Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

👀พาเปิดเบิ่ง ขุมทรัพย์สุราอีสาน🥃🧊💰 อีสานจ่ายภาษีสุรากว่า 12,090 ล้านบาท มาจากไหนบ้าง?

📊ในปี 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่าการจัดเก็บภาษีสุราทั้งหมดรวมกัน อยู่ที่ 12,090 ล้านบาท โดยจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการเก็บภาษีสุราได้มากที่สุด 3,219 ล้านบาท รองลงมา คือ จังหวัดอุบลราชธานี 2,977 ล้านบาท และหนองคาย 2,814 ล้านบาท ตามลำดับ   🏆🥃5 อันดับจังหวัดที่มีมูลค่าการจัดเก็บภาษีสุรามากสุด – ขอนแก่น 3,219 ล้านบาท คิดเป็น 26.6% – อุบลราชธานี 2,977 ล้านบาท คิดเป็น 24.6% – หนองคาย 2,814 ล้านบาท คิดเป็น 23.3% – บุรีรัมย์ 2,626 ล้านบาท คิดเป็น 21.7% – นครราชสีมา 391 ล้านบาท คิดเป็น 3.2% และจังหวัด อื่นๆ ที่เหลือ 64 ล้านบาท คิดเป็น 0.5%   จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าจังหวัดที่มีการจัดเก็บภาษีสุราสูงสุดคือ ขอนแก่น มูลค่ากว่า 3,219 ล้านบาท ตามมาด้วยอุบลราชธานี (2,977 ล้านบาท), หนองคาย (2,814 ล้านบาท) และ บุรีรัมย์ (2,626 ล้านบาท) โดยทั้ง 4 จังหวัดนี้ก็มีโรงงานผลิตและจำหน่ายสุรารายใหญ่แห่งอีสาน จะเห็นได้ว่าการกระจายตัวของรายได้ภาษีนี้ไม่ได้เป็นไปตามขนาดของจังหวัดเสมอไป  โดยการจัดเก็บภาษีสุราที่สูงเช่นนี้ แสดงให้เห้นถึงขนาดตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่และมีศักยภาพในภาคอีสาน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงผู้ประกอบการร้านอาหารและสถานบันเทิง ต่างได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม ต่างก็ต้องเผชิญกับภาระภาษีที่สูง ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดราคาและผลกำไร   มูลค่า 12,090 ล้านบาทที่ภาคอีสานสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสุราได้นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่จำนวนเงิน แต่ยังสะท้อนถึงปริมาณการบริโภคที่มหาศาล และขนาดของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภาคอีสาน📈   การทำความเข้าใจถึงประเภทของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมในแต่ละพื้นที่ ก็จะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สุราพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาจมีบทบาทสำคัญในบางจังหวัด ในขณะที่เบียร์และสุรากลั่นอาจเป็นที่นิยมในเขตเมืองหรือจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวสูง   ธุรกิจสุราในอีสานนั้นมีความเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจส่วนอื่นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต โรงงานผลิตเบียร์และสุรากลั่น ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เป็นแหล่งงานที่สำคัญในหลายจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหกรรมสนับสนุนอื่นๆ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง และการตลาด ที่ได้รับอานิสงส์จากธุรกิจสุรา   หรือแม้กระทั่งการค้าและการบริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหาร สถานบันเทิง และธุรกิจท่องเที่ยว เป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสร้างรายได้และกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจโดยรวม   อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจสุราจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคอีสาน แต่ก็ไม่อาจละเลยผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นได้ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากหรืออย่างไม่เหมาะสม นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพ อุบัติเหตุ […]

👀พาเปิดเบิ่ง ขุมทรัพย์สุราอีสาน🥃🧊💰 อีสานจ่ายภาษีสุรากว่า 12,090 ล้านบาท มาจากไหนบ้าง? อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง สถิติ “โรคแอนแทรกซ์” ในไทย หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกที่มุกดาหาร

(1) จากกรณีมีผู้ป่วยและเสียชีวิต 1 คน จากโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่ ต.เหล่าหมี อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร หลังเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2568 และเสียชีวิตในวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ทางอำเภอดอนตาล จะประกาศพื้นที่เฝ้าระวังในพื้นที่   ข้อมูลเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2568 พบว่ามีผู้ป่วยสะสม 2 ราย โดยมีกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส รวม 638 ราย แบ่งออกเป็นผู้ร่วมชำแหละเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ 36 ราย ผู้รับประทานเนื้อดิบ 472 ราย และผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ชำแหละ 130 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสได้รับยาป้องกันโรคครบแล้วทุกราย   นับว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคแอนแทรกซ์คนแรกของไทย และถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์ในไทยในรอบหลายปี   เหตุการณ์ที่ผ่านมาในไทย ในปี 2543 ยังพบการเกิดโรค 1 ครั้ง มีผู้ป่วยจำนวน 15 คน ขณะที่ในปี 2542 มีการเกิดโรค 4 ครั้ง มีผู้ป่วย 14 คน ทั้งนี้ ปีที่พบการระบาดมากที่สุดเกิดขึ้นในปี 2538 มีรายงานผู้ป่วย 102 คน และล่าสุดคือในปี 2560 มีรายงานพบผู้ป่วยชาย ซึ่งเป็นผู้ชำแหละแพะที่ตายแล้ว โดยสงสัยเป็นโรคแอนแทรกซ์ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก จนหาย และต่อมาสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้   (2) โรคแอนแทรกซ์คุกคามอีสาน  ปี 2568 นับเป็นปีที่สาธารณสุขไทยต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคแอนแทรกซ์ในจังหวัดมุกดาหาร โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าพื้นที่ภาคอีสานเริ่มเข้าสู่ภาวะเฝ้าระวังเข้มข้นทั้งในระดับพื้นที่ควบคุมโรคและพื้นที่ใกล้เคียง   แอนแทรกซ์คืออะไร? โรคแอนแทรกซ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสร้างสปอร์ที่ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและมีอายุยาวนาน เชื้อนี้สามารถแพร่สู่คนผ่านการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ การชำแหละ การบริโภคเนื้อดิบ หรือการสูดดมสปอร์เข้าสู่ปอด อัตราการเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาสูงถึง 80% โดยเฉพาะในรูปแบบแอนแทรกซ์ปอด   พื้นที่เฝ้าระวังโรคแอนแทรกซ์ในอีสาน อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร – เป็นจุดศูนย์กลางการระบาด พบผู้เสียชีวิตรายแรก และผู้ป่วยอีก 2 ราย จังหวัดยโสธร – ผู้ว่าราชการประกาศเตือนทั้ง 9 อำเภอ และมีการเน้นมาตรการป้องกันในชุมชน เช่น งดบริโภคเนื้อดิบ งดชำแหละสัตว์ป่วย จังหวัดอำนาจเจริญ – ตรวจพบผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อ และมีการสั่งปิดตลาดนัดโค-กระบือหลายแห่งในอีสานตอนล่าง เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ จังหวัดกาฬสินธุ์ – ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน แต่เฝ้าระวังเข้มเนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายปศุสัตว์จากพื้นที่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่โรคของ “สัตว์” เท่านั้น แต่คือภัยคุกคามที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย

พาส่องเบิ่ง สถิติ “โรคแอนแทรกซ์” ในไทย หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกที่มุกดาหาร อ่านเพิ่มเติม »

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น

#KKTCityupdate ชวนเจาะลึก บทสัมภาษณ์ กับ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น โดย #KhonkaenTalk ได้คุยกับทั้ง 5 ผู้สมัคร พร้อมด้วย 3 คำถามสำคัญของแนวนโยบาย วิสัยทัศน์ต่อการเข้ามาบริหารเทศบาลนครขอนแก่น เบอร์ 1 คุณวสันต์ ชูชัย อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1V4jFiVWUJ/ เบอร์ 2 คุณเต๊าะ นันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1UQ1Hzumhv/ เบอร์ 3 คุณแนน วรินทร์ เอกบุรินทร์ อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1AS1r3KZiw/ เบอร์ 4 คุณอ๊อฟ เบญจมาภรณ์  ศรีละบุตร อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1aBGC8xbbM/ เบอร์ 5 คุณฤทธิ์ ประสิทธิ์ ทองแท่งไท อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/19K99rkWh6/     นอกจากนั้น ISAN Insight เผย ข้อมูล น่าฮู้ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น อำเภอ เมืองขอนแก่น ขนาดพื้นที่ 46 ตร.กม. ประชากร 105,020 คน งบประมาณประจำปี 2566 ฿1.55 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย จัดเก็บเอง: 466.20 ล้านบาท รัฐจัดสรร: 699.30 ล้านบาท เงินอุดหนุน: 388.50 ล้านบาท พามาเบิ่ง เทศบาล ทั้งประเทศผ่าน เทศบาลใกล้ฉัน.site/ และเตรียมพบกับแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗲𝘅𝘁 𝟮𝟬𝟮𝟱 โดย กลุ่ม 𝙆𝙝𝙤𝙣 𝙆𝙖𝙚𝙣 𝘾𝙧𝙚𝙖𝙩𝙤𝙧𝙨 𝘾𝙤𝙡𝙡𝙚𝙘𝙩𝙞𝙫𝙚 และ 15 เพจพันธมิตร ผู้ติดตามกว่า 4 ล้าน ร่วมถ่ายทอด ดีเบตครั้งใหญ่! “เมืองขอนแก่นจะไปทางไหนต่อ?” 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗲𝘅𝘁 𝟮𝟬𝟮𝟱: เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น 2568     แหล่งข้อมูล: งบประมาณปี 2566 ของเทศบาลทั้งหมด 2472 แห่ง ขอบเขตของเทศบาลทั้งหมด 2472 แห่ง

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 14 ปีที่ผ่าน “แรงงานต่างด้าว” ในอีสานเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

ในปี 2567 ภาคอีสานมีจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานกว่า 75,193 คน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 2.2% จากจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งหมดในประเทศ หากนำข้อมูลไปเปรียบเทียบจำนวนแรงงานต่างด้าวเมื่อ 14 ที่ผ่านมามีจำนวนการเพิ่มขึ้นมากว่า 31,588 คน หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 72%   ข้อมูลจำนวนแรงงานต่างด้าวในภาคอีสานตลอด 14 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2554 – 2559 ตัวเลขค่อนข้างทรงตัว บางปีมีแนวโน้มลดลง ตัวเลขนี่อาจสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจในขณะนั้น ที่ยังพึ่งพาแรงงานภายในประเทศเป็นหลัก แต่แล้วในช่วงปี 2560 เป็นต้นมา มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมาเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2562 ก่อนที่จะชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2567 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้แสดงถึงปัจจัยภายนอกและภายในประเทศที่ส่งผลต่อความต้องการแรงงานต่างด้าวอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมบางประเภท การขาดแคลนแรงงานในบางสาขา หรือแม้แต่นโยบายการจ้างงานที่เปลี่ยนแปลงไป   หากดูเป็นรายจังหวัดจะเห็นได้ว่า แรงงานต่างด้าวในจังหวัดนครราชสีมาที่มีจำนวนสูงถึง 29,709 คนในปี 2567 และมีการเติบโตถึง 92% เมื่อเทียบกับปี 2554 ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของนครราชสีมาในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการค้าของภาคอีสาน ความต้องการแรงงานที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โครงการก่อสร้าง หรือภาคบริการ จึงดึงดูดแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านให้เข้ามาแสวงหาโอกาส    ในขณะเดียวกัน จังหวัดที่มีอัตราการเติบโตของแรงงานต่างด้าวสูงอย่างน่าตกใจ อย่างเช่น ชัยภูมิ (161%), บึงกาฬ (168%), มหาสารคาม (105%), และอำนาจเจริญ (421%) แสดงให้เป็นถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจในพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งอาจมีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือการเติบโตของภาคการเกษตรที่ต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นนั่นเอง   อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของแรงงานต่างด้าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายมิติด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านบวก คือ แรงงานต่างด้าวสามารถช่วยเติมเต็มตำแหน่งงานที่ขาดแคลน โดยเฉพาะงานที่คนไทยอาจไม่นิยมทำ หรือมีทักษะไม่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจช่วยลดต้นทุนด้านแรงงานในบางภาคส่วน ทำให้สินค้าและบริการมีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น   แต่หากในระยะยาว อาจเกิดผลกระทบต่อตลาดแรงงานในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือหรือกึ่งฝีมือ อาจมีการแข่งขันที่สูงขึ้น และอาจนำไปสู่ปัญหาการกดค่าแรง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรของประเทศ และภาระด้านสวัสดิการสังคม   ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ ก็สามารถเกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการแรงงาน บริษัทที่ให้บริการจัดหาแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย การฝึกอบรมภาษาและวัฒนธรรม การจัดการด้านเอกสารและวีซ่า จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจที่พักอาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวก ความต้องการที่พักอาศัยราคาที่ไม่สูง และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสำหรับแรงงานต่างด้าวจะเพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าและธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าและอาหารที่ตอบสนองความต้องการของแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ จะมีโอกาสเติบโตอีกด้วย     อ้างอิงจาก: – กรมการจัดหางาน สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business

พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 14 ปีที่ผ่าน “แรงงานต่างด้าว” ในอีสานเปลี่ยนไปมากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนเยอะแค่ไหน

พามาเบิ่ง อีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด แม้เกษียณก็ยังต้องทำงาน? แรงงานในภาคอีสานทำอาชีพในกลุ่มไหน ในระบบ นอกระบบ ภาคการเกษตร 2.8% 97.2% ภาคการค้า 39.3% 60.7% ภาคบริการ 56.0% 44.0% ภาคการผลิต 59.0% 41.0% ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานรวมประมาณ 40 ล้านคน แต่มีเพียง 19 ล้านคนเท่านั้นที่เป็นแรงงานในระบบ ส่วนอีกกว่า 21 ล้านคนยังคงเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งหมายความว่าแรงงานในกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการทางสังคมเทียบเท่ากับแรงงานในระบบ เมื่อเจาะลึกไปยังภาคอีสานซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนแรงงานมากเป็นอันดับสองของประเทศ กลับพบว่าภาคที่มีแรงงานนอกระบบมากที่สุด คิดเป็น 7.4 ล้านคน หรือ 35.4% ของแรงงานนอกระบบทั้งประเทศ ขณะที่แรงงานในระบบในภาคอีสานมีเพียง 2.3 ล้านคน หรือ 12.0% ของแรงงานในระบบทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าน้อยเกือบที่สุด เป็นรองเพียงภาคเหนือ หากพิจารณาภายในภูมิภาคเอง จะพบว่า แรงงานกว่า 76.4% ในภาคอีสานเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้านแรงงานที่ฝังรากลึก และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน แรงงานนอกระบบในภาคอีสานกว่า 72.7% กระจุกตัวอยู่ในภาคเกษตรกรรม หากพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งมีแรงงานภาคเกษตรประมาณ 12.6 ล้านคน พบว่าแรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนสูงถึง 5.4 ล้านคน หรือ คิดเป็น 42.6% ของแรงงานภาคเกษตรทั่วประเทศ แม้ว่าภาคอีสานจะมีแรงงานภาคเกษตรมากที่สุดในประเทศ แต่กลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาคการเกษตรได้เพียง 21.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRP) ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่าง “ปริมาณแรงงาน” กับ “มูลค่าผลิตภัณฑ์” ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการที่แรงงานจำนวนมากยังคงอยู่นอกระบบ สะท้อนถึงแนวโน้มที่ธุรกิจภาคเกษตในอีสานจำนวนไม่น้อยยังคงอยู่นอกระบบเศรษฐกิจเช่นกัน หากภาครัฐสามารถผลักดันให้ทั้งแรงงานและธุรกิจในกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มจำนวนแรงงานในระบบ และยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานได้ แนวโน้มแรงงานนอกระบบในช่วงวัยทอง (Silver/ Gold Age 50 ปีขึ้นไป) ที่ทำงานนอกระบบ จะกลายเป็นแรงงานสูงวัยนอกระบบ ผนวกกับแรงงานในระบบที่ต้องทำงานหลังเกษียณจากระบบ ยิ่งทำให้ตัวเลขนี้มีแต่จะเติบโตขึ้น ดังนั้น ปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งแรงงานนอกระบบที่มีมากกว่าในระบบ สังคมสูงวัย จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งจะเกิดปัญหา “แก่ก่อนรวย” แรงงานในระบบไม่มีแผนเกษียณหรือการวางแผนทางการเงินซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในเชิงครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจตามมา จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จึงต้องการการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการขยายวัยเกษียณการทำงานในระบบสำหรับคนที่สมัครใจอยากทำงาน และมีศักยภาพ เพื่อไม่ให้ตัวเลขแรงงานนอกระบบเพิ่มขึ้น การสร้างงานและการนำเทคโนโลยีทดแทนแรงงาน แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ในอีสานเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี และลดหลั่นลงมาตาช่วงอายุ ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะแก่แล้วก็ยังต้องทำงานอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ แม้แต่แรงงานในระบบเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณก็ยังต้องทำงานและไม่สามารถทำงานในระบบได้อีก จึงต้องมาทำงานนอกระบบมากขึ้น แรงงานในระบบทั่วประเทศจะมีมากกว่า 19 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านคน เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคม แม้ว่าแรงงานในระบบทั่วประเทศจะมีมากกว่า 19 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านคน เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคม เช่น ประกันสังคม

พามาเบิ่ง แรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนเยอะแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตลอด 20 ปี จังหวัดในอีสานเชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจด้านไหนบ้าง

ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยมีความแตกต่างกันทางภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดลักษณะการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพและความชำนาญที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ โดยรวมแล้วจะก่อให้เกิด “ความชำนาญ” ทางสาขาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การเกษตร อุตสาหกรรม หรือการท่องเที่ยว ที่แตกต่างกันไปกัน โดยในภาคอีสาน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำการเกษตรมากที่สุด หลายๆคนคงคิดว่าหลาย ๆ เศรษฐกิจของจังหวัดในอีสานคงจะมี ‘ความเชี่ยวชาญ’ ทางด้านการเกษตรสูงสุด แต่เมื่อมาวิเคราะห์ดูจริงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่เสมอไป ซึ่งแต่ละจังหวัดในอีสานจะเชี่ยวชาญในสาขาเศรษฐกิจใดบ้าง ติดตามได้ในส่วนถัดไป การจะพิจารณาว่าเศรษฐกิจรายสาขา ว่าสาขาใดบ้างที่แต่ละจังหวัดมีความเชี่ยวชาญนั้น ผู้เขียน “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” ได้ใช้ดัชนี Location Quotient หรือ LQ เป็นวิธีการคำนวณทางเศรษฐศาสตร์เพื่อใช้วัดความชํานาญของเศรษฐกิจเฉพาะถิ่นเพือเปรียบเทียบกับพื้นที่โดยรวม นอกจากนั้นได้ใช้การวิเคราะห์ที่เปรียบเทียบการเติบโตในระดับภูมิภาคกับการเติบโตในระดับประเทศเพื่อให้ครอบคลุมการวิเคราะห์ ผ่านเครื่องมือ D-shift โดยเป็นค่าที่อธิบายว่าเศรษฐกิจรายสาขาของจังหวัดหนึงมีความเติบโตเพิ่มขึนหรือลดลง ผลการวิเคราะห์คือ สาขาเกษตรกรรมมีเพียง 3 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร เท่านั้น ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานี้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ อาจเป็นจังหวัดดังกล่าวมีพื้นทีติดริมน้ำโขงและเหมาะกับการปลูกพืชผักในฤดูน้ำลด เนื่องจากดินจะมีสารอาหารมาก และบางพื้นที่ยังเหมาะกับการปลูกผลไม้อื่น นอกจากนั้นในสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ พบว่า จังหวัดเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี มีความเชี่ยวชาญในสาขาเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น มีความเชี่ยวชาญสาขาการผลิต และ อุดรธานี และอุบลราชธานี เชี่ยวชาญสาขาการขายส่งและขายปลีก กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม กลับพบว่าหลายจังหวัดในภาคอีสาน ไม่ปรากฏความเชี่ยวชาญและโดดเด่นในสาขาเศรษฐกิจใดเลย นำไปสู่ข้อสังเกตเชิงพัฒนา เช่น บางจังหวัดวางแผนการพัฒนาเป็นเกษตรทันสมัย แต่ไม่ปรากฏความเชี่ยวชาญและเติบโตด้านเกษตรเลย โดยประเด็นเหล่านี้ควรนำไปสู่การทำนโยบายและการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดให้เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญในพื้นที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า หมายเหตุ: เป็นการวิเคราะห์ความเชี่ยวชาญและการเติบโตของสาขาเศรษฐกิจแต่ละจังหวัดผ่านเครื่องมือ Location Quotient Index และ Differential Shift ตัวอย่างนี้เป็นเพียงบางประเด็นที่หยิบยกซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” เขียนโดย ผศ.ดร.จักรกฤช เจียวิริยบุญญา และ รศ.ดร.นรชิต จิรสัทธรรม ภายใต้คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเล่าถึงประเด็นทางเศรษฐกิจ ประเด็นทางสังคม แรงงาน และการเงินของภาคอีสานในช่วงพ.ศ. 2540 – 2560 เป็นหนังสือที่นักธุรกิจในอีสาน ผู้ที่สนใจด้านเศรษฐกิจสังคม นักศึกษา ไม่ควรพลาดแม้แต่ประการทั้งปวง หรือ บุคคลทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเศรษฐศาสตร์มาก่อน ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาและได้ความรู้จากของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างง่ายๆ โดยสามารถเข้าไปอ่านได้ฟรี! ทางเว็บไซต์ของอีสาน อินไซต์ หรือคลิกที่ที่ลิงก์ ที่มา: หนังสือ เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ หนังสือ “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” E-Book ฟรี เพื่อสาธารณะ

พามาเบิ่ง ตลอด 20 ปี จังหวัดในอีสานเชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจด้านไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง🥵สถิติภัยร้ายหน้าร้อน 🌡️”ฮีทสโตรก” คร่าชีวิตคนอีสานสูงสุดในประเทศ โดยเดือนเมษาฯ หนักสุด

⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567 24 ราย 18 ราย 57 ราย 12 ราย 7 ราย 8 ราย 37 ราย 63 ราย สถานการณ์ผู้เสียชีวิตในปี 2567 มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 63 ราย เพศชาย 54 ราย เพศหญิง 9 ราย   อายุระหว่าง 30 – 95 ปี (เฉลี่ย 62 ปี) ประกอบอาชีพรับจ้าง คิดเป็น 25%   ผู้เสียชีวิตอยู่ใน 31 จังหวัด อุดรธานี = 9 ราย ชัยภูมิ นครราชสีมา และศรีสะเกษ = จังหวัดละ 4 ราย ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และสมุทรสงคราม = จังหวัดละ 3 ราย ชลบุรี ชัยนาท ปราจีนบุรี แพร่ ลำปาง ลำพูน และสุราษฎร์ธานี = จังหวัดละ 2 ราย ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ นครนายก นครศรีธรรมราช น่าน ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา พะเยา มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ระยอง สมุทรปราการ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี = จังหวัดละ 1 ราย   สถานการณ์ในปี 2568 พบผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน “กลุ่มฮีทสโตรก” แล้วจำนวน 34 ราย โดยจังหวัดตราดมีอัตราป่วยสูงสุด รองลงมาคือ สระแก้ว ปราจีนบุรี เลย นครราชสีมา และแพร่

พาเปิดเบิ่ง🥵สถิติภัยร้ายหน้าร้อน 🌡️”ฮีทสโตรก” คร่าชีวิตคนอีสานสูงสุดในประเทศ โดยเดือนเมษาฯ หนักสุด อ่านเพิ่มเติม »

ร้อนบ่มื้อนี้?🥵เปิดเบิ่ง 11 จังหวัดในอีสานที่ทุบสถิติใหม่ “อุณหภูมิสูงสุด”🌡️

จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระหว่าง พ.ศ. 2494 – 2566 พบว่า ภาคอีสานเคยม่ีสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วงฤดูร้อน อยู่ที่ 44.1 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่พบว่ามีอุณหภูมิสูงที่สุด https://www.facebook.com/photo.php?fbid=700492755586687&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3 ⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥 . และเมื่อ 28 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา 11 จังหวัดเหล่านี้ ได้ทุบสถิติ อุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดตัวเองที่เคยบันทึกตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า ปีนี้เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมาในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การเป็นอยู่ และทรัพย์สินของประชาชนมากมาย อีกทั้งเวลาอีก 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีวี่แววว่าอากาศของฤดูร้อนจะลดน้อยลงไปเลย . ซึ่งผลที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2567 นี้อาจจะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงเพิ่มมากขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งก็สามารถทำลายสถิติในปี 2559 จึงทำให้ทั่วโลกต้องเตรียมพร้อมในการรับมือต่อปรากฏการณ์ของเอลนีโญที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจังในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ . และเมื่อกลางปีที่แล้ว นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาประกาศว่ายุคโลกร้อน (Global Warming) สิ้นสุดลงแล้ว และพวกเรากำลังเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) โดยมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น . ในขณะที่ รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช จากคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทย คาดว่า อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการคาดการณ์ล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) . “ภาพฉายปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็คือ ภายใต้การดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนานาประเทศ ปรากฏว่าเมื่อครึ่งศตวรรษ อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นอีกประมาณ 2.7 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม ตรงนี้ก็เป็นประเด็น เพราะหากเราลองคิดภาพอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 2.7 องศาในเดือนเมษายน มีความเป็นไปได้สูงมากเลยว่าอุณหภูมิสูงสุดมันจะเหวี่ยงเกินกว่าระดับ 50 องศาเซลเซียส” รศ.ดร.วิษณุ กล่าว . จากข้อมูลสถิติย้อนหลังและการคาดการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ เราได้ข้อสรุปแล้วว่า ปีนี้ได้ทำลายสถิติไปหลายพื้นที่ และหวังว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไข เพื่อไปให้ปีหน้าทำลายสถิติไปมากกว่านี้ . หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2567 ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา bbc news : สำรวจชีวิตจริงที่ “ร้อนแบบอยู่ไม่ได้” ของคนจนไทยในยุคโลกเดือด . ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight

ร้อนบ่มื้อนี้?🥵เปิดเบิ่ง 11 จังหวัดในอีสานที่ทุบสถิติใหม่ “อุณหภูมิสูงสุด”🌡️ อ่านเพิ่มเติม »

⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥

หากพูดถึงสภาพอากาศของโลกในปัจจุบัน พูดได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากสภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในหลายๆ ที่ทั่วโลก ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งที่ขั้วโลกเกิดการละลายตัว อย่างรวดเร็ว รวมถึงระบบนิเวศตามธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบ.จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสาเหตุให้เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความสำคัญ เพราะเนื่องจากปรากฏการณ์นี้จะเป็นตัวกำหนดสภาพอากาศต่างๆ บนพื้นโลก ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และขณะนี้ปรากฏการณ์เอลนีโญก็ได้กลับมาอีกครั้ง และเป็นครั้งที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา.ปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2567 นี้อาจจะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงเพิ่มมากขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งก็สามารถทำลายสถิติในปี 2559 จึงทำให้ทั่วโลกต้องเตรียมพร้อมในการรับมือต่อปรากฏการณ์ของเอลนีโญที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจังในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้.อีสานอินไซต์จะพาไปย้อนดูว่า ที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน “ร้อนมากที่สุด” กี่องศา?.ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระหว่าง พ.ศ. 2494 – 2566 พบว่า ภาคอีสานเคยม่ีสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วงฤดูร้อน อยู่ที่ 44.1 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่พบว่ามีอุณหภูมิสูงที่สุด..จากข้อมูลสถิติย้อนหลังและการคาดการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ เรามาติดตามกันต่อว่า ปีนี้จะทำลายสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วง 70 ปีที่ผ่านมาได้หรือไม่..อ้างอิงจาก:– ศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา– Krungsri Plearn Plearn.ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsight #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #อุณหภูมิสูงที่สุด #อุณหภูมิสูง #ฤดูร้อน #ร้อน #ปรากฏการณ์เอลนีโญ #เอลนีโญ #โลกร้อน #ภัยแล้ง   พาย้อนเบิ่ง ในช่วงกว่า 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน “เคยหนาวสุด” มากแค่ไหน

⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥 อ่านเพิ่มเติม »

ปลุกกระแส “กินของไทย ใช้ของไทย” พามาฮู้จัก MiT (Made in Thailand)

Made in Thailand (MiT) เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จะช่วยลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย และกระจายรายได้สู่ประชาชนในทุกระดับ   ปีงบประมาณ 2565 มีบริษัทสมาชิกได้งานถึง 1,600 บริษัท รวมมูลค่ากว่า 102,000 ล้านบาท   ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียน MiT แล้วกว่า 5,000 กิจการ ครอบคลุมมากกว่า 60,000 รายการสินค้า กลุ่มสินค้าที่ได้รับการรับรองมากที่สุด อุปกรณ์งานก่อสร้าง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก เครื่องปรับอากาศ ปูนซีเมนต์   สินค้าที่ได้ใบรับรอง MiT ในภาคอีสาน (หน่วย: รายการ) นครราชสีมา 846  ขอนแก่น 321  บุรีรัมย์ 261 กาฬสินธุ์ 193 ชัยภูมิ 187 ศรีสะเกษ 167 อุบลราชธานี 155 หนองบัวลำภู 136 สุรินทร์ 132 ร้อยเอ็ด 123 มหาสารคาม 113 สกลนคร  104 เลย 101 บึงกาฬ 99 นครพนม 86 อุดรธานี 67 ยโสธร 60 อำนาจเจริญ 37 หนองคาย 36 มุกดาหาร 35    ที่มา: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ประชาชาติธุรกิจ และมติชนออนไลน์

ปลุกกระแส “กินของไทย ใช้ของไทย” พามาฮู้จัก MiT (Made in Thailand) อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top