พาเลาะเบิ่ง ประชากรสุนัขและแมวที่มีเจ้าของในอีสาน พร้อมส่องเทรนด์ “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” 

ในยุคที่สัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนคลายเหงาเท่านั้น แต่ยังกลายเป็น “สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว” ธุรกิจสัตว์เลี้ยงของไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงไทยในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นแตะ 9.2 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัวกว่า 13.2% จากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มทะลุแสนล้านบาทในปี 2569 การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนผ่านทางสังคมจากการ “เลี้ยงเพื่ออยู่ร่วม” ไปสู่ “การเลี้ยงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” ภายใต้กระแส Pet Humanization ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งยังพบว่า มีคนไทยกว่า 65% มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน และใช้จ่ายเฉลี่ยมากกว่า 50,500 บาทต่อปีต่อสัตว์หนึ่งตัว เพิ่มขึ้นกว่า 22.9% จากปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ที่พร้อมทุ่มงบให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตดีราวกับคนในครอบครัว หรือที่เรียกกันว่า “ทาสหมา-ทาสแมว” กำลังกลายเป็นหนึ่งในพลังทางเศรษฐกิจสำคัญในระดับประเทศ

 

 “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” ในภาคอีสาน

ภาคอีสานถือเป็นตลาดใหม่ที่ยังเปิดกว้างของธุรกิจสัตว์เลี้ยง โดยมีอัตราการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลที่ได้นำเสนอไปในหลายจังหวัด อย่างเช่น นครราชสีมามีสุนัขกว่า 9,532 ตัวและแมวกว่า 19,557 ตัว กาฬสินธุ์มีแมวถึง 42,490 ตัว ขอนแก่นและร้อยเอ็ดก็มีสัตว์เลี้ยงรวมหลายหมื่นตัวต่อจังหวัด

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้แสดงให้เห็นเพียงความนิยมในการเลี้ยงสัตว์เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเศรษฐกิจอีสานยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความรัก ความผูกพัน และกำลังซื้อของคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังจ่ายสูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องนั่นก็มีมากมาย อย่าง เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง บริการรักษา โรงแรมสัตว์เลี้ยง ร้านคาเฟ่ และบริการสปา จึงเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนในหัวเมืองใหญ่ของอีสาน เช่น ขอนแก่น อุบลราชธานี และนครราชสีมา ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของการจับจ่ายและบริการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงครบวงจรนั่นเอง

และยังพบสิ่งที่น่าสนใจคือ ภาคอีสานซึ่งมีสัดส่วนผู้ประกอบการธุรกิจสัตว์เลี้ยงเพียง 6-7% ของประเทศ แสดงให้เห็นถึงการกำลังกลายเป็นฐานเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมหาศาล ด้วยโครงสร้างประชากรเกือบ 22 ล้านคน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนจากสังคมเกษตรสู่วิถีเมืองมากขึ้น โดยร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม และศูนย์การค้าหลายแห่งเริ่มปรับตัวให้บริการแบบ “Pet Friendly” เพื่อรองรับกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ที่นิยมพาสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้านเสมือนเพื่อนร่วมชีวิต การเปลี่ยนแปลงเป็นการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ทั้งธุรกิจคลินิกสัตว์เฉพาะทาง โรงแรมสัตว์เลี้ยง ร้านอาหารสัตว์เลี้ยง และการท่องเที่ยวเชิงสัตว์เลี้ยง (Pet Tourism) ที่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนและงานใหม่ในระดับท้องถิ่นนั่นเอง

 

ธุรกิจสัตว์เลี้ยงไทยแบ่งออกเป็นสามกลุ่มหลักที่ต่างได้รับแรงหนุนจากกระแส Pet Humanization ได้แก่ กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดว่ามีมูลค่าสูงถึง 6.24 หมื่นล้านบาทในปี 2568 เติบโต 16.5% จากปีก่อน ด้วยความนิยมของอาหารเกรดพรีเมียมและอาหารสุขภาพเฉพาะทาง (Functional Pet Food) ซึ่งตอบโจทย์การดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงเชิงป้องกัน ขณะที่กลุ่มบริการรักษาพยาบาลสัตว์มีมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องแตะ 6.99 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 17.9% ต่อปี จากความตระหนักของเจ้าของสัตว์ที่มองการรักษาเป็นภาระจำเป็นเทียบเท่าการดูแลคนในครอบครัว ส่วนกลุ่มอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงและของใช้ต่างๆ มีมูลค่าราว 2.13 หมื่นล้านบาท แม้เติบโตในอัตราต่ำกว่า (ประมาณ 6%) แต่กลับมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างภาพจำของสัตว์เลี้ยงในเชิงไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะกระแส “Petfluencer” หรือสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของตลาดในยุคดิจิทัล

ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า “สัตว์เลี้ยง” กำลังกลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่มองข้ามไม่ได้อีกต่อไป การยกระดับจาก “สมาชิกในบ้าน” สู่ “สมาชิกในสังคม” ทำให้สัตว์เลี้ยงมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในอีสานที่ยังมีศักยภาพมหาศาลและพื้นที่ตลาดที่ยังไม่อิ่มตัวนั่นเอง

 

 

อ้างอิงจาก: 

– Money Buffalo

– กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

– ศูนย์บัญชาการเพื่อเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า

– ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี

– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 

ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่

https://linktr.ee/isan.insight

 

#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #เทรนด์ธุรกิจสัตว์เลี้ยง #ธุรกิจสัตว์เลี้ยง #สัตว์เลี้ยง #ทาสหมา #ทาสแมว

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top