ยโสธร รวยกระจุก จนกระจาย กับความเหลื่อมล้ำรายได้ ที่สูงสุดในอีสาน?

จังหวัดยโสธร จังหวัดที่เมื่อพูดถึงแล้ว หลายคนต้องนึกถึงบั้งไฟเป็นอันดับแรก ซึ่งบุญบั้งไฟเมืองยโสจัดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคมในทุกปี ซึ่งเป็นการขอฝนช่วงก่อนการดำนาปลูกข้าว สอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็น “เมืองเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสาน” เป็นพื้นที่ต้นแบบการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดภัย และมีนโยบายขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์อย่างจริงจังมานานกว่า 20 ปี

ที่มารูปภาพ:https://yst-pao.go.th/public/list/data/showdetail/id/1672/menu/1619

 มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2566 อยู่ที่ 34,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2565 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจไม่ใหญ่นัก โดยอยู่ในอันดับที่ 16 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรอยู่ที่ 72,523 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ ดังนี้

 

  • ภาคเกษตรกรรม: 8,864 ล้านบาท (คิดเป็น 26%)
  • ภาคการศึกษา: 4,728 ล้านบาท (14%)
  • ภาคอุตสาหกรรมการผลิต: 4,577 ล้านบาท (13%)
  • การค้าส่งค้าปลีก และการซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์: 3,823 ล้านบาท (11%)

 

เศรษฐกิจของยโสธรมีฐานหลักอยู่ที่ภาคเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่เกษตรรวมกว่า 1,824,765 ไร่ หรือประมาณ 70% ของพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด พืชเศรษฐกิจหลักคือ ข้าว ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งจังหวัด โดยในปี 2566 มีผลผลิตรวมจากข้าวนาปีและข้าวนาปรังประมาณ 622,232 ตัน นอกจากนี้ยังมีพืชเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงาน

แนวโน้มความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นในจังหวัดยโสธร

 

จากรายงาน ‘รายได้และการกระจายรายได้ของครัวเรือน พ.ศ. 2566’ ซึ่งได้รายงานตัวเลข สัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค หรือ Gini Coefficient ซึ่งก็คือตัวชี้วัดระดับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสังคม โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ซึ่งหากค่าใกล้1 แสดงว่ามีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูง โดยความเหลื่อมล้ำทางรายได้คือความแตกต่างในการกระจายรายได้ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มประชากรในสังคม โดยแสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างกลุ่มผู้มีรายได้สูงและผู้มีรายได้ต่ำ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน

 

ในปี 2566 สัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคของไทยมีค่าเท่ากับ 0.382 เมื่อพิจารณาภาคอีสาน พบว่ามีค่าสัมประสิทธิ์ 0.377 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากภาคใต้ที่เท่ากับ 0.395 โดยจังหวัดในภาคอีสานที่มีค่าสัมประสิทธิ์มากที่สุดคือ ‘ยโสธร’ ที่มีครัวเรือน 1.4 แสนครัวเรือน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคเท่ากับ 0.440 บ่งบอกถึงระดับความเหลื่อมล้ำที่สูงเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสานและสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ

จากการจัดกลุ่มครัวเรือนในจังหวัดยโสธรตามระดับรายได้ออกเป็น 5 กลุ่มเท่า ๆ กัน หรือที่เรียกว่า “ควินไทล์ (Quintile)” พบว่า กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงที่สุด 20% แรก (ควินไทล์ที่ 5) มีสัดส่วนรายได้รวมถึง 47% ของทั้งจังหวัด โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเท่ากับ 57,179 บาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2564 ที่กลุ่มนี้มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 40% สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มคนรวยที่มากขึ้นอย่างชัดเจน

 

ในขณะที่ กลุ่มครัวเรือนระดับกลาง (ควินไทล์ที่ 2–4) ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่มีรายได้ระดับต่ำถึงกลาง มีสัดส่วนรายได้อยู่ในช่วงใกล้เคียงกันคือ 13%–16% โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

 

สำหรับ กลุ่มที่มีรายได้น้อยที่สุด (ควินไทล์ที่ 1) มีรายได้เฉลี่ยเพียง 12,430 บาทต่อเดือน ต่ำกว่ากลุ่มที่รวยที่สุดถึง 4.7 เท่า และมีสัดส่วนรายได้เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งลดลงจากปี 2564 ที่อยู่ที่ 14% ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น โดยรายได้ไหลไปสู่กลุ่มคนรวยมากขึ้น ขณะที่กลุ่มรายได้น้อยกลับมีสัดส่วนน้อยลง

 

ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าจังหวัดยโสธรกำลังเผชิญกับ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด ซึ่งอาจเป็นผลจากหลายปัจจัย เช่น

  • โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรหรือแหล่งรายได้ของกลุ่มคนรวยที่มากกว่าคนจน
  • กลไกของระบบเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่มีทุนมากกว่า เช่น การเข้าถึงสินเชื่อ การลงทุน หรือเครือข่ายทางธุรกิจ
  • ความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาและทักษะแรงงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้

 

เมื่อความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจนำไปสู่ ปัญหาเชิงสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การกีดกันทางเศรษฐกิจ การขาดแรงจูงใจในการพัฒนาทักษะของกลุ่มรายได้น้อย และการลดลงของการบริโภคภายในประเทศ

 

ดังนั้น จังหวัดยโสธรจึงเป็นตัวอย่างสำคัญของความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างในระดับภูมิภาค ที่ควรได้รับความสนใจจากภาครัฐและภาคนโยบายอย่างเร่งด่วน ทั้งในเชิงมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การกระจายโอกาส และการออกแบบนโยบายที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนจนและคนรวยในระยะยาว

 

หมายเหตุ: กลุ่มรายได้อ้างอิงจากการแบ่งครัวเรือนเรียงตามระดับรายได้ออกเป็น 5 กลุ่มเท่ากัน หรือกลุ่มควินไทล์, ข้อมูลเชิงสถิติอาจคลาดเคลื่อนจากค่าจริง

 

ที่มา: 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
  • สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  • แผนพัฒนาจังหวัดยโสธร

ยโสธรเมืองพญาแถน แดนบั้งไฟ ผลักดันเทศกาลไทย ไปนานาชาติ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top