Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

สถิติ 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ปี 68

อุบัติเหตุลดลง 8% เสียชีวิตลดลง 37% บาดเจ็บลดลง 6%  สงกรานต์และการเดินทางในอีสาน ปี 68 นี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และได้รับความร่วมมืออย่างดีทั้งภาคประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน   วันนี้ (18 เม.ย. 68) เวลา 10.30 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 แถลงสรุปผลการดำเนินงานความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน 11 – 17 เม.ย. 68 พร้อมสั่งบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินการเชิงรุกร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเข้มข้นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนให้ครอบคลุมทุกมิติ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี มุ่งเน้นการลดปัจจัยเสี่ยงหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดและการไม่สวมใส่อุปกรณ์นิรภัย และให้ความสำคัญกับมาตรการดูแลความปลอดภัยรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการ/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน (11 – 17 เม.ย. 68) ของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 พบว่า จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ในช่วงควบคุมเข้มข้น ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการบูรณาการการดำเนินงานของทุกภาคส่วนในทุกระดับ โดยในปีนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้นำแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 และมาตรการเชิงรุกไปใช้ดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็น การประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ การกระตุ้นให้ประชาชนเคารพกฎจราจร การเพิ่มความเข้มงวดด้านความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ การคืนพื้นผิวจราจร การเปิดให้ใช้เส้นทางหลวงสายพิเศษต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบาปริมาณการสัญจรบนถนนสายหลัก การเพิ่มตั๋วโดยสารรถสาธารณะรถไฟและเครื่องบิน เพื่อลดปริมาณการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล รวมถึงการตั้งจุดตรวจ และชุดเคลื่อนที่เร็วของตำรวจ จุดบริการประชาชน และ ด่านชุมชน ทั่วประเทศ โดยในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินการด่านชุมชน จากการตั้งด่าน ณ ที่ตั้ง เป็นชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อลงไปเคาะประตูบ้าน และตรวจตราที่จุดจัดงานสงกรานต์ จุด zoning เล่นน้ำ และจุดที่มีการจัดงานประเพณี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการดำเนินการเชิงรุกที่ช่วยป้องปรามผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงและส่งผลช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนลดลง “ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับประชาชนอย่างเข้มข้นตลอดช่วง 7 วันที่ผ่านมา แม้ตอนนี้จะสิ้นสุดการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 แล้ว แต่ขอให้ทุกภาคส่วนและจังหวัดดำเนินการสร้างความปลอดภัยทางถนนให้พี่น้องประชาชนต่อเนื่อง โดยถอดบทเรียนการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ วิเคราะห์ข้อมูลในทุกมิติ เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการการดำเนินงานที่สามารถแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และร่วมมือกันบูรณาการการทำงานเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างใกล้ชิดและจริงจัง โดยใช้กลไกของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานคร ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ เขต (กทม.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับภาคประชาชน จิตอาสา และอาสาสมัครในพื้นที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทั้งด้านคน ยานพาหนะ ถนน และสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การแนะนำ ตักเตือน ป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดและการไม่สวมใส่อุปกรณ์นิรภัย การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์เนื่องจากเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด ควบคู่ไปกับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจ รวมไปถึงความตระหนักในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย เพื่อสร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน” นายอนุทิน […]

สถิติ 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ปี 68 อ่านเพิ่มเติม »

👀”อีสานฟีเวอร์” … เมื่อธรรมชาติปลุกพลังเศรษฐกิจ  พาเปิดเบิ่ง ขุมทรัพย์ “อุทยานแห่งชาติ” ในอีสาน ปี 67 สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 229 ล้านบาท🌳🕊️

🌳อุทยานแห่งชาติในไทยมีทั้งหมด 156 แห่ง โดยในจำนวนนี้รวมอุทยานแห่งชาติที่เตรียมการฯ 23 แห่ง ซึ่งมีรายได้รวมมากกว่า 2,198 ล้านบาท แต่ละที่จะมีที่เที่ยวต่างๆ ที่โดดเด่นและแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีอุทยานสวยงามไม่แพ้ภาคอื่น   “อีสานเขียว” พลิกโฉมเศรษฐกิจ เมื่อเสน่ห์ธรรมชาติเบ่งบาน สร้างรายได้ท่องเที่ยวทะยานกว่า 229 ล้านบาท ในปี 67  🕊️โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุทยานแห่งชาติอยู่ทั้งหมด 29 แห่งด้วยกัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 18.6% ของจำนวนอุทยานแห่งชาติทั้งหมดในไทย และมีรายได้รวมกว่า 229 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.4% ของรายได้อุทยานแห่งชาติทั้งหมดในไทย   หากลงไปดูข้อมูลยอดการจัดเก็บเงินอุทยานจะพบว่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่ง ด้วยยอดการจัดเก็บเงินอุทยานฯ สูงถึง 124.7 ล้านบาท และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 1.9 ล้านคน โดยความโดดเด่นของเขาใหญ่ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวระดับประเทศที่ผสมผสานความหลากหลายทางชีวภาพเข้ากับกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ยังคงเป็นดั่งแม่เหล็กที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของทั้งภูมิภาค   อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาให้ลึกลงไป จะพบว่าเสน่ห์ของอีสานไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เขาใหญ่เท่านั้น การผงาดขึ้นของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของ “อีสานเขียว” ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าประทับใจ “ภูหินร่องกล้า” จังหวัดเลย กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่สำคัญ ด้วยยอดการจัดเก็บเงินอุทยานฯ สูงถึง 14.5 ล้านบาท และมีจำนวนนักท่องเที่ยว 223,790 คน เช่นเดียวกับ “ภูกระดึง” ในจังหวัดเลย ที่สร้างรายได้ 13.7 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 66,941 คน ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า ความงามของธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละพื้นที่ กำลังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ที่แท้จริงและแตกต่างจากการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่   “จังหวัดเลย”…อัญมณีแห่งอีสานเหนือ การที่จังหวัดเลยมีแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆ หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นภูหินร่องกล้า ภูกระดึง หรือแม้แต่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ ที่สร้างรายได้ 3.6 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 78,909 คน ยิ่งตอกย้ำถึงศักยภาพอันโดดเด่นของจังหวัดนี้ในการก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ” ที่สำคัญของภาคอีสาน ภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาสูงตระหง่าน ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ไปจนถึงอากาศที่บริสุทธิ์และสดชื่น ได้กลายเป็นแรงดึงดูดอันทรงพลังที่เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาสัมผัสเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์นี้   การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในอีสานได้จุดประกายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ธุรกิจที่พัก” ที่ขยายตัวจากโรงแรมหรูและรีสอร์ทที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไปจนถึงโฮมสเตย์ที่มอบประสบการณ์การสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิด “ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม” ที่นำเสนอความอร่อยของอาหารพื้นถิ่นรสชาติต้นตำรับ ควบคู่ไปกับคาเฟ่บรรยากาศดีและอาหารริมทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ “ธุรกิจนำเที่ยวและกิจกรรม” ที่นำเสนอโปรแกรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การผจญภัยที่น่าตื่นเต้น หรือการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง รวมถึงกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับความงดงามของธรรมชาติ เช่น การเดินป่า การปีนเขา และการดูนก และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “ธุรกิจสินค้าที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ชุมช” ที่ช่วยสนับสนุนงานหัตถกรรม ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูป และของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังเป็นการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย   อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยวก็มาพร้อมกับความท้าทายในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ซึ่งรวมถึง การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ

👀”อีสานฟีเวอร์” … เมื่อธรรมชาติปลุกพลังเศรษฐกิจ  พาเปิดเบิ่ง ขุมทรัพย์ “อุทยานแห่งชาติ” ในอีสาน ปี 67 สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 229 ล้านบาท🌳🕊️ อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง 20 อันดับโรงงานใหม่ดาวรุ่งในอีสาน มูลค่าลงทุนรวมหลักหมื่นล้าน

ชื่อโรงงาน ประกอบธุรกิจ จังหวัด   เงินลงทุน   โครงการโรงไฟฟ้าแสงไทยพลังงาน การผลิตและการส่งไฟฟ้า อุดรธานี 2,884 ล้านบาท บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) การฆ่าสัตว์ (ยกเว้น สัตว์ปีก) ศรีสะเกษ 2,560 ล้านบาท บริษัท อาร์ อี เอ็น โคราช เอนเนอร์ยี่ จำกัด การผลิตและการส่งไฟฟ้า นครราชสีมา 2,000 ล้านบาท บริษัท ไทยพัฒน์  โซล่าร์ จำกัด การผลิตและการส่งไฟฟ้า สุรินทร์ 1,722 ล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานรุ่งเรือง 2 การผลิตและการส่งไฟฟ้า อุดรธานี 1,467 ล้านบาท บริษัท มหาสารคามพาวเวอร์ จำกัด การผลิตและการส่งไฟฟ้า มหาสารคาม 1,297 ล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานรุ่งเรือง 1 การผลิตและการส่งไฟฟ้า อุดรธานี 1,242 ล้านบาท สหกรณ์การเกษตรบัวใหญ่ จำกัด การสีข้าว นครราชสีมา 956 ล้านบาท บริษัท เอเซียโมดิไฟด์สตาร์ช จำกัด การผลิตและการส่งไฟฟ้า กาฬสินธุ์ 600 ล้านบาท บริษัท ราชสีมา กรีน สตาร์ช จำกัด การผลิตแป้งมันสำปะหลัง กาฬสินธุ์ 450 ล้านบาท บริษัท สยาม เอส.เอ. แพ็คเกจจิ้ง จำกัด การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป สุรินทร์ 408 ล้านบาท บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด การผลิตและการส่งไฟฟ้า นครราชสีมา 353 ล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัด วชิรกำพล ก่อสร้าง ผลิตแอสฟัลท์ติกคอนกรีต ขอนแก่น 251 ล้านบาท บริษัท รวมทวีมอเตอร์เซลล์ จำกัด ซ่อมรถยนต์ เคาะพ่นสีรถยนต์ ขอนแก่น 222 ล้านบาท บริษัท พนาพาวเวอร์ จำกัด การผลิตก๊าซที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ยโสธร 190 ล้านบาท บริษัท คอนเน็ค คาร์บอดี้ จำกัด ซ่อมตัวถังและสี ขอนแก่น 180 ล้านบาท บริษัท พัฒนาสิ่งเเวดล้อมและพลังงานไทย จำกัด  การจัดการน้ำเสีย

พาเปิดเบิ่ง 20 อันดับโรงงานใหม่ดาวรุ่งในอีสาน มูลค่าลงทุนรวมหลักหมื่นล้าน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐จำนวนผู้ป่วย HIV ในอีสาน ปี 67 จำนวนผู้ป่วยสะสมทะลุแสนคน🤧 .

สธ.เผยสถิติ ปี 68 ไทยติดเชื้อ HIV ใหม่ เกือบ 9 พันราย ป่วยสะสมแล้วกว่าครึ่งล้าน 😰 แนะป้องกัน! สวมถุงยางทุกครั้ง สธ. ชี้ปี 68 ไทยติดเชื้อ HIV ใหม่เกือบ 9 พัน ดับจากเอดส์ทะลุหมื่น สธ. เผยปี 68 คาดการณ์ติดเชื้อ HIV ใหม่เกือบ 9 พันราย เสียชีวิตจากเอดส์ทะลุหมื่น สะสมกว่า 5.6 แสนคน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ในประเทศไทย ประจำปี 2568 โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 8,862 คน ผู้ติดเชื้อHIVใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สธ. ยังระบุถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการติดเชื้อ HIV โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์สูงถึง 10,217 คน สำหรับ จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV สะสมที่ยังมีชีวิตอยู่ในประเทศไทย ณ ปี 2568 คาดการณ์ว่ามีจำนวน 568,565 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงภาระทางสาธารณสุขที่ยังคงมีอยู่ และความจำเป็นในการดำเนินมาตรการป้องกันและรักษาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้ประเทศไทยจะมีความพยายามในการควบคุมและป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อ HIV มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นในจำนวนที่น่าเป็นห่วง รวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง กระทรวงสาธารณสุข จึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงบริการตรวจหาเชื้อ HIV การรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ และการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้เสียชีวิต และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อ HIV ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป   พามาเบิ่ง🧐จำนวนผู้ป่วย HIV ในอีสาน ปี 67 จำนวนผู้ป่วยสะสมทะลุแสนคน🤧 . วินิจฉัย รายใหม่ (สะสม) PLHIV สะสม เสียชีวิต ณ ปีที่รายงาน นครราชสีมา 2169 16,797 792 ขอนแก่น 1918 14,967 796 อุดรธานี 1360 11,515 656 อุบลราชธานี 1157 9,655 473 บุรีรัมย์ 1144 7,961 502 สุรินทร์ 992 6,856 383 ร้อยเอ็ด 842 6,727

พามาเบิ่ง🧐จำนวนผู้ป่วย HIV ในอีสาน ปี 67 จำนวนผู้ป่วยสะสมทะลุแสนคน🤧 . อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐 “อีสาน” ครองแชมป์มีข้าราชการมากสุด🏦 ชวนมาเบิ่ง จังหวัดไหน “ข้าราชการ” แน่นที่สุด.

ภูมิภาค จำนวนข้าราชการ สัดส่วนข้าราชการ ต่างประเทศ 917 คน 0.1% กรุงเทพมหานคร 179,262 คน 13.0% ภาคเหนือ 242,990 คน 17.7% ภาคกลาง 296,633 คน 21.6% ภาคตะวันออก 60,652 คน 4.4% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 390,560 คน 28.4% ภาคใต้ 203,893 คน 14.8%   นครราชสีมา 41,254 คน ขอนแก่น 36,427 คน อุบลราชธานี 28,466 คน อุดรธานี 26,471 คน บุรีรัมย์ 24,281 คน สุรินทร์ 22,297 คน ศรีสะเกษ 21,310 คน สกลนคร  20,221 คน ชัยภูมิ 19,620 คน กาฬสินธุ์ 19,252 คน ร้อยเอ็ด 18,572 คน หนองคาย 17,324 คน นครพนม 16,902 คน ยโสธร 15,421 คน มหาสารคาม 14,323 คน อำนาจเจริญ 11,955 คน เลย 10,691 คน มุกดาหาร 9,550 คน หนองบัวลำภู 8,526 คน บึงกาฬ 7,697 คน หมายเหตุ: เป็นข้อมูลข้าราชการที่ไม่นับรวมข้าราชการทหารและทหารกองประจำการ ปี 2566   “อีสาน” ขุมพลังข้าราชการไทย  จากข้อมูลล่าสุด ปี 2566 พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนข้าราชการมากถึง 390,560 คน คิดเป็นสัดส่วน 28.4%ของข้าราชการทั่วประเทศทั้งหมด ตัวเลขนี้สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ภาคอีสาน รองลงมาคือ ภาคกลาง ที่มีจำนวนข้าราชการ 296,633 คน คิดเป็น 21.6% ตามด้วย ภาคเหนือ ที่มี 242,990 คน (17.7%) และ ภาคใต้ ที่มี 203,893 คน

พามาเบิ่ง🧐 “อีสาน” ครองแชมป์มีข้าราชการมากสุด🏦 ชวนมาเบิ่ง จังหวัดไหน “ข้าราชการ” แน่นที่สุด. อ่านเพิ่มเติม »

🙌🏻🌱พามาเบิ่ง “มหาวิทยาลัยสีเขียว” ในอีสานบ้านเฮา – ความยั่งยืนที่วัดได้♻️

ปัจจุบันแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญในระดับสากล หลายมหาวิทยาลัยทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่มาของ UI GreenMetric ระบบการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่คำนึงถึงความยั่งยืนและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม . การประเมินของ UI GreenMetric มีทั้งหมด 1,477 สภาบัน 95 ประเทศทั่วโลกและครอบคลุมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างพื้นฐาน (SI) ที่สะท้อนถึงพื้นที่สีเขียวและการออกแบบอาคารให้รองรับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานและการจัดการภาวะโลกร้อน (EC) ซึ่งพิจารณาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการขยะ (WS) ที่เน้นระบบคัดแยกและการลดขยะพลาสติก การบริหารจัดการน้ำ (WR) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ระบบขนส่งที่ยั่งยืน (TR) ที่มุ่งลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัวและสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ การศึกษาและวิจัยเพื่อความยั่งยืน (ED) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการสร้างความรู้และตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม . การจัดอันดับนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อเปรียบเทียบว่าใครทำได้ดีกว่ากันเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มหาวิทยาลัยเห็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น การได้รับคะแนนสูงในการจัดอันดับจึงเป็นสิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของสถาบันในการพัฒนาอย่างยั่งยืน . ปัจจุบันมหาวิทยาลัยหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยได้รับการจัดอันดับใน UI GreenMetric ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายและการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงตัวเลขในการจัดอันดับ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายในมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนบุคลากรทุกฝ่าย เพื่อให้แนวทางด้านความยั่งยืนเกิดขึ้นอย่างแท้จริงและส่งผลดีในระยะยาว . ที่มา: UI GreenMetric #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Environment #Earthday #วันคุ้มครองโลก #Social #GreenUniversity #UIGreenMetric #อีสานยั่งยืน

🙌🏻🌱พามาเบิ่ง “มหาวิทยาลัยสีเขียว” ในอีสานบ้านเฮา – ความยั่งยืนที่วัดได้♻️ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐 “ตติเวชกุล” สกุลทองคำแห่งอีสาน ตระกูลค้าทอง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่

ตระกูล ตติเวชกุล มีรายได้รวมกันราว 32,555.5 ล้านบาท คิดเป็น 53.0% ของทั้งภูมิภาค ชื่อบริษัท: บริษัท ห้างทองทองสวย จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2539 รายได้รวม (ล้านบาท): 18,611 (-13.7%) กำไร (ล้านบาท): 11 (25.5%) จำนวนสาขา: 13 สาขา รายชื่อกรรมการ นาย อุดม ตติเวชกุล นาง นัสริน ตติเวชกุล นาย วิศวพร ตติเวชกุล นาย วิชย ตติเวชกุล นางสาว วิรากานต์ ตติเวชกุล นาย วิชญ์พล ตติเวชกุล   ชื่อบริษัท: บริษัท ห้างทองแม่ทองพูล จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2543 รายได้รวม (ล้านบาท): 6,293 (+16.6%) กำไร (ล้านบาท): 2.8 (+36.6%) จำนวนสาขา: 13 สาขา รายชื่อกรรมการ นาย พิชัย ตติเวชกุล นางสาว พิมพ์พรรณ ตติเวชกุล นางสาว พิมพ์พร ตติเวชกุล   ชื่อบริษัท: บริษัท เอ็มทีพี โกลด์ จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2563 รายได้รวม (ล้านบาท): 1,113 (-0.4%) กำไร (ล้านบาท): 1.7 (+104.1%) รายชื่อกรรมการ นางสาว พิมพ์พรรณ ตติเวชกุล นาย พิชัย ตติเวชกุล นางสาว พิมพ์พร ตติเวชกุล   ชื่อบริษัท: บริษัท เอ็มทีพี บูลเลี่ยน จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2558 รายได้รวม (ล้านบาท): 6,539 (-27.6%) กำไร (ล้านบาท): 0.8 (-67.6%) รายชื่อกรรมการ นางสาว พิมพ์พรรณ ตติเวชกุล นาย พิชัย ตติเวชกุล นางสาว

พามาเบิ่ง🧐 “ตติเวชกุล” สกุลทองคำแห่งอีสาน ตระกูลค้าทอง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ อ่านเพิ่มเติม »

พาเลาะเบิ่ง จากเหนือจรดใต้ 3 อันดับจังหวัดที่มี GPP สูงสุดในแต่ละภูมิภาค

ใครคือ “แชมป์” GRP และเบื้องหลังขุมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย? จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภาค หรือ GRP ล่าสุดปี 2566 จะพบว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงครองบัลลังก์ความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 8,570,179 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 47.7% ของ GDP ทั้งประเทศ ตัวเลขนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการบริโภคของประเทศ อย่างไรก็ตาม การมีสัดส่วนที่สูงเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP ทั้งประเทศ ก็อาจเป็นประเด็นที่น่าพิจารณาถึงความสมดุลและความเสี่ยงของการพึ่งพาเศรษฐกิจในพื้นที่เดียว   ภาคตะวันออก รองแชมป์ ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 3,229,062 ล้านบาท คิดเป็น 18.0% ของ GDP ทั้งประเทศ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ   สำหรับภูมิภาคอื่นๆ ภาคอีสาน มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 1,808,413 ล้านบาท (10.1%), ภาคใต้ มี 1,437,591 ล้านบาท (8.0%), ภาคเหนือ มี 1,390,863 ล้านบาท (7.7%), ภาคกลาง (ที่ไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล) มี 881,689 ล้านบาท (4.9%), และ ภาคตะวันตก มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจน้อยที่สุดที่ 636,869 ล้านบาท (3.5%)   ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของขนาดเศรษฐกิจและโครงสร้างทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค ซึ่เป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายการพัฒนาที่แตกต่างกัน   เปิดขุมทรัพย์เศรษฐกิจรายจังหวัด 3 อันดับขนาดเศรษฐกิจสูงสุดแต่ละภูมิภาค ใครคือดาวเด่น ใครคือม้ามืด? ภาคเหนือ: เชียงใหม่นำทัพ ผนังเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากหลากหลายมิติ เชียงใหม่ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยขนาดเศรษฐกิจ 277,477 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อุตสาหกรรมหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และภาคเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รองลงมาคือ นครสวรรค์ (124,649 ล้านบาท) ซึ่งอาจได้รับอานิสงส์จากการเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง และ กำแพงเพชร (121,156 ล้านบาท) ที่อาจมีภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก   ภาคอีสาน: นครราชสีมาคือ “พี่ใหญ่” ขอนแก่นและอุบลฯ ตามติดด้วยศักยภาพที่แตกต่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี นครราชสีมา เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ด้วยขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 343,510 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากขนาดของจังหวัด จำนวนประชากร และการเป็นศูนย์กลางทางการค้า และการคมนาคมของภูมิภาค ขอนแก่น (225,107 ล้านบาท) ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยศักยภาพในด้านการค้า

พาเลาะเบิ่ง จากเหนือจรดใต้ 3 อันดับจังหวัดที่มี GPP สูงสุดในแต่ละภูมิภาค อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง “ม.ราชภัฏ” ในอีสาน ใครครองบัลลังก์นักศึกษาครูมากสุด

มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยสำคัญของประเทศที่มีการกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาคกว่า 38 แห่ง ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยมหาวิทยาลัยราชภัฎเป็นแหล่งผลิตบัณฑิตครูสำคัญของไทย โดยนักศึกษาครูมากกว่าครึ่งของประเทศมาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ   อีสานอินไซต์จึงขอพาดูจำนวนนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏในแต่ละแห่งว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และนักศึกษาเรียนครูสาขาอะไรมากที่สุด   ขุมพลังผลิตครูจากรั้ว “ม.ราชภัฏ” ทั่วไทย การศึกษาไทย “ครู” ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนอนาคตของชาติ แล้วใครคือผู้สร้างและบ่มเพาะ “ครูของแผ่นดิน” เหล่านี้?   ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศในปีการศึกษา 2567 พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศได้หล่อหลอมนักศึกษาครูมากถึง 74,250 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 48% ของจำนวนนักศึกษาครูทั้งหมดในประเทศ จำนวนนี้ตอกย้ำสถานะของมหาวิทยาลัยราชภัฏในฐานะ “หนึ่งในแหล่งผลิตครู” ของประเทศ   หากลงลึกในระดับภูมิภาค จะพบว่า ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีจำนวนนักศึกษาครูมากที่สุด ด้วยตัวเลขสูงถึง 30,175 คน จาก 11 สถาบันในภูมิภาคนี้ ตัวเลขนี้อาจสะท้อนถึงความต้องการครูที่สูงในพื้นที่ หรืออาจเป็นผลมาจากความเข้มแข็งและชื่อเสียงของคณะครุศาสตร์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏของภาคอีสาน รองลงมาคือ ภาคกลาง ที่มีนักศึกษาครู 22,614 คน จากจำนวนมหาวิทยาลัยที่มากถึง 14 แห่ง สะท้อนถึงความสำคัญของการผลิตครูในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีความหลากหลายทางการศึกษา ขณะที่ ภาคเหนือ มีจำนวน 15,416 คนจาก 8 มหาวิทยาลัย และ ภาคใต้ มีจำนวนนักศึกษาครูน้อยที่สุดที่ 6,045 คน จาก 5 มหาวิทยาลัย   หากลงไปดูมหาวิทยาลัยราชภัฏในภาคอีสาน พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยจำนวนนักศึกษาครูสูงสุดถึง 3,581 คน ตามมาด้วยสองสถาบันเก่าแก่และมีชื่อเสียงในภาคอีสานอย่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่มี 3,427 คน และ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ที่มี 3,242 คน ซึ่งถือว่าเป็น 3 อันดับมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีนักศึกษาครูมากสุดในประเทศ การที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏจากภาคอีสานครองอันดับต้นๆ ยิ่งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภูมิภาคนี้ในการผลิตครู   อย่างไรก็ตาม การที่ภาคอีสานมีจำนวนนักศึกษาครูมากที่สุด อาจเป็นผลดีในการตอบสนองความต้องการครูในภูมิภาค แต่ก็อาจนำมาซึ่งคำถามถึงการกระจายโอกาสทางการศึกษาและการบรรจุครูในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ จำนวนนักศึกษาครูในแต่ละมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ก็เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาถึงปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นขนาดของมหาวิทยาลัย ศักยภาพของคณะครุศาสตร์ หรือความต้องการครูในพื้นที่นั้นๆ   โดยตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการเป็นครู จำนวนนักศึกษาในปัจจุบันไม่ได้หมายถึงจำนวนครูที่จะเข้าสู่ระบบในอนาคต ทั้งอัตราการสำเร็จการศึกษา และความสามารถในการสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ข้อมูลนี้ยังจำกัดอยู่เฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งไม่ได้รวมถึงสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ที่มีการผลิตครูเช่นกัน     อ้างอิงจาก: – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม   ติดตาม ISAN Insight

พาเปิดเบิ่ง “ม.ราชภัฏ” ในอีสาน ใครครองบัลลังก์นักศึกษาครูมากสุด อ่านเพิ่มเติม »

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢

ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฮียบหงวนมิลเลอร์ จังหวัด: อุดรธานี ปีที่จดทะเบียน: 2500 อายุบริษัท: 68 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 10 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: จำหน่ายรถยนต์ ขายอะไหล่ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: จำหน่ายรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,918.5 (-28.8%) กำไร (ล้านบาท): 34.9 (-25%)   ชื่อบริษัท: บริษัท เมรัยชัยภูมิ จำกัด จังหวัด: ชัยภูมิ ปีที่จดทะเบียน: 2503 อายุบริษัท: 65 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 21 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่ง สุรา เบียร์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,279.2 (-2.3%) กำไร (ล้านบาท): 6.0 (+2,123.9%)   ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะฮั้วอุบล จังหวัด: อุบลราชธานี ปีที่จดทะเบียน: 2504 อายุบริษัท: 64 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 6 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายปลีกเบียร์ และสินค้าเบ็ดเตล็ด ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,309.1 (-7.1%) กำไร (ล้านบาท): 6.1 (-1.2%)   ชื่อบริษัท: บริษัท สหเรือง จำกัด จังหวัด: มุกดาหาร ปีที่จดทะเบียน: 2506 อายุบริษัท: 62 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 774 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ผลิตและขายส่งน้ำตาลทราย ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: โรงงานน้ำตาล รายได้รวม (ล้านบาท): 3,074.7 (+2.0%) กำไร (ล้านบาท): 462.1 (+6.1%)   ชื่อบริษัท: บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด จังหวัด: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2507 อายุบริษัท: 61 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 2,000 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: เข้าซื้อหุ้นในบริษัทอื่นและกิจการอื่น (บริษัทโฮลดิ้ง) ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายยานยนต์ รายได้รวม (ล้านบาท): 5,330.8 (-33.6%) กำไร

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢 อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top