“ต่างด้าว” เข้ารักษามีค่าใช้จ่าย ยกเว้น 3 กลุ่ม “รอสัญชาติไทย-อยู่ในประกันสังคม-ซื้อประกันสุขภาพ” มีกองทุนดูแล
หลังมีประเด็นข้อพิพาทระหว่างไทย กับ กัมพูชาล่าสุด จึงมีคลิปเล่าเหตุการณ์จาก นพ.พจน์ ปทุมนากุล แพทย์ประจำบ้าน อายุรศาสตร์ มาเล่าประสบการณ์ เมื่อ 3 ปีก่อนว่า ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ รพ.แห่งหนึ่งที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบชาวกัมพูชา ใช้บัตรประชาชนคนไทย มาใช้สิทธิ์ 30 บาท
10 มิ.ย. 68 – นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สาธารณสุข) ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แพทย์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่า มีการสวมสิทธิ์บัตร 30 บาทรักษาทุกที่ของคนไทยโดยชาวกัมพูชา ยืนยันเตรียมดันมาตรการใช้ “ไบโอเมตริกซ์” (Biometric) มาตรวจสอบตัวตนเพื่อสกัดการสวมสิทธิ์
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนได้นำเรื่องปัญหาแรงงานผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและป้องกันโรคระบาดที่อาจเข้ามาในประเทศได้อย่างเต็มที่ โดยระบุว่าในอดีตมีหลาย พ.ร.บ. ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ซึ่งกำลังพิจารณาปรับแก้
เมื่อสอบถามว่าได้ตรวจสอบการสวมสิทธิ์ของชาวกัมพูชาแล้วหรือไม่ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวเป็นรายละเอียดในระดับเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ส่งมาถึงตนโดยตรง เช่นเดียวกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ที่ตนได้ปรับแก้ปัญหาในภาพรวมไปแล้ว
นายสมศักดิ์ ย้ำชัดเจนว่าผู้ที่มีสิทธิ์ใช้บัตร 30 บาทรักษาทุกที่นั้น จะต้องเป็นประชาชนชาวไทยเท่านั้น พร้อมกล่าวถึงประเด็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ว่า “ตามที่ได้มีคลิปออกมาว่าตนได้ขอกรรมการควบคุมโรคติดต่อให้มี Biometric ตนก็ยังตกใจเพราะคิดว่าคนคงจะเห็นว่าแพงมาก เครื่องนึงแค่ 15,000 บาท ถ้า 30 โรงพยาบาลที่ชายแดน ซื้อเครื่องนี้ ก็เป็นเงินเพียง 400,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง เรื่องนี้สำหรับตรวจม่านตา เพราะเราไม่สามารถออกรหัสให้คนต่างด้าวได้” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการลงทุนเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ในพื้นที่ชายแดน
ISAN Insight พามาฮู้จัก
“3 สิทธิรักษาพยาบาล” สำหรับคนต่างด้าว (ถูกกฎหมาย)
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระบบสาธารณสุขของไทยมุ่งเน้นการปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพื่อดูแลผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่เลือกเชื้อชาติหรือศาสนา ปัจจุบันมีการแบ่งสิทธิการรักษาสำหรับคนต่างด้าวออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิหรือบุคคลไร้รัฐ (กลุ่ม ท.99)
- บุคคลในกลุ่มนี้กำลังอยู่ในกระบวนการพิสูจน์สัญชาติไทย ได้รับเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีรายชื่อในฐานข้อมูลกระทรวงมหาดไทย
- ใช้สิทธิรักษาผ่านกองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ (กองทุน ท.99) ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล
- ปัจจุบันมีผู้ขึ้นทะเบียนกับกองทุนกว่า 723,603 คน
2.แรงงานต่างด้าวที่ลงทะเบียนถูกต้อง
- แรงงานกลุ่มนี้อยู่ภายใต้ระบบประกันสังคม นายจ้างจะต้องส่งเงินสมทบให้ตามกฎหมาย
- ได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้เมื่อเจ็บป่วย สิทธิคลอดบุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน
3.กองทุนประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว
- แรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม หรือกำลังรอสิทธิ จะต้องซื้อประกันสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข
- สิทธินี้ครอบคลุมการตรวจสุขภาพ การรักษา การส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค
แนวทางปฏิบัติสำหรับกลุ่มไม่มีสิทธิรักษา
โดย นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เคยให้ข้อมูลเมื่อ 21 ธันวาคม 2567 ว่า
“ส่วนกลุ่มผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมหรือประกันสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข และไม่ใช่บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิตามที่มติ ครม.กำหนด หากเข้ารับบริการสาธารณสุขจะต้องชำระค่าบริการเอง อย่างไรก็ตาม บางส่วนที่ไม่สามารถชำระค่าบริการได้ อาจขอความอนุเคราะห์ค่ารักษาพยาบาล โดยหน่วยบริการจะพิจารณาตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เรียกเก็บไม่ได้นี้ จะมีงบประมาณจากเครือข่ายองค์กรนานาชาติให้การสนับสนุนส่วนหนึ่ง”
ทั้งนี้ กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกหนังสือซักซ้อมแนวทางการขึ้นทะเบียนกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ขอรับสิทธิต้องมีเอกสารยืนยัน ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวบุคคล
- ทะเบียนบ้าน
- หนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง
- สำนักข่าววันนิวส์, ข่าวเย็นช่องวัน, แฉชาวกัมพูชาใช้บัตรประชาชนไทยใช้สิทธิ์ 30 บาท
- สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ข่าวทำเนียบรัฐบาล, สธ. แจง “ต่างด้าว” เข้ารักษามีค่าใช้จ่าย ยกเว้น 3 กลุ่ม “รอสัญชาติไทย-อยู่ในประกันสังคม-ซื้อประกันสุขภาพ” มีกองทุนดูแล
- มติชน, สมศักดิ์ ลั่น ต่างด้าวใช้บัตร 30 บาทรักษาไม่ได้ หลังหมอชายแดนไทย-เขมร พบชาวกัมพูชาสวมสิทธิคนไทยรักษาฟรี