1.ศักยภาพของจังหวัดชายแดนขนาดเล็ก
อย่างที่เรารู้กันจังหวัดมุกดาหารไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่มากนัก รวมไปถึงจำนวนประชากรที่ก็ไม่ได้เยอะมากด้วย เช่นกัน ถึงแม้ว่าจังหวัดมุกดาหารจะมีขนาดเศรษฐกิจที่เล็กก็ตามแต่มุกดาหารยังมีศักยภาพที่สามารถทำให้มุกดาหารนั้นเติบโตขึ้นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นภาคการบริการ และ ภาคการเกษตร ที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆของจังหวัด และ รวมไปถึงการค้าระหว่างชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง สปป ลาว ทำให้เศรษฐกิจภาคบริการ และ การค้าระหว่างประเทศของจังหวัดมุกดาหารมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีที่ผ่าน มูลค่าการค้าชายแดนในปีที่ผ่านมามีมูลค่าอยู่ที่ 286,775 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าโตขึ้นมาจากปี 66 อยู่ที่ 10.13%
สินค้าหลักในการส่งออกนั่นคือน้ํามันดีเซล,น้ำมันสําเร็จรูปอื่นๆ และ น้ำตาลทรายขาว และ ด้วยความที่เป็นจังหวัดชายแดนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตรงข้ามกับแขวงสะหวันนะเขตของประเทศลาวนั่นทำให้มุกดาหารเป็น ด่านส่งออก และ นำเข้าสินค้าสำคัญจาก ไทย-จีน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีเส้นทางถนนเชื่อมต่อได้ยาวถึงประเทศจีน สินค้าที่ขนมาทางรถส่วนหนึ่งก็จะมาเส้นทางนี้ และกระจายต่อไปยัง จ.ขอนแก่นโดยเส้นทางที่ผ่านด่านมุกดาหารนั่นคือเส้นทางสาย R9 ที่เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการค้าระหว่างไทย – จีน โดยแบ่งเป็น 2 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : ด่านมุกดาหาร (ประเทศไทย) –> ด่านสะหวันนะเขต (สปป.ลาว) –> ด่านลาวบาว (ประเทศเวียดนาม) –> กรุงฮานอย (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านหูหงิ (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านโหยวอี้กวน เมืองผิงเสียง (ประเทศจีน) –> นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วง (ประเทศจีน) ด้วยระยะทางรวมประมาณ 1,590 กิโลเมตร การพัฒนาเส้นทาง R9 เส้นทางที่ 1 นี้ได้ช่วยลดระยะเวลาการขนส่งเมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าไทยทางเรือ ยกตัวอย่าง การขนส่งผลไม้ของไทยไปยังประเทศจีนก่อนหน้านี้ใช้เวลาประมาณ 7-8 วัน แต่การขนส่งทางผ่านเส้นทาง R9 ทำให้ระยะเวลาการขนส่งสั้นลงเหลือเพียง 2-3 วัน ซึ่งมีความสำคัญต่อธุรกิจการส่งออกผลไม้เป็นอย่างมาก เนื่องจากระยะเวลาขนส่งมีผลต่ออายุและการรักษาความสดของผลไม้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เส้นทางที่ 2 : ด่านมุกดาหาร (ประเทศไทย) –> ด่านสะหวันนะเขต (สปป.ลาว) –> ด่านลาวบาว (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านหม่องก๋อย (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านตงชิง (เมืองฝางเชิงก่าง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน) ที่เป็นเส้นทางใหม่ในการขนส่งผลไม้ไทยสู่จีน หลังจากนั้น จะไปสิ้นสุดที่นครหนางหนิงเพื่อกระจายสินค้าไปยังมณฑลฝูเจี้ยน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลหูหนาน กรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้
เส้นทาง R9 นั้นเป็นเส้นทางการส่งโดยรถยนต์ซึ่งนอกเหนือจากเส้นทางนี้ จะมีรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-นครพนมที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการขนส่งสินค้า และ การเดินทางของนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในพื้นที่ ซึ่งเส้นทางรถไฟรางคู่นี้จะเล็งตัดถนนเส้นใหม่ ระยะทาง 14 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบราง และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต มุ่งเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปี 2570 อีกทั้งมุกดาหารยังมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ส่วนใหญ่จะจัดตั้งในจังหวัดที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยดึงดูดให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในมุกดาหารมากขึ้นด้วย
จากสงครามทางการค้าครั้งแรกในปี พ.ศ.2561 นำมาซึ่งการเสาะหาตลาดที่จะระบายสินค้าแห่งใหม่ของประเทศจีน ซึ่งมองตรงมาที่ประเทศที่มีการพึ่งพาสินค้าและมีการนำเข้าสินค้นจากจีนมากที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งก็คือประเทศไทย ทำให้เกิดกระแสการนำเข้าสินค้าจีนสูงขึ้น และทำให้เกิดความกังวลถึงปัญหาสินค้าจีนทะลักเนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ชัดเจน ซึ่งอาจกระทบกับธุรกิจรวมถึงผู้ประกอบการและผู้บริโภคในประเทศได้
รูปภาพ 2 : แสดงสัดส่วนการนำเข้าสินค้าผ่านแดนด้าน สปป.ลาว จากจีนต่อการนำเข้าผ่านแดนทั้งหมด
ปี 2563 ถึง 2567 (ม.ค.- ก.ย.)
ที่มา : กรมการค้าต่างประเทศ
เส้นทางสำคัญในการส่งออกของสินค้าจีนมาไทยอีกทางหนึ่งคือ การส่งออกสินค้าผ่านแดนจากฝั่ง สปป.ลาว และเข้ามาที่ด่านการค้าชายแดนในภาคอีสาน ซึ่งมีด่านการค้าสำคัญคือ ด่านศุลการกรมุกดาหาร ด่านศุลกากรหนองคาย และด่านศุลการกรนครพนม
หลังจากเกิดสงครามการค้าในปี พ.ศ.2561 ประเทศไทยเริ่มมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงสัดส่วนการนำเข้าผ่านแดนที่มายังภาคอีสานในรูปที่ 2 พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของสินค้าจากจีนอย่างมีมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นจาก 32 เปอร์เซ็นต์มาเป็น 84 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มด้านการพึ่งพาสินค้าจากจีนที่มีมากขึ้นและแสดงถึงมุมมองของประเทศจีนที่มีต่อประเทศไทยในด้านของการเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากเพียงพอที่จะรองรับสินค้าจากประเทศจีน
มูลค่าการค้าชายแดน มุกดาหารขึ้นอันดับ 1 จากด่านการค้าชายแดน มิตรภาพ ไทย-ลาว
จากข้อมูลกรมการค้าชาวแดนสะสมปี 2566 (เฉพาะมกราคม-ตุลาคม) ณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)
มูลค่าการค้า 270,093 ล้านบาท
2.การค้าโตแต่คนไม่โตตาม
แม้เศรษฐกิจของจังหวัดมุกดาหารจะมีแนวโน้มขยายตัวจากศักยภาพด้านการค้าชายแดน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เช่น เส้นทาง R9 หรือโครงการรถไฟรางคู่ที่เชื่อมต่อกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 แต่หากมองลึกลงไปถึง “คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่” จะพบว่าการเติบโตนั้นยังไม่กระจายไปถึงคนส่วนใหญ่ในระดับครัวเรือนอย่างทั่วถึงจากข้อมูลของคนในพื้นที่ และ สำนักข่าวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการค้าขายริมฝั่งโขงในตลาดอินโดจีนมีความซบเซาลงจากเมื่อก่อนนอกจากนั้น ถ้าเราลองมาดูจำนวนหนี้ครัวเรือนในจังหวัดมุกดาหารเราจะพบว่าจังหวัดมุกดาหาร มีหนี้สูงถึง 285,176 บาท/ครัวเรือน สูงเป็นอันดับ 4 ของภาคซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการเงินของคนในจังหวัดที่ยังมีความเปราะบาง ถ้าเราลองมาดูว่าทำไมคนในพื้นที่ไม่ได้โตตามศักยภาพการค้าชายแดน
เหตุผลที่เป็นไปได้ ด้วยความที่เป็นด่านทางผ่านเพื่อทำการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดย เฉพาะจากจีน และ ส่งออกสินค้าเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นการนำสินค้าที่ผลิตในจังหวัดไปส่งออก หรือนำเข้ามาเพื่อก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจังหวัด และ การที่สินค้าบางอย่างที่ถูกนำเข้ามายังจังหวัดมีการนำไปเก็บในโกดังสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่เป็นของนักลงทุนรายใหญ่หรือกลุ่มทุนจากภายนอกเพียงไม่กี่ราย โดยเมื่อมาพิจารณาถึงมูลค่าภาคการขนส่งและจัดเก็บแบบลูกโซ่ของจังหวัดมุกดาหาร (GDP: CVM) ในช่วง 10 ปี พบว่าเติบโตเฉลี่ยถึง 10%
ในทางกลับกันประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดกว่า 55% ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการขยายตัวของการค้าชายแดน โดยมูลค่าภาคเกษตรกรรมของจังหวัดมุกดาหารแบบลูกโซ่ ในช่วง 10 ปี เติบโตเฉลี่ยเพียง 4% และแน่นอนการเข้าถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอยู่ได้อย่างเต็มที่แม้กระทั่งคนที่อยู่ในโซนเศรษฐกิจพิเศษก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะสามารถเข้าถึงได้
อย่างเต็มที่นอกจากนี้ ครัวเรือนจำนวนมากยังต้องพึ่งพารายได้จากสมาชิกที่ออกไปทำงานนอกจังหวัด ทำให้เกิดช่องว่างทางสังคม เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง หรือเด็กที่ขาดการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นประเด็นที่มีผลกระทบในระยะยาวต่อโครงสร้างประชากรและการพัฒนาทุนมนุษย์ในพื้นที่เมื่อมองในภาพรวม แม้จะมีความคืบหน้าในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและเส้นทางการค้า แต่ยังมีความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมทักษะแรงงาน การสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย และการวางระบบเศรษฐกิจที่เอื้อต่อคนตัวเล็กในท้องถิ่น เพื่อให้คนในจังหวัดสามารถเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
3.โอกาสในการพัฒนา
การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหารควรเน้นการยกระดับศักยภาพทุนมนุษย์ผ่านการพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ควบคู่ไปกับการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟรางคู่และสนามบินพาณิชย์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่นักลงทุน พร้อมทั้งจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจที่มีอำนาจบริหารจัดการโดยตรงแบบบูรณาการระหว่างรัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การพัฒนาเกิดความคล่องตัวและตรงเป้าหมาย นอกจากนี้ควรส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดอินโดจีนผ่านการพัฒนาคุณภาพสินค้า การตลาด และช่องทางจำหน่าย รวมถึงเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนะแนวนโยบาย เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์อย่างทั่วถึงและยั่งยืนในระยะยาว
อนาคตจะยิ่งเร็วกว่านี้ เมื่อระบบรางเชื่อมต่อกันตลอดทั้งสาย ทั้งภายใน-ต่างประเทศ
ที่มา
- สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง thaipbsnews
- กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ
สรุปเรื่องน่าฮู้ เกี่ยวกับ “มุกดาหารเมืองแห่งอัญมณีลุ่มน้ำโขง”
เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง
สินค้า🇨🇳จีนทะลักครองสัดส่วนการนำเข้าสินค้าผ่านแดนอีสานสูงถึง 83%