พาเปิดเบิ่ง “งบบริหารจัดการน้ำ ปี 68” กว่า 111,392 ล้าน กระจายไปที่ไหนบ้าง

ในปีงบประมาณ 2568 งบประมาณที่จัดสรรให้กับโครงการโครงสร้างการบริหารจัดการน้ำ (เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย) มีจำนวนรวม 111,392 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นงบลงทุน และคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 20.5% ของงบลงทุนทั้งหมดของประเทศ งบประมาณส่วนใหญ่นี้มุ่งเน้นไปที่โครงการเกี่ยวกับระบบและสิ่งก่อสร้างเพื่อส่งน้ำหรือระบายน้ำ เช่น ประตูระบายน้ำ ฝาย และคลองส่งน้ำ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 73.1% ขณะที่งบประมาณสำหรับสิ่งก่อสร้างสำหรับกักเก็บน้ำ/หาแหล่งน้ำใหม่มีเพียง 7.2% เท่านั้น และที่น่าสังเกตคือ โครงการที่ระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการน้ำท่วมโดยเฉพาะ มีสัดส่วนเพียง 5.5% ของงบประมาณจัดการน้ำทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการจัดสรรงบประมาณยังคงเน้นการบริหารจัดการน้ำตามปกติ มากกว่าการลงทุนเชิงรุกเพื่อป้องกันและบรรเทาภัยพิบัตินั่นเอง

การกระจายตัวของงบประมาณตามพื้นที่พบว่างบจัดการน้ำจะเน้นลงไปยังจังหวัดใน ภาคอีสาน มากที่สุด เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนพื้นที่ชลประทานต่อพื้นที่เกษตรกรรมต่ำที่สุดในประเทศ เพียง 13.2% (เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ 22.9%) ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาฟ้าฝนอย่างหนัก

ในปีงบ 2568 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณจัดการน้ำมากที่สุดสองปีติดต่อกันคือ อุบลราชธานี โดยได้รับงบประมาณกว่า 3,422 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเป็นพื้นที่รับน้ำจากสองแม่น้ำสายหลักคือชีและมูล และเคยประสบอุทกภัยรุนแรงที่สุดในปี 2565 การทุ่มงบประมาณหลังภัยพิบัติในลักษณะนี้ สอดคล้องกับการที่รัฐบาลเริ่มหยิบยกโครงการก่อสร้างเขื่อน ‘แก่งเสือเต้น’ ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมในภาคเหนือนั่นเอง

10 จังหวัดที่ได้รับงบบริหารจัดการน้ำมากที่สุด

– อุบลราชธานี 3,421 ล้านบาท

– กาญจนบุรี 2,369 ล้านบาท

– กรุงเทพมหานคร 2,334 ล้านบาท

– สงขลา 2,326 ล้านบาท

– นครศรีธรรมราช 2,259 ล้านบาท

– นครราชสีมา 2,234 ล้านบาท

– เชียงราย 2,119 ล้านบาท

– นครพนม 2,020 ล้านบาท

– บุรีรัมย์ 2,009 ล้านบาท

– เชียงใหม่ 1,903 ล้านบาท

ในด้านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งงบประมาณส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของ กรมชลประทาน (58.2%) และ กรมโยธาธิการและผังเมือง (21.9%) ขณะที่งบประมาณถึง 88.3% ยังคงกระจุกตัวอยู่กับหน่วยราชการส่วนกลาง โดยมีงบประมาณที่ลงไปยังราชการส่วนจังหวัด/กลุ่มจังหวัดเพียง 4.5% และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพียง 3.8% เท่านั้น แม้ว่าบทเรียนจากน้ำท่วมหลายครั้งที่ผ่านมาจะชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการกระจายอำนาจการบริหารจัดการน้ำไปสู่ท้องถิ่นมากขึ้น แต่โครงสร้างการจัดการและการกระจายงบประมาณในปัจจุบันยังคงมีลักษณะกระจุกอยู่ศูนย์กลางแต่ละท้องที่

ความแตกต่างระหว่างแผนกับความเป็นจริง โดยคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้จัดทำ ‘แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ’ ที่มีกรอบวงเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบ 2568 มีกรอบวงเงินสูงถึง 440,431 ล้านบาท แต่เมื่องบประมาณผ่านกระบวนการจัดสรรจริง โครงการที่ได้รับงบประมาณกลับมีเพียงราว 1 ใน 4 เท่านั้น ซึ่งอยู่ที่ 111,392 ล้านบาท และหากพิจารณาจากข้อมูลปีงบ 2566 งบประมาณที่เบิกจ่ายได้จริงอยู่ที่ 77,875 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 23.3% ของวงเงินตามแผนที่ กนช. เสนอ การที่วงเงินตามแผนแตกต่างกับงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจริงค่อนข้างมากนี้ ทำให้เกิดความน่ากังวลว่า การบริหารจัดการน้ำในแต่ละปีจะยังคงสอดคล้องกับ ‘ยุทธศาสตร์’ ที่วางเอาไว้หรือไม่ และเป็นคำถามถึงประสิทธิภาพในการบูรณาการระหว่าง กนช. ในฐานะผู้วางยุทธศาสตร์ กับสำนักงบประมาณซึ่งเป็นฝ่ายพิจารณาตัดงบ ว่าสามารถจัดสรรให้งบประมาณไหลไปสู่พื้นที่ที่ต้องการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากน้อยเพียงใด

 

 

อ้างอิงจาก:

– 101 Public Policy Think Tank ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง

– PPTV Online

 

ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่

https://linktr.ee/isan.insight

 

#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #น้ำท่วมหาดใหญ่ #งบบริหารจัดการน้ำ #งบประมาณ #งบจัดสรรน้ำ #น้ำท่วมภาคใต้

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top