 …

พามาฮู้จัก “ เหล้าอีสาน ” ขายหมดโรงงาน  อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง สุราก้าวหน้าคืออิหยัง ? ไผได้ประโยชน์ ?

พามาเบิ่ง สุราก้าวหน้าคืออิหยัง ? ไผได้ประโยชน์ ?   สุราก้าวหน้า หรือ ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า คือ เงื่อนไขในการขออนุญาตผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2560 ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ปี 2560 โดย พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ที่จะช่วยกระจายรายได้ให้ครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการขนาดย่อยทุกราย และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดรายได้แก่กลุ่มนายทุนใหญ่เพียงกลุ่มเดียว   ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ‘สุรา’ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทถูกผูกขาดการผลิตอยู่กับทุนรายใหญ่ เนื่องจากพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 กำหนดให้เพียงผู้ที่มีกำลังการผลิตปริมาณมากเท่านั้นที่จะสามารถขออนุญาตผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้    โดยการ “ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า” ที่นำเสนอโดย ส.ส.เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่พยายามเปิดช่องให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถขออนุญาตผลิตและจำหน่ายสุราได้ เนื่องจากกฎหมายเดิม มีการกำหนดขั้นต่ำทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ อาทิ การผลิตเบียร์ต้องจัดตั้งบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และต้องมีปริมาณการผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนลิตร การผลิตสุราขาว ซึ่งต้องผลิตจากโรงอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมต่ำกว่า 5 แรงม้าหรือใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าสู่วงจรธุรกิจ    ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าจึงมีดังนี้ เพิ่มรายได้เกษตรกร เบียร์-สุราหมักจากข้าว ไวน์ หมักจากพืชพรรณผลไม้ต่างๆ กฎหมายสุราก้าวหน้าจะทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร ช่วยให้เสริมศักยภาพและความสร้างสรรค์ ให้นักปรุงสุราจากพื้นที่ต่างๆ สามารถคิดค้นวิธีการของตัวเองให้เป็นสินค้ามูลค่าสูง กระตุ้นการท่องเที่ยว ช่วยให้แต่ละท้องถิ่นดึงเอกลักษณ์ของตัวเอง กระจายความน่าค้นหาของประเทศไทยไปสู่พื้นที่ต่างๆ กระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อย ในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดเท่ากัน ประมาณ 400,000 ล้านบาท/ปี ประเทศญี่ปุ่นมีผู้ประกอบการมากกว่า 20,000 ราย ในขณะที่ไทยแบ่งผลประโยชน์กันในผู้ประกอบการเพียง 7 รายใหญ่เท่านั้น ถ้าสามารถกระจายผลประโยชน์ไปสู่รายย่อยจะเสริมเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโต สร้างประเทศที่ไม่ผูกขาด พลังของประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ เอาชนะกลุ่มทุนผูกขาดได้ ผ่านกลไกสภาตามระบอบประชาธิปไตย   อ้างอิงจาก: กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐออนไลน์ https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2541371    ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สุราก้าวหน้า #สุราพื้นบ้าน #เหล้าไทย #สุราพื้นบ้านไทย  

พาส่องเบิ่ง นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายส่งเสริม SMEs ของว่าที่รัฐบาล ที่ส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับการบริโภค

อ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ที่ https://isaninsight.kku.ac.th/outlook อ้างอิงจาก: – การวิเคราะห์ข้อมูลโดย ISAN Insight & Outlook อ้างอิงข้อมูลจากพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ธุรกิจอีสาน #Business #นโยบาย #รัฐบาลชุดใหม่

พาส่องเบิ่ง 2 นโยบายของว่าที่รัฐบาล ที่ส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับการบริโภค

อ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ที่ https://isaninsight.kku.ac.th/outlook อ้างอิงจาก: – การวิเคราะห์ข้อมูลโดย ISAN Insight & Outlook อ้างอิงข้อมูลจากพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#ธุรกิจอีสาน #Business #นโยบาย #รัฐบาลชุดใหม่

มาเด้อ “วันข้าวและชาวนาปี 66”  จ.นครราชสีมา วันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  ลุยโปรโมททำนายุคใหม่ ขายคาร์บอนเครดิต 

มาเด้อ “วันข้าวและชาวนาปี 66”  จ.นครราชสีมา วันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  ลุยโปรโมททำนายุคใหม่ ขายคาร์บอนเครดิต    กรมการข้าว พร้อมจัดใหญ่ งาน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” 3 จังหวัด ขนทัพงานวิชาการทั่วประเทศ พร้อมเสิร์ฟถึงมือชาวนา เสวนาลดต้นทุนสู้ปุ๋ยแพง ทำนายุคใหม่ขายคาร์บอนเคดิต การใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมฯพร้อมจัดงาน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” ประจำปี 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวม 3 จังหวัด โดยไฮไลท์งานปีนี้ กรมการข้าวจะมีการรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว   โดยในจังหวัดนครราชสีมา จัดขึ้นที่ Korat Hall ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  นายอานนท์ นนทรีย์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวเสริมว่า ภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ , นิทรรศการเชิดชูเกียรติชาวนาและสถาบันชาวนา , นิทรรศการวิชาการ จากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน , การจัดเวทีเสวนาข้าวและชาวนาในหัวข้อเวทีเสวนา เรื่อง การลดต้นทุนการผลิตข้าวโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   นอกจากนี้จะมีการจำหน่ายสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์ โดยเป็นสินค้าประเภทข้าวสารและสินค้าแปรรูป , การแสดงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาด้านข้าวและชาวนาและการแสดงวัฒนธรรม 4 ภาค กิจกรรมสาธิตและแข่งขันส่งเสริมงานวิชาการในข้าวไทย ตลอดจนกิจกรรมการประกวดวาดภาพสีโปสเตอร์ ภายใต้หัวข้อข้าวและชาวนาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น , การประกวดงานศิลปะเรียงเมล็ดพันธุ์ข้าว ภายใต้หัวข้อ กสิกรรมนำไทยยั่งยืน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย     นางเนตรนภา หัตถ์ฐาปนวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับการจัดงานที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566 ภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ 91 พรรษา , ขบวนแห่อัญเชิญพระแม่โพสพ , การแสดงเปิดงานชุด ยอน้อมวันทา บูชาพระแม่โพสพ , การสาธิตจัดแสดงนวัตกรรมข้าวในรูปแบบต่าง ๆ , นิทรรศการและการสาธิตด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว , กิจกรรมการประกวดหนุ่มข้าวเหนียว สาวข้าวหอม ปี 2566 , กิจกรรมการแข่งขันกินข้าว ตลอดจนเปิดให้ช้อป ชม ชิม ผลิตภัณฑ์ข้าวจากกลุ่มชาวนาทุกภาค …

มาเด้อ “วันข้าวและชาวนาปี 66”  จ.นครราชสีมา วันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  ลุยโปรโมททำนายุคใหม่ ขายคาร์บอนเครดิต  อ่านเพิ่มเติม »

อีสานบนเริ่ดคักหลาย เอกชนบึงกาฬ ถก “กมธ.คมนาคม” หนุนขนส่งทางราง ดันสินค้าเกษตรบุกตลาดจีน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร

นายเจตน์ เกตุจำนง ประธานกลุ่มสหกรณ์การเกษตรฯจำกัด จังหวัดบึงกาฬ และที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะภาคเอกชนของจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า จากการได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับ คณะกรรมาธิการ(กมธ.) คมนาคม วุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีพลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ ได้รายงานข้อมูลด้านต่างๆของจังหวัดบึงกาฬ พร้อมเสนอแนะความต้องการในการสนับสนุนด้านการขนส่งโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางให้เกิดการเชื่อมโยงต่อกับโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเส้นทางบ้านไผ่ ถึงนครนครพนม ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ให้ผ่านบึงกาฬถึงหนองคาย เพื่อให้เกิดโครงข่ายเชื่อมโยงความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางขนส่งลดต้นทุนค่าขนส่ง เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจยางพาราของภาคอีสานตอนบนที่มีผลผลิตเป็นจำนวนมาก นายเจตน์ กล่าวอีกว่า จังหวัดบึงกาฬมีพื้นที่ปลูกยางพารามากที่สุดของภาคอีสาน มีผลผลิตปีละประมาณ 14,000 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยการขนส่งลงไปสู่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขนส่งไปยังตลาดยางพาราของเมืองกวางโจว หากสามารถขนส่งทางรางได้ จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งยางพาราลดลงและใช้เวลาประมาณ 5 วันจะถึงปลายทางเร็วกว่าระบบล้อ 3 วัน ลดต้นทุนค่าขนส่งประมาณ 20% นอกจากนี้ยังจะเอื้อประโยชน์ให้กับพื้นที่อื่นๆอีกได้อย่างมากมาย จากการติดตามข่าวด้านการขนส่งทางราง พบว่า มีบริษัทขนส่งเอกชนเปิดการขนส่งสินค้าทางรางไปเชื่อมต่อเข้ากับโครงการรถไฟจีน-ลาว ล่าสุด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดบริษัทลูกคือ บริษัท พาส พลัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PASS ได้เปิดทดลองการขนส่งสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือของ บริษัท ปตท. นอกจากนี้ยังมีตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นสำหรับบรรจุพืชผักผลไม้ การเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนไทย ไปยังตลาดกวางโจว ซึ่งเป็นตลาดเดียวกับยางพาราของไทย จึงมีความคิดที่จะมีการปรึกษาหารือกันในกลุ่มธุรกิจยางพาราในพื้นที่และใกล้เคียงว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ในการเปลี่ยนวิธีการขนส่งสินค้ายางพาราจากเดิม มาใช้การขนส่งทางระบบรางแทน ปัจจุบันยังไม่มีระบบรางผ่านพื้นที่บึงกาฬไปยังหนองคาย จะใช้วิธีบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ที่ต้นทางแล้ว บรรทุกรถยนต์ไปขึ้นรถไฟที่สถานีนาทา จังหวัดหนองคาย ซึ่งประหยัดเวลา ค่าขนส่งถูกกว่าระบบล้อ แล้วไปลงเรือที่ท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ทางจังหวัดได้จัดเตรียมพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ในบริเวณโครงการก่อสร้างสะพาน สำหรับจัดทำเป็นพื้นที่รวมกองสินค้าส่งออก (CY) ผ่านสะพานอยู่แล้ว ซึ่งสามารถขยายพื้นที่ได้อีกด้วย ทั้งนี้ คณะ กมธ.การคมนาคม ให้ข้อเสนอแนะว่าพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดชายแดน น่าจะมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในพื้นที่ จึงได้เสนอข้อมูลให้ กมธ.คมนาคมว่า จังหวัดบึงกาฬได้รับการคัดเลือกจาก การนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้เป็น 1 ใน 6 พื้นที่ที่เหมาะสมจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรม ในอนาคตน่าได้รับการสนับสนุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ และการจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเช่นพื้นที่ชายแดนอื่นๆ พร้อมกันนี้ได้เสนอข้อมูลก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ ซึ่งทางจังหวัดบึงกาฬได้จัดเตรียมพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทำการสำรวจศึกษาความเป็นไปได้แล้ว รวมทั้งรายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงสายอุดรธานี-บึงกาฬ และก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บ่อลิคำไซ) ณ เดือนมีนาคม 2566 ความก้าวหน้าอยู่ประมาณ 79% เร็วกว่ากำหนดประมาณ 1% อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/business/567472 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website …

อีสานบนเริ่ดคักหลาย เอกชนบึงกาฬ ถก “กมธ.คมนาคม” หนุนขนส่งทางราง ดันสินค้าเกษตรบุกตลาดจีน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง ร้านขายยาในภาคอีสาน

ในปี 2564 ภาคอีสานมีรายได้รวมของร้านขายยา อยู่ที่ 5,210 ล้านบาท และมีจำนวนร้านขายยา 771 แห่ง 5 อันดับจังหวัดที่มีรายได้รวมของงร้านขายยามากที่สุด อันดับที่ 1 ขอนแก่น มีรายได้รวม 1,439 ล้านบาท อันดับที่ 2 นครราชสีมา มีรายได้รวม 1,278 ล้านบาท อันดับที่ 3 อุดรธานี มีรายได้รวม 678 ล้านบาท อันดับที่ 4 อุบลราชธานี มีรายได้รวม 330 ล้านบาท อันดับที่ 5 สุรินทร์ มีรายได้รวม 202 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า ขอนแก่น มีรายได้รวมมากที่สุด เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาเป็นศูนย์การแพทย์และศูนย์การรักษาโรคที่เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่องในระดับภูมิภาคและประเทศชาติ เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคอีสาน อีกทั้งขอนแก่นยังถือว่าเป็นเมืองแห่ง Medical Hub ซึ่งมีเหตุผลหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดศักยภาพในด้านการรักษาโรค มีสถานพยาบาลและศูนย์การแพทย์ที่ครอบคลุมและมีความเชี่ยวชาญ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ของประชาชนในพื้นที่และภาคอีสาน หมายเหตุ: เป็นข้อมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจร้านขายปลีกสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์ (รหัสประเภทธุรกิจ 47721) อ้างอิงจาก: – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปีงบการเงิน 2564 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#ร้านขายยา #ธุรกิจ #PHARMACY #ธุรกิจอีสาน#Business #ฟาร์มาซี

ชวนเบิ่ง แนวทางการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับ SME ในภูมิภาคของประเทศไทย

ความสำคัญของการเงิน SME ในภูมิภาคของประเทศไทย? การเติบโตของธุรกิจ SME ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก จนกลายเป็น Growth Engine ที่มีส่วนสำคัญที่สุดที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 มูลค่าทางเศรษฐกิจของ SME คิดเป็น 35% ต่อมูลค่า GDP ของทั้งประเทศ หรือ 5.62 ล้านล้านบาท โดยมีสัดส่วนของภาคธุรกิจเป็น ภาคการบริการ 44% ภาคการค้า 31.4% และภาคการผลิต 22.6% ซึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ SME เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ การขยายตัวของการบริโภคครัวเรือนและภาคเอกชน การเติบโตของ E-commerce การเติบโตของภาคท่องเที่ยว รวมถึงนโยบายและมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ ของภาครัฐ นอกจากนั้นในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาพบว่าภาคธุรกิจ SME มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในปี 2565 SME เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 13% จากปี 2564 ซึ่งมีการเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตของภาคเศรษฐกิจโดยรวม นอกจาก SME จะมีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมอย่างสูง อีกทั้งการจ้างงานของธุรกิจ SME มีจำนวนประมาณ 13 ล้านคนซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 72% ของการจ้างงานทั้งประเทศนอก และหากมองในถึงภาคการส่งออกพบว่ามูลค่าการส่งออกของ SME อยู่ที่ประมาณ 684,000 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าการส่งออกของประเทศไทย การพัฒนาการให้บริการด้านเงินสำหรับ SME มีความสำคัญอย่างไร? 1. แก้ไขปัญหาการกีดกันทางการเงิน: ผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ชนบทมักเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงบริการทางการเงิน การเงิน SME มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาการกีดกันทางการเงินโดยการให้บริการทางการเงินที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของธุรกิจในชนบท 2. การส่งเสริมผู้ประกอบการในชนบท: SMEs ในชนบทมักได้รับแรงผลักดันจากผู้ประกอบการท้องถิ่นและมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนในชนบท ด้วยการจัดหาเงินทุน SME ในพื้นที่ชนบท สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการในชนบทและการสร้างงาน ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในชุมชนท้องถิ่น 3. การพัฒนาวิสาหกิจการเกษตรและชนบท: SMEs จำนวนมากในพื้นที่ชนบทมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเกษตรหรือวิสาหกิจในชนบท การเงิน SME ในพื้นที่ชนบทสนับสนุนภาคส่วนเหล่านี้โดยการจัดหาเงินทุนสำหรับปัจจัยการผลิตทางการเกษตร จะช่วยเพิ่มผลผลิต ความสามารถในการแข่งขัน และความยั่งยืนของธุรกิจในชนบท 4. การสร้างรายได้และการบรรเทาความยากจน: SMEs ในชนบทมักเป็นแหล่งรายได้และการดำรงชีวิตที่สำคัญของชุมชนในชนบท การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SME ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโต สร้างโอกาสในการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประชากรในท้องถิ่น 5. การพัฒนาที่ยั่งยืน: การเงิน SME ในพื้นที่ชนบทสามารถสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้เช่นกัน สามารถมุ่งสู่ความคิดริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเงิน SME ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 6. การพัฒนาภูมิภาคอย่างสมดุล: การส่งเสริมการเงิน SME ในพื้นที่ชนบทมีส่วนช่วยในการพัฒนาภูมิภาคอย่างสมดุล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในระดับภูมิภาคโดยนำทรัพยากรทางการเงินและโอกาสไปสู่ภูมิภาคชนบทที่ด้อยโอกาส สิ่งนี้นำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาที่เท่าเทียมกันมากขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบท ดังนั้น การพัฒนาด้านการให้บริการด้านการเงินสำหรับ SME หรือ SME …

ชวนเบิ่ง แนวทางการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับ SME ในภูมิภาคของประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top