Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

ร่วมเชียร์ ทีมชาติไทย ปะทะ เติร์กฯ ฟีฟ่าเดย์ ศึกประวัติศาสตร์ บนแผ่นดินศรีสะเกษครั้งแรก

การแข่งขันฟุตบอลรายการ “SAT SISAKET FOOTBALL INVITATION 2022” ระเบิดศึกฟุตบอลอุ่นเครื่อง ระดับ A-MATCH เก็บคะแนนสะสมอันดับฟีฟ่าแรงกิ้ง เป็นการพบกันระหว่าง “ช้างศึก” ฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ทีมอันดับ 111 ของโลก พบกับ ทีมชาติเติร์กเมนิสถาน ทีมอันดับ 134 ของโลก โดยจะจัด ณ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม นี้ ที่สนามกีฬากลางจังหวัดศรีสะเกษ . สำหรับแมตช์ประวัติศาสตร์ที่ศรีสะเกษครั้งแรกนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ , สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ จัดการแข่งขันขึ้น โดยได้รับการพลักดันโดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และ นายชนินทร์ คุ้มใหญ่โต ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดศรีสะเกษ . โดยมีเป้าหมายนำฟุตบอลทีมชาติไทย มาสร้างความสุข และ ได้สัมผัสแมตช์ระดับฟีฟ่าเดย์ ให้สำหรับแฟนบอลชาวศรีสะเกษ และ พื้นที่ใกล้เคียง ในจังหวัดภาคอีสาน . สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะฝ่ายจัดการแข่งขัน เผยถึงความพร้อมในแมตช์นี้ว่า “กระแสตอบรับดีเกินคาดมาก ๆ เราเปิดขายบัตรเข้าชมหมดตั้งแต่วันแรก ภายในไม่ถึง 20 นาที ทำให้ทางสมาคมกีฬาจังหวัดได้จัดการขายตั๋วเข้าชมอีกครั้ง ในวันแข่งขัน 27 พ.ค. 2565 อีก 3 พันใบ โดย 1 คิวซื้อได้ไม่เกิน 4 ใบ ซึ่งอาจจะเพิ่มความจุอีก จะประเมินหน้าสนาม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด” . ขณะที่ มาโน โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย เผยถึงความพร้อมเกมนี้ว่า “การอุ่นเครื่องที่เราวางไว้นั้นเพื่อเป็นการทดสอบทีมเพื่อหาข้อบกพร่อง เพราะในระดับเอเชียนั้นมันจะยากกว่า เราจึงต้องพร้อมในทุก ๆด้าน ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบที่สุดเมื่อเราเล่นระดับนั้น” . ส่วน ชญาวัต ศรีนาวงษ์ กองหน้าทีมชาติไทย ฝากถึงแฟนบอลชาวศรีสะเกษ ว่า “อยากฝากถึงแฟนบอลที่คอยให้กำลังใจผม ช่วยกันร่วมเชียร์ทีมชาติไทย ผมจะทำให้เต็มที่” . อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษจะเปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชมอีกครั้ง ในวันแข่งขัน 27 พฤษภาคม 2565 หน้าสนามกีฬากลางจังหวัดศรีสะเกษในเวลา 13.00 น. …

ร่วมเชียร์ ทีมชาติไทย ปะทะ เติร์กฯ ฟีฟ่าเดย์ ศึกประวัติศาสตร์ บนแผ่นดินศรีสะเกษครั้งแรก อ่านเพิ่มเติม »

รพ.สุรินทร์ เปิดตัวเครื่องฉายรังสี Harmony Pro นวัตกรรมการรักษามะเร็งใหม่ล่าสุด ร่นระยะเวลารักษาได้ถึง 25% ต่อครั้ง

วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 โรงพยาบาลสุรินทร์ ได้เปิดตัวเครื่องฉายรังสี รุ่น Harmony Pro อย่างเป็นทางการ นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ลงทุนในเทคโนโลยี Harmony Pro นี้ . เครื่องฉายรังสี Harmony Pro ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการฉายรังสีบำบัด โดยผสานคุณสมบัติที่สำคัญได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้แก่ . ประสิทธิภาพการทำงาน: การใช้งานภายในห้องแบบรวดเร็ว หรือ FastTrack แบบใหม่ ที่ช่วยลดเวลาการจัดตำแหน่งผู้ป่วยและตั้งค่าก่อนการฉายรังสีได้ และเมื่อรวมกับขั้นตอนการทำงานที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ระยะเวลาในการรักษาต่อครั้งจึงลดลงได้ถึง 25% ทำให้แพทย์สามารถให้การรักษามะเร็งคุณภาพสูงแก่ผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นได้ . ความแม่นยำ: ด้วยชุดบังคับลำรังสีที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องฉายรังสีประเภทเดียวกันนี้ คือมีความละเอียดถึงหนึ่งมิลลิเมตรในการฉายแสงทั่วทั้งพื้นที่ขนาด 40 ซม. X 40 ซม. ด้วยชุดบังคับลำรังสีนี้ทำให้สามารถเข้าถึงเป้าหมายในการฉายรังสีและสอดคล้องกับการหดตัวของเนื้องอกในความละเอียดระดับมิลลิเมตร . ความสามารถรอบด้าน: ตัวเลือกของพลังงานรังสี และเทคนิคการรักษา รวมทั้งรูปแบบการถ่ายภาพที่หลากหลาย ทำให้ Harmony Pro มีคุณสมบัติที่จำเป็นในการรักษามะเร็งที่พบได้บ่อย ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งอุ้งกระดูกเชิงกราน มะเร็งศีรษะและคอ . พญ. สุภาพรรณ วิทยานุวัฒน์ หัวหน้าแผนกรังสีวิทยา โรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า “เครื่องฉายรังสี Harmony Pro มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ทันสมัย แต่สิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดคือ เราสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเวลาในการตั้งค่าที่ลดลง และเวลาในการรักษาที่รวดเร็วขึ้น ทำให้เราคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีต่อวันได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นได้รับการรักษา และมีโอกาสที่จะหายเร็วขึ้นด้วย” . ทั้งนี้ การใช้เครื่องฉายรังสี Harmony Pro จะไม่เพียงแค่สร้างเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสร้างความหวังให้กับผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น จากเครื่องฉายรังสี (linac) ที่ใช้เทคนิคในการรักษาด้วยรังสีใหม่ล่าสุด อีกทั้งช่วยให้แพทย์สามารถรักษามะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ กับผู้ป่วยจำนวนมากเหล่านี้ด้วย . . อ้างอิงจาก: บทสัมภาษณ์ทีมแพทย์รพ.สุรินทร์ โดยบริษัท อัลลิสัน แอนด์ พาร์ทเนอส์ . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สุรินทร์ #รักษามะเร็ง

หนุนสหกรณ์โคนมศรีสะเกษ ขยายที่เลี้ยง เล็งตั้งโรงงานนมพาสเจอไรซ์ สร้างมูลค่าเพิ่มปีละ 14.3 ล้านบาท

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะตรวจเยี่ยมสหกรณ์โคนมศรีสะเกษ ขยายพื้นที่เลี้ยงโคนม สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรโคนมไทย เล็งตั้งโรงงานนมพาสเจอไรซ์ กระจายน้ำนมดีมีคุณภาพในจังหวัด เพิ่มศักยภาพการผลิต แข่งขันต่างประเทศ . สหกรณ์โคนมศรีสะเกษ จำกัด ถือเป็นสหกรณ์ต้นแบบ ที่ได้ขับเคลื่อนงานนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ด้านการพัฒนาสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็ง ให้สมาชิกสหกรณ์สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป . นอกจากนี้ สหกรณ์ฯ ได้มีการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมเชิงบูรณาการแบบมีส่วนร่วม ร่วมกันกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้แก่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน กองทุนพัฒนาสหกรณ์ โครงการพัฒนาการผลิตน้ำนมโคที่มีคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต วงเงิน 5 ล้านบาท . สนับสนุนอุปกรณ์การตลาดที่จำเป็นแก่สหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะนำส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือน กรมปศุสัตว์ ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมที่ถูกสุขลักษณะ และส่งเสริมพัฒนาฟาร์มโคนมตามเกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้น . ปัจจุบันสหกรณ์มีจำนวนโคนมทั้งหมด 3,309 ตัว ปริมาณการรวบรวมน้ำนมดิบ 3,253.05 ตัน มูลค่า 57.97 ล้านบาท ปริมาณการจำหน่ายน้ำนมดิบ 3,026 ตัน มูลค่า 59.04 ล้านบาท . และมีแผนงานที่จะทำโรงงานนมพาสเจอไรซ์ เพื่อสร้างตลาดการบริโภคในท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มน้ำนมโคเฉลี่ยปีละ 14.3 ล้านบาท ลดการสูญเสียระหว่างขนส่ง ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง 1.44 ล้านบาท สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงโคนมมากขึ้น อีกทั้งนักเรียน ประชาชนใน จ.ศรีสะเกษและใกล้เคียงได้บริโภคน้ำนมที่มีคุณภาพ . “กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ความสำคัญเรื่องนมโรงเรียน ซึ่งการบริโภคนมนอกจากจะส่งเสริมสุขภาพที่ดีแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรโคนมไทยได้อีกด้วย เพราะหากสหกรณ์โคนมเข้มแข็ง ก็ส่งผลให้นักเรียนได้บริโภคนมที่มีคุณภาพ และกระจายสู่ท้องถิ่นโดยไม่ต้องรับซื้อจากจังหวัดอื่น ๆ . อีกทั้งอยากให้เกษตรกรหันมาใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร สามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ และจะต้องขยายพื้นที่การเลี้ยงโคนมให้มีคุณภาพ เพิ่มศักยภาพการผลิต แข่งขันกับต่างประเทศ และลดการนำเข้า” นางสาวมนัญญา กล่าว . . อ้างอิงจาก: https://kku.world/n5qjx . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #โคนม #ศรีสะเกษ

ของแซบ อึ่งอ่างขอนแก่น ราคาดี รับหน้าฝน พุ่ง กก.ละ 400 บาท

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อสำรวจโซนอาหารอีสานพื้นบ้าน เนื่องจากการประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ประกอบกับฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้ทำให้อึ่งและเขียด พากันออกมาเล่นน้ำ และออกมาจับคู่ผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ พ่อค้าแม่ค้า เริ่มนำอึ่งอ่างมาจำหน่าย โดยเฉพาะอึ่งเพ้า อึ่งลาย และเขียด . ซึ่งชาวบ้านต่างพากันออกมาจับเพื่อนำกลับไปประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นอาหารอีสานขึ้นชื่อ รวมทั้งการจับมาจำหน่าย โดยล่าสุดพบว่าอึ่งเพ้า ที่มีไข่เต็มท้องราคาจำหน่าย อยู่ที่กิโลกรัมละ 380-400 บาท อึ่งข้างลาย กิโลกรัมละ 350 บาท ขณะที่เขียดกิโลกรัมละ 220 บาท . นางดวงใจ เพ็งวิชัย อายุ 63 ปี แม่ค้าขายอาหารประจำถิ่น กล่าวว่า ในช่วงนี้ฝนตกหนักมาอย่างต่อเนื่องทำให้เป็นฤดูที่อึ่งอ่างและเขียด ออกมาผสมพันธุ์กัน และเป็นฤดูเดียวที่เราจะสามารถจับอึ่งอ่างและเขียดได้ ซึ่งอึ่งหน้าฝนแรกนี้จะมีรสชาติอร่อยมากและมีไข่เต็มท้อง . ผู้ที่นิยมรับประทานอึ่ง ต่างพากันมาเลือกซื้อไปปรุงเป็นอาหารกันเป็นจำนวนมาก มีเท่าไหร่ก็ขายหมด และจากการสอบถามลูกค้าต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เมนูที่นิยมนำอึ่งไปประกอบอาหารมีอึ่งต้มใบมะขามอ่อน อึ่งปิ้ง และอึ่งช็อต โดยเฉพาะตัวที่มีไข่เต็มท้องจะมีรสชาติ มัน อร่อย . นางดวงใจ กล่าวอีกว่า แม้ในระยะนี้ลูกค้าที่มาซื้อจะบอกว่ามีราคาแพง แต่ก็ซื้อเพราะได้กินปีละครั้งเท่านั้น แต่ถ้าหลังจากนี้ไปเมื่อมีฝนตกชุกแล้วราคาจะลดลงเนื่องจากมีอึ่งอ่างและเขียดจะออกมาให้ชาวบ้านจับมากขึ้น . . ที่มา: https://kku.world/91t3a . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อึ่งอ่าง

อีสาน ภูมิภาคที่มีควายมากที่สุด สู่การผลักดันอุดรฯ เป็น “เมืองหลวงควาย”

จากข้อมูลปศุสัตว์ปี 2564 ประเทศไทยมีจำนวนกระบือหรือควายทั้งสิ้น 1.46 ล้านตัว อยู่ในภาคอีสานมากที่สุด 1.04 ล้านตัว หรือคิดเป็น 71% ของจำนวนควายทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงควายไม่ใช่เพื่อใช้แรงงาน ขุนขายเนื้อหรือนำน้ำนมไปแปรรูปจำหน่ายเพิ่มมูลค่าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเลี้ยงเพื่อหวังเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และขายสายพันธุ์ด้วย . เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดอุดรธานีได้จัดกิจกรรมประกวดควาย ในโครงการอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย “วิถีคนวิถีควายสัญจร” โดยมีเทศบาลตำบลบ้านธาตุร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และกลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยอุดรธานี ที่มีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายเครือข่ายในระดับอำเภอ จำนวน 14 อำเภอ ร่วมเปิดงาน . กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การประกวดควายสวยงามเฉพาะควายในจังหวัดอุดรธานี จำนวน 10 ประเภท ซึ่งมีควายเข้าประกวดกว่า 100 ตัว การโชว์ควายสวยงาม มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท และการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรในชุมชน เช่น หญ้า และน้ำเชื้อควายพันธุ์ดี . อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ควาย รวมไปถึงสร้างองค์ความรู้-แลกเปลี่ยนความรู้การเลี้ยงควายในวิถีเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน โดยตั้งเป้าจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็น “เมืองหลวงควาย” ของประเทศ . นายกิตติภูมิ ดวงพรม หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอเพ็ญ หนึ่งในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย กล่าวว่า แม้ว่าการจัดงานในปีนี้จะลดระดับการจัดงานลง เนื่องจากเราต้องถือปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดอุดรธานี เรื่องมาตรการการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ทางผู้จัดยังได้เล็งเห็นถึงวิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกรผู้อนุรักษ์ควายไทย ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของเกษตกรไทย เป็นการสร้างรายได้ . . อ้างอิงจากhttps://kku.world/9h9hg https://kku.world/tw7s7 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุดรธานี #เมืองหลวงควาย

ผู้สูงอายุในอีสานเพิ่มขึ้น สวนทางกับผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุ ปี 64 กำลังบอกอะไร ?

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรครั้งสำคัญ คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยสัดส่วนประชากรในวัยทำงานและวัยเด็กลดลง เนื่องจากอัตราการเกิดและอัตราการตายลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชากรไทยโดยเฉลี่ยมีอายุยืนยาวขึ้น . ปี 2564 ไทยมีประชากรสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 13.4 ล้านคน เมื่อมาลองดูในระดับภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดอย่างภาคอีสาน พบว่ามีประชากรสูงอายุกว่า 3 ล้านคน หรือคิดเป็น 22.5% ของประชากรสูงอายุทั้งหมด . จังหวัดที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในอีสาน ได้แก่ 1. นครราชสีมา 2. ขอนแก่น และ 3. อุบลราชธานี . แต่ที่น่าสนใจ คือ อีสานมีประชากรสูงอายุที่ได้รับอนุมัติเงินกองทุนผู้สูงอายุเพียง 625 คน (ลดลง 75.7% จากปี 2563) อีกทั้งจังหวัดที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดอย่าง นครราชีมา และอุบลราชธานี กลับไม่มีผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุเลย . อีสานอินไซต์จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จัก “เงินกองทุนผู้สูงอายุ” เพื่อหาสาเหตุว่า เกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์แบบนี้กำลังบอกอะไรเรา . ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ‘เงินกองทุนผู้สูงอายุ’ ไม่เหมือนกับ ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ . โดย เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้กับผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์ทุกคน เพื่อเป็น ‘เงินช่วยเหลือ’ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน . ส่วนเงินกองทุนผู้สูงอายุ คือ เงินเพื่อเป็น ‘ทุนใช้จ่าย’ เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพ ซึ่งประกอบด้วย . 1. การให้การสนับสนุนงบโครงการแบบให้เปล่า (ในลักษณะกลุ่ม ชมรม องค์กร และเครือข่ายด้านผู้สูงอายุ) แบ่งเป็น 1.1) โครงการขนาดเล็ก ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท 1.2) โครงการขนาดกลาง ในวงเงินเกิน 50,000 – 300,000 บาท 1.3) โครงการขนาดใหญ่ วงเงินตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป . 2. ให้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ (ต้องมีผู้ค้ำประกัน) แบ่งเป็น 2.1) กู้ยืมเป็นรายบุคคล ได้คนละไม่เกิน 30,000 บาท 2.2) กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม ๆ ละไม่น้อยกว่า 5 คน ได้กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ให้ผ่อนชำระเป็นรายงวด ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย . การที่ประชากรสูงอายุได้รับอนุมัติเงินกองทุนผู้สูงอายุลดลงจึงสะท้อนความเป็นไปได้ 3 ข้อ …

ผู้สูงอายุในอีสานเพิ่มขึ้น สวนทางกับผู้ที่ได้รับเงินกองทุนผู้สูงอายุ ปี 64 กำลังบอกอะไร ? อ่านเพิ่มเติม »

นครพนม เปิดคลังสินค้าใหญ่สุดในจังหวัด รับโลจิสติกส์ที่ขยายตัวสู่ประตูอินโดจีน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดอาคารคลังสินค้า บริษัทแซมสยาม 99 จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 275 หมู่ 11 บ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม . ซึ่งเป็นการรวมตัวของลูกหลานชาวจังหวัดนครพนมโดยกำเนิด ที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจการค้า การลงทุน เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จนได้เล็งเห็นโอกาสในด้านการส่งขนส่งโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตของการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน . ด้วยความมุมานะพยายามของทีมกรรมการที่บริหาร ซึ่งมีทิศทางที่มุ่งมั่น ได้มีการบริหารจัดการทั้งในภาคขนส่ง และคลังสินค้า รวมถึงพิธีการผ่านข้ามแดนต่าง ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจจึงขยายกำลังการขนส่งและพื้นที่คลังสินค้า เพื่อรองรับปริมาณการผลิตของสินค้าที่มีความต้องการมากขึ้น ฯลฯ . นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในพื้นที่นครพนมว่า ได้มีการหยุดชะงักช่วงวิกฤต COVID-19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็มีมาตรการผ่อนคลายลง . ตนในฐานะผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดฯ ก็เดินทางไปพบมิตรประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเจรจาเปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศ ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งมีนักธุรกิจในพื้นที่และนอกพื้นที่เข้ามาตั้งกิจการในจังหวัดเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงเศรษฐกิจในจังหวัดนครพนม จะเติบโตในระยะเวลาอันรวดเร็ว . ซึ่งการตั้งคลังสินค้าเพื่อใช้ในการส่งออกและนำเข้าผ่านประเทศลาว เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ เส้นทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ถือว่ามีระยะทางสั้นที่สุด หลังพ้นวิกฤติ COVID-19 คาดว่า การค้า การลงทุนจะกลับมาคึกคักอีกแน่นอน เมื่อเศรษฐกิจในจังหวัดดี พี่น้องประชาชนทุกอาชีพก็มีรายได้เพิ่มขึ้น . นายสมาน ศรีสุข ประธานกรรมการบริษัทแซมสยาม 99 เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของหุ้นส่วนทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสมาน ศรีสุข 2.นายอธิปพัฒน์ มิ่งเจริญพาณิชย์ 3.นายอัมพล ยุวรี 4.นายสมนาม เหล่าเกียรติ และ 5.นายพงศ์นรินทร์ ศิริวงศ์ . โดยประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เวียดนาม สินค้าหลักของทางบริษัทที่ได้รับเป็นตัวแทนในการส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในเครือบิ๊กอาเจทั้งหมด และยังเป็นตัวแทนส่งออกสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าฮาตาริ ไปยังประเทศเวียดนามผ่านเส้นทางนครพนม ซึ่งมียอดขายเติบโตมากขึ้นในทุก ๆ ปี . บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในด้านการขนส่งโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเพื่อรองรับการเติบโตของการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน จึงร่วมกันพัฒนาพื้นที่กว่า 18 ไร่ ให้เป็นคลังสินค้าและเป็นลานจอดรถเสียบชาร์จไฟ สำหรับรองรับปริมาณรถตู้คอนเทนเนอร์ที่รอเพื่อข้ามไปส่งออกสินค้ายังประเทศต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการขนส่ง . และในปี 2565 นี้ ทางบริษัทแซมสยาม 99 ได้รับโอกาสอันดียิ่งในการร่วมลงนาม MOU เป็นคู่ธุรกิจกับทางบริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ แมนเนจเม้นท์ …

นครพนม เปิดคลังสินค้าใหญ่สุดในจังหวัด รับโลจิสติกส์ที่ขยายตัวสู่ประตูอินโดจีน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น อ่านเพิ่มเติม »

ปลดล็อก พ.ร.บ.ประกันสังคม เพิ่มสิทธิกองทุนชราภาพ ขอเลือก-ขอกู้-ขอคืน พร้อมเช็กเงื่อนไข

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ หนึ่งในนั้นเป็นการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ได้ ดังนี้ . – ขอเลือก : กรณีให้ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ – ขอคืน : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ – ขอกู้ : กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ . โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน .. ทั้งนี้ กรณีชราภาพถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทน หรือผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือนนับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ ให้หักเงินชราภาพของผู้ประกันตนซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระอันเกิดจากการดำเนินการที่นำเงินชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินไว้เพื่อส่งใช้กองทุนก่อน ในกรณียังมีเงินชราภาพเหลืออยู่ ให้ทายาทมีสิทธิได้รับเงิน โดยต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตรา และการหักส่วนลดเงินบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพที่จะได้รับตามที่กำหนดในกฎกระทรวง . นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในการดึงเงินชราภาพมาใช้ก่อนถึงอายุ 55 ปี ถือเป็นหนึ่งในแนวคิดที่จะช่วยผู้ประกันตน โดยเฉพาะลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถนำเงินที่สะสมมาใช้ก่อนได้บางส่วน โดยอาจนำมาใช้ได้ 20-30% ตามความเหมาะสม หรือใช้ในช่วงเวลาเกิดวิกฤต เหมือนตอนนี้ที่มีการระบาดของ COVID-19 . อย่างไรก็ตาม ยังมีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีอื่นนอกเหนือกรณีชราภาพ เช่น เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพจาก 50% เป็น 70% ของค่าจ้าง, ลาคลอด ได้เงินสงเคราะห์เหมาจ่าย 50% ของค่าจ้างจากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน และมาตรา 39 สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างได้เงินสงเคราะห์บุตรต่อ 6 เดือน เป็นต้น . . ที่มา : https://kku.world/9udy9 https://kku.world/csynw . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ประกันสังคม #ชราภาพ

ป้าดติโท โคราชพบฟอสซิลใบไม้ อายุกว่าแสนปี เล็งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ตามที่นายสุพจน์ แสนมี นายอำภอวังน้ำเขียว พร้อมด้วยนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว และผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันทำความสะอาดและสำรวจแหล่งน้ำตกหินปูนในป่า ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา . หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกผาเก้า โดยมีความยาวตั้งแต่ชั้นบนถึงชั้นล่างกว่า 150 เมตร มีชั้นน้ำตกถึง 9 ชั้น ซึ่งทางอำเภอเตรียมที่จะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ และระหว่างที่ทำความสะอาด ชาวบ้านได้พบใบไม้ที่ฝังอยู่ในหินเป็นจำนวนมาก . คาดว่าน่าจะเป็นฟอสซิลใบไม้กลายเป็นหินที่มีอายุนับล้านปี เนื่องจากจุดนี้อยู่ใกล้กับพื้นที่พบหินดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่กว่า 250 ล้านปี ล่าสุดนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากอุทยานธรณีวิทยา โคราชจีโอพาร์ค ลงพื้นที่สำรวจฟอสซิลใบไม้ดังกล่าว . โดยผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผอ.อุทยานฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่า บริเวณนี้จะมีชั้นน้ำตกที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติเดิม ซึ่งจะทำให้มีใบไม้ไหลมาตามน้ำลงมาทับถมบริเวณชั้นล่างของน้ำตก และถูกดินโคลนทับถมเป็นระยะเวลานาน จนแข็งตัวกลายเป็นซากฟอสซิล . ทั้งนี้จากการใช้เครื่องมือทางธรณีวิทยาพิสูจน์อายุของซากฟอสซิลใบไม้ ก็คาดว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงยุคไพลสโตซีน (Pleistocene) ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.6 ล้านปี ถึง 1 หมื่นปี แต่ถ้าจะระบุอายุของฟอสซิลใบไม้กลายเป็นหินที่พบให้แคบลงไปอีก ตนก็คาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่าหลักหมื่นปี หรือน่าจะมีอายุประมาณ 1 แสนกว่าปี แต่ไม่น่าจะถึงล้านปีตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด . อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณน้ำตกแห่งนี้ ก็ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติแบบยุคดึกดำบรรพ์ หากได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม น่ามาเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก . . อ้างอิงจาก: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ฟอสซิลใบไม้ #น้ำตกผาเก้า

4 สินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) กับโอกาสสร้างรายได้ของอีสานตอนกลาง

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) ที่น่าสนใจ 4 สินค้า ได้แก่ จิ้งหรีด แพะเนื้อ โคขุน และหญ้าเนเปียร์ ที่สามารถเลี้ยงหรือปลูกเสริมทดแทนข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ในพื้นที่ไม่เหมาะสมของ (S3, N) 4 จังหวัด ภาคอีสานตอนกลาง คือ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ได้เป็นอย่างดี . สินค้าดังกล่าวมีต้นทุนและผลตอบแทนเป็นอย่างไร ? . จิ้งหรีด ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 276 บาทต่อตารางเมตร 1 ปี สามารถเลี้ยงได้ 6-7 รุ่น ให้ผลผลิตประมาณ 7 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ย 104.06 บาทต่อกิโลกรัม ผลตอบแทนเฉลี่ย 701 บาทต่อตารางเมตร ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 426 บาทต่อตารางเมตร หรือ 63 บาทต่อกิโลกรัม . เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในพื้นที่ มีการจำหน่ายผลผลิตเอง ทั้งจิ้งหรีดสดและจิ้งหรีดต้มสุก ทั้งในประเทศและให้กับพ่อค้าคนกลาง เพื่อส่งต่อให้กับตลาด Modern Trade รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น . แพะเนื้อ ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 3,537 บาทต่อตัว โดยแม่แพะ 1 ตัว ให้ผลผลิตลูกแพะ 2 ตัวต่อรุ่น เกษตรกรจำหน่ายแพะเนื้ออายุเฉลี่ย 7 เดือน ราคาจำหน่าย 3,780 บาทต่อตัว หรือ 140 บาทต่อกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 27 กิโลกรัมต่อตัว) ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 314 บาทต่อตัว . เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตทั้งหมดให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัดที่เข้ามารับซื้อ โดยพ่อค้าคนกลางจะมีการจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย . โคขุน ต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ย 56,687 บาทต่อตัว ราคาจำหน่าย 60,864 บาทต่อตัว หรือ 91 บาทต่อกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 666 กิโลกรัมต่อตัว) ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 4,177 บาทต่อตัว . ปัจจุบันภาคอีสานตอนกลาง ยังผลิตโคขุนไม่เพียงพอต่อความต้องการรับซื้อ และมีพ่อค้ารายใหม่ ๆ เข้ามาติดต่อรับซื้ออย่างต่อเนื่อง เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนมีการจำหน่ายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัด …

4 สินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) กับโอกาสสร้างรายได้ของอีสานตอนกลาง อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top