นักธุรกิจอายุน้อยจะประสบความสำเร็จได้หรือ แล้วบริษัท SMEs เล็ก ๆ มีหรือจะเทียบชั้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ บริษัท SMEs ของคนรุ่นใหม่ วัย 20 กว่า ๆ ทำให้เราเห็นแล้วว่าทุกอย่าง “เป็นไปได้”
.
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ Double C ที่มีผู้ก่อตั้งบริษัทคือ คุณชนินทร์ เฮ้งเจริญสุข อายุ 27 ปี และคุณสรวิศ เฮ้งเจริญสุข อายุ 25 ปี ได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นในตลาดเครื่องดื่มวิตามินซี เมื่อมียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
.
4 อันดับ ในบรรดาเครื่องดื่มวิตามินซี ที่มียอดขายสูงสุด ประกอบด้วย
อันดับ 1 C-vitt ของโอสถสภา ส่วนแบ่งตลาด 70.7%
อันดับ 2 Double C ของหนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ ส่วนแบ่งตลาด 19.0%
อันดับ 3 VITADAY ของเจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ ส่วนแบ่งตลาด 7.8%
อันดับ 4 Woody C+ Lock ของคาราบาวกรุ๊ป ส่วนแบ่งตลาด 1.5%
.
ทั้ง 4 อันดับ ล้วนแต่เป็นกลุ่มบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของประเทศ มีเพียงแบรนด์ Double C เท่านั้นที่เกิดมาจากธุรกิจ SMEs และเป็นเจ้าของที่อายุน้อยที่สุดที่ลงมาเล่นในตลาดแห่งนี้
.
เดิมทีหนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ ทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ “ช้างแดง” แต่ด้วยสภาพการแข่งขันรุนแรงของตลาด ทั้งยังมีบริษัทใหญ่ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยกันอยู่แล้ว อย่าง M-150 ของโอสถสภา และกระทิงแดง ของกลุ่ม TCP ที่ยากจะแย่งชิงยอดขายได้ ทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จึงได้มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่
.
จนมาพบว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ณ ตอนนั้นคู่แข่งยังมีไม่มากนัก ด้วยต้นทุนเดิมที่มีอยู่แล้วทั้งเครื่องจักรและโรงงาน จึงตัดสินใจผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ Double C
.
Double C ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2561 ด้วยรสชาติที่ถูกปาก เช่น รสเลม่อนและมะนาว, รสส้มและเลม่อน, รสพีชและลิ้นจี่ และรสเสาวรสและส้ม ในราคามาตรฐานของตลาดขวดละ 15 บาท จึงได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
.
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Double C ประสบความสำเร็จคือ ความแตกต่างของสินค้าที่ “อัดเต็มวิตามินซี 120 มิลลิกรัม” หรือเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปริมาณที่ร่างกายต้องการ ซึ่งมากกว่าแบรนด์คู่แข่ง
.
จากบริษัทที่เคยขาดทุนในธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังอย่างต่อเนื่อง กลับสามารถพลิกเกมให้มีกำไรและรายได้ที่เริ่มเติบโตแบบก้าวกระโดด
.
โดยผลประกอบการ บริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด
ปี 2561 มีรายได้ 89 ล้านบาท กำไร 28 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 438 ล้านบาท กำไร 85 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้ 485 ล้านบาท กำไร 53 ล้านบาท
.
แม้ว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่พี่น้องเจ้าของบริษัทยังคงต้องการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการลงทุนในการพัฒนาวิจัย Double C ให้มีคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่งในตลาด
.
หนึ่งในนั้นคือ “การพัฒนานวัตกรรมขวดใสป้องกันแสง” เพื่อให้วิตามินซีในขวดอยู่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเก็บในอุณหภูมิไหน สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร แม้จะส่งผลให้ต้นทุนทางธุรกิจสูงขึ้น แต่หากสามารถสร้างความมั่นใจ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า Double C แตกต่างและใส่ใจทุกรายละเอียดของสินค้า การลงทุนครั้งนี้ย่อมคุ้มค่า
.
สุดท้ายนี้ปลาเล็กอย่าง หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ ทำให้เห็นว่า บริษัท SMEs เล็ก ๆ และนักธุรกิจที่อายุยังน้อยก็สามารถเข้ามาแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างสินค้าที่แตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภค เพราะตัวชี้วัดผลแพ้ชนะในเกมการแข่งขันอยู่ที่ตัว “ผลิตภัณฑ์”
.
.
อ้างอิง: ลงทุนแมน อ้างเส้นทางเศรษฐี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และข้อมูลส่วนแบ่งตลาด Nielsen ปี 2019
.
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน