อึ้งหลาย!
องุ่นเมืองหนาว ปลูกที่อุบลฯ
ได้ผลผลิตดีไม่แพ้ต่างแดน
สุดยอดดินไทยปลูกได้ทุกอย่าง องุ่นชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้สามารถปลูกได้ในพื้นที่แห้งแล้งของภาคอีสาน ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผลผลิตและรสชาติที่ได้แทบไม่ต่างจากผลผลิตองุ่นที่ปลูกจากเกาหลีใต้ ที่สำคัญใช้ระยะเวลาแค่ 70-90 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว โดยสวนองุ่นดังกล่าวตั้งอยู่ที่บ้านหนองกินเพลใต้ ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
น.ส.เด่นภา ถาวรสาย เจ้าของบ้านสวนองุ่นฮัน ลี เล่าถึงที่มาของการมาทำสวนว่า ตนและสามีเป็นเจ้าของสวนผลไม้อยู่ที่ประเทศเกาหลี จึงลองนำพันธุ์องุ่นไชน์มัสแคต และองุ่นพันธุ์มายฮาร์ต (องุ่นรูปหัวใจ) โดยใช้เทคโนโลยีมาต่อยอดปลูกที่บ้านเกิด เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
ในช่วงแรกมีความกังวล เพราะ จ.อุบลราชธานีอยู่ในดินแดนแห้งแล้งของอีสาน เดิมทำสวนยางพารา ปลูกข้าว แต่เมื่อลองทำปรากฏให้ผลเป็นที่น่าพอใจยิ่ง เพราะองุ่นที่นำมาปลูกได้ผ่านวิกฤตทั้งพายุโนรู ที่ทำให้มีน้ำมาก ทั้งที่เป็นช่วงต้องให้อดอาหารและน้ำต้องไม่มากจนเกินไป
ผลผลิตชุดแรกเก็บได้มากถึง 1,600 พวง เฉลี่ยขณะนี้น้ำหนักต่อพวงกว่า 4 ขีด เพราะให้ผลโตสมวัย ส่วนความหวาน หอม ก็ไม่น้อยหน้าจากต้นตำรับ ซึ่งเป็นที่นิยม ขณะนี้เหลือเพียงเสียงตอบรับจากผู้บริโภคเรื่องความกรอบเท่านั้น เพราะผลองุ่นจะให้ผลโตเต็มที่ เก็บขายได้จริงๆ ในราวเดือนมีนาคมถึงเมษายน ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงให้ลูกค้าจองไว้ก่อน โดยองุ่นไซส์พรีเมียมหนักพวงละ 600 กรัมขึ้นไป กิโลกรัมละ 750 บาท ซึ่งมียอดจองแล้วกว่า 70 กิโลกรัม ที่เหลือยังเปิดจองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด
โดยปีนี้คาดจะมีรายได้จากการขายองุ่นประมาณ 400,000 บาทเศษ และตั้งเป้าเก็บผลผลิตในรอบต่อไปในราวเดือนตุลาคมที่จะถึง ซึ่งสวนองุ่นของตนจะให้ผลผลิตได้มากถึง 8,000-9,000 พวง ซึ่งจะมีรายได้จากการเก็บผลผลิตขายกว่า 2 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นราคาขายที่หน้าสวน
จุดเด่นขององุ่นจากเกาหลีใต้ที่นำมาปลูก คือให้ผลผลิตต่อรอบเร็วกว่าในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต้องใช้เวลาถึง 120 วันถึงจะเก็บผลผลิตได้ แต่ดินปลูกที่ประเทศไทยใช้เวลาเพียง 70-90 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตที่โตเต็มที่ออกขายได้แล้ว
ขณะนี้กำลังคิดขยายต้นพันธุ์จำหน่ายให้แก่ผู้สนใจ โดยสามารถมาเรียนรู้วิธีการดูแล และการปลูกจากทางสวนได้ แต่ต้องเข้าใจว่าโรงเรือนใช้ปลูกอาจมีราคาสูงกว่าปกติ เพราะวัสดุใช้ทำโรงเรือนนำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากในประเทศไทยไม่มีขาย
รวมทั้งผ้ายางที่ใช้คลุมก็เป็นแบบสะท้อนความร้อน ไม่ได้รับแดดและความร้อนเข้ามาในโรงเรือนที่ใช้ปลูกทั้งหมด ทั้งยังติดตั้งพัดลมระบายอากาศในช่วงที่อากาศร้อนจัดหน้าร้อนด้วย เพราะประเทศไทยมีอากาศร้อนกว่าที่เกาหลีใต้มาก สำหรับความมั่นคงแข็งแรงของโรงเรือนไม่ต้องห่วง มีความคงทน สามารถรองรับลมพายุโนรูเมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ การปลูกองุ่นแค่เพียงปีเดียวเก็บผลผลิตออกขายได้แล้ว ต้องใส่ใจเรื่องการเตรียมแปลงปลูก เพราะองุ่นจะเจริญเติบโตเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการเตรียมดินเป็นสำคัญ และควรปลูกแบบอินทรีย์ใช้มูลสัตว์เป็นปุ๋ย จะให้ผลดีที่สุด ส่วนสรรพคุณองุ่นมีมากมาย แต่ที่เห็นๆ คือ เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และไต บำรุงโลหิต
อ้างอิงจาก:
ผู้จัดการออนไลน์
#ISANInsightAndOutlook #อุบลราชธานี #วารินชำราบ #องุ่นไชน์มัสแคต #องุ่นพันธุ์มายฮาร์ต