Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

ชวนเบิ่ง “ตั้งงี่สุน” อาณาจักรซูเปอร์สโตร์รายใหญ่แห่งภาคอีสาน

ตั้งงี่สุน ถือเป็นซูเปอร์สโตร์ขึ้นชื่อ ที่ทำธุรกิจมาอย่างยาวนานในอุดรธานี และที่สำคัญ ตั้งงี่สุนยังมีรายได้มากถึง 3.7 พันล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ตั้งงี่สุนเกิดมาจากร้านโชห่วยเล็ก ๆ ในจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น ต้นกำเนิดของตั้งงี่สุนมาจากอากงของ คุณมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตั้งงี่สุน ที่แบกเสื่อผืนหมอนใบจากเมืองจีนมาตั้งรกรากอยู่ที่อุดรธานี และประกอบอาชีพขายสินค้าเบ็ดเตล็ดในรูปแบบร้านโชห่วยค้าส่ง-ค้าปลีกมาอย่างยาวนาน จนในปี 2530 ตั้งงี่สุนได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจจากร้านยี่ปั๊วที่ขายสินค้าให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าแบบค้าส่งแบบดั้งเดิม ที่บริการส่งสินค้าถึงร้านค้าของลูกค้าที่ซื้อสินค้าในราคาส่ง สู่ร้านซูเปอร์สโตร์ที่มีการจัดวางสินค้าบนเชลฟ์ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาเดินเลือกซื้อในร้านและขนสินค้ากลับไปกันเอง ซึ่งการปรับเปลี่ยนครั้งนั้นถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับวงการค้าส่งในประเทศไทย ที่ยังไม่มียี่ปั๊วคนไหนกล้าที่จะทำ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากคุณแม่เสาวลักษณ์ ซึ่งเป็นภรรยาของคุณพ่อปรีชา วีระรัตนโรจน์ ลูกชายของอากง ที่แต่งงานมาช่วยกิจการได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศและสังเกตเห็นร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศ ซึ่งมีรูปแบบเป็นร้านโชห่วยขนาดใหญ่ และมีเชลฟ์วางสินค้าให้ลูกค้าได้หยิบเลือกเอง ไฮเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศนี้เอง ทำให้คุณแม่เสาวลักษณ์ได้นำมาปรับใช้กับตั้งงี่สุนธุรกิจของพ่อสามี ซึ่งในตอนแรกที่มีการปรับร้านใหม่ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าค้าส่งว่า ไม่ได้รับความสะดวกสบาย เพราะต้องเดินทางมาซื้อสินค้าเอง แทนการโทรมาสั่งสินค้าจำนวนมาก ๆ และเรื่องนี้คุณแม่เสาวลักษณ์ได้แก้เกมว่า การเดินทางมาซื้อเองที่ร้านตั้งงี่สุนจะสามารถซื้อสินค้าในจำนวนเท่าไรก็ได้ จะซื้อเพียง 1 ชิ้นก็ขาย นอกจากนี้ ตั้งงี่สุนยังมีการนำระบบไอทีมาใช้ในการชำระค่าสินค้า เพื่อให้ราคาสินค้าเป็นราคาเดียวกันทั้งหมด แม้ใครจะเป็นคนขายก็ตาม เพื่อขจัดปัญหาเดิมที่เคยเป็นอยู่คือราคาที่ขายให้กับลูกค้าแต่ละคนไม่เท่ากัน และการปรับเปลี่ยนนี้ได้กลายเกิดเป็นต้นแบบที่ทำให้ตั้งงี่สุนผ่านร้อนผ่านหนาวในการแข่งขันจากคู่แข่งที่เป็นเชนสโตร์ได้จนถึงวันนี้ สิ่งที่ทำให้ “ตั้งงี่สุน” ประสบความสำเร็จตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คืออะไร?? กลยุทธ์ราคาที่ทั้งแถมและถูก ราคาขายสินค้าปกติส่วนใหญ่มีราคาจำหน่ายต่ำกว่าร้านค้าอื่น ๆ ที่เป็นไฮเปอร์ เพราะราคาสินค้าถูก เป็นเหมือนแรงจูงใจชั้นดี ที่ทำให้โชห่วยเข้ามาซื้อสินค้าในร้านตั้งงี่สุนแทนคู่แข่ง และกลยุทธ์การตั้งราคาสินค้านี้ยังเชิญชวนลูกค้าทั่วไปให้มาซื้อสินค้าปลีกในตั้งงี่สุนเช่นกัน นอกจากราคาที่ถูกแล้ว ยังมีกลยุทธ์ในการดึงดูดร้านค้าด้วยกลยุทธ์แถมสินค้าเพิ่มเข้าไป โดยในระยะเริ่มแรกของกลยุทธ์นี้ จะเน้นแถมสินค้าคนละ Category กับสินค้าที่จำหน่าย และสินค้านั้นเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นให้กับร้านโชห่วย เพื่อให้ร้านโชห่วยนำสินค้าไปขายต่อได้ หรือเป็นสินค้าที่คิดว่าลูกค้าทั่วไปจะสามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยตั้งงี่สุนใช้วิธีการมัดสินค้าที่แถมรวมกับสินค้าที่จำหน่าย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น และลดความยุ่งยากในการที่ต้องให้ลูกค้านำใบเสร็จไปรับสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ทำเลที่ตั้ง ตั้งงี่สุน มีทำเลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ ที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก และจังหวัดอุดรธานียังติดกับหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดติดชายแดน เลย หนองบัวลำภู และอื่น ๆ ทำให้ตั้งงี่สุนไม่ได้มีลูกค้าเฉพาะในอุดรธานีเท่านั้น แต่ยังมีลูกค้าจากจังหวัดอื่น ๆ ที่เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าไปขายปลีกต่อ โดยในปัจจุบัน ตั้งงี่สุนมีสัดส่วนลูกค้าจากอุดรธานี 85% ลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียง 10% และอีก 5% ที่เหลือเป็นลูกค้าจากประเทศลาวและเวียดนาม นอกจากนี้ตั้งงี่สุนยังใช้กลยุทธ์ ไม่ต้องขยายสาขามากเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหารการจัดการ แต่อยู่ในพื้นที่ที่ลูกค้าเดินทางสะดวก โดยสาขาแรกของตั้งงี่สุนอยู่ในตัวเมือง เจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในเมือง ส่วนสาขาที่สองอยู่ที่ถนนอุดร-เลย ห่างจากสาขาแรกประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักที่เดินทางสะดวก เจาะกลุ่มลูกค้าอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการฝ่ารถติดเข้ามาซื้อสินค้าจากตั้งงี่สุนในตัวเมืองอุดรธานี ศึกษาลูกค้าจากซัปพลายเออร์ ด้วยความเป็นร้านค้าในจังหวัดอุดรธานี การศึกษาเทรนด์ของผู้บริโภคจึงมาจากการพูดคุย ขอคำแนะนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเซลส์ของซัปพลายเออร์ เพื่อหาสินค้าและแคมเปญต่าง ๆ มาทำให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อไปซื้อข้อมูลจากบริษัท Research เพื่อมาทำตลาด ทั้งนี้ แม้การทำธุรกิจในวันนี้ตั้งงี่สุนอาจจะเจอคู่แข่งที่มากหน้าหลายตาที่เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีกและค้าส่ง แต่เพราะการปรับตัวเสมอของตั้งงี่สุน ทำให้ตั้งงี่สุนยังคงเป็นซูเปอร์สโตร์ที่มีการเติบโตจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงทุกวันนี้ อ้างอิงจาก: https://marketeeronline.co/archives/115022 https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0415543000517 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน […]

ชวนเบิ่ง “ตั้งงี่สุน” อาณาจักรซูเปอร์สโตร์รายใหญ่แห่งภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง “จิ้งหรีด” โปรตีนทางเลือกในอนาคตที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจในภาคอีสาน แต่ละจังหวัดเป็นจังใด๋แหน่

ความมั่นคงทางอาหารและความนิยมในกลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future food) สามารถสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในภาคอีสาน ความต้องการอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับประสิทธิภาพการผลิตอาหารที่เริ่มชะลอตัวลงซึ่งกำลังกระทบกับความสามารถในการเข้าถึงอาหาร รวมถึงความมั่นคงทางอาหารในแต่ละประเทศ โปรตีนจากแมลงมีการเติบโตมากที่สุดในกลุ่มโปรตีนทางเลือกต่างๆ และมีการขยายตัวของมูลค่าตลาด และผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โปรตีนทางเลือกที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ โปรตีนจากแมลง และควบคู่ด้วยเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง แต่การเพาะเลี้ยงแมลงที่ข้อได้เปรียบชัดเจน คือไม่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี หรือ R&D ในการผลิตที่สูง รวมถึงการที่ตลาดมีการขยายและรองรับการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โปรตีนจากแมลงจึงเป็นอุตสาหกรรมที่เหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตที่สุด การเพาะเลี้ยงแมลงมีความต้องการในการใช้ทรัพยากรการผลิตที่น้อย รวมถึงยังมีการปล่อยก๊าซเรือน กระจกในระดับที่น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตโคเนื้อ ประกอบกับสินค้าแปรรูปของแมลง เช่น ผงจิ้งหรีด เป็นสินค้าจําพวกโปรตีนที่มีมูลค่าสูง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก ซึ่งที่ตั้งของไทยยังสะท้อนจุดแข็งในการเป็นฐานผลิตอุตสาหกรรมแมลง จากการที่เป็นแหล่งอาศัยของแมลงหลายชนิด และอยู่ใกล้กับตลาดผู้บริโภค แมลงที่กระจุกตัวในเอเชียตะวันออก โดยสินค้าแปรรูปของแมลง จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบพิเศษสําหรับการประกอบอาหาร ซึ่งจะเป็นกลุ่มอาหารโปรจีนที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น อีสานเป็นแหล่งที่เหมาะสมในการเป็นฐานผลิตแมลง ทั้งจากปัจจัยด้านสถานที่ตั้ง สภาพอากาศ รวมถึง ด้านต้นทุนที่อยู่ในจุดที่เหมาะสมกับภูมิภาคอื่น ​​สถานที่ตั้งและสภาพอากาศของไทย โดยเฉพาะภาคอีสานเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงกินได้ รวมถึงเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหลักกว่า 80% ของประเทศ อีกปัจจัยที่สนับสนุนโดยภาคอีสานมีฟาร์มจิ้งหรีดจำนวนมากที่สุด เป็นเพราะการใช้กากการของมันสำปะหลังที่สามารถทดแทนอาหารเพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นวิธีการลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก อีสานยังเผชิญความท้าทายในอุตสาหกรรมแมลงอยู่ 2 ประเด็นหลัก คือ การที่ผลิตภัณฑ์ยังออกมาในรูปของสินค้าขั้นต้น ยังงขาดการแปรรูป และการบริโภคแมลงยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ผลิตภัณฑ์จากแมลงในปัจจุบันของไทย ยังอยู่ในรูปของสินค้าขั้นต้นเป็นหลัก เช่น แมลงแช่แข็ง และแมลงทอด ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้น้อย โดยการยกระดับอุตสาหกรรมแมลง ควรมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถสร้างมูลเพิ่มได้มากขึ้น เช่น การแปรรูปเป็นผงหรือสารสกัดจากแมลง ข้อจํากัดหลักของตลาดอาหารจากแมลง คือ การขยายตัวของเขตเมือง ซึ่งอ้างอิงจากงานวิจัยของญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของสังคมเมืองกระทบกับการรับรู้และความคุ้นเคยในการบริโภคแมลง และทำให้ความต้องการบริโภคแมลงลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบอีสานกับภูมิภาคอื่น อีสานมีการขยายตัวของเขตเมืองที่ช้ากว่า ซึ่งสะท้อนความเหมาะสมในการเป็นแหล่งเพาะเลี้ยง ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากแมลง อ้างอิงจาก: www.thaicricketdb.com #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ผลิตภัณฑ์จากแมลง #แมลงแช่แข็ง #ธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม #แมลงทอด #อาหารแห่งอนาคต #โปรตีนจากแมลง #อุตสาหกรรมแมลง

พาส่องเบิ่ง “จิ้งหรีด” โปรตีนทางเลือกในอนาคตที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจในภาคอีสาน แต่ละจังหวัดเป็นจังใด๋แหน่ อ่านเพิ่มเติม »

ซอมเบิ่ง 8 อันดับธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษาที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน เปลี่ยนไปจังใด๋แหน่ในช่วง 3 ปี

อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/ranking #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจที่มีรายได้รวมมากที่สุด #อันดับธุรกิจที่มีรายได้รวมมากที่สุด #ธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษา

ซอมเบิ่ง 8 อันดับธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษาที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน เปลี่ยนไปจังใด๋แหน่ในช่วง 3 ปี อ่านเพิ่มเติม »

ภาคอีสาน 5 อันดับ ผลผลิตทางการเกษตร อิหยังหลายที่สุด ?

ภาคอีสาน 5 อันดับ ผลผลิตทางการเกษตร อิหยังหลายที่สุด ? ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรรวมสูงสุด 5 อันดับแรก ปี 2564 คือ 1. มันสำปะหลังโรงงาน โดยจังหวัดที่ทำผลผลิตมากที่สุดคือ จ.นครราชสีมา 5,507,286 ตัน 2. ข้าวนาปี โดยจังหวัดที่ทำผลผลิตมากที่สุดคือ จ.อุบลราชธานี 1,436,095 ตัน 3. ยางพารา โดยจังหวัดที่ทำผลผลิตมากที่สุดคือ จ.บึงกาฬ 208,058 ตัน 4. ข้าวนาปรัง โดยจังหวัดที่ทำผลผลิตมากที่สุดคือ จ.กาฬสินธุ์ 171,382 ตัน 5. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจังหวัดที่ทำผลผลิตมากที่สุดคือ จ.นครราชสีมา 501,133 ตัน อ้างอิงจาก: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ผลผลิตอีสาน #นครราชสีมา #อุบลราชธานี #บึงกาฬ #กาฬสินธุ์

ภาคอีสาน 5 อันดับ ผลผลิตทางการเกษตร อิหยังหลายที่สุด ? อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 10 อันดับธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด ที่มีรายได้รวมมากที่สุด ในภาคอีสาน

อ้างอิงจาก: CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจที่มีรายได้รวมมากที่สุด #อันดับธุรกิจที่มีรายได้รวมมากที่สุด #ธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม #ธุรกิจเกี่ยวกับรีสอร์ท #ธุรกิจเกี่ยวกับห้องชุด

ชวนเบิ่ง 10 อันดับธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด ที่มีรายได้รวมมากที่สุด ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อยู่หม่องใด๋ จะแข่งขันอิหยัง ? สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน

อยู่หม่องใด๋ จะแข่งขันอิหยัง ? สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน เว็บไซต์ DBD DataWarehouse+ ซึ่งรวบรวมข้อมูลนิติบุคคลที่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยดัชนีโอกาสหรือคะแนนที่บ่งบอกถึงโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย 5 อันดับ จังหวัดในภาคอีสานที่มีดัชนีโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยสูงสุด 1. เลย ค่าดัชนี 0.94 กลุ่มยานยนต์ 2. หนองบัวลำภู ค่าดัชนี 0.88 กลุ่มส่วนประกอบของยานยนต์ 3. มหาสารคาม ค่าดัชนี 0.87 กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร 4. หนองคาย ค่าดัชนี 0.87 กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 5. อำนาจเจริญ ค่าดัชนี 0.85 กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ น่าสนใจว่า 4 จาก 20 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และอุดรธานี มีโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยประเภท ‘ส่วนประกอบของยานยนต์’ สูงที่สุด เช่นเดียวกับอีก 4 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม มุกดาหาร ชัยภูมิ และสุรินทร์ ที่มีโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยประเภท ‘วัสดุอุตสาหกรรม และเครื่องจักร’ สูงที่สุด อ้างอิงจาก : DBD DataWarehouse+ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ดัชนีโอกาส #โอกาสทางธุรกิจ #เลย #หนองบัวลำภู #หนองคาย #มหาสารคาม #อำนาจเจริญ

อยู่หม่องใด๋ จะแข่งขันอิหยัง ? สำรวจดัชนีโอกาสทางธุรกิจที่สูงสุดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง เส้นทาง “กลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ” อาณาจักรโรงงานน้ำตาลรายใหญ่ในภาคอีสาน

ปี 2549 เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานโดยลงเสาเอกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2549 และทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 บนพื้นที่มากกว่า 2,600 ไร่ และเริ่มปรับพื้นที่ ขุดสระน้ำดี บ่อน้ำเสีย และบ่อน้ำวน เป็นโครงการเริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจการผลิตน้ำตาลทรายจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ กำลังการผลิตที่ได้รับอนุญาตที่ 8,117 ตันอ้อย/วัน ตามมติคณะรัฐมนตรี กากอ้อยที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลถือเป็นของเสียที่ทิ้งไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหาร จึงได้ก่อตั้ง บริษัท เอราวัณเพาเวอร์ จำกัด ขึ้น เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 ด้วยทุนจดทะเบียน 166 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากชีวมวล(กากอ้อย) และพลังงานไอน้ำ เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ปี 2550 เริ่มทำการหีบอ้อยได้ผลผลิตเป็นน้ำตาลทรายดิบ เป็นปฐมฤกษ์ในฤดูกาลผลิต 2550/2551 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2550 เริ่มก่อตั้งบริษัท เอ็น.อี.โลจิสติกส์ จำกัด เมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2550 ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เดิมดำเนินกิจการเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจขนส่งอ้อย น้ำตาล และสินค้าอื่น ๆ ของบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด แต่ในปัจจุบันประกอบธุรกิจทั่วไปเกี่ยวกับด้านการขนส่งและขน ถ่ายสินค้าภายในประเทศ โดยควบคุมระบบการติดตามรถขนส่งสินค้าตลอดเส้นทางการเดินรถที่ทันสมัย และปลอดภัยจากอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งให้บริการซ่อมแซม บำรุงรักษา ตรวจสอบ ยานพาหนะทุกประเภท โดยช่างผู้ชำนาญการ ปี 2551 ในฤดูกาลผลิตปี 2551/2552 บริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้เพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมเป็น 20,117 ตันอ้อย/วัน และบริษัทเอราวัณเพาเวอร์จำกัด ได้ขยายกำลังการผลิตเป็น 16 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้า ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 500 ตัน/ชั่วโมง ปี 2556 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 700 ล้านบาท และได้ติดตั้งหม้อไอน้ำเพิ่มอีก 1 ลูก อีกทั้งยังเพิ่มกำลัง การผลิตพลังงานไฟฟ้าเป็น 72 เมกะวัตต์ และผลิตไอน้ำ ได้ 800 ตัน/ชั่วโมง ปี 2557 นอกจากใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแล้ว บริษัทฯ ยังคำนึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยติด ตั้งระบบดักฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ของหม้อน้ำแต่ละชุด เป็นแบบ Multicyclone และ Electrostatic Precipitator(ESP) เพื่อป้องกันการปลดปล่อยฝุ่นและก๊าซต่าง ๆ ออกสู่บรรยากาศ

พามาเบิ่ง เส้นทาง “กลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ” อาณาจักรโรงงานน้ำตาลรายใหญ่ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง รายได้รวมของนิติบุคคล ในภาคอีสาน ปีงบการเงิน 2564

ในปี 2564 รายได้รวมของนิติบุคคลในภาคอีสานอยู่ที่ 1,773,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% จากปี 2563 เนื่องจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชน และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการ มีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการหลายธุรกิจได้ปรับตัวให้เข้ากับการดำเนินชีวิต วิถีใหม่ (New normal) และการทำงานจากที่บ้าน (Work from home) มีธุรกิจบางประเภทที่ได้รับประโยชน์ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/area/overview #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #รายได้รวมของนิติบุคคล

พาส่องเบิ่ง รายได้รวมของนิติบุคคล ในภาคอีสาน ปีงบการเงิน 2564 อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 2 บริษัทใหญ่ระดับโลกที่มีฐานที่ตั้งในภาคอีสาน เป็นจั่งใด๋แหน่

อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0305543000810 https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0105530039056 https://www.auctionhouse.co.th/blog/post/casio_history/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #คาสิโอ #ฮิตาชิ #นครราชสีมา #นาฬิกา #บริษัทใหญ่ระดับโลก

ชวนเบิ่ง 2 บริษัทใหญ่ระดับโลกที่มีฐานที่ตั้งในภาคอีสาน เป็นจั่งใด๋แหน่ อ่านเพิ่มเติม »

รายได้จากการท่องเที่ยวในภาคอีสาน เป็นจั่งใด๋ ?

รายได้จากการท่องเที่ยวในภาคอีสาน ✈️ เป็นจั่งใด๋ ? 🌟 ปี 2565 (มกราคม – พฤศจิกายน) ภาคอีสานมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 49,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 192.97% จากปี 2564 (มกราคม – พฤศจิกายน) ที่มีรายได้ 16,822 ล้านบาท โดยรายได้หลักยังคงมาจากคนในประเทศ 5 จังหวัดภาคอีสาน ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด ปี 2565 เทียบกับ ปี 2564 อันดับ 1. นครราชสีมา 8,714 ล้านบาท | 4,923 ล้านบาท อันดับ 2. ขอนแก่น 8,438 ล้านบาท | 2,252 ล้านบาท อันดับ 3. อุดรธานี 5,417 ล้านบาท | 1,687 ล้านบาท อันดับ 4. บุรีรัมย์ 5,311 ล้านบาท | 1,237 ล้านบาท อันดับ 5. หนองคาย 2,950 ล้านบาท | 641 ล้านบาท จะเห็นว่า ปี 2565 การท่องเที่ยวในภาคอีสานมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากรัฐบาลเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่แนวโน้มดีขึ้น ทำให้ทุกๆจังหวัดมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยหลังจากนี้ ในปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะมีจำนวนประมาณ 20.0 – 24.0 ล้านคน หรือกลับมาคิดเป็นสัดส่วน 50.0%-60.0% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นในภาพรวมน่าจะฟื้นตัวได้ดี แต่ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด สำหรับการใช้จ่ายของชาวต่างชาติเที่ยวไทยสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องในปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 0.84 – 1.01 ล้านล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปยังต่ำกว่าปี 2562 จากหลายปัจจัย ทั้งความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ กลุ่ม Younger Travelers กลุ่มที่เดินทางแบบ Backpacker และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งมีผลต่องบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในปี 2566 แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะมากขึ้น แต่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าก่อนการระบาดของโควิด และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ทั่วถึง ด้วยสภาพแวดล้อมของตลาดยังมีปัจจัยท้าทายหลากหลาย โดยเฉพาะปัจจัยความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างในสหรัฐฯและยุโรปหลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของรายได้และการมีงานทำ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออก รวมถึงปัญหาค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูง

รายได้จากการท่องเที่ยวในภาคอีสาน เป็นจั่งใด๋ ? อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top