โดยมาจากข้อมูลที่เรารวบรวมมาของแต่ละชั้นโดยสารนั่นเอง
ตัวเลขปี 2566 จำนวนผู้โดยสารทั่วราชอาณาจักร 27,793,349 คน
- จำนวนผู้โดยสารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4,638,326 คน หรือคิดเป็น 16.69%
จำนวนรายได้ทั่วราชอนาจักร 1,314,315,394 บาท
- จำนวนรายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 180,468,940 บาท หรือคิดเป็น 13.48%
โดยแบ่งผู้โดยสารในภาคอีสานทั้ง 3 ชั้นได้ดังนี้
ชั้น 1 | รวม | 14,496 | |
รายได้รวม | 5,713,800 | ไปอย่างเดียว | 13,417 |
ไป-กลับ | 1,079 |
ชั้น 2 | รวม | 532,960 | |
รายได้รวม | 83,336,352 | ไปอย่างเดียว | 499,173 |
ไป-กลับ | 33,787 |
ชั้น 3 | รวม | 4,090,870 | |
รายได้รวม | 91,418,788 | ไปอย่างเดียว | 3,415,406 |
ไป-กลับ | 158,458 | ||
รายเดือน | 517,006 |
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำมาแสดงมาจากปี 2566 และรายได้ที่นำมาแสดงมาจากรายได้โดยสารจากทั้ง 3 ชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับรายได้อื่นๆ ทั้งสิ้น
.
รถไฟเป็นหนึ่งในตัวเลือกการเดินที่คนเลือกใช้ทั้งระยะใกล้และไกล รวมถึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องมาจากความมีเสน่ห์ สะดวก ปลอดภัย ค่าโดยสารที่ราคาสามารถจับต้องได้ และเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารได้สัมผัสบรรยากาศระหว่างทาง ในปัจจุบันมีวิธีการเที่ยวผ่านทางรถไฟเยอะขึ้น นั้นจึงเป็นเสน่ห์หลักๆของการใช้บริการรถไฟ
.
จากการหาข้อมูลทำให้รู้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการใช้บริการรถไฟเป็นอันดับที่ 2 จาก 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของระบบขนส่งทางรางในพื้นที่นี้ และหวังว่าในอนาคตประเทศไทยจะทำรางรถไฟเพิ่ม เพื่อจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต โดยการให้บริการที่มีคุณภาพและเส้นทางที่เชื่อมต่อได้ง่ายจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารอย่างมาก
ลำดับการเปิดใช้รถไฟในภาคอีสาน
หลังจากสร้างทางรถไฟสายอีสาน เศรษฐกิจ สังคมอีสานเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เป็นทางรถไฟสายแรกของรัฐบาลไทย ความคาดหวังของรัฐบาลที่จะเห็นประโยชน์อันเกิดจากการสร้างทางรถไฟสายนี้ จุดมุ่งหมายหลักของการสร้างทางรถไฟสายแรกนี้สรุปได้ 2 ประการ คือ 1. เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งผู้คนและสินค้า 2. เพื่อประโยชน์ในการปกครองและรักษาพระราชอาณาเขต (ขณะฝรั่งเศสได้ยึดครองเขมร, เวียดนาม แล้วก็พุ่งมาที่ลาวจนไทยต้องเสียสิบสองจุไทให้ฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2431 และเริ่มเข้าสู่ดินแดนลาวส่วนที่เหลือ)
สถานีรถไฟในปัจจุบัน
การลงทุนในระบบรางรถไฟมีข้อดีต่อเศรษฐกิจ
ในหลายด้าน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
1. ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์
- ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า: รถไฟสามารถขนส่งสินค้าได้ในปริมาณมากต่อครั้ง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค
- ลดต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวม: ระบบรางที่มีประสิทธิภาพช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ทำให้ภาคธุรกิจสามารถบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. กระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน
- การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการก่อสร้างและพัฒนาระบบรางรถไฟต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
- การจ้างงาน: การก่อสร้างและบำรุงรักษาระบบรางรถไฟ รวมถึงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง จะสร้างงานจำนวนมากในหลากหลายสาขาอาชีพ
3. ส่งเสริมการท่องเที่ยว
- การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว: รถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟที่เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
- การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว: ระบบรางช่วยให้การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ง่ายขึ้น ทั้งแหล่งท่องเที่ยวในเมืองและนอกเมือง
4. พัฒนาพื้นที่รอบสถานี
- การขยายตัวของเมือง: สถานีรถไฟมักเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนา ทำให้เกิดการขยายตัวของเมืองและชุมชนรอบๆ สถานี
- การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์: พื้นที่รอบสถานีรถไฟมักมีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า
5. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ลดการใช้พลังงาน: รถไฟใช้พลังงานน้อยกว่าการขนส่งทางถนน ทำให้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ
- ลดปัญหาการจราจร: การใช้รถไฟช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษ
6. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
- โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย: ระบบรางรถไฟที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
- การเชื่อมโยงภูมิภาค: ระบบรางที่เชื่อมโยงเมืองต่างๆ และประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาค
.
ที่มา:
- การรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม
- กำเนิด “รถไฟสายอีสาน” เมื่อ “สนธิสัญญาเบาริ่ง” ทำให้เกิดทุนนิยมในพื้นที่
- ภาพถ่ายส่วนบุคคลพระธรรมไตรโลกาจารย์ (2) ภ หจช. อบ สบ 8.2/19
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #Politics #Social #รถไฟ