จากเสียงปืนสู่โต๊ะเจรจา ไทย–กัมพูชา กับเดิมพันหยุดความรุนแรงในเวที GBC
สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังเหตุปะทะที่ช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของทหารกัมพูชา และส่งแรงกระเพื่อมถึงระดับผู้นำทั้งสองประเทศ ความขัดแย้งที่ก่อตัวจากข้อพิพาทเรื่องแนวเขตแดนและการเคลื่อนไหวของกำลังพล ได้ทำให้เกิดการเจรจาหลายรอบในระดับทหารและการทูต เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงจะบานปลาย
การหารือครั้งสำคัญเริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่ช่องจอม โดยผู้บัญชาการทหารบกของไทยและกัมพูชาได้พบปะกันและเห็นพ้องใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การใช้กลไกคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นช่องทางหลักในการแก้ปัญหา การถอนกำลังทหารออกจากจุดปะทะ และการกำกับดูแลไม่ให้มีการยั่วยุซ้ำ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวต้องสะดุดลงเมื่อฝ่ายของกัมพูชาเองได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการถอนกำลัง สะท้อนความไม่ไว้วางใจที่ยังคงอยู่
จากนั้นในวันที่ 14 มิถุนายน การประชุม JBC อย่างเป็นทางการได้เกิดขึ้นที่กรุงพนมเปญ เพื่อเร่งหาทางยุติความตึงเครียดหลังเหตุปะทะในเดือนก่อน แม้ผลการเจรจาจะไม่ได้นำไปสู่ข้อยุติที่เป็นรูปธรรม แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกที่ช่วยเปิดช่องทางสื่อสารระหว่างสองฝ่าย ทว่าความรุนแรงก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมเกิดการปะทะอีกรอบ ทำให้สถานการณ์ทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุปะทะรุนแรงบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้จุดตรวจช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ การสู้รบครั้งนี้ถือเป็นการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี มีรายงานว่ามีทั้งเสียงปืนใหญ่ การใช้โดรนลาดตระเวน และปะทะด้วยอาวุธเบาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากทั้งสองฝ่ายหลายราย รวมถึงมีประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยเป็นจำนวนมาก
สาเหตุของความรุนแรงครั้งนี้เกิดจากความไม่ชัดเจนของแนวเขตแดน และการเคลื่อนย้ายกำลังพลที่ต่างฝ่ายต่างมองว่าเป็นการรุกราน ความพยายามในการควบคุมสถานการณ์ด้วยกลไกการเจรจายังไม่ทันเกิดผล ความไม่ไว้วางใจจึงปะทุเป็นการปะทะเต็มรูปแบบ
แรงกดดันจากนานาชาติ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระหว่างประเทศ ทำให้ทั้งสองฝ่ายยอมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา ในวันที่ 28 กรกฎาคม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นผู้ประสานกลาง พร้อมการสนับสนุนจากจีนและสหรัฐฯ การประชุมครั้งนั้นจบลงด้วยข้อตกลงหยุดยิง (ceasefire) มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันถัดไป ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกที่ลดแรงกดดันในพื้นที่ชายแดนอย่างชัดเจน และส่งผลให้เกิดการเจรจาทางทหารระดับภาคเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งนำไปสู่ข้อตกลงสำคัญถึง 7 ข้อ รวมถึงการตั้งชุดประสานงานร่วมและการอำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม
ขณะนี้ สายตาทั่วทั้งภูมิภาคจับจ้องไปยังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่กำลังจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ การประชุมครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นความหวังสูงสุดในการกำหนดแนวทางระยะยาวต่อข้อพิพาท โดยเฉพาะในสายตาของประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความวิตกกังวลอย่างมาก
แม้เส้นทางสู่ความสงบจะยังอีกยาวไกล แต่เสียงเรียกร้องจากประชาชนที่ต้องการสันติภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างมั่นคง คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเดินหน้าบนหนทางแห่งการเจรจา มากกว่าความรุนแรงซ้ำเติม หากการประชุม GBC รอบนี้สามารถนำไปสู่ข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม ความหวังในการฟื้นฟูความสัมพันธ์และสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคก็อาจไม่ไกลเกินเอื้อมนั่นเอง
อ้างอิงจาก:
– มติชนออนไลน์
– PPTVHD36
– Thai PBS
– BBC
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน