มาฮู้จัก 10 เทรนด์ EdTech in 2023 เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่
มาฮู้จัก 10 เทรนด์ EdTech in 2023 เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ . . 1. Personalized Learning การเรียนการสอนให้มีความเฉพาะบุคคล เลือกเรียนได้ตามความสนใจ เมื่อผู้เรียนแต่ละคนมีอัตราการเรียนรู้หรือความสนใจเนื้อหาที่ต่างกันออกไป การสอนด้วยวิธีการเดียวอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรเพราะบทเรียนไม่ได้สนองตอบต่อผู้เรียนเป็นรายบุคคล ดังนั้น การเรียนการสอนยุคใหม่จึงถูกปรับให้มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้นยกตัวอย่างแพลตฟอร์มความบันเทิงต่าง ๆ ที่ต้องนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมแต่ละคน การนำเสนอบทเรียนเฉพาะบุคคลจะช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ได้ดีกว่า การนำเสนอบทเรียนเดียวแก่ผู้เรียนหลายคน . ผู้พัฒนาโปรแกรมการเรียนรู้หรือออกแบบการเรียนการสอนจึงอาศัยการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ผู้เรียนสำหรับการออกแบบบทเรียนที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียนแต่ละคน ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชาได้ตามความสนใจ ติดตามความคืบหน้า และโฟกัสไปที่จุดอ่อนของตัวเองได้อย่างตรงจุดมากขึ้นจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่จะเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในช่วงปีนี้ . 2. Subscription-based Model for Learning การเรียนรู้แบบสมาชิกรายเดือนหรือรายปี และเรียนกี่วิชาก็ได้ภายในระยะเวลาที่เป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งต่างจากการเรียนออนไลน์แบบเดิมที่ผู้เรียนต้องเลือกชำระเงินเรียนทีละรายวิชาและต้องเรียนให้จบเพื่อรับใบประกาศนียบัตร จึงเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลองเรียนหลาย ๆ วิชา และเข้าถึงเนื้อหาสื่อการเรียนรู้ของคอร์สหรือหลักสูตรได้ทั้งหมด และผู้เรียนมีสิทธิ์ที่จะสามารถเปลี่ยนไปเรียนคอร์สอื่นกลางคันหรือข้ามไปยังบทเรียนอื่นได้ ซึ่งถือว่าผู้เรียนมีความยืดหยุ่นและตัวเลือกในการเรียนมากขึ้นกว่าเดิม . 3. Hybrid Learning / Blended Learning การเรียนแบบผสมผสานรูปแบบใหม่ ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้เทคโนโลยีการศึกษาบูมขึ้นมา ทำให้สถานศึกษาทั่วโลกต่างต้องหันมาสอนทางออนไลน์กันมากขึ้น และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย หลาย ๆ โรงเรียนก็เริ่มใช้การสอนแบบ Hybrid Learning ที่ครูอาจารย์สอนในห้องที่มีนักเรียนอยู่ที่โรงเรียน พร้อมกับถ่ายทอดสดไปยังผู้เรียนออนไลน์ที่อยู่ทางบ้าน ลักษณะการเรียนการสอนรูปแบบนี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะความยืดหยุ่นที่ไม่ยึดติดกับข้อจำกัดเรื่องสถานที่ . 4. Nano Learning / Bite-sized Learning การให้เด็กเรียนรู้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ต่อครั้ง แบ่งย่อยเนื้อหาเป็นส่วน ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถรับข้อมูลขนาดกำลังพอดีผ่านสื่อการเรียนรู้ในเวลาที่จำกัดได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 2 – 10 นาที ทำให้ผู้เรียนเข้าใจและเรียนรู้เนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการถ่ายทอดบทเรียนเป็นชั่วโมงซึ่งอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าจากการใช้สมาธิต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานได้ . เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะช่วง Gen Z ที่คุ้นเคยกับการเสพสื่อคอนเทนต์สั้น ๆ อาจเนื่องด้วยค่าเฉลี่ยระยะเวลาความสนใจของคนที่ลดลง ดังนั้น ในปี 2023 นี้คาดว่าน่าจะมีคนที่หันมาเรียนในรูปแบบ Nano Learning หรือ Bite-sized Learning กันมากขึ้น . 5. Gamification ฝึกทักษะแก้โจทย์ปัญหา พัฒนาทักษะและเรียนรู้ผ่านเกม เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น พัฒนาทักษะและเรียนรู้ผ่านเกมได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด อีกทั้งยังช่วยทบทวนความจำและทำให้เรื่องยาก ๆ เข้าใจได้ง่าย ตอบโจทย์วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กระตุ้นผู้เรียนให้บรรลุเป้าพร้อมกับได้รับฟีดแบ็กทันที . การใช้เกมกับการเรียนรู้ไม่ได้ใช้แค่ในเฉพาะกลุ่มนักเรียนในสถานศึกษา แต่ยังรวมไปถึงการใช้ฝึกพนักงานตามบริษัทด้วย เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนทุกช่วงวัยต่างชอบเล่นเกมด้วยความรู้สึกท้าทายอยากเอาชนะในแต่ละด่าน เมื่อเกมเข้ามาเป็นตัวกลาง ก็ทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกเพลิดเพลิน และรู้สึกมีส่วนร่วมกับบทเรียนมากยิ่งขึ้นไปด้วย . 6. Augmented Reality & Virtual Reality ใช้ AR และ VR จำลองบทเรียนหรือแนวคิดที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น …
มาฮู้จัก 10 เทรนด์ EdTech in 2023 เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ อ่านเพิ่มเติม »