October 2022

หนึ่งปีที่ผ่านมา อีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากแค่ไหน ? 

หนึ่งปีที่ผ่านมา อีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากแค่ไหน ?    ข้อมูลปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – สิงหาคม 2565) ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่เผชิญกับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนนย่างหนัก   การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกทั่วประเทศ มีจํานวนทั้งสิ้น 52,540 ครั้ง หรือเฉลี่ยเดือนละ 4,776 ครั้ง มีอัตราการเปลี่ยนแปลงลดลงร้อยละ 19.95 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2564   มีเพียงเดือนสิงหาคม 2565 ที่จํานวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.80 และจํานวนรถที่เกิดอุบัติเหตุฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.98 ทั้งนี้คาดว่าเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มคลี่คลายลงและภาครัฐได้ยกเลิกมาตรการการควบคุมฯ ทําให้ประชาชนมีการเดินทางกลับเข้าสู่ภาวะปกติส่งผลให้จํานวนครั้งและจํานวนรถที่เกิดอุบัติเหตุฯ เพิ่มขึ้น   ผู้เสียชีวิตมีทั้งสิ้น 4,919 ราย หรือเฉลี่ยเดือนละ 447 ราย ลดลงร้อยละ 13.14 เมื่อ เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2564 (5,663 ราย) โดยจังหวัดนครราชสีมามีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 249 ราย (ร้อยละ 5.06)   อ้างอิงจาก : กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุบัติเหตุบนท้องถนน #จราจร

พามาเบิ่ง ธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ ระดับพันล้านในภาคอีสาน

บริษัทมีผลการดำเนินงานปี 2564 เติบโตกว่าปี 2563 ที่มีรายได้รวม 4,1288 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 504 ล้านบาท เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้ามาเพิ่มเติม โดยมีการวางเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 30% ของรายได้รวม ซึ่งที่ผ่านมา PCSGH ก็ได้มีการทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (ปี 63-67) ผ่านมาแล้ว 1 ปี เหลืออีก 4 ปี ในปีนี้บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก เนื่องด้วยปัจจุบันยังมีความต้องการมากอยู่จนกว่าจะเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากการผลิตชิ้นส่วน EV เพิ่มเป็น 52% ในปี 2568 ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ไม่ใช่ EV เนื่องจากเทรนด์ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมา บริษัทฯ ก็ได้เริ่มทำธุรกิจของรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ซึ่งด้วยความสามารถของ PCSGH ก็ถือว่ามีความพร้อมในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในหลายส่วน เช่น การลดน้ำหนักของตัวรถ โดยเปลี่ยนวัสดุหนักจากเหล็กให้กลายเป็นวัสดุเบาอลูมิเนียม เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ สามารถขยับไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้ และเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ก็เล็งเห็นว่าสินค้าของบริษัทฯ ในกลุ่มที่ไม่ใช่บิ๊กอัพ, ยานยนต์, เครื่องยนต์ และอื่นๆ ก็ยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับโปรเจ็คต์ EV ที่น่าจะเริ่มผลิตได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะสามารถอนุมัติงบลงทุนได้ในช่วงกลางปีนี้ ขณะที่งบลงทุนอื่นๆ ในปีนี้วางงบไว้ราว 200 ล้านบาทเพื่อใช้ในการพัฒนาระบบ Smart Factory ในเรื่องของดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น อ้างอิงจาก: https://www.set.or.th/…/financial…/company-highlights https://www.pcsgh.com/th/about/business_overview https://www.moneyclub.asia/pcsgh-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0…/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ #ธุรกิจพันล้าน #นครราชสีมา

เพิ่มพื้นที่สีเขียว 4 จังหวัดภาคอีสาน โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ของ CP ALL

เพิ่มพื้นที่สีเขียว  4 จังหวัดภาคอีสาน  โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ของ CP ALL   ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ส่งมอบกล้าไม้ 120,000 ต้น สู่วัดและชุมชน เพิ่มพื้นที่สีเขียวใน 4 จังหวัดภาคอีสาน คือ จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.ศรีษะเกษ และ จ.สกลนคร    นายตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิด CP ALL Planting Model ภายใต้ชื่อโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของโครงการผ่านกระบวนการจัดการแบบห่วงโซ่คุณค่า (Supply chain values) โดยแบ่งออก 3 ช่วง   ช่วง “ต้นน้ำ” คือการเพาะกล้าไม้ รวมถึงสร้างโรงเรือนต่างๆ ระบบน้ำในการดูแลรักษา อีกทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน เมื่อกล้าไม้พร้อมที่ลงปลูกจะดำเนินการในช่วง “กลางน้ำ” ส่งมอบให้แก่บ้าน วัด ชุมชน นำไปปลูกในพื้นที่กว่า 200 วัด และชุมชนใน 4 จังหวัด ซึ่งได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ จัดตั้งเป็นศูนย์กระจายกล้าไม้ภาคอีสาน เป็นจำนวนกว่า 120,000 ต้น   และ “ปลายน้ำ” จะเป็นกิจกรรมในการเก็บข้อมูลในการปลูกป่าและติดตาม ดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ให้เติบโตเพื่อใช้งานตามหลักประโยชน์ 4 อย่างอันได้แก่ ประโยชน์พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็นซึ่งรวมถึงการช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกไปด้วยพร้อมๆกัน   ด้วยนโยบาย 7 GO GREEN ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม โดย ซีพี ออลล์ มีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้ทั้งสิ้น 1 ล้านต้น ภายในปี 2568 ซึ่งทาง ซีพี ออลล์ ได้เริ่มดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ ตั้งแต่ปี 2563 ดำเนินการปลูกไปแล้วกว่า 3 แสนต้น   อ้างอิงจาก :  https://www.matichon.co.th/publicize/news_3561547  https://www.ryt9.com/s/prg/3357056    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ปลูกป่า #CPAll #สุรินทร์ #บุรีรัมย์ #ศรีษะเกษ #สกลนคร 

BFPL จัดส่งน้ำมัน จากโรงกลั่นบางจาก สู่คลังน้ำมันขอนแก่น เพิ่มความสะดวกแก่ชาวอีสาน

BFPL จัดส่งน้ำมันลิตรแรกจากโรงกลั่นบางจาก  สู่คลังน้ำมันขอนแก่น เพิ่มความสะดวกแก่ชาวอีสาน   บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) จำกัด อำนวยความสะดวกจัดส่งน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สู่คลังน้ำมันขอนแก่นของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด (TPN) เพื่อสนับสนุนการเปิดใช้บริการคลังน้ำมันแห่งใหม่ในขอนแก่น โดยนับเป็นรถบรรทุกน้ำมันคันแรกที่เข้าสู่คลังฯ ผ่านเครือข่ายการขนส่งเชื้อเพลิงที่ครบครัน   โดยเครือข่ายขนส่งเชื้อเพลิงที่ครบวงจรของ BFPL จะครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งผ่านระบบท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางกรุงเทพฯ-คลังน้ำมันบางปะอิน ความยาว 69 กิโลเมตร ต่อด้วยการขนส่งทางรถจากคลังน้ำมันบางปะอิน-คลังน้ำมันขอนแก่น   นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL) กล่าวว่า บริษัท BFPL ได้ดำเนินการขนส่งน้ำมันของบางจากฯ จากโรงกลั่นน้ำมัน บางจากเข้าสู่คลังน้ำมันขอนแก่นของ TPN เพื่อสนับสนุนการทดสอบระบบคลังน้ำมันขอนแก่น ที่เปิดให้บริการคลังน้ำมันอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2565   คลังน้ำมันแห่งนี้ เป็นแห่งใหม่ที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นบนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ความจุถังรวมประมาณ 157 ล้านลิตร การขนส่งน้ำมันสู่คลังขอนแก่นในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคอีสานสามารถลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน สามารถคำนวณและควบคุมระยะเวลาขนส่งได้ดีขึ้น โดยช่วยลดระยะทางวิ่งขนส่งน้ำมันราว 365 กิโลเมตร และลดเวลาวิ่งรถบนท้องถนนลง 12 ชั่วโมง   อีกทั้งยังตัดปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด ลดการใช้เชื้อเพลิง ไม่มีเรื่องของเสีย ที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งด้วยยานพาหนะ และยังช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย   อ้างอิงจาก : เว็บไซต์บริษัทบางจาก กรุงเทพธุรกิจ   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บางจาก #ขอนแก่น #คลังน้ำมันขอนแก่น

พาซอมเบิ่ง เส้นทางธุรกิจคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับหลายร้อยล้านในภาคอีสาน

น้ำมันถือเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ “คลังน้ำมัน” ก็จัดเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการกระจายน้ำมันให้ครอบคลุม​ ​PTC หรือ บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น ทำธุรกิจ “คลังน้ำมันอิสระ” ที่ทันสมัยที่สุดในภาคอีสาน และเป็นคลังน้ำมันอิสระรายแรกในตลาดหุ้นไทย รองรับเทรนด์ Infrastructure Sharing ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมการกระจายน้ำมันทั่วพื้นที่ภาคอีสานตอนบนและตอนล่าง ผ่านคลังที่ขอนแก่นและศรีสะเกษ ​โดยปัจจุบัน PTC มีรายได้สม่ำเสมอจากผู้เช่าที่เป็นผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ และสามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยสูงกว่า 40% ต่อปี​ วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาเบิ่งเส้นทางของ PTC ว่ามีความเป็นมาอย่างไร? บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2556 ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการคลังรับ เก็บ และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยวิสัยทัศน์ และประสบการณ์ของครอบครัวบูรพพัฒนพงศ์ (ผู้ก่อตั้ง) ซึ่งอยู่ในธุรกิจให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงมานานกว่า 20 ปี โดยเริ่มเปิดให้บริการคลังน้ำมันแห่งแรกที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ในปี 2557 ภายใต้ชื่อคลังน้ำมัน PTC ขอนแก่น ด้วยกำลังการจ่ายน้ำมันสูงสุด 3.2 ล้านลิตร เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นผู้ใช้บริการในปีเดียวกัน โดยมีสัญญาให้บริการระยะยาว ในปี 2558 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มกำลังการจ่าย และรับน้ำมันเพิ่มอีกอย่างละ 2 ช่องจ่าย โดยทำให้มีกำลังการจ่ายน้ำมันสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านลิตรต่อวัน ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังทำการติดตั้งระบบป้องกันการรับน้ำมันผิดผลิตภัณฑ์ (Product Unload Contaminated Protection) ซึ่งเป็นระบบที่ป้องกันการผิดพลาดทำให้เกิดความเสียหายกับคุณภาพน้ำมันที่บริษัทฯได้พัฒนาขึ้นมาเอง ในปี 2559 บริษัทฯ ได้ลงทุนก่อสร้างคลังน้ำมันแห่งที่สอง ที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นคลังน้ำมันตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับทางรถไฟได้ทำให้สามารถลดต้นทุนในการขนส่งได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังออกแบบคลังน้ำมันแห่งนี้ให้เป็นระบบ In-Line Blending ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์และสามารถลดต้นทุนในการขนส่งวัตถุดิบได้มาก ในปี 2561 บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างต่างๆของบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2562 บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2015, มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 : 2018, มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO …

พาซอมเบิ่ง เส้นทางธุรกิจคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับหลายร้อยล้านในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

เศรษฐกิจการเกษตร ด้านปศุสัตว์ เป็นจั่งใด๋ในครึ่งปีแรก ?

พามาเบิ่ง  เศรษฐกิจการเกษตร   ด้านปศุสัตว์ เป็นจั่งใด๋ในครึ่งปีแรก ?   ภาพรวมมีการขยายตัวอยู่ที่ ร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ผู้เลี้ยงกระบือ ไข่ไก่ โคเนื้อ และสุกร มีการปรับระบบการเลี้ยงเข้าสู่ระบบมาตรฐานฟาร์มและการเฝ้าระวังควบคุมโรคระบาดสัตว์เป็นอย่างดี ประกอบกับ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ให้ความช่วยเหลือดูแล ให้คำปรึกษาแนะนำอย่างทั่วถึงทำให้ระบบการผลิตปศุสัตว์มีประสิทธิภาพมากขึ้น   แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจสาขาปศุสัตว์ ในปี 2565  คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 1.0-1.2 เมื่อเทียบกับ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณการผลิตสินค้าปศุสัตว์ โดยรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกร มีการขยายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการบริโภค ของตลาดในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเกษตรกรให้ความสำคัญกับการพัฒนา ระบบการเลี้ยง มีการดูแลเอาใจใส่ บริหารจัด การฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีการควบคุมเฝ้าระวังโรคระบาด อย่างต่อเนื่อง   อ้างอิงจาก :  ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #การเกษตร #เกษตรอีสาน #ปศุสัตว์ 

ชวนเบิ่ง NER โรงงานผลิตยางพารา หมื่นล้านในภาคอีสาน

รู้หรือไม่ว่าแหล่งผลิตยางพาราคุณภาพของประเทศไทยนั้น นอกจากพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกแล้ว ยังมีอีกพื้นที่หนึ่งที่เกษตรกรนิยมปลูกยางพารา และสามารถผลิตน้ำยางที่มีคุณภาพไม่แพ้ที่อื่น ๆ นั่นคือ พื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งกินพื้นที่กว่า 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพาไปดู NER ทำธุรกิจอะไรบ้าง และเติบโตมาไกลแค่ไหน ? จุดเริ่มต้น NER ก่อตั้งโดย คุณชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ เดิมทีครอบครัวคุณชูวิทย์ประกอบอาชีพทำลานมันเส้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จนเมื่อปี พ.ศ. 2527 คุณพ่อของคุณชูวิทย์ได้ริเริ่มการปลูกยางพาราในพื้นที่อีสานใต้ ทำให้เกษตรกรในภาคอีสาน เริ่มสนใจและหันมาปลูกยางพาราเพื่อสร้างรายได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นก็คือ ที่ภาคอีสานนั้น “ไม่มีสถานที่รับซื้อยางพารา” คุณชูวิทย์และเกษตรกรคนอื่น ๆ ต้องนำผลผลิตยางพาราที่ได้มาไปขายที่จังหวัดระยอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและโดนกดราคา แต่ปัญหาดังกล่าวก็ได้ทำให้คุณชูวิทย์เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ โดยเขาได้ตัดสินใจตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราขึ้นมาชื่อว่า “นอร์ทอีส รับเบอร์” หรือ NER ในปี พ.ศ. 2549 โดยเริ่มจากการรับซื้อยางจากเกษตรกรในบริเวณใกล้เคียงและนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควันขายให้กับคู่ค้าทั่วประเทศ แต่ในช่วงแรกของการทำธุรกิจนั้น บริษัทได้เจอวิกฤติครั้งใหญ่ จากการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยที่ไม่สต็อกของไว้ในมือ เมื่อราคาของยางพาราวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทไม่มีเงินพอไปซื้อของมาขายตามที่สัญญาไว้ได้ ตอนนั้นคุณชูวิทย์มีทางเลือกอยู่สองทาง หนึ่งคือ การไม่ทำตามสัญญาแล้วออกจากธุรกิจนี้ไป สองคือ การไปเจรจากับคู่ค้าโดยตรง คุณชูวิทย์ตัดสินใจบินไปหาคู่ค้าที่สิงคโปร์ด้วยตัวเองและชี้แจงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยขอผ่อนชำระหนี้ในระยะยาวกับคู่ค้าแทน ซึ่งคู่ค้าก็เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการแจ้งล่วงหน้า 3 เดือน ทำให้มีเวลาในการปรับตัว และยังสามารถเป็นคู่ค้ากันต่อไปได้ ผลจากวิกฤติครั้งนี้ทำให้บริษัทเรียนรู้ข้อผิดพลาด และเปลี่ยนวิธีทำธุรกิจโดยการไม่ยุ่งกับตลาดซื้อขายล่วงหน้าอีก แต่ใช้วิธี “Matching” คือ ซื้อเข้ามาแล้วขายออกเลย หรือรับออร์เดอร์ขายเข้ามาก่อน แล้วค่อยซื้อเข้ามาเก็บไว้ ทำให้บริษัทไม่ต้องรับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของต้นทุนสินค้าอีกต่อไป จุดนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว แม้ว่าวัตถุดิบอย่างยางพาราจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ตัวหนึ่งที่มีวัฏจักรราคาหรือรอบของมันก็ตาม เมื่อบริษัทมีความมั่นคงและเป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิต และออกสินค้าตัวอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมา อย่างยางอัดแท่ง และยางผสม ซึ่งเป็นที่ต้องการของทั้งตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ หากพิจารณาผลประกอบการของ NER เป็นอย่างไรบ้างในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ? รายได้และกำไรของ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ปี 2561 รายได้ 10,074 ล้านบาท กำไร 487 ล้านบาท ปี 2562 รายได้ 13,021 ล้านบาท กำไร 539 ล้านบาท ปี 2563 รายได้ 16,365 ล้านบาท กำไร …

ชวนเบิ่ง NER โรงงานผลิตยางพารา หมื่นล้านในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ครึ่งปีแรก ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร  ด้านผลผลิตพืช  เป็นจั่งใด๋ ?

พามาเบิ่ง ครึ่งปีแรก ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร  ด้านผลผลิตพืช  เป็นจั่งใด๋ ?   มาดูเหตุผลที่ทำให้ผลผลิตแต่ละอย่างเพิ่มขึ้น   ข้าวนาปรัง ผลผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจาก เกษตรกรบางส่วนปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม รวมทั้งเกษตรกร ขยายเนื้อที่เพาะปลูกในพื้นที่นาที่เคยปล่อยว่าง   อ้อยโรงงาน ผลผลิตเพิ่มขึ้นเพราะราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เกษตรกรเอาใจใส่ผลผลิต อีกทั้งตลาดยังมีความต้องการ ทำให้ราคานํ้าตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น   ยางพารา ผลผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้ดูแลรักษามากขึ้น และเพิ่มจำนวนวันกรีด ทำให้ปริมาณ การผลิตยางพาราโดยรวมเพิ่มขึ้น อีกทั้งความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังมีอย่างต่อเนื่อง    ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกและเกษตรกรมีความชำนาญในการ กำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชมากขึ้น อีกทั้งตลาดมีความต้องการนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้น    สับปะรด เนื่องจากเกษตรกรขยายเนื้อที่เพาะปลูกช่วงต้นปี 2564 มีปริมาณน้ำเพียงพอส่งผลให้ผลผลิตภาพรวมเพิ่มขึ้น ด้านราคาที่ลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงงานแปรรูปสับปะรดลดกำลังการผลิตลง   สาเหตุที่ทำให้ผลผลิตลดลง  ข้าวเจ้านาปี & ข้าวเหนียวนาปี ผลผลิตลดลง เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงเดือนกันยายนของปี 2564 ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวบางส่วนได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่เกิดในบริเวณจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิ ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตลดลง  อีกทั้งระดับราคายังลดลงอีกด้วย เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์การโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อลดลง และกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวลดลง ส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวลดลง   มันสำปะหลัง เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม ปี 2564 ทำให้เนื้อที่เก็บเกี่ยวลดลงและเกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกอ้อยโรงงานที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตลดลงเล็กน้อย แต่มีราคาที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หันมาใช้มันสำปะหลังทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์   อ้างอิงจาก :  ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #การเกษตร #เกษตรอีสาน #ผลผลิตการเกษตร  

Scroll to Top