คนอีสานและทั่วโลกถูกดักฟัง หลังข่าวฉาว บิ๊กเทคอาจใช้ AI ดักฟังในแพลตฟอร์มต่างๆ เหตุเม็ดเงินโฆษณาเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สงครามแย่งชิงความสนใจและเม็ดเงินโฆษณาในวงการสื่อและความบันเทิงไทยกำลังร้อนระอุ! แพลตฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ผู้บริโภคเสพสื่อหลากหลายช่องทางจนตาลาย แต่ใครจะครองใจคนไทยได้อยู่หมัด?
.
ผลสำรวจจาก Marketbuzzz ชี้ชัดว่า คนไทยยุคนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย (70%) การท่องอินเทอร์เน็ต (50%) และดูวิดีโอสตรีมมิง (47%) LINE และ Facebook ยังคงเป็นเจ้าพ่อโซเชียล โดยเฉพาะ LINE ที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 78% สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้แอปพลิเคชันนี้ในการสื่อสารและติดตามข่าวสารในชีวิตประจำวัน
.
Facebook เองก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้งาน 68% แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อกับเพื่อนฝูงและครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่า Messenger แอปพลิเคชันแชตในเครือของ Facebook ก็มีผู้ใช้งานสูงถึง 34% บ่งชี้ว่าคนไทยยังคงนิยมการสื่อสารแบบส่วนตัวผ่านช่องทางนี้
.
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook อยู่มากกว่า 12.9 ล้านบัญชี โดยมีสัดส่วนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook แบ่งเป็นผู้หญิง 60.01% และผู้ชาย 39.99%
.
โดยประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 8 ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน facebook มากที่สุดในโลก จำนวนกว่า 48.3 – 56.9 ล้านบัญชี โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่
🌐50.6% ชอบโพสต์ลิงค์มากที่สุด
🎞️รองลงมาเป็นรูปภาพ 30.2%
📽️video 17.1%
🖊️สเตตัสทั่วไป 1.9%
⛳ส่วนค่าเฉลี่ยการโพสต์จากเพจ 1.92%
.
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ
จัดอันดับอันดับจังหวัดที่มีสัดส่วนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุด
.
อันดับที่ 1 นครราชสีมา จำนวน 1.7 – 2 ล้านบัญชี
อันดับที่ 2 อุบลราชธานี จำนวน 9.8 แสนบัญชี – 1.2 ล้านบัญชี
อันดับที่ 3 อุดรธานี จำนวน 8.1 – 9.6 แสนบัญชี
อันดับที่ 4 ขอนแก่น จำนวน 8.1 – 9.5 แสนบัญชี
อันดับที่ 5 บุรีรัมย์ จำนวน 7.5 – 8.8 แสนบัญชี

6 สุรินทร์ จำนวน 6 – 7 แสนบัญชี
7 ศรีสะเกษ จำนวน 5.9 – 6.9 แสนบัญชี
8 ร้อยเอ็ด จำนวน 5.5 – 6.5 แสนบัญชี
9 สกลนคร จำนวน 5.5 – 6.4 แสนบัญชี
10 มหาสารคาม จำนวน 5.3 – 6.2 แสนบัญชี
11 ชัยภูมิ จำนวน 5.3 – 6.2 แสนบัญชี
12 กาฬสินธุ์ จำนวน  4.4 – 5.1 แสนบัญชี
13 เลย จำนวน  3.7 – 4.3 แสนบัญชี
14 นครพนม จำนวน 3.5 – 4.1 แสนบัญชี
15 หนองคาย จำนวน 3.2 – 3.7 แสนบัญชี
16 ยโสธร จำนวน 2.5 – 2.9 แสนบัญชี
17 หนองบัวลำภู จำนวน 2.4 – 2.9 แสนบัญชี
18 มุกดาหาร จำนวน 2.1 – 2.5 แสนบัญชี
19 บึงกาฬ จำนวน 2.1 – 2.4 แสนบัญชี
20 อำนาจเจริญ จำนวน 1.8 – 2.1 แสนบัญชี

เคยเจอบ้างมั้ยเล่นๆ Facebook ไถดูหน้า feed ไปเรื่อยๆ ดันเจอเข้ากับโฆษณาสินค้าที่เราพึ่งจะพูดคุยถึงเรื่องนั้นไปหยกๆ แล้วก็ได้แต่คิดว่า เอ…ทำไมมันรู้ใจเราจังเลยหว่า? ถ้าเคยล่ะก็.. คุณไม่ได้เป็นคนเดียว เพราะมีหลายฝ่ายที่แอบสงสัยอยู่ว่าแอป Facebook ในมือถืออาจกำลังดักฟังบทสนทนาของเราอยู่เบื้องหลังก็ได้
.

ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องราว แบบนี้มีให้เห็นมาได้ประมาณ 2 – 3ปี แล้ว และก็ไม่ใช่แค่ในต่างประเทศเท่านั้น เพราะในบ้านเราก็เคยมีคนมาโพสท์ลงโซเชียลหรือตามเว็บบอร์ดต่างๆ อยู่หลายราย ว่ารู้สึกเหมือนโดนแอป Facebook ดักฟังอยู่ว่าเรากำลังพูดคุยเรื่องอะไร และจะจับคีย์เวิร์ดเหล่านั้นให้ตรงกับโฆษณาเพื่อเอามาแปะบนหน้า feed ของเรา แต่ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่า Facebook ดักฟังเสียงจากผู้ใช้จริงรึเปล่า

เนื่องจากทาง Facebook ก็ได้ออกมาแก้ต่างอยู่เรื่อยๆ ว่าไม่เคยทำแบบนั้นเลย ทั้งเหตุผลที่ว่าการดักฟังผู้ใช้งานทั่วโลกต้องใช้ต้นทุนที่สูงมาก และไม่คุ้มค่ากับเงินที่ได้จากโฆษณาแน่นอน แถม Facebook ยังอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ซึ่งการดักฟังลูกค้าจะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิอย่างหนักและมีโอกาสโดนฟ้องร้องได้สูง

เคยมีคนวงในของ Facebook ให้ข้อมูลว่าตัวแอปอาจจะไม่ได้ทำการดักฟังเอง ด้วยความเสี่ยงด้านกฎหมายที่สูง ข้อมูลเหล่านี้ Facebook จึงไปขอรับจากแอปตัวอื่นที่อยู่ในเครื่องเราทำการดักฟังแทน และประมวลผลส่งให้กับ Facebook อีกที เพื่อค่าตอบแทนในการส่งมอบข้อมูลการโฆษณาเหล่านี้ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริง Facebook ก็น่าจะเป็นคนผิดด้วยกันกับแอปนั้น เพราะน่าจะเข้าข่ายรับซื้อของโจรนั่นเอง

สุดท้ายเราก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลหรือหลักฐานแบบเป๊ะๆ ตราบใดที่ตัว Facebook ยังไม่ออกมายอมรับว่าเหตุใดถึงได้ข้อมูลเหล่านี้มาด้วยตัวเอง แต่ถ้าใครที่ไม่ไว้ใจเจ้าแอป Facebook นี้จริงๆ ว่ามันจะแอบฟังอะไรเราอยู่รึเปล่า ก็สามารถเข้าไปกดปิดการอนุญาต (permission) ให้เข้าถึงไมโครโฟนมือถือของเราได้ โดยปัจจุบันทั้ง Android และ iOS ต่างก็เปิดให้ตั้งค่าส่วนนี้ได้ทั้งคู่แล้ว หรือถ้าเกิดขี้เกียจจะวุ่นวาย และไม่ได้ชอบเล่น Facebook เป็นการเดิม จะลบทิ้งออกไปเลยก็ไม่ผิดนัก เพราะปัจจุบันมีกระแส #deleteFacebook เชิญชวนให้คนลบบัญชีของ facebook ทิ้งไปเลย จากปัญหาการรับผิดชอบในข้อมูลผู้ใช้มีปัญหามาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และตัวแอปเองก็แสดงเนื้อหาได้น่าสนใจน้อยลงกว่าเดิมอีกด้วย

 

Leave a Comment

Your email address will not be published.

Scroll to Top