Soft Power ไทยสุดปัง! รั้งอันดับ 1 ประเทศรวยวัฒนธรรมที่สุดในเอเชีย และ อันดับ 8 ของโลก
จาก U.S.News & World Report
🇹🇭Soft Power ไทยสุดปัง! ครองแชมป์ประเทศ “รวยวัฒนธรรมที่สุดในเอเชีย”
เมื่อวัฒนธรรมกลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่สามารถจับต้องได้ ไทยกำลังก้าวสู่บทบาทผู้นำแห่งเอเชียด้วยเสน่ห์ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้
.
ในโลกยุคใหม่ที่พลังอ่อน (Soft Power) มีน้ำหนักไม่น้อยไปกว่าพลังแข็ง (Hard Power) ชื่อเสียงของประเทศไม่ได้วัดกันแค่จำนวนฐานทัพหรือเทคโนโลยีล้ำหน้าอีกต่อไป แต่กลับวัดกันที่ “เสน่ห์” ที่ประเทศนั้นๆ สามารถส่งออกไปยังใจคนทั่วโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ อาหาร ดนตรี หรือไลฟ์สไตล์
.
และล่าสุด ประเทศไทย ก็สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งชาติ ด้วยการถูกจัดอันดับให้เป็น ประเทศที่ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมมากที่สุดในเอเชีย และติดอันดับ 8 ของโลก จากการจัดอันดับโดย U.S. News & World Report ปี 2024 จากทั้งหมด 89 ประเทศทั่วโลก
.
โดยใช้เกณฑ์การประเมินที่เข้มข้น ครอบคลุม 5 มิติหลัก ได้แก่
- การเข้าถึงวัฒนธรรม (Cultural Accessibility)
- ประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง (Rich History)
- สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม (Cultural Attractions)
- ความน่าดึงดูดทางภูมิศาสตร์ (Geographical Appeal)
ซึ่งประเทศไทยโดดเด่นในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องของ อาหาร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และโบราณสถาน ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ตราตรึงใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก
.
ไม่เพียงเท่านั้น ไทยยังได้รับคำชมว่าเป็น “ประเทศที่มีสมดุลระหว่างความร่วมสมัยกับมรดกดั้งเดิม” บ้านเมืองทันสมัยที่ตั้งอยู่เคียงข้างวัดวาอารามเก่าแก่ได้อย่างกลมกลืน
.
ไทย = ผู้นำวัฒนธรรมแห่งเอเชีย
เมื่อดูเฉพาะในระดับทวีปเอเชีย ไทยก็ ครองอันดับ 1 ทิ้งห่างประเทศที่มีวัฒนธรรมแข็งแกร่งเช่นกันอย่างอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งติดตามมาในอันดับ 2-4 ตามลำดับ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างก็ติดอันดับเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคนี้ในด้านวัฒนธรรมนั่นเอง
.
อันดับประเทศในเอเชีย จากการจัดอันดับ 89 ประเทศทั่วโลก ได้แก่
1. ไทย #8 ของโลก
2. อินเดีย #10 ของโลก
3. ญี่ปุ่น #11 ของโลก
4. จีน #13 ของโลก
5. อินโดนีเซีย #21 ของโลก
6. เวียดนาม #24 ของโลก
7. มาเลเซีย #28 ของโลก
8. เกาหลีใต้ #32 ของโลก
9. สิงคโปร์ #34 ของโลก
10. ฟิลิปปินส์ #36 ของโลก
11. ซาอุดิอาราเบีย #37 ของโลก
12. ศรีลังกา #56 ของโลก
13. กัมพูชา #42 ของโลก
14. กาตาร์ #66 ของโลก
15. บังคลาเทศ #74 ของโลก
16. อิหร่าน #75 ของโลก
17. พม่า #78 ของโลก
18. คาซัคสถาน #80 ของโลก
19. บาห์เรน #84 ของโลก
20. อุซเบกิสถาน #86 ของโลก
21. คูเวต #87 ของโลก
.
วัฒนธรรมไทย = แม่เหล็กดึงดูดเศรษฐกิจ
แม้ว่ารายได้จากภาคการท่องเที่ยวจะคิดเป็นเพียง 7% ของ GDP ของประเทศ แต่ในเชิงผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม วัฒนธรรมกลับมีบทบาท “สูงกว่าตัวเลข” มาก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมบริการ อาหาร ศิลปะ หรือการผลิตคอนเทนต์เพื่อส่งออก เช่น เพลง ภาพยนตร์ หรือเกมไทย
.
สิ่งที่ทำให้ไทยแตกต่างจากประเทศอื่น คือความสามารถในการทำให้ของเดิมกลายเป็นของใหม่ จากวัดกลายเป็นโลเคชันถ่ายหนัง จากผ้าไหมกลายเป็นแฟชั่นโชว์ จากแกงเขียวหวานกลายเป็นจานเด็ดระดับ Michelin Guide ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะ “วัฒนธรรมไทยไม่หยุดอยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์ แต่ยังมีชีวิตอยู่ในวิถีชีวิตจริง”
.
รายงานจาก U.S. News & World Report ยังระบุอีกว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะมีความหลากหลายทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด วัดวาอาราม แหล่งโบราณคดี หรือกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่าง การนวดแผนไทย ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
.
Soft Power ไทย = เครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ของชาติ
“วัฒนธรรมไม่ใช่แค่เรื่องของความภาคภูมิใจ แต่คือทุนทางเศรษฐกิจระดับโลกที่ไทยกำลังมีแต้มต่อ” ประเทศไทยอาจไม่ได้เป็นผู้นำทางเทคโนโลยี หรือมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม แต่เรากำลังกลายเป็นมหาอำนาจทางด้านวัฒนธรรม และนี่เองก็คือจุดแข็งที่ทั่วโลกเริ่มจับตามอง
.
ในยุคที่โลกเชื่อมถึงกันทุกมิติ ความสามารถในการส่งออก “เสน่ห์” ของประเทศกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างอิทธิพล ทั้งในเชิงภาพลักษณ์ ความนิยม และเม็ดเงิน Soft Power จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่คือ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาล และไทยเองก็กำลังมีโอกาสครั้งใหญ่
.
ทำไม Soft Power ไทย ถึง “มาแรง” ในเวลานี้?
ประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ ของเอเชียในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายและลึกซึ้งทางวัฒนธรรม ตั้งแต่ของกิน เพลง แฟชั่น ไปจนถึงศิลปะพื้นบ้าน อัตลักษณ์เหล่านี้ฝังรากอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยเรา และพร้อมถูกพัฒนาให้กลายเป็นสินค้าทางเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าได้อย่างยั่งยืน
.
ในขณะที่ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industries) เพื่อผลักดันเศรษฐกิจยุคใหม่ ไทยเองก็ตอบรับด้วยการตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ คือ สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) พร้อมกลไกสำคัญอย่าง คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
.
ต้นน้ำ จะยกระดับ “ทุนมนุษย์” ทางวัฒนธรรม
โดยที่รัฐบาลมองเห็นว่า จุดเริ่มของ Soft Power ไทย คือ “คนไทย” ที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ด้านศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่สิ่งที่ขาด คือ ทักษะใหม่ในการแปลงวัฒนธรรมให้กลายเป็นสินค้ามูลค่าสูงนั่นเอง
.
นโยบาย “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS)” จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อลงทุนกับทุนมนุษย์อย่างจริงจัง ผ่านการฝึกอบรม Up-skill และ Re-skill ทั้งในด้านศิลปะพื้นบ้าน ดนตรี อาหาร ไปจนถึงเทคโนโลยีสร้างสรรค์ เช่น Game Development, VR, และ Animation
เป้าหมายไม่ใช่แค่รักษาวัฒนธรรม แต่คือการ “เปลี่ยนของเดิมให้ขายได้ในตลาดใหม่”
.
กลางน้ำ สามารถสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
แม้ไทยเราเองจะมีวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง แต่ระบบสนับสนุนยังอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น อุตสาหกรรมวัฒนธรรมไทยจำนวนมากยังคงติดกับดัก “ไม่มีทุน ไม่มีตลาด ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน”
.
การผลักดันกฎหมายใหม่เพื่อปลดล็อกอุตสาหกรรม อย่างเช่น การเปิดทางให้ศิลปินท้องถิ่นเข้าถึงแหล่งทุน การแก้กฎหมายลิขสิทธิ์ให้รองรับรูปแบบใหม่ของศิลปะ หรือการสร้าง Sandbox ทดลองธุรกิจวัฒนธรรม คือสิ่งจำเป็น
.
รัฐบาลยังระบุ 14 อุตสาหกรรม Soft Power เป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ดนตรี แฟชั่น ภาพยนตร์ เกม และมวยไทย ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนเฉพาะทางเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
.
หากทำได้สำเร็จ อุตสาหกรรม Soft Power จะกลายเป็น “ขุมทอง” ใหม่ ไม่ต่างจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือส่งออกอาหารนั่นเอง
.
ปลายน้ำ สามารถส่งออกวัฒนธรรมไทยสู่ตลาดโลก
กลยุทธ์ “Creative Cultural Diplomacy” หรือ “การทูตเชิงวัฒนธรรม” กลายเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขยาย Soft Power ไทยสู่สากล ไม่ใช่แค่ผ่านการประชาสัมพันธ์ แต่ผ่านสินค้าและบริการจริงที่สร้างรายได้
- – วัฒนธรรมไทยกำลังถูก packaging ใหม่ให้เข้ากับโลกสมัยใหม่
- – แฟชั่นไทยร่วมเวที Milan
- – ศิลปินไทยขึ้นเวทีระดับโลก
- – อาหารไทยถูกผลักดันสู่ระดับ Michelin
- – และมวยไทยอาจกลายเป็นกีฬาโอลิมปิกในอนาคต
สิ่งเหล่านี้นี่คือการเปลี่ยน “วัฒนธรรม” ให้เป็น “เศรษฐกิจส่งออก” ที่ขยายได้เรื่อยๆ โดยไม่มีทรัพยากรใดหมดลง
.
Soft Power จากภาพลักษณ์สู่เศรษฐกิจท้องถิ่น
สิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของ Soft Power ไม่ได้แปลว่ามีแค่เศรษฐีใหม่ในเมือง แต่ยังสามารถ เชื่อมต่อกับเศรษฐกิจฐานราก อย่างเช่น งานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ถูกรีแบรนด์ขายในตลาดไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชุมชนที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ หรือแม้แต่การสร้างเวทีให้ศิลปินท้องถิ่นในเวทีระดับชาติ Soft Power จึงไม่ใช่แค่เรื่องนโยบาย แต่คือเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจได้จริง
.
.
อ้างอิงจาก:
– U.S. News & World Report
– THACCA-Thailand Creative Culture Agency
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #THACCA #SoftPower #เศรษฐกิจสร้างสรรค์ #ซอฟต์พาวเวอร์ #ซอฟต์พาวเวอร์ไทย