Rujimaphat Korchitwisarn

Local Brand อีสานมาแรงปีที่มา สินค้าประเภทไหนโตไวสุด

Local Brand อีสาน กับยอดขายในประเทศที่กำลังโต . สินค้าท้องถิ่น (Local Brand) เป็นสินค้าที่สะท้อนเอกลักษณ์ และภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ แต่ที่ผ่านมามักติดปัญหา “ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง” ทำให้พลาดโอกาสในการขายและรักษาฐานลูกค้าสำคัญไป . ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ฉายภาพสถานการณ์สินค้าท้องถิ่นของภาคอีสาน ปี 2564 ที่มียอดขายรวมสูงถึง 8.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวในสถานการณ์ COVID-19 ด้วยการขยายช่องทางจำหน่ายไปยังตลาดออนไลน์มากขึ้น . ประเภทสินค้าที่มีรายได้จากการขายมากที่สุด คือ อาหาร รองลงมาเป็น ผ้า เครื่องแต่งกาย, ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก, สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่ม โดยมียอดขาย 3.3, 2.5, 1.9, 0.3 และ 0.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ . ประเภทสินค้าที่มีอัตราการเติบโตของรายได้สูงสุด คือ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร รองลงมาเป็น ผ้า เครื่องแต่งกาย, ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ละลึก, อาหาร และเครื่องดื่ม โดยมีอัตราการเติบโต 13%, 12.7%, 10.2%, 8.9% และ 4.2% ตามลำดับ . ทั้งนี้ แม้รายได้จากการขายสินค้าแต่ละประเภทจะเพิ่ม แต่ก็เป็นการขายให้คนในประเทศกว่า 98.5% ที่เหลืออีก 1.5% เป็นการขายให้ผู้ซื้อต่างประเทศ จึงน่าคิดต่อว่า อนาคตแบรนด์ท้องถิ่นจะทำอย่างไรให้สินค้าของตนสามารถไปขาย รวมถึงทำยอดขายในต่างประเทศได้มากขึ้น .  สร้างจุดแข็ง เพื่อโอกาสทางการค้าในตลาดโลก . จากงานเสวนา “จ้วดทอล์ก” (Juad Talk) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Isan Creative 2021 ที่ได้เชิญวิทยากรในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของภาคอีสาน ไม่ว่าจะด้านสิ่งทอ จักสาน ภาพยนต์ และอาหาร มาถ่ายทอดประสบการณ์ บอกเล่าไอเดียใหม่ ๆ ที่จะช่วยพัฒนาและต่อยอดธุรกิจไปสู่ระดับประเทศ . โดยจุดที่เหล่าผู้ประกอบการมีตรงกัน คือ การไม่หยุดที่จะเรียนรู้ กล้าที่จะทดลองหรือลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ และรู้จักหาจุดสนใจหรือสร้างความแตกต่างจากธุรกิจประเภทเดียวกันในตลาด เช่น แพ็กเกจจิงที่สวยงาม / ทันสมัย, นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุ / เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ Story ชวนจำ . รวมไปถึงการทำการตลาดที่ไม่ยึดติดผูกขาดอยู่กับการช่วยเหลือของภาครัฐเพียงอย่างเดียว เพื่อให้สามารถสร้างช่องทางการกระจายสินค้าหรือสร้างรายได้ด้วยตัวเองในรูปแบบที่หลากหลายได้ . สุดท้าย ต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้า เช่น ถ้านึกถึงตลาดจีน โครงสร้างประชากรเขาเป็นยังไง คนจีนโดยเฉพาะตั้งแต่ชนชั้นกลางขึ้นไปมีพฤติกรรมการบริโภคแบบไหน มีข้อห้ามหรือสิทธิประโยชน์ใดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าประเภทนั้นหรือไม่ …

Local Brand อีสานมาแรงปีที่มา สินค้าประเภทไหนโตไวสุด อ่านเพิ่มเติม »

เงินเฟ้อภาคอีสาน เดือน ธ.ค. 64 ขยายตัว 1.77% (YoY) ถือได้ว่าต่ำสุดในประเทศ

เงินเฟ้อภาคอีสาน เดือน ธ.ค. 64 ขยายตัว 1.77% (YoY) ถือได้ว่าต่ำสุดในประเทศ และเมื่อพิจารณาเป็นรายหมวด พบว่า .  หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ -0.34% (YoY) . โดยเป็นหมวดที่ลดลงเพียงภูมิภาคเดียวของประเทศ จากปัจจัยด้านราคาสินค้ากลุ่มข้าวที่ลดลง เนื่องจากอีสานเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญ และมีสัดส่วนการบริโภคมากกว่าภาคอื่น ๆ . ส่วนสินค้าที่มีการปรับราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักสด, เนื้อสุกร ซึ่งเกิดจากโรคระบาดทำให้ปริมาณเข้าสู่ตลาดลดลง และน้ำมันพืช ที่สูงขึ้นตามผลปาล์มที่มีราคาสูงขึ้น เป็นต้น .  หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 3.43% (YoY) . มีปัจจัยหลักจากหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ที่สูงขึ้น 8.50% จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (น้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 91 95 E20 E85 น้ำมันดีเซล B7 และ B10) สูงขึ้น 25.69% รวมทั้งค่าบริการ-บำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์ และค่าโดยสารรถรับจ้างที่สูงขึ้นด้วย . ขณะที่หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ -0.52% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า -0.26% . . ที่มา: ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดือน ธันวาคม 2564 และปี 2564 จัดทำโดย กระทรวงพาณิชย์

ถ้าอยากเริ่มธุรกิจในอีสาน ควรรู้ว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา ธุรกิจประเภทไหนไปไม่รอด

ถ้าคุณคือคนที่สนใจเศรษฐกิจของภูมิภาค และกำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจในภาคอีสาน คุณอาจต้องรู้ว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา ธุรกิจประเภทไหนที่ “ไปไม่รอด” บ้าง โดยคำนวณจากนิติบุคคลในภาคอีสานที่เลิกกิจการในปีนั้น . เป็นที่สังเกตว่า ประเภทธุรกิจการขนส่งทางบก เช่น แท็กซี่ สามล้อ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง ขอเลิกกิจการมากเป็นอันดับ 2 รองจากการก่อสร้างอาคาร ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น โดยหากไปดูการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคอีสานปี 2564 เทียบกับปี 2563 จะเห็นว่าหมวดน้ำมันเชื้อเพลิง +10.71 มากเป็นอันดับ 2 รองจากพลังงาน . และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า มาตราการควบคุมการระบาดของ COVID-19 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนเดินทางน้อยลง อีกทั้งต้องเว้นระยะห่างในการใช้บริการมากขึ้น ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้ให้บริการขับขี่ยานพาหนะประกอบกิจการ “ไม่คุ้มทุน” จึงต้องเลิกกิจการไป . คำถาม คือ หากสถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้มดีขึ้น ผู้คนติดเชื้อ-เสียชีวิตน้อยลง การเดินทางของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป รถโดยสารจะกลับมาให้บริการตามเดิมแต่อัตราค่าบริการแพงขึ้นมากแค่ไหน หรือจะมีธุรกิจใดมา Disrupt โดยเฉพาะเหล่าขนส่ง “เจ้าถิ่น” ต้องมาคอยดูกัน

สินค้าเกษตรดันส่งออกพุ่ง 7 แสนล้านปี 2564

การส่งออกสินค้าเกษตร 11 เดือนแรก (มกราคม– พฤศจิกายน) ของปี 2564 มีมูลค่า 747,318 ล้านบาท ขยายตัว 23.7% . สินค้าเกษตรขยายตัวดี ได้แก่ ทุเรียนสด มะม่วงสด ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลำไยสด และยางพารา . เมื่อมาดูภาคอีสาน จากสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน และยางพารา . ปี 2564 ผลผลิตมันสำปะหลังในอีสานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 18.4 ล้านตัน หรือคิดเป็น 56.6% ของผลผลิตทั้งประเทศ (ทั้งประเทศ 32.5 ล้านตัน) โดยจังหวัดที่ผลิตได้มากที่สุด คือ นครราชสีมา (5 ล้านตัน) . จึงเป็นส่วนสำคัญที่ผลักให้การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยขยายตัวถึง 48.6% ต่อเนื่อง 12 เดือน โดยเฉพาะในตลาดจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ . สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดว่า ผลผลิตมันสำปะหลังของไทย ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) จะสูงถึง 32.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.7% . สำหรับข้าว โดยเฉพาะข้าวนาปี ผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตที่ได้จากภาคอีสานมีสัดส่วนที่น้อยลง บวกกับปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ทำให้การส่งออกข้าวไทยปี 2564 หดตัว ส่วนยางพารา แม้การส่งออกจะขยายตัว แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากภาคอีสาน . . ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

Big 4 of Isan ตอนนี้เป็นอย่างไร?

เมื่อทิศทางการพัฒนา ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งให้มีการประเมินผลของการดำเนินงานทุกรอบ 1 ปี และ 5 ปี

ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่จะเปลี่ยนภาพจำอีสานในแง่ลบ ให้กลับมาทรงพลังด้วย “Soft Power”

ถึงแม้จะอยู่ในยุคที่ทุกคนต่างเรียกร้องถึงความเท่าเทียม แต่กลับปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมย่ำยีเหยียดหยามโดยเฉพาะในเรื่องของชาติพันธ์ุอื่น ๆ อยู่ และมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีโดยเฉพาะกับคนอีสาน . สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยบางส่วนยังมีปมที่ฝังลึกในระดับจิตสำนึก และยังไม่เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างที่ดีพอ ทำให้มองคนไม่เท่ากัน จึงไม่เป็นไปตามแนวความคิดตามระบอบประชาธิปไตย ที่ตั้งอยู่บนความเสมอภาคของความเป็นมนุษย์ . “ความม่วนซื่น” หรือความสนุกสนานนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนอีสานมาโดยตลอด หากมองย้อนกลับไปดูอุตสาหกรรมบันเทิงอีสานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าอีสานมีทรัพยากรที่เอื้ออำนวยในการสร้าง Soft power ที่ทรงพลังสามารถที่จะต่อยอดทัดเทียมกับต่างประเทศได้ในอนาคต . . ก่อนอื่น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า “Soft power” ที่เอ่ยถึงนั้นคืออะไร . มันเป็นการขยายอิทธิพล การเปลี่ยนแปลงความคิด การทำให้ผู้คนมีส่วนร่วม หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้อื่น โดยไม่ใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญ (Hard Power) อย่างอำนาจเศรษฐกิจ อำนาจทางการทหาร เพื่อบีบบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมปฏิบัติตามสิ่งที่เราต้องการ . ยกตัวอย่าง Soft power ของเกาหลีใต้ เช่น วงบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป อย่าง BTS และ BLACKPINK ที่ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดัง สร้างอิทธิพลต่อคนทั่วทั้งโลก รวมไปถึงวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกิน มาตรฐานความงามต่าง ๆ ที่เข้ามามีบทบาทหรือมีอิทธิพลในสังคมไทยเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน . จะเห็นว่าวัฒนธรรมต่าง ๆ หรือหลายสิ่งหลายอย่างที่มีผลต่อพฤติกรรมของเราในการดำเนินชีวิตแต่ละวันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการถูกบังคับแต่อย่างใด แต่เกิดจากพลังของเจ้า Soft power ที่มีอิทธิพลต่อความคิดของเรานั่นเอง . . กลับมาดูอุตสาหกรรมบันเทิงอีสานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2553-2563) ที่มีทั้งผลงานเพลง ละคร และภาพยนตร์ ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นอีสานออกมาอย่างต่อเนื่อง ในหลาย ๆ เรื่องก็มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมจนสามารถสร้างกระแส “อีสานฟีเวอร์” พร้อมกับกวาดรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมหลักร้อยล้านบาทเลยทีเดียว . ปี 2553 เพลงคิดฮอด เป็นการร่วมร้องของวงร็อคระดับประเทศ “Bodyslam” กับนักร้องหมอลำระดับตำนาน “ศิริพร อำไพพงษ์” ถือเป็นการก้าวข้ามความแตกต่างของช่วงวัย และวัฒนธรรม ให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นที่เดิมไม่ได้ฟังเพลงลูกทุ่งให้อยากที่จะได้ยิน ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นของการพัฒนาเพลงลูกทุ่งอีสาน . ปี 2554 ภาพยนตร์ ปัญญา เรณู หนังรักวัยเด็ก ที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็กอีสานได้อย่างเป็นธรรมชาติเป็นที่พูดถึงอย่างมากในหมู่คนดู ก้าวข้ามโปรดักชันอลังการให้เป็นการฉายภาพชีวิตปกติธรรมดาของคนอีสาน จนทำรายได้ถึง 12.82 ล้านบาท . ปี 2555 ภาพยนตร์ ปัญญา เรณู 2 ทำรายได้ถึง 19 ล้านบาท กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนมอง “หนังอีสาน” ด้วยสายตาที่แตกต่างไป ทั้งยังช่วยตอกย้ำความปังว่าเรื่องเล่าของคนอีสานสามารถเป็นเส้นเรื่องหลัก และเป็นหนังที่ดีและน่าสนใจได้ . เพลง ขอใจเธอแลกเบอร์โทร ด้วยท่อนฮุก (Hook) ที่ติดหูอย่าง “ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ” ของหญิงลี …

ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่จะเปลี่ยนภาพจำอีสานในแง่ลบ ให้กลับมาทรงพลังด้วย “Soft Power” อ่านเพิ่มเติม »

สำรวจแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศในปี 2564

จากแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศในปี 2564 (มกราคม – ตุลาคม) จำนวน 29,449 คน เป็นแรงงานในภาคอีสาน 20,942 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด . โดยจังหวัด (ตามภูมิลำเนา) ของแรงงานที่ไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ชัยภูมิ อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และหนองบัวลำภู . ส่วนประเทศที่มีแรงงานอีสานไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ สวีเดน ไต้หวัน อิสราเอล ฟินแลนด์ และสาธารณรัฐเกาหลี . ทั้งนี้ แรงงานอีสานที่ไปทำงานต่างประเทศส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดที่ระดับ ‘มัธยมศึกษา’ ทำให้พอจะอนุมานได้ว่า กลุ่มงานที่แรงงานเลือกไปทำนั้นน่าจะเป็นงานที่ใช้ทักษะปานกลางและต่ำ มากกว่างานที่ใช้ทักษะสูง . อย่างไรก็ตาม ปี 2565 หากภาครัฐยังไม่มีมาตรการเยียวยาลูกจ้างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมพอ เราคาดว่าอนาคตแรงงานอีสานที่เคยไปทำงานในกรุงเทพฯ และเขตเศรษฐกิจหลักของประเทศ จะไหลไปทำงานต่างประเทศกันมากขึ้น . . ที่มา: กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ

โรคซึมเศร้า ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

จากจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสะสมในประเทศกว่า 1,129,877 คน (ไม่รวมกรุงเทพฯ ) เป็นผู้ป่วยในภาคอีสาน 431,677 คน โดยนครราชสีมา อุบลราชธานี และขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีผู้ป่วยซึมเศร้ามากที่สุดของประเทศเป็นอันดับ 1, 3 และ 4 ตามลำดับ

แพทย์แต่ละจังหวัดในภาคอีสานรับภาระมากน้อยแค่ไหน?

ตามรายงานทรัพยากรสาธารณสุข ที่มีการรวบรวมข้อมูลจำนวนแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศในปี 2563 พบว่า ไทยมีจำนวนแพทย์ทั้งสิ้น 36,472 ราย ในขณะที่ประชากรไทยมีจำนวน 66 ล้านคนทำให้ไทยมีสัดส่วนประชากร 1,794 คน ต่อแพทย์ 1 คน . โดยหากดูเฉพาะในภาคอีสาน จะพบว่าจังหวัดที่แพทย์มีภาระต้องแบกรับมากที่สุดนั้น คือ บึงกาฬ (ประชากร 6,303 คน ต่อแพทย์ 1 คน) ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับจังหวัดที่แพทย์มีภาระต้องแบกรับน้อยที่สุดอย่าง ขอนแก่น (ประชากร 1,204 คน ต่อแพทย์ 1 คน) จะพบว่าห่างกันถึง 5 เท่าตัว

คนไทยพึงพอใจในชีวิตมากแค่ไหนในปีที่ผ่านมา

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาการระบาดของ COVID-19 นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลก นำมาซึ่งความวิตกกังวลที่ส่งผลต่อความสุข ทัศนคติ และความพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองอย่างมาก . ความพึงพอใจในชีวิตของคนไทยนั้น สำนักงานสถิติได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อความอยู่ดีมีสุข ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม 2562 คนไทยให้คะแนนความพึงพอใจในชีวิตเฉลี่ย 7.05 คะแนน ในขณะช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่เรียกไดว่ารุนแรงขึ้น (เดือนพฤษภาคม 2563) คนไทยให้คะแนนความสุขเฉลี่ยลดลงไปอยู่ที่ 5.02 . สำหรับความพึงพอใจในช่วงปีที่ผ่านมา (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563) คนไทยมีความพึงพอใจในชีวิตเฉลี่ย 6.70 คะแนน เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่ โดยความพึงพอใจในเรื่องต่าง ๆ อยู่ในระดับ 6 – 7 และยังพบว่า ชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความพึงพอใจมากที่สุด . ทั้งนี้ หากพูดถึงอนาคตผู้คน พวกเขาได้มีการวางแผนเรื่องการเงินมากที่สุด (6.30 คะแนน) รองลงมาคือ สุขภาพกายและสุขภาพจิต (6.26 คะแนน) และการทำงาน/อาชีพ (6.11 คะแนน) ตามลำดับ

Scroll to Top