Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

สารพัดปัจจัยรุมเร้า เตรียมรับมือกับราคาสินค้าและค่าบริการที่อาจสูงขึ้นอีก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทุเลาลง เศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวและมีผลต่อเนื่องให้ความต้องการบริโภคสูงขึ้น เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบจาก 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นมามากกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับที่ภาครัฐต้องออกมาควบคุมไม่ให้น้ำมันกลุ่มดีเซลมีราคาสูงไปกว่าลิตรละ 30 บาท . จากการที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ออกมาเปิดเผยข้อมูล ว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา (ก.ย. 63 – ก.ย. 64) ราคาสินค้าและค่าบริการขยับเพิ่มขึ้น 204 รายการ* เช่น . น้ำมันปาล์ม/ลิตร ราคาเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 47.03 บาท เพิ่มขึ้น 11.11 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า . ข้าวราดแกง/จาน ราคาเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 36.77 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า . ไข่ไก่ เบอร์ 2 /ฟอง ราคาเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 3.79 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า . รวมไปถึงกลุ่มอาหารสดบางรายการ ที่ตอนสำรวจส่วนใหญ่จะมีราคาต่ำกว่าปีก่อน แต่จากผลกระทบของมหาอุทกภัยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังเพิ่มขึ้นอยู่ (ค่าขนส่งแพงขึ้น) ก็ย่อมทำให้ระดับราคาโดยเฉพาะผักและผลไม้ผันผวนไปจากที่คาดการณ์ไว้ได้ . ภาคอีสานสามารถเช็กราคาผักและผลไม้ ได้จากตลาดศรีเมืองทอง (ตลาดกลาง) จ.ขอนแก่น https://web.facebook.com/simuangthong/ . แน่นอนว่าราคาที่สูงขึ้นกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รัฐบาลจึงต้องหาวิธีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไม่ใช่แค่การส่งออก การลงทุน (การเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น) และการท่องเที่ยว (นโยบายเปิดประเทศที่จะเริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้) แต่ยังต้องคำนึงถึงการบริโภคภายในประเทศด้วย . อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ค่าไฟเตรียมปรับขึ้นอีก สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เผยว่า ก๊าซ LNG เชื้อเพลิงหลักของโรงไฟฟ้า ปรับราคาขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี แน่นอนว่าจะกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าโดยตรง . ดังนั้น ไตรมาส 4 / 2564 หากไม่มีมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐที่ส่งผลต่อราคาสินค้าและค่าบริการอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มเติม นอกจากกำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดลงแล้ว เงินเฟ้อก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอีก . . * ราคาสินค้าและบริการที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค การคำนวณดัชนีนี้เกิดจากการเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการ (จำนวน 430 รายการ) ที่จำเป็นต่อการครองชีพ กับราคาในปีฐาน และคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงเป็นอัตราเงินเฟ้อโดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด เดือนกันยายน 2564 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัว1.68% . . อ้างอิง: https://siamrath.co.th/n/290603# https://www.prachachat.net/economy/news-778804 https://www.price.moc.go.th/…/file…/indices_all.pdf

สารพัดปัจจัยรุมเร้า เตรียมรับมือกับราคาสินค้าและค่าบริการที่อาจสูงขึ้นอีก อ่านเพิ่มเติม »

AgriTech พลิกโฉมอนาคต ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรไทย

คำกล่าวที่ว่า “เกษตรกรรมคือวิถีชีวิตแห่งสังคมไทย” โดยเฉพาะคนอีสานที่กว่า 3.57 ล้านครัวเรือนประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก แต่กลับต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภาพต่ำ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยคุกคามทางธรรมชาติ รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต่างมองว่าการก้าวเข้าสู่ธุรกิจเกษตรเป็นเรื่องยากและอาจไม่คุ้มค่า . เทคโนโลยี IoT ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่เข้ามาช่วยปลดล็อกปัญหาและสร้างความ ท้าทายหลายประการให้กับธุรกิจเกษตร รวมท้ังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีเกษตร (Agritech: Agricultural Technology) . AgriTech คืออะไร ? . Agritech คือ การนำเทคโนโลยีทางการเกษตรมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน จากเดิมที่ใช้องค์ความรู้และประสบการณ์เดิม (Knowhow) ในการจัดการผลิตและพึ่งพาการใช้แรงงานแต่เพียงอย่างเดียวมาเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเพาะปลูก (Precision Farming) ในการเพิ่มผลิตภาพให้กับธุรกิจเกษตรซึ่งถือเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน รวมทั้งลดการพึ่งพาแรงงานซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง . IoT สำหรับธุรกิจเกษตรเริ่มต้นจากการใช้เทคโนโลยี “เซ็นเซอร์” ติดตามและตรวจสอบ สถานะข้อมูลที่จำเป็นในการเพาะปลูกแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการตัดสินใจและการบริหารจัดการ การผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ความเข้มของแสง อุณหภูมิ ความชื้นในดิน สภาพอากาศ เป็นต้น โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกเชื่อมโยงผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และเก็บเข้าไปอยู่ในระบบคลาวด์ (Cloud) . ก่อนจะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์และประมวลผลส่งกลับไปยังผู้ใช้งาน ซึ่งในอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นจุดตั้งต้นสำคัญ ที่จะนำมาใช้พัฒนาร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ที่จะทำหน้าที่คิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจในกระบวนการเพาะปลูกแทนมนุษย์มากยิ่งขึ้น . . 5 เหตุผลที่ธุรกิจเกษตรควรปรับตัวมาใช้ IoT . 1. เทคโนโลยี IoT จะเป็นตัวช่วยให้เกษตรรุ่นใหม่ (Young Farmer) ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น . ในลักษณะ Decentralized โดยจะทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายสามารถบริหารจัดการผลิตได้ด้วยตนเองจากการใช้ฐานข้อมูลที่มีแบบเรียลไทม์ และมีความเฉพาะเจาะจงกับพื้นที่ผลิตจริง อีกทั้งรับมือความท้าทายของผู้ประกอบการ ในยุคสินค้าออร์แกนิคกำลังเป็นที่นิยม . 2. ช่วยลดความเสียหายของผลผลิตจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว . ปรากฏการณ์เอลนิโญ่มีความถี่มากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกโดยรวมมีความแปรปรวน และส่งผลกระทบมากขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนจากดัชนีชี้วัดปรากฏการณ์เอลนิโญ่ (El Niño) และลานิญ่า (La Nina) หรือ Oceanic Niño Index (ONI) ซึ่งอุณหภูมิพื้นผิวโลกที่สูงขึ้น ยิ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมในภูมิภาคเขตร้อน . สำหรับตัวอย่างบริษัทที่มีการนำเทคโนโลยี IoT ในกลุ่ม Soil Sensors มาช่วยลดความเสี่ยงจาก Climate Change กล่าวคือรัฐบาลท้องถิ่นเมือง Oregon ได้ร่วมสนับสนุนให้แก่ชาวสวนฟารม์บลูเบอรี่ นำอุปกรณ์ HydraProbe มาใช้เพื่อวัดความชื้นในดิน ในแต่ละระดับความลึก เนื่องจากพืชสวนอย่างบลูเบอรี่ ค่อนข้างอ่อนไหวต่อการขาดน้ำอย่างมาก . โดย HydraProbe จะประเมินการใช้น้ำและการใส่ปุ๋ยได้อย่างแม่นยำ ให้สอดคล้องกับช่วงการดูดซับอาหารของรากพืช และยังช่วยลดการใช้สารกำจัดเชื้อราที่เป็นไปตามกฎระเบียบในการควบคุมคุณภาพน้ำ รวมไปถึงยังมีฟังก์ชัน

AgriTech พลิกโฉมอนาคต ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรไทย อ่านเพิ่มเติม »

น้ำท่วมกับสถานการณ์ตลาดแรงงานอีสาน

ภาคอีสานเป็นแหล่งกำลังแรงงานสำคัญของประเทศ เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากที่สุด (คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ) โดยประชากร 9.3 ล้านคนอยู่ในวัยทำงาน และกว่าครึ่งหนึ่งทำงานในภาคเกษตรกรรม รองลงมาเป็นภาคบริการ . ตลาดแรงงานอีสานกำลังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้าง ด้วยสัดส่วนแรงงานสูงอายุและผู้อยู่นอกกำลังแรงงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานอยู่ในระดับต่ำ . รวมไปถึง ทักษะแรงงานที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด (Skill Mismatch) ซึ่งปัจจุบันตลาดมีความต้องการแรงงานสายอาชีพหรือระดับ ปวช./ปวส. สูง ขณะที่แรงงานที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นระดับอุดมศึกษา แรงงานจำนวนมากจึงต้องยอมทำงานต่ำกว่าระดับ หรือไม่ก็ย้ายไปทำงานในภูมิภาคอื่น ๆ ที่สามารถให้ตำแหน่งงานและค่าจ้างที่สูงขึ้นได้ . สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้แรงงานอีสานถูกเลิกจ้างและย้ายกลับภูมิลำเนา แต่ความสามารถของภาคเกษตรกรรมในการรองรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจกลับลดลงเมื่อเทียบกับอดีต เนื่องจากเกษตรกรหรือครอบครัวจำนวนมากไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินแต่เป็นผู้เช่าหรือรับจ้างทำการเกษตรแทน และส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงผู้ผลิตต้นน้ำเท่านั้น . . ผลกระทบของน้ำท่วมต่อแรงงานอีสาน . เป็นที่รู้กันว่า สภาวะน้ำท่วมหรืออุทกภัยสามารถสร้างความสูญเสียทั้งกับชีวิต ทรัพย์สินทางกายภาพ รายได้ที่ขาดหายไปในช่วงภัยพิบัติ รวมไปถึงทุนมนุษย์ (Human Capital) ที่อาจเกิดจากปัญหาสุขภาพ โรคติดต่อ และการหยุดชะงักของการศึกษาและบริการสาธารณสุข . แต่นอกจากที่กล่าวมานี้ สภาวะน้ำท่วมยังส่งผลกระทบต่อทัศนคติและพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบประกันภัยของครัวเรือนภาคเกษตรกรรมได้อีกด้วย . งานวิจัยของ Lertamphainont et al. (2558) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของมหาอุทกภัยต่อครัวเรือนชาวนาในประเทศไทย โดยใช้การสำรวจและทดลองภาคสนาม ซึ่งได้ประยุกต์วิธีการทางเศรษฐมิติเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของทัศนคติและพฤติกรรมระหว่าง 2 กลุ่ม ประกอบด้วย . 1. กลุ่มทดลอง (Treatment Group) ได้แก่ ครัวเรือนชาวนาที่มีพื้นที่นาจมน้ำเป็นเวลานานและได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่าว . 2. กลุ่มควบคุม (Control Group) ได้แก่ ครัวเรือนชาวนาที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงในปีนั้น ซึ่งกลุ่มนี้อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมหาอุทกภัยผ่านทางระบบเศรษฐกิจที่ชะลอตัว (Spillover Effects) . โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงถึงขอบเขตและระยะเวลาของน้ำท่วมขังในปี 2554 มาช่วยในการเลือกกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมของครัวเรือนตัวอย่าง . และเพื่อป้องกันความแตกต่างทางทัศนคติของครัวเรือนทั้งสองกลุ่มที่มีมาแต่เดิม หรือในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Endogeneity Problem ซึ่งอาจส่งผลให้การศึกษาครั้งนี้มีความเบี่ยงเบน (Biased) จึงได้แยกกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีความเสี่ยงต่ออุทกภัยสูง (Flood Prone) และกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (Non-Flood Prone) . ทำให้งานวิจัยนี้ได้กลุ่มตัวอย่างครัวเรือนชาวนามาจำนวน 426 ครัวเรือน จาก 44 หมู่บ้านใน 4 จังหวัดที่ปลูกข้าวมากของไทย โดยครึ่งหนึ่งเป็นจังหวัดในภาคอีสาน คือ นครราชสีมา และขอนแก่น . จากหนึ่งในผลการศึกษา พบว่าครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมีความต้องการซื้อประกันภัยธรรมชาติและผลผลิตทางการเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มฐานะยากจนและปานกลาง สอดคล้องกับการที่มหาอุทกภัยทําให้มีการเพิ่มขึ้นของความไม่ชอบความเสี่ยงของคนกลุ่มเหล่านี้ ส่วนการคาดการณ์ถึงการเกิดมหาอุทกภัยในอนาคต พบว่าความเป็นไปได้ที่จะพึ่งพิงความช่วยเหลือจากรัฐไม่ได้มีผลลบอย่างมีนัยสำคัญต่อความต้องการซื้อประกันภัย . อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงการประกันภัยพืชผลในประเทศไทยแม้จะมีการศึกษามาตั้งแต่ปี 2513 แต่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงมหาอุทกภัยปี 2554 ซึ่งห่างจากงานวิจัยนี้ (ปี 2558) ไม่นาน ดังนั้นผลการศึกษานี้ก็อาจสะท้อนได้เพียงความเป็นไปได้ถึงการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์การประกันภัยธรรมชาติและพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยให้มีความยั่งยืนเท่านั้น

น้ำท่วมกับสถานการณ์ตลาดแรงงานอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

การตลาดแบบวัวสีม่วงคืออะไร

การตลาดแบบวัวสีม่วง ต่างจากการตลาดทั่วไปที่เรารู้จักหรือไม่ รวมไปถึง “สีไทย” จะเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรื่องนี้ มาติดตามกัน… ทำไมต้องเป็นสีไทยในเมื่อมีสีสำเร็จรูปให้ใช้กันอยู่แล้ว? . อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าแล้วว่า “สีไทย” ค่อย ๆ เลือนหายไปจากชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้ปัจจุบันมีการใช้งานอยู่แค่ในวงแคบ ๆ (เป็น Rare Item) และแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับชื่อเรียกสีกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าชื่อที่กล่าวมานั้นเป็นอย่างไร เราจึงอยากช่วยขยายความคำว่า “อัตลักษณ์” ที่โดดเด่นของสี ซึ่งประกอบไปด้วย . 1. ปรุงจากวัสดุธรรมชาติ ทั่งเปลือกไม้ ใบไม้ สัตว์ หิน ดิน และแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงขี้เถ้าเขม่าควันไฟ ที่จะถูกนำมาสกัด หมัก หรือคัดแยก ก่อนจะไปผสมกับสารที่มีคุณสมบัติเกาะติดผิวหน้าวัสดุไม่ว่าจะเป็น ไขมัน ไข่ขาว ขี้ผึ้ง (wax) น้ำมันลินสีด (limseed oil) หรือยางไม้ (Gum Arabic) ที่ได้จากต้นไม้สกุลอคาเซีย . 2. ความงามด้านวรรณศิลป์ จากชื่อเรียกสีไทยที่มีความหมายดี โดยส่วนใหญ่เป็นชื่อที่มาจากธรรมชาติ เช่น เขียวตอง น้ำไหล ม่วงเม็ดมะปราง ควายเผือก หงสบาท (สีออกชมพูเหมือนเท้าของหงส์) ฟ้าแลบ (สีแสง คือ ขาวอมชมพู) และขาวผ่อง (ขาวนวลออกเหลือง) เป็นต้น . 3. มีรากฐานจากความเชื่อ ความศรัทธา เช่น การใช้สีแดงชาด (ที่ได้จากแร่ซินนาบาร์) เพื่อแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงบรรยากาศของสวรรค์ จึงเป็นเหตุว่า ทำไมผนังโบสถ์ตามวัดเก่าจึงมักเป็นสีแดง โดยเฉพาะฉากหลังพระพุทธรูปที่มีสีทอง ก็เพื่อขับให้องค์พระดูเด่น สง่างาม เหมือนอยู่บนสวรรค์นั่นเอง . 4. ความงามของเฉดสีไทย จากแม่สี 5 สี (กลุ่มสีเบญจรงค์) ประกอบไปด้วย สีดำ ขาว แดง เหลือง และคราม ที่เมื่อนำมาผสมกันสามารถแบ่งออกได้อีก 5 หมู่สี ได้แก่ สีส้ม เขียว ม่วง นํ้าตาล และทอง โดยแต่ละสีก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน ไม่ว่าจะนำเฉดสีที่ตัดกันมากแค่ไหนมาผสมกัน ก็ยังกลมกล่อมลงตัว มีทั้งลักษณะพาสเทล (นุ่มนวลเหมือนมีฝุ่นแป้งผสม) และสดฉ่ำ . ส่วน “สีสำเร็จรูป” แม้จะสะดวกในการใช้งานมากกว่า แต่ข้อเสียก็คือ ส่วนใหญ่เป็น “เคมี” หากใช้ไปนาน ๆ อาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจหรือผิวหนังตรงที่ผู้ใช้สัมผัสเป็นประจำได้ จะโดดเด่นไปเพื่ออะไร ถ้าการตลาดแบบเดิมดีอยู่แล้ว? . ก่อนอื่นเราอยากให้ทุกคนเข้าใจความโดดเด่นผ่านมุมมองการตลาดของ 3 ยุค ที่เราปรับมาจากหนังสือ Purple

การตลาดแบบวัวสีม่วงคืออะไร อ่านเพิ่มเติม »

สนามบินแห่งใหม่กับความหวังทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน

ภาคอีสานมีโครงการที่จะสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่อยู่ 3 แห่งในอนาคต ซึ่งท่าอากาศยานแห่งใหม่ที่ว่านั้น ประกอบด้วย . 1.ท่าอากาศยาน “มุกดาหาร” กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ของโครงการก่อสร้างและพบว่าสถานที่ที่เหมาะสม คือ ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในพื้นที่ 2,000 กว่าไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารเพียง 20 กม. ห่างจากสนามบินนครพนม สกลนคร และร้อยเอ็ด 120, 125 และ 134 กม. ตามลำดับ โดยเป็นไปตามข้อกำหนดที่ว่าสนามบินต้องก่อสร้างห่างกันเกินกว่า 100 กม. . อีกทั้งยังเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน กล่าวคือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีโอกาสทางการค้าและการลงทุนสูง โดยกลุ่มผู้โดยสารน่าจะมาจากสุวรรณเขต สปป.ลาว รวมถึงผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางระหว่างฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก เพื่อเชื่อมต่อไปยังด่านแม่สอด จ.ตาก และข้ามต่อไปยังประเทศเมียนมา ตรงจุดนี้กรมท่าอากาศยานคาดการณ์ว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะเกิดความคุ้มค่าและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดมุกดาหารได้ . ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบผังแม่บททางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน และองค์ประกอบอื่น ๆ รวมไปถึงศึกษาการรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับเต็ม (EIA) โดยจะขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2565 ในงบวงเงินประมาณ 42.69 ล้านบาท และหากนับจากปี 2565 คาดว่าจะแล้วเสร็จให้ใช้ในปี 2570 . 2.ท่าอากาศยาน “บึงกาฬ” จังหวัดน้องใหม่ล่าสุดของประเทศไทย จากผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการสร้างสนามบิน พบว่า พื้นที่ที่เหมาะสมเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง ต.โป่งเปือย และต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ โดยใช้ที่ดินคิดเป็นพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ . โดยอยู่ห่างจากวงเวียนหอนาฬิกาที่ อ.เมืองบึงกาฬประมาณ 12 กม. นับว่าตั้งอยู่ใจกลางเมืองบึงกาฬเลยก็ว่าได้ ทั้งยังอยู่ระหว่างทางเลี่ยงเมืองที่ตัดสู่สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ และหากสังเกตจะพบว่า บึงกาฬมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ โบราณคดีหลายแห่ง หากมีการก่อสร้างสนามบินก็คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว พร้อมกับสร้างรายได้ให้กับจังหวัดได้ด้วย . ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสรุปผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างฉบับสมบูรณ์ ก่อนที่จะนำเสนอกับกรมท่าอากาศยานและกระทรวงคมนาคมเพื่อขออนุมัติ ก่อนจะทำการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมฉบับเต็ม (EIA) และจัดหางบประมาณ อันนำไปสู่การจัดสร้างสนามบิน หากเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ คาดว่าจะสามารถใช้บริการท่าอากาศยานบึงกาฬได้ในปี 2571 . 3.ท่าอากาศยาน “สารสินธุ์” เป็นโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด โดยคาดการณ์ว่าจะใช้พื้นที่ของ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ในการก่อสร้าง . เหตุผลที่เลือกพื้นที่นี้เป็นเพราะ อ.ยางตลาดอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่าง กาฬสินธุ์ – มหาสารคาม ทำให้ประชาชนทั้งในกาฬสินธุ์เองและมหาสารคาม สามารถเดินทางมาใช้บริการได้สะดวก อีกทั้งกาฬสินธุ์ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่กระจายอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ มีการส่งออกพืชและสัตว์เศรษฐกิจ เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา กุ้งก้ามกราม และปลากระชัง เป็นต้น

สนามบินแห่งใหม่กับความหวังทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

การพนันกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดในอีสาน

“ รางวัลที่หนึ่ง เลขที่ออก…” . ช่วงเวลาระทึกใจสำหรับนักเสี่ยงโชคชาวไทยที่เกิดขึ้นเพียงเดือนละสองครั้ง แต่คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สมหวังหรือผิดหวัง เคยสงสัยกันมั้ยว่า การเดิมพันรูปแบบไหนที่สามารถจูงใจนักเสี่ยงโชคชาวไทยได้มากที่สุด . . แนวโน้มคนไทยกับการพนัน . หนังสือรายงานศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันปี 2563 ให้สถิติข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทยไว้น่าสนใจ แม้จะเป็นการเก็บข้อมูลแบบสุ่มตัวอย่าง (ปี 2562) แล้วนำมาคำนวณกับประชากรทั้งประเทศ (สถิติเชิงประมาณการ) แต่ก็พอให้ภาพที่ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงได้ . ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ประมาณการว่า มีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่เล่นการพนันในรอบปี 2562 จำนวน 30.42 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของกลุ่มตัวอย่าง* (เพิ่มขึ้นจากปี 2560 1.49 ล้านคน หรือร้อยละ 5.2) และในจำนวนนี้มีอยู่ 0.72 ล้านคนเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งเล่นการพนันเป็นครั้งแรก (เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึงร้อยละ 14.43) . น่าสนใจว่า โดยเฉลี่ยแม้คนจะเริ่มเล่นการพนันที่อายุ 23 ปี แต่กลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 50.2 ระบุว่าตนเริ่มเล่นการพนันก่อนอายุ 20 ปี โดยมีคนเริ่มเล่นการพนันที่อายุตํ่าสุด 7 ปี . สำหรับการพนันที่คนนิยมเล่นมากเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล มีประมาณ 22.75 ล้านคน อันดับ 2 คือ หวยใต้ดิน ประมาณ 17.74 ล้านคน และเกือบ 3 ใน 4 ของคนที่เล่นหวยใต้ดิน จะเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลควบคู่กันไปด้วย หรือคิดเป็นจำนวน 13.056 ล้านคน . ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างที่สำรวจส่วนใหญ่ไม่คิดว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการพนัน เนื่องจากเป็นเรื่องถูกกฎหมายที่รัฐบาลดำเนินการเอง แม้ความเป็นจริง การซื้อเพื่อหวังจะได้รางวัลแต่มีโอกาสเสียเงินไปเปล่า ๆ ก็คือการพนันรูปแบบหนึ่ง . ส่วนการพนันที่คนนิยมเล่นมากอันดับ 3 เป็นพนันไพ่ 4.พนันทายผลฟุตบอล 5.ไฮโล/โปปั่น/น้ำเต้าหู้ปูปลา 6.วัวชน/ไก่ชน 7.มวยหรือมวยตู้ 8.หวยหุ้น 9.พนันบิงโก และ 10.จับยี่กี/หวยปิงปอง . . คนภาคไหนเล่นการพนันมากที่สุด? . หากลองมาเทียบสัดส่วนคนเล่นการพนันกับประชากรในภูมิภาค พบว่า ภาคอีสาน มีสัดส่วนคนเล่นเทียบกับประชากรในภาคสูงที่สุดคือ ร้อยละ 58.90 หรือคิดเป็นประชากรจำนวน 10.91 ล้านคน รองลงมาคือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 58.30, ภาคใต้ ร้อยละ 54.40, ภาคเหนือ ร้อยละ

การพนันกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

เช็ก! พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในอีสาน ปี 57-64

GISTDA ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณน้ำในภาคอีสานผ่านภาพถ่ายดาวเทียม โดยพบพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก 8 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่เกษตร และชุมชนในบางส่วน ประกอบด้วย . จ.กาฬสินธุ์ สายทาง กส.4034 แยก ทล.2253 – บ้านคำไฮ ปีที่เกิดอุทกภัย 2557, 2560, 2561 และ 2562 สายทาง กส.4001 แยก ทล.2291 – บ้านโคกกลาง ปีที่เกิดอุทกภัย 2560, 2562, 2558 และ 2559 สายทาง กส.4022 แยก ทล.2291 – บ้านชาด ปีที่เกิดอุทกภัย 2560, 2561 และ 2562 . จ.ขอนแก่น สายทาง ขก.4030 แยก ทล.2039 – บ้านโนนสง่า ปีที่เกิดอุทกภัย 2559, 2560, 2561 และ 2564 . จ.นครพนม สายทาง นพ.4061 แยก ทล.2417 – บ้านข่า ปีที่เกิดอุทกภัย 2557, 2559, 2560 และ 2561 สายทาง นพ.4058 แยก ทล.2346 – บ้านดอนมะจ่าง ปีที่เกิดอุทกภัย 2557, 2558, 2559, 2560 และ 2561 สายทาง นพ.4036 แยก ทล. 2028 – บ้านดอนถ่อน ปีที่เกิดอุทกภัย 2560, 2561, 2562, 2563 และ 2564 . จ.มหาสารคาม สายทาง มค.4019 แยก ทล.2322 – บ้านคูชัย ปีที่เกิดอุทกภัย 2560, 2561 และ 2562 . จ.ยโสธร สายทาง ยส.4014 แยก ทล.2083 – บ้านดงมะหรี่ ปีที่เกิดอุทกภัย 2560, 2561, 2562 และ 2564 . จ.ร้อยเอ็ด

เช็ก! พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในอีสาน ปี 57-64 อ่านเพิ่มเติม »

หากเปิดทางต่างชาติซื้อบ้านและคอนโดได้มากขึ้น จะช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ ในอีสานได้ขนาดไหน ?

จากแนวนโยบายขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติ รัฐบาลได้เล็งพิจารณาร่างกฎหมายใหม่ให้ต่างชาติสามารถเข้าถือครองอสังหาฯ ในไทยได้มากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขการผ่อนปรน ซึ่งเดิมทีมีแค่ห้องชุดหรือคอนโดมิเนียมเท่านั้น เพื่อจูงใจให้เกิดการพำนักอาศัยระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเกษียณอายุที่มีกำลังใช้จ่ายเงินสูง ผู้ซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งนักลงทุน . เมื่อดูข้อมูลสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติปี 2561 ถึง 2562 ที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ (REIC) จัดทำขึ้น จะพบว่า สัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ของตลาด แต่ในปี 2563 หลังเจอวิกฤต COVID-19 มีชาวต่างชาติโอนห้องชุด 8,285 ยูนิต ลดลงจากปี 2562 ถึง 35.3% เหลือเพียง 6.8% ของตลาด . โดยปี 2563 จังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติมากที่สุด 10 ลำดับแรก คิดเป็นสัดส่วนจำนวนยูนิตรวมกันมากถึง 99.7% และมีสัดส่วนมูลค่าการโอนรวมกันมากถึง 99.8 % ประกอบด้วย . อันดับ 1 กรุงเทพฯ มีสัดส่วนจำนวนยูนิต 57.1% และมีสัดส่วนมูลค่าการโอน 73.5% ซึ่งเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเกินกว่าครึ่งหนึ่งของชาวต่างชาติทั่วประเทศ . อันดับ 2 จังหวัดชลบุรี มีสัดส่วนจำนวนยูนิต 24.9% และสัดส่วนมูลค่า 14.2% . อันดับ 3 จังหวัดภูเก็ต มีสัดส่วนจำนวนยูนิต 4.7% และสัดส่วนมูลค่า 4.6% . ส่วนอันดับ 4 – 10 ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ปทุมธานี ระยอง นนทบุรี และเชียงราย ตามลำดับ . ขณะที่จังหวัดในภาคอีสานรวมกันทุกจังหวัดกลับมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติจำนวนยูนิตไม่ถึง 0.3% และสัดส่วนมูลค่ารวมไม่ถึง 0.2% ด้วยซ้ำ . สำหรับปี 2564 ในช่วง 6 เดือนแรก มีชาวต่างชาติโอนห้องชุดรวม 4,358 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,449 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของผู้ซื้อชาวจีนกว่า 63% (2,748 ยูนิต) รองลงมาคือ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และสหรัฐฯ ตามลำดับ แต่ถึงอย่างนั้น หากเปรียบเทียบกับอสังหาฯ ประเภทอื่น ห้องชุดก็ยังมีสัดส่วนค้างสต็อกสูงสุดที่ 86,000 ยูนิต . จากภาพรวมทั้งประเทศดังกล่าว เป็นที่น่าสนใจว่า ภาคอีสานก็ยังไม่ใช่ทำเลที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เลือกที่จะถือครองกรรมสิทธิ์ในที่พักอาศัยตอนนี้อยู่ดี อาจด้วยไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว การเดินทางไป-กลับ หรือการมองถึงผลจากการลงทุน ที่ยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร

หากเปิดทางต่างชาติซื้อบ้านและคอนโดได้มากขึ้น จะช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ ในอีสานได้ขนาดไหน ? อ่านเพิ่มเติม »

พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองสำคัญอย่างไร?

ต้นไม้และพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุข (Well-Being) ของคนเมือง เมืองที่ดีควรมีพื้นที่สีเขียวในปริมาณที่เหมาะสม ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ยิ่งถ้าเมืองนั้นมีประชากรหนาแน่น พื้นที่สีเขียวก็จะยิ่งมีคุณค่า โดยเฉพาะต่อสุขภาวะทางกายและใจของคน รวมไปถึงคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมของเมืองที่ส่งผลเป็นวงกว้าง เช่น การลดอุณหภูมิความร้อน การดูดซับมลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง การเป็นพื้นที่ชะลอน้ำ ระบายน้ำ เป็นต้น . . พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของภาคอีสานมีมากแค่ไหน? . จากข้อมูลพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของประเทศไทยจำนวน 2,695 ตารางกิโลเมตร พบว่าเป็นพื้นที่ภาคอีสานถึง 1,074 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 39.85 % ของพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองทั้งหมด ซึ่งหากดูเป็นรายจังหวัด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย . 1. ขอนแก่น มีพื้นที่สีเขียว 221 ตร.กม. 2. อุดรธานี มีพื้นที่สีเขียว 129 ตร.กม. 3. นครราชสีมา มีพื้นที่สีเขียว 112 ตร.กม. 4. บุรีรัมย์ มีพื้นที่สีเขียว 84 ตร.กม. 5. สกลนคร มีพื้นที่สีเขียว 77 ตร.กม. 6. กาฬสินธุ์ มีพื้นที่สีเขียว 69 ตร.กม. 7. นครพนม มีพื้นที่สีเขียว 51 ตร.กม. 8. อุบลราชธานี มีพื้นที่สีเขียว 50 ตร.กม. 9. บึงกาฬ มีพื้นที่สีเขียว 49 ตร.กม. 10. เลย มีพื้นที่สีเขียว 41 ตร.กม. . . พื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรในอีสานเป็นเท่าไร? . องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุค่าเฉลี่ยพื้นที่สีเขียวของเมืองว่าอย่างน้อยควรอยู่ที่ 9 ตารางเมตรต่อคน ส่วนพื้นที่สีเขียวในอุดมคติ คือ 50 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งภาคอีสานมีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ย 107 ตารางเมตรต่อคน หรือหากดูเป็นรายรายจังหวัด พื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร 10 อันดับแรก ประกอบด้วย . 1. บึงกาฬ 394 ตร.ม./คน 2. นครพนม 237 ตร.ม./คน 3. เลย 163 ตร.ม./คน 4. ขอนแก่น 140 ตร.ม./คน 5. บุรีรัมย์ 138 ตร.ม./คน 6. อุดรธานี 134

พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองสำคัญอย่างไร? อ่านเพิ่มเติม »

แมงแคง สินค้าป่าหายาก เพิ่มรายได้ในช่วงฤดูฝน

ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ทวีคูณความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์การขายหรือไม่ก็ต้องปิดตัวลง ทว่ากลับมีอาชีพสวนกระแสอย่างหาของป่าที่ดูจะคึกคักขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ฤดูฝนมาเยือน . ในภาคอีสาน ตลาดสดเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก จ.นครพนม ถือเป็นศูนย์รวมสินค้าของป่าหายากตามฤดูกาล เพราะจะมีชาวบ้านนำของป่ามาวางขายกันอย่างเนืองแน่น สร้างเงินหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 10,000 บาท/วัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีแมงแคง . แมงแคงเป็นแมงที่มีลักษณะคล้ายกับโล่ เมื่อโตเต็มวัยจะออกสีน้ำตาลปนเหลือง มักพบตามต้นค้อ แต่ในทางภาคเหนือจะพบตามต้นลำไยและลิ้นจี่ โดยแมงแคงจะกินน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อนของต้นเป็นอาหาร จึงพบได้มากช่วงที่ต้นกำลังงอกใบใหม่ . ส่วนเรื่องของราคา ถือเป็นสินค้าที่มีราคาสูง ซึ่งหากเทียบกับปีที่ผ่านมาก็คาดว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยปีนี้ราคาซื้อขายจากกิโลกรัมละ 1,500 ขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 2,000 บาท หากเฉลี่ยเป็นตัว ตัวใหญ่จะตกประมาณตัวละ 1-2 บาท . การรับประทาน นิยมทานทั้งแบบดิบและนำไปปรุงสุก แบบดิบ เพียงแค่เด็ดปีกทิ้งแล้วบีบตรงส่วนท้องเพื่อไล่ฉี่ที่มีกลิ่นฉุนออก ส่วนถ้าจะนำไปปรุงสุก ก็ใช้วิธีการคั่วไฟ หรือที่คนนิยม คือ นำไปทำน้ำพริกแมงแคง ไม่ก็แจ่วแมงแคง แต่ยังต้องระวังเรื่อง “ฉี่” ของมันอยู่ เนื่องด้วยฤทธิ์ที่เป็นกรด หากสัมผัสโดนผิวหนังจะก่อให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน และจะยิ่งเป็นอันตรายมากหากเข้าสู่ดวงตา . อีกทั้ง แมงแคงยังเป็นศัตรูพืชของต้นลำไยและลิ้นจี่ เนื่องจากมันจะเข้าไปดูดน้ำหวานจากช่อดอกจนเกิดอาการหงิกงอ ใบอ่อนเหี่ยว จนต้นหยุดยั้งการเจริญเติบโต ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตมีคุณภาพต่ำหรือไม่มีผลผลิตได้เลย . วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น คือ การจับแมงแคงที่เป็นตัวเต็มวัยไปขาย จากนั้นก็ทำลายไข่และตัวอ่อน ของมันให้หมด และทำการตัดแต่งกิ่งใบให้โปร่ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีแมงแคงมาอาศัยอยู่อีก . การจับแมงแคง ถ้าเป็นพื้นที่ป่าต้องอาศัยความชำนาญ โดยจะต้องเดินเลาะป่าที่เริ่มมีความชื้นหลังฝนตก แล้วใช้ไม้ไผ่ยาวฟาดไปตามใบไม้ เพื่อให้แมงแคงหล่นลงมาใส่ถุงที่มัดไว้กับปลายไม้ไผ่ หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ วิ่งไล่จับแมงแคงในช่วงที่ฝนกำลังตกใหม่ ๆ เนื่องจากขณะนั้นปีกของแมงแคงยังเปียกจึงบินไปได้ไม่ไกล . อย่างไรก็ตาม แม้แมงแคงจะเป็นสินค้ายอดฮิตในตลาดขายของป่า แต่ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น เห็ดเผาะหนัง ที่ราคาขายตกกิโลกรัมละ 600 บาท แมงจีนูน ราคากิโลกรัมละ 350 บาท และผักหวานป่า ราคากิโลกรัมละ 250 บาท . สุดท้าย ผลของการบุกรุกพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตนานาพรรณมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต้นไม้ หรือการลักลอบจับสัตว์ป่าหายาก ล้วนมีผลให้แมงแคงและผักผลไม้ป่าอื่น ๆ มีจำนวนลดลงไปด้วย ดังนั้นผู้ที่สนใจหารายได้เสริมจากอาชีพนี้ นอกจากจะต้องศึกษาถึงระบบนิเวศทางธรรมชาติและข้อห้ามทางกฎหมายแล้ว อาจต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตารายงานความผิดปกติให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องด้วย . #ISANInsightAndOutlook . . อ้างอิงจาก : http://blog.arda.or.th/แมงแคง/ https://esan108.com/แมงแคง.html https://siamrath.co.th/n/240850 https://today.line.me/th/v2/article/2ERYBP

แมงแคง สินค้าป่าหายาก เพิ่มรายได้ในช่วงฤดูฝน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top