SHARP ADMIN

10 ปีข้างหน้า ‘หนองคาย’ จะกลายเป็น ‘ประตูสู่ยูนนาน’ สำรวจโอกาสของจังหวัด จากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมลาว-จีน

หนองคาย เป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนบน ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นเอกลักษณ์คือมีทอดยาวตามแม่น้ำโขงกว่า 210.6 กิโลเมตร  มีอาณาเขตติดตอกับประเทศลาว คือ แขวงเวียงจันทน์ นครหลวงเวียงจันทน์ และแขวงบอลิคําไซ โดยมีจุดผ่านแดนได้แก่ 1. ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 2. ด่านพรมแดนทาเรือหนองคาย 3. ด่านตรวจคนเขาเมือง ณ สถานีรถไฟหนองคาย นอกจากนั้นยังมีจุดผ่อนปรนทางการค้าอีก 4 แห่ง  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้จังหวัดหนองคาย มีความโดดเด่นด้านการค้าชายแดนเป็นอย่างมาก ทำไมหนองคายจึงเป็นจังหวัดที่มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว? ปัจจัยที่ทำให้หนองคายดูน่าดึงดูดที่จะลงทุน คือการที่ในอนาคต หนองคายกำลังจะมี รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – หนองคาย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างในระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ – นครราชสีมา) และเพิ่งมีการอนุมัติจาก ครม. ในการเริ่มโครงการระยะที่ 2 (นครราชสีมา – หนองคาย) รวมระยะทางทั้ง 2 โครงการ 606.17 กิโลเมตร แม้ว่าการก่อสร้างในระยะที่ 1 จะมีความล่าช้า แต่คาดการณ์ว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2575 หรืออีก 10 ปีต่อจากนี้ การเดินทางโดยใช้รถไฟความเร็วสูงจากระหว่างหนองคายไปกรุงเทพฯ จะใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเศษๆ เพิ่มตัวเลือกด้านการคมนาคมนอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์หรือเครื่องบิน สร้างความสะดวกสบายแก่ชาวหนองคายและผู้เยี่ยมเยือน รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – หนองคาย เชื่อมโยงภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รถไฟกรุงเทพฯ – หนองคายมีความพิเศษที่สำคัญต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของไทย จะสามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟลาว-จีน ที่ได้เปิดให้บริการไปแล้วในปี 2564 มีสถานีต้นทาง-ปลายทางคือ สถานีคุนหมิงใต้ของจีน และสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ของ สปป. ลาว มีสถานีรวม 32 สถานี ที่มารูปภาพ: กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม โดยการเชื่อมรถไฟความเร็วสูงจากไทย-ลาว-จีนนั้น จะถูกเชื่อมโยงโดย สะพานมิตรภาพสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) แห่งที่ 2 เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3 ปี 2569 และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2572 โดยสถานีรถไฟหนองคาย จะเป็นจุดตรวจหนังสือเดินทางของประเทศไทย ซึ่งในแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง จะมีจุดตรวจ 4 แห่ง ดังนี้ สถานีรถไฟหนองคาย ประเทศไทย สถานีรถไฟเวียงจันทน์ สปป.ลาว สถานีรถไฟบ่อเต็น สปป.ลาว สถานีรถไฟโม่ฮาน ประเทศจีน ที่มารูปภาพ: Shutterstocks และจากคนจีนที่เดินทางเข้าในภาคอีสานของไทย ปี 2567 พบว่าจุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพ 1 จังหวัดหนองคาย เป็นจุดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเดินทางเข้ามาทางบกของชาวจีน โดยมีจำนวนกว่า 24,000 ราย (ข้อมูล […]

10 ปีข้างหน้า ‘หนองคาย’ จะกลายเป็น ‘ประตูสู่ยูนนาน’ สำรวจโอกาสของจังหวัด จากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมลาว-จีน อ่านเพิ่มเติม »

จากคดี ร่วมกันยักยอกทรัพย์ สู่ผลตัดสิน ‘เอกราช ช่างเหลา’ และการถูกขับออกจาก ภูมิใจไทย

เอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น และอีกบทบาทหนึ่งคือ พ่อนายก อบจ. ป้ายแดงของชาว #ขอนแก่น ถูกศาลสั่งจำคุก 5 ปี คดีโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดขอนแก่น 431 ล้านบาท ที่ยีดเยื้อมานาน ศาลพิพากษาตัดสินแล้วศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย ขอนแก่น 17 เม.ย.-ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท ที่ห้องพิจารณาคดี 6 ศาลจังหวัดขอนแก่น นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ และนายสุธน สอนคำแก้ว ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสาร และร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กรณีทุจริตเงิน 1,275 ล้านบาทของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ระหว่างปี 2554-2563 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ฯ โดยนายเอกราช เคยเซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ และให้การรับสารภาพมาตลอด เพิ่งขอยื่นกลับคำให้การ วันที่ 7 ตุลาคม 2567 หลังสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ให้เหตุผลว่า ทนายความชุดเก่าหลอกให้รับสารภาพ โดยเงินที่นำออกไป ได้ซื้อที่ดินมาจดจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้จากการซื้อลอตเตอรี่ให้สหกรณ์ฯ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การใหม่ เชื่อว่า เป็นการประวิงคดี ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทำผิดตามฟ้องจริง โดยปลอมเอกสารยืนยันยอดเงินฝาก เงินคงเหลือ ทั้งฉบับ และบางส่วนรวม 35 ครั้ง เพื่อให้ ผู้พบเห็นชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคาร ผู้สอบ ผู้ตรวจบัญชีและประชาชนทั่วไป รวมจำนวน เงินยักยอก 1275 ล้านบาทชดใช้คืนแล้วเกือบ 900 ล้านบาทคงเหลือกว่า 405 ล้านบาท โดยจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน พิพากษาจำคุก ข้อหายักยอก 5 กระทง กระทงละ 3 ปี ข้อหาใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม 21 กระทง กระทงละ 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกข้อหายักยอก 5 ปี 30 เดือน ข้อหาใช้เอกสารสิทธิปลอม 63 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 93

จากคดี ร่วมกันยักยอกทรัพย์ สู่ผลตัดสิน ‘เอกราช ช่างเหลา’ และการถูกขับออกจาก ภูมิใจไทย อ่านเพิ่มเติม »

หนี้ข้าราชการไทย 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือน ยอดกู้กว่า 5 ล้านล้านบาท เสี่ยงถูกยื่นล้มละลาย 1.4 หมื่นคน

ฮู้บ่ว่าข้าราชการไทย กู้รวมกันกว่า 5 ล้านล้าน เป็นหนี้ในระบบ 3 ล้านล้าน และกู้สหกรณ์อีก 2 ล้านล้านเสี่ยงล้มละลายพุ่ง 1.4 หมื่นคน, ‘ครู’ ครองแชมป์มากที่สุด วิกฤตหนี้ครัวเรือนไทย’ จากข้อมูลบัญชีลูกหนี้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนมากกว่า 84 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้คงค้างกว่า 13.6 ล้านล้านบาท พบคนไทยก่อหนี้วนลูป จนกลายเป็นหนี้พอกเรื้อรังไปตลอดชีวิต ที่น่ากังวลไม่ต่างกันคือ มากกว่า 1 ใน 3 หรือมากกว่า 5 ล้านล้านบาท นั้นเป็นหนี้ครัวเรือนของข้าราชการไทย . ด้าน ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า “ตัวเลขข้าราชการ’ล้มละลายพุ่ง 1.4 หมื่น ‘ครู’ ครองแชมป์เสี่ยงถูกให้ออกมากสุด” . ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 14,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่า และในจำนวนนี้เป็นข้าราชการครูกว่า 5,000 คน ซึ่งหากถูกฟ้องล้มละลายก็จะถูกให้ออกจากราชการ ไม่มีอาชีพทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาจึงมีการเร่งถก’ก.พ.’เปิดช่องให้โอกาสทำงานต่อ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ถูกฟ้องล้มละลาย ไม่ต้องออกจากราชการ เนื่องจากเป็น ‘คดีทางแพ่ง’ ไม่ใช่การทุจริตหรือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เพราะหากถูกบังคับออกจากราชการก็จะเสียช่องทางการหารายได้เป็นการสร้างภาระเพิ่ม“จากนี้จะต้องหารือกับทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ซึ่งเป็นผู้แลภาพรวมของข้าราชการทั่วประเทศ รวมไปถึงหารือกับคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) เพื่อยกก่อนจะนำเรื่องนี้เข้าเสนอที่ประชุมครม.ต่อไปซึ่งเป็นขั้นตอนปกติของการผลักดันร่างกฎหมาย ส่วนสหกรณ์ที่เข้าระบบมีเพียง 7 แห่งเท่านั้น ทำให้เกิดการกู้ทั้งซ้ำซ้อน จนไม่สามารถใช้คืนหนี้ได้ โดยรายชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์ที่สมัครเข้าร่วมเครดิตบูโรแล้ว ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำกัด (สอ.สป.) สหกรณ์อิสลามอิบนูอัฟฟาน จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยมหิดล จำกัด  

หนี้ข้าราชการไทย 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือน ยอดกู้กว่า 5 ล้านล้านบาท เสี่ยงถูกยื่นล้มละลาย 1.4 หมื่นคน อ่านเพิ่มเติม »

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢

ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฮียบหงวนมิลเลอร์ จังหวัด: อุดรธานี ปีที่จดทะเบียน: 2500 อายุบริษัท: 68 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 10 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: จำหน่ายรถยนต์ ขายอะไหล่ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: จำหน่ายรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,918.5 (-28.8%) กำไร (ล้านบาท): 34.9 (-25%)   ชื่อบริษัท: บริษัท เมรัยชัยภูมิ จำกัด จังหวัด: ชัยภูมิ ปีที่จดทะเบียน: 2503 อายุบริษัท: 65 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 21 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่ง สุรา เบียร์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,279.2 (-2.3%) กำไร (ล้านบาท): 6.0 (+2,123.9%)   ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะฮั้วอุบล จังหวัด: อุบลราชธานี ปีที่จดทะเบียน: 2504 อายุบริษัท: 64 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 6 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายปลีกเบียร์ และสินค้าเบ็ดเตล็ด ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,309.1 (-7.1%) กำไร (ล้านบาท): 6.1 (-1.2%)   ชื่อบริษัท: บริษัท สหเรือง จำกัด จังหวัด: มุกดาหาร ปีที่จดทะเบียน: 2506 อายุบริษัท: 62 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 774 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ผลิตและขายส่งน้ำตาลทราย ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: โรงงานน้ำตาล รายได้รวม (ล้านบาท): 3,074.7 (+2.0%) กำไร (ล้านบาท): 462.1 (+6.1%)   ชื่อบริษัท: บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด จังหวัด: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2507 อายุบริษัท: 61 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 2,000 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: เข้าซื้อหุ้นในบริษัทอื่นและกิจการอื่น (บริษัทโฮลดิ้ง) ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายยานยนต์ รายได้รวม (ล้านบาท): 5,330.8 (-33.6%) กำไร

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢 อ่านเพิ่มเติม »

Big 4 อีสานติดโผ! 15 จังหวัดที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศไทย

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) สำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึง 2567 รวม 31 ปี และโดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาค ทั้งหมด 40 หลักจังหวัดที่มีโครงการทั่วประเทศ ซึ่งได้คัด 15 จังหวัดหลักที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยไม่นับ6 จังหวัดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อันดับ 1 และอันดับ 2 คือจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งเติบโตด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดหลักในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ โดยจังหวัดชลบุรี ณ ปี 2567 ยังมีหน่วยขายรอผู้มาซื้ออยู่ 45,470 หน่วย หรือเหลืออยู่ 15% มีมูลค่ารวม 159,738 ล้านบาท ในส่วนของจังหวัดระยอง ยังมีหน่วยที่อยู่อาศัยรอขายอยู่  23,092 หน่วย หรือ 25% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด รวมมูลค่า 58,563 ล้านบาท อันดับที่ 3 เป็นจังหวัดใหญ่ของภาคเหนือ นั่นคือ จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีหน่วยขายรอขายอยู่ 11,900 หน่วย ถือเป็นเพียง 14% ของหน่วยขายทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมกัน 54,218 ล้านบาท และอันดับที่ 4 เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและจังหวัดสำคัญของภาคใต้ คือจังหวัดภูเก็ต มีหน่วยที่อยู่อาศัยรอขายอยู่ 11,607 หน่วย คิดเป็น 15% ของปริมาณทั้งหมด มีมูลค่ารวมสูงถึง 142,796 ล้านบาท ข้ามฝั่งมายังอีสาน พบว่ามีจังหวัดในภาคอีสานติดอยู่ในลำดับจังหวัดที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากที่สุด ซึ่งได้แก่จังหวัดกลุ่ม Big 4 อย่าง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และ อุบลราชธานี โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้ นครราชสีมา หน่วยขายรอขาย: 8,336 หน่วย คิดเป็น 21% ของหน่วยขายทั้งหมด มูลค่าที่รอขายรวม 26,458 ล้านบาท   ขอนแก่น หน่วยขายรอขาย: 5,642   หน่วย คิดเป็น 95% ของหน่วยขายทั้งหมด มูลค่าที่รอขายรวม 19,484  ล้านบาท   อุดรธานี หน่วยขายรอขาย: 2,530 หน่วย คิดเป็น 16% ของหน่วยขายทั้งหมด มูลค่าที่รอขายรวม 9,229 ล้านบาท   อุบลราชธานี หน่วยขายรอขาย:

Big 4 อีสานติดโผ! 15 จังหวัดที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง KUBOTA ผู้นำเบอร์ 1 รถเพื่อการเกษตรในไทย

ผู้ก่อตั้ง: Gonshiro Kubota ชื่อบริษัท: บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ปีที่ก่อตั้ง: พ.ศ. 2521 ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: ปทุมธานี รายได้: 54,347 ล้านบาท (-7.6% YoY) กำไร (ขาดทุน): 4,838 ล้านบาท (-13.9% YoY) ยอดรถแทรกเตอร์จดทะเบียนครั้งแรกปี 2567: ทั่วประเทศ 40,222 คัน / ภาคอีสาน 19,606 คัน   จังหวัด จำนวนศูนย์บริการ (แห่ง) จำนวนตัวแทนจำหน่าย (แห่ง) รายได้จากตัวแทนจำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนรถรถแทรกเตอร์คูโบต้าจดทะเบียนครั้งแรก ปี 2567 (คัน) ชัยภูมิ ศูนย์บริการเทคนิค 1 8 1,335.7 1,876 ยโสธร ศูนย์บริการเทคนิค 1 5 540.9 452 อุบลราชธานี ศูนย์บริการเทคนิค 1 16 4,334.6 1,430 ศรีสะเกษ – 14 1,188.7 919 บุรีรัมย์ – 11 1,132.2 1,125 นครราชสีมา ศูนย์บริการเทคนิค 1 ศูนย์กระจายอะไหล่ 2 คลังสินค้า 8 28 3,165.3 3,153 สุรินทร์ ศูนย์บริการเทคนิค 1 11 1,806.1 869 อำนาจเจริญ – 4 259.8 336 หนองบัวลำภู – 5 977.3 729 บึงกาฬ – 7 3.2 216 หนองคาย – 4 722.9 353 เลย ศูนย์บริการเทคนิค 1 7 735.4 682 อุดรธานี ศูนย์บริการเทคนิค 1 15 3,552.8 1,754 นครพนม ศูนย์บริการเทคนิค 1 7 401.1 426 สกลนคร ศูนย์บริการเทคนิค 1 10

พามาเบิ่ง KUBOTA ผู้นำเบอร์ 1 รถเพื่อการเกษตรในไทย อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน

พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้า” พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน . ภาคอีสานของเรา เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพด้านพลังงานทดแทนสูง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 2,842 เมกะวัตต์ (MW) เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากภาคกลางที่มีกำลังการผลิต 4,143 MW และสูงกว่าภาคเหนือ (2,387 MW) และภาคใต้ (989 MW) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในภาคอีสานมีหลายประเภท โดยลมเป็นแหล่งพลังงานหลัก รองลงมาคือชีวะมวลและ พลังงานแสงอาทิตย์   โดยสามารถจำแนกศักยภาพพลังงานหมุนเวียนในภาคอีสานได้ดังนี้ – โรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Power Plants) – 1,266 MW พลังงานลมกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดของภาคอีสาน ด้วยศักยภาพกระแสลมที่เหมาะสมในบางพื้นที่ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง – โรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass Power Plants) – 691 MW ภาคอีสานมีวัตถุดิบชีวมวลที่อุดมสมบูรณ์ เช่น เศษวัสดุจากการเกษตร อ้อย ข้าว และมันสำปะหลัง ทำให้ชีวมวลเป็นพลังงานที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างยั่งยืน – โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Plants) – 551 MW ด้วยปริมาณแสงแดดที่มีตลอดปี ทำให้ภาคอีสานเหมาะสมต่อการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว – โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ (Large Hydro Power Plants) – 238 MW แม้ว่าภาคอีสานจะไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่เท่าภาคเหนือ แต่ยังสามารถใช้ศักยภาพของแม่น้ำสายสำคัญเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ – โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (Biogas Power Plants) – 80 MW โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพใช้ของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นแหล่งเชื้อเพลิง ช่วยลดปัญหามลพิษและสร้างพลังงานสะอาด – โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก (Mini-Hydro Power Plants) – 6 MW แม้กำลังการผลิตจะไม่สูงมาก แต่โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กยังสามารถช่วยกระจายพลังงานไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกลได้ – โรงไฟฟ้าขยะ (Waste Power Plants) – 10 MW การนำขยะมาใช้ผลิตไฟฟ้าช่วยลดปริมาณขยะในชุมชนและเป็นอีกแนวทางในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน – โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Power Plants) – 0 MW ยังไม่มีการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานนี้   ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ เหมาะสำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและแสงอาทิตย์ซึ่งต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมหากได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การลงทุน และนโยบายที่ส่งเสริมพลังงานทดแทน ภาคอีสานสามารถเป็นศูนย์กลางพลังงานสะอาดที่สำคัญของไทยที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงานได้ในอนาคต . ที่มา: กระทรวงพลังงาน   หมายเหตุ: 1. ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 2.ไม่รวมกำลังการผลิตไฟฟ้านอกระบบ

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

บุรีรัมย์ โมโตจีพี มหกรรมความเร็วระดับโลก เเรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหรือ MotoGP ฤดูกาล 2025 ก็จะเริ่มเปิดสนามอย่างเป็นทางการกันแล้ว และสนามแรกก็ประเดิมที่บ้านเราเลยกับ ‘พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์’ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคมนี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ แถมในปีนี้แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทยก็มีเรื่องราวให้น่ายินดีมากขึ้นไปอีกเพราะเราจะได้เชียร์ ‘คิงคองก้อง’ สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยคนแรกที่ได้ลงแข่ง MotoGP ไปกันยาวๆ ในซีซั่นนี้  โดยมีแข่งขันสนามแรกประจำฤดูกาลที่บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6 ซึ่งดอร์นา สปอร์ต เปิดเผยว่า ทั้ง 3 อีเวนต์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย ใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 23 ล้านยูโร หรือประมาณ 819 ล้านบาท ไม่รวมกับงบประมาณจัดงานจากฝั่งการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ซึ่งบทบาทในปีนี้ถือเป็นโอกาสทองจาก 22 สนามที่จะถูกจัดขึ้นทั้งปีทั่วโลก เนื่องจากได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและแฟนความเร็วมากที่สุด เพราะจะได้เห็นนักแข่งกับการวางแผนทำงานของทีมแข่ง ภายใต้รถแข่งในเทคโนโลยีใหม่, ผลงานภายใต้สนามนี้ เรียกว่าเป็นสนามที่จะชี้ชะตาของฤดูกาล 2025 เลยก็ว่าได้ และการได้รับโอกาสเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ “สนามประเทศไทย” ที่โดดเด่นมากที่สุดสนามหนึ่งของโลก โมโตจีพี MotoGP ในปีนี้เป็นปีที่ทุบสถิติในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจเเละตัวเลขผู้ชมที่มากเป็นประวัติการณ์ในปี 2568 . กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยข้อมูลสำคัญ PT Grand Prix of Thailand 2025 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 2025 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 224,634 คน เป็นคนไทย 172,565 คน ชาวต่างชาติ 52,069 คน มูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5,043 ล้านบาท กระตุ้นการใช้จ่ายกว่า 4,268 ล้านบาท ใช้งบจัดงาน 775 ล้านบาท สร้างงาน 7,772 ตำแหน่ง ภาษีที่รัฐเก็บได้กว่า 318 ล้านบาท ที่มา : กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา . .   Motorsports: กีฬาความเร็วกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ Motorsports หรือกีฬาแข่งขันความเร็วที่ใช้ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก การแข่งขันรายการใหญ่ เช่น Formula 1, MotoGP, Nascar และ IndyCar  ดึงดูดแฟนกีฬาจำนวนมาก และมีการจัดแข่งขันในหลายประเทศ ทำให้ Motorsports

บุรีรัมย์ โมโตจีพี มหกรรมความเร็วระดับโลก เเรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง GPP อีสานปีล่าสุด 2566 จังหวัด Big 5 of ISAN มีมูลค่ามากกว่า 50% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งภาคอีสาน

จังหวัด GPP นครราชสีมา 343,510 ล้านบาท ขอนแก่น 225,107 ล้านบาท อุบลราชธานี 143,160 ล้านบาท อุดรธานี 124,478 ล้านบาท บุรีรัมย์ 108,467 ล้านบาท สุรินทร์ 92,775 ล้านบาท ร้อยเอ็ด 85,660 ล้านบาท ศรีสะเกษ 83,905 ล้านบาท ชัยภูมิ 78,665 ล้านบาท สกลนคร 71,494 ล้านบาท มหาสารคาม 69,450 ล้านบาท กาฬสินธุ์ 66,077 ล้านบาท เลย 62,798 ล้านบาท นครพนม 52,184 ล้านบาท หนองคาย 48,887 ล้านบาท ยโสธร 34,343 ล้านบาท หนองบัวลำภู 32,332 ล้านบาท มุกดาหาร 31,189 ล้านบาท บึงกาฬ 29,879 ล้านบาท อำนาจเจริญ 24,053 ล้านบาท   โครงสร้างเศรษฐกิจ ภาคการบริการ 816,521 ล้านบาท ภาคการผลิต 386,347 ล้านบาท ภาคการเกษตร 378,955 ล้านบาท ภาคการค้า 226,591 ล้านบาท   GRP ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ปี 2552 ปี 2554 ปี 2556 ปี 2558 ปี 2560 ปี 2562 ปี 2564 ปี 2566 938,863 ล้านบาท 1,150,743 ล้านบาท 1,373,084 ล้านบาท 1,363,564 ล้านบาท 1,510,987 ล้านบาท 1,580,912 ล้านบาท 1,691,117 ล้านบาท 1,808,413 ล้านบาท   มูลค่าเศรษฐกิจภาคอีสานเติบโตขึ้นกว่า 93% เมื่อเทียบกับปี 2552 หมายเหตุ: GPP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด) = ผลรวมของมูลค่าการผลิตสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย (Final Product) ของจังหวัดต่างๆ   GPP อีสานปีล่าสุด 2566

พาส่องเบิ่ง GPP อีสานปีล่าสุด 2566 จังหวัด Big 5 of ISAN มีมูลค่ามากกว่า 50% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อีสาน 11 ปีที่เปลี่ยนไป พาส่องเบิ่ง รายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัด ใครคือ “ดาวรุ่ง” ใครยัง “ท้าทาย”

GPP per Capita หมายถึง ค่าเฉลี่ยที่แสดงมูลค่าการผลิตของจังหวัดต่าง ๆ เฉลี่ยต่อประชากร 1 คน มิใช่ตัวเลขที่แสดงระดับรายได้ที่ประชาชนได้รับ GPP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หมายถึง ผลรวมของมูลค่าการผลิตสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย (Final Product) ของจังหวัดต่างๆ . และ GPP per Capita หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว หมายถึง ค่าเฉลี่ยที่แสดงมูลค่าการผลิตของจังหวัดต่าง ๆ เฉลี่ยต่อประชากร 1 คน . GPP per Capita จะเป็นรายได้คาดการณ์ที่คน 1 คนจะทำรายได้ให้จังหวัด ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่แสดงระดับรายได้ที่ประชาชนได้รับ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าจังหวัดที่มี GPP อยู่ในอันดับต้นๆของภาค กลับมี GPP per Capita ไม่ได้อยู่อันดับต้นๆตามอันดับของ GPP เลย . สาเหตุมาจากอะไร? อีสานอินไซต์จะพาไปเบิ่ง . . จังหวัดที่มี GPP สูงที่สุดอย่างนครราชสีมาและขอนแก่น เป็นเพียง 2 จังหวัดที่มีอันดับของมูลค่า GPP สัมพันธ์กับอันดับของ GPP per Capita ที่เป็นอันดับ 1 และ 2 เหมือนกัน ถึงแม้จะมีประชากรจำนวนมาก แต่ประชากรยังสามารถสร้างรายได้ให้กับจังหวัดได้มาก เพราะ 2 จังหวัดนี้เน้นการทำอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้สูง แต่เมื่อสังเกตจังหวัดอื่นๆ เช่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ ที่มีมูลค่า GPP อยู่ในอันดับต้นๆของภาค กลับมี GPP per Capita น้อยกว่าจังหวัดที่มีมูลค่า GPP ต่ำกว่า . สาเหตุหนึ่งเป็นผลมาจาก หลายจังหวัดสามารถสร้างมูลค่า GPP มาจากภาคเกษตรเป็นหลัก ซึ่งมีความไม่แน่นอนทั้งด้านปริมาณและราคาผลผลิต . ส่วนการผลิตภาคนอกเกษตรต่าง ๆ โดยเฉพาะการผลิตอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มาก จะมีสัดส่วนที่น้อย ทำให้ศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับจังหวัดโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ และก็จะมีจังหวัดที่มี GPP per Capita สูงเป็นอันดับต้นๆ เช่น เลย หนองคาย และนครพนม แต่มีขนาดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยเมื่อสังเกตจะพบว่าจังหวัดที่มี GPP per Capita สูง จะเป็นจังหวัดที่ติดกับชายแดน สามารถค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านได้ อีกทั้งยังมีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นตัวดึงดูดนักลงทุนและทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมการผลิตหรือการค้าของจังหวัดมากพอ โดยการค้าผ่านชายแดนของไทยถือว่ามากเป็น 10% ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมด จึงเป็นสาเหตุให้จังหวัดสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ในจังหวัดจะมีจำนวนประชากรที่น้อยกว่าจังหวัดอื่นๆที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ . สรุปได้ว่า จังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ๆ ไม่จำเป็นที่ประชากรในพื้นที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ได้มากตามไปด้วย

อีสาน 11 ปีที่เปลี่ยนไป พาส่องเบิ่ง รายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัด ใครคือ “ดาวรุ่ง” ใครยัง “ท้าทาย” อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top