Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

ของแซบ อึ่งอ่างขอนแก่น ราคาดี รับหน้าฝน พุ่ง กก.ละ 400 บาท

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อสำรวจโซนอาหารอีสานพื้นบ้าน เนื่องจากการประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ประกอบกับฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้ทำให้อึ่งและเขียด พากันออกมาเล่นน้ำ และออกมาจับคู่ผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ พ่อค้าแม่ค้า เริ่มนำอึ่งอ่างมาจำหน่าย โดยเฉพาะอึ่งเพ้า อึ่งลาย และเขียด . ซึ่งชาวบ้านต่างพากันออกมาจับเพื่อนำกลับไปประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นอาหารอีสานขึ้นชื่อ รวมทั้งการจับมาจำหน่าย โดยล่าสุดพบว่าอึ่งเพ้า ที่มีไข่เต็มท้องราคาจำหน่าย อยู่ที่กิโลกรัมละ 380-400 บาท อึ่งข้างลาย กิโลกรัมละ 350 บาท ขณะที่เขียดกิโลกรัมละ 220 บาท . นางดวงใจ เพ็งวิชัย อายุ 63 ปี แม่ค้าขายอาหารประจำถิ่น กล่าวว่า ในช่วงนี้ฝนตกหนักมาอย่างต่อเนื่องทำให้เป็นฤดูที่อึ่งอ่างและเขียด ออกมาผสมพันธุ์กัน และเป็นฤดูเดียวที่เราจะสามารถจับอึ่งอ่างและเขียดได้ ซึ่งอึ่งหน้าฝนแรกนี้จะมีรสชาติอร่อยมากและมีไข่เต็มท้อง . ผู้ที่นิยมรับประทานอึ่ง ต่างพากันมาเลือกซื้อไปปรุงเป็นอาหารกันเป็นจำนวนมาก มีเท่าไหร่ก็ขายหมด และจากการสอบถามลูกค้าต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เมนูที่นิยมนำอึ่งไปประกอบอาหารมีอึ่งต้มใบมะขามอ่อน อึ่งปิ้ง และอึ่งช็อต โดยเฉพาะตัวที่มีไข่เต็มท้องจะมีรสชาติ มัน อร่อย . นางดวงใจ กล่าวอีกว่า แม้ในระยะนี้ลูกค้าที่มาซื้อจะบอกว่ามีราคาแพง แต่ก็ซื้อเพราะได้กินปีละครั้งเท่านั้น แต่ถ้าหลังจากนี้ไปเมื่อมีฝนตกชุกแล้วราคาจะลดลงเนื่องจากมีอึ่งอ่างและเขียดจะออกมาให้ชาวบ้านจับมากขึ้น . . ที่มา: https://kku.world/91t3a . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อึ่งอ่าง

ของแซบ อึ่งอ่างขอนแก่น ราคาดี รับหน้าฝน พุ่ง กก.ละ 400 บาท อ่านเพิ่มเติม »

อีสาน ภูมิภาคที่มีควายมากที่สุด สู่การผลักดันอุดรฯ เป็น “เมืองหลวงควาย”

จากข้อมูลปศุสัตว์ปี 2564 ประเทศไทยมีจำนวนกระบือหรือควายทั้งสิ้น 1.46 ล้านตัว อยู่ในภาคอีสานมากที่สุด 1.04 ล้านตัว หรือคิดเป็น 71% ของจำนวนควายทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงควายไม่ใช่เพื่อใช้แรงงาน ขุนขายเนื้อหรือนำน้ำนมไปแปรรูปจำหน่ายเพิ่มมูลค่าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเลี้ยงเพื่อหวังเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และขายสายพันธุ์ด้วย . เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดอุดรธานีได้จัดกิจกรรมประกวดควาย ในโครงการอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย “วิถีคนวิถีควายสัญจร” โดยมีเทศบาลตำบลบ้านธาตุร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และกลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยอุดรธานี ที่มีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายเครือข่ายในระดับอำเภอ จำนวน 14 อำเภอ ร่วมเปิดงาน . กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การประกวดควายสวยงามเฉพาะควายในจังหวัดอุดรธานี จำนวน 10 ประเภท ซึ่งมีควายเข้าประกวดกว่า 100 ตัว การโชว์ควายสวยงาม มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท และการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรในชุมชน เช่น หญ้า และน้ำเชื้อควายพันธุ์ดี . อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ควาย รวมไปถึงสร้างองค์ความรู้-แลกเปลี่ยนความรู้การเลี้ยงควายในวิถีเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน โดยตั้งเป้าจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็น “เมืองหลวงควาย” ของประเทศ . นายกิตติภูมิ ดวงพรม หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอเพ็ญ หนึ่งในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย กล่าวว่า แม้ว่าการจัดงานในปีนี้จะลดระดับการจัดงานลง เนื่องจากเราต้องถือปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดอุดรธานี เรื่องมาตรการการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ทางผู้จัดยังได้เล็งเห็นถึงวิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกรผู้อนุรักษ์ควายไทย ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของเกษตกรไทย เป็นการสร้างรายได้ . . อ้างอิงจากhttps://kku.world/9h9hg https://kku.world/tw7s7 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุดรธานี #เมืองหลวงควาย

อีสาน ภูมิภาคที่มีควายมากที่สุด สู่การผลักดันอุดรฯ เป็น “เมืองหลวงควาย” อ่านเพิ่มเติม »

ผู้สูงอายุในอีสานเพิ่มขึ้น สวนทางกับผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุ ปี 64 กำลังบอกอะไร ?

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรครั้งสำคัญ คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยสัดส่วนประชากรในวัยทำงานและวัยเด็กลดลง เนื่องจากอัตราการเกิดและอัตราการตายลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชากรไทยโดยเฉลี่ยมีอายุยืนยาวขึ้น . ปี 2564 ไทยมีประชากรสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 13.4 ล้านคน เมื่อมาลองดูในระดับภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดอย่างภาคอีสาน พบว่ามีประชากรสูงอายุกว่า 3 ล้านคน หรือคิดเป็น 22.5% ของประชากรสูงอายุทั้งหมด . จังหวัดที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในอีสาน ได้แก่ 1. นครราชสีมา 2. ขอนแก่น และ 3. อุบลราชธานี . แต่ที่น่าสนใจ คือ อีสานมีประชากรสูงอายุที่ได้รับอนุมัติเงินกองทุนผู้สูงอายุเพียง 625 คน (ลดลง 75.7% จากปี 2563) อีกทั้งจังหวัดที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดอย่าง นครราชีมา และอุบลราชธานี กลับไม่มีผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุเลย . อีสานอินไซต์จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จัก “เงินกองทุนผู้สูงอายุ” เพื่อหาสาเหตุว่า เกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์แบบนี้กำลังบอกอะไรเรา . ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ‘เงินกองทุนผู้สูงอายุ’ ไม่เหมือนกับ ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ . โดย เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้กับผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์ทุกคน เพื่อเป็น ‘เงินช่วยเหลือ’ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน . ส่วนเงินกองทุนผู้สูงอายุ คือ เงินเพื่อเป็น ‘ทุนใช้จ่าย’ เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพ ซึ่งประกอบด้วย . 1. การให้การสนับสนุนงบโครงการแบบให้เปล่า (ในลักษณะกลุ่ม ชมรม องค์กร และเครือข่ายด้านผู้สูงอายุ) แบ่งเป็น 1.1) โครงการขนาดเล็ก ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท 1.2) โครงการขนาดกลาง ในวงเงินเกิน 50,000 – 300,000 บาท 1.3) โครงการขนาดใหญ่ วงเงินตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป . 2. ให้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ (ต้องมีผู้ค้ำประกัน) แบ่งเป็น 2.1) กู้ยืมเป็นรายบุคคล ได้คนละไม่เกิน 30,000 บาท 2.2) กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม ๆ ละไม่น้อยกว่า 5 คน ได้กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ให้ผ่อนชำระเป็นรายงวด ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย . การที่ประชากรสูงอายุได้รับอนุมัติเงินกองทุนผู้สูงอายุลดลงจึงสะท้อนความเป็นไปได้ 3 ข้อ

ผู้สูงอายุในอีสานเพิ่มขึ้น สวนทางกับผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุ ปี 64 กำลังบอกอะไร ? อ่านเพิ่มเติม »

นครพนม เปิดคลังสินค้าใหญ่สุดในจังหวัด รับโลจิสติกส์ที่ขยายตัวสู่ประตูอินโดจีน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดอาคารคลังสินค้า บริษัทแซมสยาม 99 จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 275 หมู่ 11 บ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม . ซึ่งเป็นการรวมตัวของลูกหลานชาวจังหวัดนครพนมโดยกำเนิด ที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจการค้า การลงทุน เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จนได้เล็งเห็นโอกาสในด้านการส่งขนส่งโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตของการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน . ด้วยความมุมานะพยายามของทีมกรรมการที่บริหาร ซึ่งมีทิศทางที่มุ่งมั่น ได้มีการบริหารจัดการทั้งในภาคขนส่ง และคลังสินค้า รวมถึงพิธีการผ่านข้ามแดนต่าง ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจจึงขยายกำลังการขนส่งและพื้นที่คลังสินค้า เพื่อรองรับปริมาณการผลิตของสินค้าที่มีความต้องการมากขึ้น ฯลฯ . นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในพื้นที่นครพนมว่า ได้มีการหยุดชะงักช่วงวิกฤต COVID-19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็มีมาตรการผ่อนคลายลง . ตนในฐานะผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดฯ ก็เดินทางไปพบมิตรประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเจรจาเปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศ ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งมีนักธุรกิจในพื้นที่และนอกพื้นที่เข้ามาตั้งกิจการในจังหวัดเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงเศรษฐกิจในจังหวัดนครพนม จะเติบโตในระยะเวลาอันรวดเร็ว . ซึ่งการตั้งคลังสินค้าเพื่อใช้ในการส่งออกและนำเข้าผ่านประเทศลาว เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ เส้นทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ถือว่ามีระยะทางสั้นที่สุด หลังพ้นวิกฤติ COVID-19 คาดว่า การค้า การลงทุนจะกลับมาคึกคักอีกแน่นอน เมื่อเศรษฐกิจในจังหวัดดี พี่น้องประชาชนทุกอาชีพก็มีรายได้เพิ่มขึ้น . นายสมาน ศรีสุข ประธานกรรมการบริษัทแซมสยาม 99 เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของหุ้นส่วนทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสมาน ศรีสุข 2.นายอธิปพัฒน์ มิ่งเจริญพาณิชย์ 3.นายอัมพล ยุวรี 4.นายสมนาม เหล่าเกียรติ และ 5.นายพงศ์นรินทร์ ศิริวงศ์ . โดยประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เวียดนาม สินค้าหลักของทางบริษัทที่ได้รับเป็นตัวแทนในการส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในเครือบิ๊กอาเจทั้งหมด และยังเป็นตัวแทนส่งออกสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าฮาตาริ ไปยังประเทศเวียดนามผ่านเส้นทางนครพนม ซึ่งมียอดขายเติบโตมากขึ้นในทุก ๆ ปี . บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในด้านการขนส่งโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเพื่อรองรับการเติบโตของการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน จึงร่วมกันพัฒนาพื้นที่กว่า 18 ไร่ ให้เป็นคลังสินค้าและเป็นลานจอดรถเสียบชาร์จไฟ สำหรับรองรับปริมาณรถตู้คอนเทนเนอร์ที่รอเพื่อข้ามไปส่งออกสินค้ายังประเทศต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการขนส่ง . และในปี 2565 นี้ ทางบริษัทแซมสยาม 99 ได้รับโอกาสอันดียิ่งในการร่วมลงนาม MOU เป็นคู่ธุรกิจกับทางบริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ แมนเนจเม้นท์

นครพนม เปิดคลังสินค้าใหญ่สุดในจังหวัด รับโลจิสติกส์ที่ขยายตัวสู่ประตูอินโดจีน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น อ่านเพิ่มเติม »

ปลดล็อก พ.ร.บ.ประกันสังคม เพิ่มสิทธิกองทุนชราภาพ ขอเลือก-ขอกู้-ขอคืน พร้อมเช็กเงื่อนไข

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ หนึ่งในนั้นเป็นการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ได้ ดังนี้ . – ขอเลือก : กรณีให้ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ – ขอคืน : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ – ขอกู้ : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ . โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน .. ทั้งนี้ กรณีชราภาพถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทน หรือผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือนนับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ ให้หักเงินชราภาพของผู้ประกันตนซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระอันเกิดจากการดำเนินการที่นำเงินชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินไว้เพื่อส่งใช้กองทุนก่อน ในกรณียังมีเงินชราภาพเหลืออยู่ ให้ทายาทมีสิทธิได้รับเงิน โดยต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตรา และการหักส่วนลดเงินบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพที่จะได้รับตามที่กำหนดในกฎกระทรวง . นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในการดึงเงินชราภาพมาใช้ก่อนถึงอายุ 55 ปี ถือเป็นหนึ่งในแนวคิดที่จะช่วยผู้ประกันตน โดยเฉพาะลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถนำเงินที่สะสมมาใช้ก่อนได้บางส่วน โดยอาจนำมาใช้ได้ 20-30% ตามความเหมาะสม หรือใช้ในช่วงเวลาเกิดวิกฤต เหมือนตอนนี้ที่มีการระบาดของ COVID-19 . อย่างไรก็ตาม ยังมีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีอื่นนอกเหนือกรณีชราภาพ เช่น เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพจาก 50% เป็น 70% ของค่าจ้าง, ลาคลอด ได้เงินสงเคราะห์เหมาจ่าย 50% ของค่าจ้างจากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน และมาตรา 39 สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างได้เงินสงเคราะห์บุตรต่อ 6 เดือน เป็นต้น . . ที่มา : https://kku.world/9udy9 https://kku.world/csynw . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ประกันสังคม #ชราภาพ

ปลดล็อก พ.ร.บ.ประกันสังคม เพิ่มสิทธิกองทุนชราภาพ ขอเลือก-ขอกู้-ขอคืน พร้อมเช็กเงื่อนไข อ่านเพิ่มเติม »

ป้าดติโท โคราชพบฟอสซิลใบไม้ อายุกว่าแสนปี เล็งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ตามที่นายสุพจน์ แสนมี นายอำภอวังน้ำเขียว พร้อมด้วยนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว และผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันทำความสะอาดและสำรวจแหล่งน้ำตกหินปูนในป่า ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา . หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกผาเก้า โดยมีความยาวตั้งแต่ชั้นบนถึงชั้นล่างกว่า 150 เมตร มีชั้นน้ำตกถึง 9 ชั้น ซึ่งทางอำเภอเตรียมที่จะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ และระหว่างที่ทำความสะอาด ชาวบ้านได้พบใบไม้ที่ฝังอยู่ในหินเป็นจำนวนมาก . คาดว่าน่าจะเป็นฟอสซิลใบไม้กลายเป็นหินที่มีอายุนับล้านปี เนื่องจากจุดนี้อยู่ใกล้กับพื้นที่พบหินดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่กว่า 250 ล้านปี ล่าสุดนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากอุทยานธรณีวิทยา โคราชจีโอพาร์ค ลงพื้นที่สำรวจฟอสซิลใบไม้ดังกล่าว . โดยผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผอ.อุทยานฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่า บริเวณนี้จะมีชั้นน้ำตกที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติเดิม ซึ่งจะทำให้มีใบไม้ไหลมาตามน้ำลงมาทับถมบริเวณชั้นล่างของน้ำตก และถูกดินโคลนทับถมเป็นระยะเวลานาน จนแข็งตัวกลายเป็นซากฟอสซิล . ทั้งนี้จากการใช้เครื่องมือทางธรณีวิทยาพิสูจน์อายุของซากฟอสซิลใบไม้ ก็คาดว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงยุคไพลสโตซีน (Pleistocene) ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.6 ล้านปี ถึง 1 หมื่นปี แต่ถ้าจะระบุอายุของฟอสซิลใบไม้กลายเป็นหินที่พบให้แคบลงไปอีก ตนก็คาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่าหลักหมื่นปี หรือน่าจะมีอายุประมาณ 1 แสนกว่าปี แต่ไม่น่าจะถึงล้านปีตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด . อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณน้ำตกแห่งนี้ ก็ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติแบบยุคดึกดำบรรพ์ หากได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม น่ามาเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก . . อ้างอิงจาก: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ฟอสซิลใบไม้ #น้ำตกผาเก้า

ป้าดติโท โคราชพบฟอสซิลใบไม้ อายุกว่าแสนปี เล็งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว อ่านเพิ่มเติม »

4 สินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) กับโอกาสสร้างรายได้ของอีสานตอนกลาง

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) ที่น่าสนใจ 4 สินค้า ได้แก่ จิ้งหรีด แพะเนื้อ โคขุน และหญ้าเนเปียร์ ที่สามารถเลี้ยงหรือปลูกเสริมทดแทนข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ในพื้นที่ไม่เหมาะสมของ (S3, N) 4 จังหวัด ภาคอีสานตอนกลาง คือ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ได้เป็นอย่างดี . สินค้าดังกล่าวมีต้นทุนและผลตอบแทนเป็นอย่างไร ? . จิ้งหรีด ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 276 บาทต่อตารางเมตร 1 ปี สามารถเลี้ยงได้ 6-7 รุ่น ให้ผลผลิตประมาณ 7 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ย 104.06 บาทต่อกิโลกรัม ผลตอบแทนเฉลี่ย 701 บาทต่อตารางเมตร ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 426 บาทต่อตารางเมตร หรือ 63 บาทต่อกิโลกรัม . เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในพื้นที่ มีการจำหน่ายผลผลิตเอง ทั้งจิ้งหรีดสดและจิ้งหรีดต้มสุก ทั้งในประเทศและให้กับพ่อค้าคนกลาง เพื่อส่งต่อให้กับตลาด Modern Trade รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น . แพะเนื้อ ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 3,537 บาทต่อตัว โดยแม่แพะ 1 ตัว ให้ผลผลิตลูกแพะ 2 ตัวต่อรุ่น เกษตรกรจำหน่ายแพะเนื้ออายุเฉลี่ย 7 เดือน ราคาจำหน่าย 3,780 บาทต่อตัว หรือ 140 บาทต่อกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 27 กิโลกรัมต่อตัว) ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 314 บาทต่อตัว . เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตทั้งหมดให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัดที่เข้ามารับซื้อ โดยพ่อค้าคนกลางจะมีการจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย . โคขุน ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 56,687 บาทต่อตัว ราคาจำหน่าย 60,864 บาทต่อตัว หรือ 91 บาทต่อกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 666 กิโลกรัมต่อตัว) ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 4,177 บาทต่อตัว . ปัจจุบันภาคอีสานตอนกลาง ยังผลิตโคขุนไม่เพียงพอต่อความต้องการรับซื้อ และมีพ่อค้ารายใหม่ ๆ เข้ามาติดต่อรับซื้ออย่างต่อเนื่อง เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนมีการจำหน่ายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัด

4 สินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) กับโอกาสสร้างรายได้ของอีสานตอนกลาง อ่านเพิ่มเติม »

องค์การสวนสัตว์ ดันสวนสัตว์โคราช ผลิต ‘ดินพลังแรด’ จากมูลสัตว์และเศษวัชพืช

10 พ.ค. ที่ผ่านมา นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า สวนสัตว์นครราชสีมา ได้ดำเนินโครงการผลิตดินปลูกต้นไม้และพันธุ์ไม้เพื่อการจำหน่ายภายใต้ชื่อ “ดินพลังแรด” . โดยขั้นตอนการผลิตเป็นการนำมูลสัตว์ และเศษวัชพืชต่าง ๆ ในพื้นที่สวนสัตว์นครราชสีมาที่มีจำนวนมากในแต่ละวันไปทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมภายในสวนสัตว์ และเพื่อการจำหน่าย . นายอรรถพร กล่าวอีกว่า สำหรับการผลิตดินพลังแรดของสวนสัตว์นครราชสีมา ได้ทดลองผลิตและนำมาใช้ประโยชน์ในการปลูกต้นไม้ภายในสวนสัตว์ รวมทั้งได้จัดจำหน่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งมีปริมาณการผลิตเพียงพอต่อความต้องการ โดยดินมีความเหมาะสำหรับนำไปปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผลทุกชนิด . “โครงการผลิตดินพลังแรด ถือเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งของสวนสัตว์นครราชสีมา ที่ได้ริเริ่มในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับที่ดี มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและสนับสนุนเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด มีพ่อค้าต้นไม้ได้มาซื้อดินมากกว่า 1,000 ถุง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจค้าต้นไม้ของตน ซึ่งเป็นผลดีในอีกบริบทหนึ่งของสวนสัตว์นครราชสีมา ที่มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอรรถพร กล่าว . สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานเพาะชำ ฝ่ายพัฒนาสวนสัตว์ โทร. 085-6829791, 087-9595927, 065-7326645 . . ที่มา : https://kku.world/v2lt5 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #องค์การสวนสัตว์ #สวนสัตว์โคราช #ดินพลังแรด

องค์การสวนสัตว์ ดันสวนสัตว์โคราช ผลิต ‘ดินพลังแรด’ จากมูลสัตว์และเศษวัชพืช อ่านเพิ่มเติม »

จ่อเปิดด่านเดินรถข้ามไทย-ลาว มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว

ในช่วงเดือน พ.ค. 2565 ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้รายงานจำนวนบุคคลเดินทางเข้าออกประเทศระหว่างวันที่ 1-3 พ.ค. 65 พบว่ามีคนไทยเดินทางเข้าออก 205 คน คนลาว 506 คน คนต่างชาติ 46 คน ทั้งนี้การเดินทางยังมีข้อจำกัด แม้ว่าจะมีการเปิดด่านสากลแล้วก็ตาม แต่การเดินทางออกนอกประเทศของคนไทยเข้าไปยัง สปป.ลาว ยังไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลเข้าไปได้ โดยจะสามารถเดินทางไปได้เฉพาะในลักษณะคนทำงานหรือนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์เท่านั้น . ส่วนการเดินทางเข้าประเทศของคนลาวนั้นเมื่อเข้าระบบไทยแลนด์พาสต์ และมีเอกสารบอร์เดอร์พาส และใบรับรองวัคซีนครบโดส สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR หรือ ATK แต่หากมีผู้ประสงค์ต้องการตรวจ ATK แบบสมัครใจ ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจ เจ้าหน้าที่คิดค่าตรวจ 250 บาท เงินทุกบาทนำเข้ารัฐ . สำหรับการกรอกข้อมูลในระบบไทยแลนด์พาส ที่ผ่านมาพบว่าคนลาวติดขัดในการกรอกข้อมูลจากภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทำให้เป็นช่องทางสำหรับบริษัทเอกชนรับจ้างกรอกข้อมูลให้แล้วเก็บเงินค่าดำเนินการสูงถึง 4,000 บาท/คน ทำให้คนลาวส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเงินที่แพง จึงยังไม่ค่อยมีการเดินทางเข้าไทยมากนัก . นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รับทราบปัญหาทั้งหมด และจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมโดยด่วน โดยเฉพาะการพิจารณาอนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางเข้าออกประเทศได้เมื่อทุกฝ่ายมีความพร้อม และสปป.ลาว เองก็พร้อมที่จะให้รถยนต์ฝั่งลาวเข้าไทย และรถยนต์ไทยเข้าลาว ก็ไม่มีปัญหาติดขัด สามารถแก้ไขคำสั่งได้ . ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาอนุญาตในเร็ววัน เดิมจะอนุญาตเฉพาะรถบรรทุกสินค้า แต่หากอนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคลเข้าออกได้นั้นจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะระดับภูมิภาค เพราะหลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวลาวถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของภาคอีสาน อย่างช่วงปี 2562 ก่อน COVID-19 อีสานมีนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวลาวสูงที่สุด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 14.3% ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในอีสาน . . อ้างอิงจาก : https://kku.world/gez68 https://kku.world/uxsph . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ด่านพรมแดน

จ่อเปิดด่านเดินรถข้ามไทย-ลาว มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว อ่านเพิ่มเติม »

ของดีแดนอีสาน ผ้าไหมสาเกต – สับปะรดศรีเชียงใหม่ ขึ้นทะเบียน GI ไทยแล้ว

ปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญา มีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไทยแล้ว 156 รายการ ซึ่งครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 40,000 ล้านบาท โดยความสำเร็จดังกล่าวช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในพื้นที่ด้วยสินค้า GI . สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนท้องถิ่น ช่วยผู้ประกอบการและเกษตรกรรายย่อยไม่ให้ถูกกดราคาสินค้าเกษตร ยกระดับกระบวนการผลิตสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นของไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค . นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพิ่มอีก 2 สินค้า คือ “ผ้าไหมสาเกต” และ “สับปะรดศรีเชียงใหม่” ซึ่งเป็นสินค้าท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค . ผ้าไหมสาเกต มีการผลิตในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นผ้าไหมมัดหมี่ที่ทอด้วยลายพื้นบ้านโบราณ 5 ลาย ทอต่อกันในผืนเดียว เริ่มจากลายโคมเจ็ด ลายนาคน้อย ลายคองเอี้ย ลายค้ำเพา และลายหมากจับ ตามลำดับ โดยมีเอกลักษณ์สำคัญ คือ ลายนาคน้อย 12 ตัวอยู่ตรงกลาง และลายหมากจับ 3 ลำเป็นช่องไฟของลายพื้น และแต่ละลายจะทอคั่นด้วยผ้าสีชมพูอมม่วงของดอกอินทนิลบก ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด . สำหรับ สับปะรดศรีเชียงใหม่ ปลูกในเขตพื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เป็นสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย มีผลทรงรี ร่องตาตื้น ก้านสั้น เปลือกบาง เนื้อสับปะรดมีเส้นใยละเอียดและมีสีเหลืองเข้มหรือสีน้ำผึ้ง มีกลิ่นหอม รสชาติหวานฉ่ำ แกนหวานกรอบ รับประทานแล้วไม่กัดลิ้น . โดยในปี 2565 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายขึ้นทะเบียน GI ไทยเพิ่มอีก 18 สินค้า พร้อมผลักดันให้มีการจัดทำระบบควบคุมมาตรฐานสินค้า GI เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ตลอดจนส่งเสริมช่องทางการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดยุคใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้สินค้า GI ไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึง สร้างรายได้สู่ชุมชน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน . . อ้างอิง: https://kku.world/2gdgm . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ผ้าไหมสาเกต #สับปะรดศรีเชียงใหม่

ของดีแดนอีสาน ผ้าไหมสาเกต – สับปะรดศรีเชียงใหม่ ขึ้นทะเบียน GI ไทยแล้ว อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top