Big 4 of Isan ตอนนี้เป็นอย่างไร?
เมื่อทิศทางการพัฒนา ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งให้มีการประเมินผลของการดำเนินงานทุกรอบ 1 ปี และ 5 ปี
สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม
เมื่อทิศทางการพัฒนา ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งให้มีการประเมินผลของการดำเนินงานทุกรอบ 1 ปี และ 5 ปี
ถึงแม้จะอยู่ในยุคที่ทุกคนต่างเรียกร้องถึงความเท่าเทียม แต่กลับปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมย่ำยีเหยียดหยามโดยเฉพาะในเรื่องของชาติพันธ์ุอื่น ๆ อยู่ และมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีโดยเฉพาะกับคนอีสาน . สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยบางส่วนยังมีปมที่ฝังลึกในระดับจิตสำนึก และยังไม่เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างที่ดีพอ ทำให้มองคนไม่เท่ากัน จึงไม่เป็นไปตามแนวความคิดตามระบอบประชาธิปไตย ที่ตั้งอยู่บนความเสมอภาคของความเป็นมนุษย์ . “ความม่วนซื่น” หรือความสนุกสนานนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนอีสานมาโดยตลอด หากมองย้อนกลับไปดูอุตสาหกรรมบันเทิงอีสานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าอีสานมีทรัพยากรที่เอื้ออำนวยในการสร้าง Soft power ที่ทรงพลังสามารถที่จะต่อยอดทัดเทียมกับต่างประเทศได้ในอนาคต . . ก่อนอื่น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า “Soft power” ที่เอ่ยถึงนั้นคืออะไร . มันเป็นการขยายอิทธิพล การเปลี่ยนแปลงความคิด การทำให้ผู้คนมีส่วนร่วม หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้อื่น โดยไม่ใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญ (Hard Power) อย่างอำนาจเศรษฐกิจ อำนาจทางการทหาร เพื่อบีบบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมปฏิบัติตามสิ่งที่เราต้องการ . ยกตัวอย่าง Soft power ของเกาหลีใต้ เช่น วงบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป อย่าง BTS และ BLACKPINK ที่ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดัง สร้างอิทธิพลต่อคนทั่วทั้งโลก รวมไปถึงวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกิน มาตรฐานความงามต่าง ๆ ที่เข้ามามีบทบาทหรือมีอิทธิพลในสังคมไทยเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน . จะเห็นว่าวัฒนธรรมต่าง ๆ หรือหลายสิ่งหลายอย่างที่มีผลต่อพฤติกรรมของเราในการดำเนินชีวิตแต่ละวันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการถูกบังคับแต่อย่างใด แต่เกิดจากพลังของเจ้า Soft power ที่มีอิทธิพลต่อความคิดของเรานั่นเอง . . กลับมาดูอุตสาหกรรมบันเทิงอีสานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2553-2563) ที่มีทั้งผลงานเพลง ละคร และภาพยนตร์ ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นอีสานออกมาอย่างต่อเนื่อง ในหลาย ๆ เรื่องก็มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมจนสามารถสร้างกระแส “อีสานฟีเวอร์” พร้อมกับกวาดรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมหลักร้อยล้านบาทเลยทีเดียว . ปี 2553 เพลงคิดฮอด เป็นการร่วมร้องของวงร็อคระดับประเทศ “Bodyslam” กับนักร้องหมอลำระดับตำนาน “ศิริพร อำไพพงษ์” ถือเป็นการก้าวข้ามความแตกต่างของช่วงวัย และวัฒนธรรม ให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นที่เดิมไม่ได้ฟังเพลงลูกทุ่งให้อยากที่จะได้ยิน ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นของการพัฒนาเพลงลูกทุ่งอีสาน . ปี 2554 ภาพยนตร์ ปัญญา เรณู หนังรักวัยเด็ก ที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็กอีสานได้อย่างเป็นธรรมชาติเป็นที่พูดถึงอย่างมากในหมู่คนดู ก้าวข้ามโปรดักชันอลังการให้เป็นการฉายภาพชีวิตปกติธรรมดาของคนอีสาน จนทำรายได้ถึง 12.82 ล้านบาท . ปี 2555 ภาพยนตร์ ปัญญา เรณู 2 ทำรายได้ถึง 19 ล้านบาท กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนมอง “หนังอีสาน” ด้วยสายตาที่แตกต่างไป ทั้งยังช่วยตอกย้ำความปังว่าเรื่องเล่าของคนอีสานสามารถเป็นเส้นเรื่องหลัก และเป็นหนังที่ดีและน่าสนใจได้ . เพลง ขอใจเธอแลกเบอร์โทร ด้วยท่อนฮุก (Hook) ที่ติดหูอย่าง “ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ” ของหญิงลี …
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่จะเปลี่ยนภาพจำอีสานในแง่ลบ ให้กลับมาทรงพลังด้วย “Soft Power” อ่านเพิ่มเติม »
จากแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศในปี 2564 (มกราคม – ตุลาคม) จำนวน 29,449 คน เป็นแรงงานในภาคอีสาน 20,942 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด . โดยจังหวัด (ตามภูมิลำเนา) ของแรงงานที่ไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ชัยภูมิ อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และหนองบัวลำภู . ส่วนประเทศที่มีแรงงานอีสานไปทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ สวีเดน ไต้หวัน อิสราเอล ฟินแลนด์ และสาธารณรัฐเกาหลี . ทั้งนี้ แรงงานอีสานที่ไปทำงานต่างประเทศส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดที่ระดับ ‘มัธยมศึกษา’ ทำให้พอจะอนุมานได้ว่า กลุ่มงานที่แรงงานเลือกไปทำนั้นน่าจะเป็นงานที่ใช้ทักษะปานกลางและต่ำ มากกว่างานที่ใช้ทักษะสูง . อย่างไรก็ตาม ปี 2565 หากภาครัฐยังไม่มีมาตรการเยียวยาลูกจ้างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมพอ เราคาดว่าอนาคตแรงงานอีสานที่เคยไปทำงานในกรุงเทพฯ และเขตเศรษฐกิจหลักของประเทศ จะไหลไปทำงานต่างประเทศกันมากขึ้น . . ที่มา: กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ
จากจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสะสมในประเทศกว่า 1,129,877 คน (ไม่รวมกรุงเทพฯ ) เป็นผู้ป่วยในภาคอีสาน 431,677 คน โดยนครราชสีมา อุบลราชธานี และขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีผู้ป่วยซึมเศร้ามากที่สุดของประเทศเป็นอันดับ 1, 3 และ 4 ตามลำดับ
ตามรายงานทรัพยากรสาธารณสุข ที่มีการรวบรวมข้อมูลจำนวนแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศในปี 2563 พบว่า ไทยมีจำนวนแพทย์ทั้งสิ้น 36,472 ราย ในขณะที่ประชากรไทยมีจำนวน 66 ล้านคนทำให้ไทยมีสัดส่วนประชากร 1,794 คน ต่อแพทย์ 1 คน . โดยหากดูเฉพาะในภาคอีสาน จะพบว่าจังหวัดที่แพทย์มีภาระต้องแบกรับมากที่สุดนั้น คือ บึงกาฬ (ประชากร 6,303 คน ต่อแพทย์ 1 คน) ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับจังหวัดที่แพทย์มีภาระต้องแบกรับน้อยที่สุดอย่าง ขอนแก่น (ประชากร 1,204 คน ต่อแพทย์ 1 คน) จะพบว่าห่างกันถึง 5 เท่าตัว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาการระบาดของ COVID-19 นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลก นำมาซึ่งความวิตกกังวลที่ส่งผลต่อความสุข ทัศนคติ และความพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองอย่างมาก . ความพึงพอใจในชีวิตของคนไทยนั้น สำนักงานสถิติได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อความอยู่ดีมีสุข ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม 2562 คนไทยให้คะแนนความพึงพอใจในชีวิตเฉลี่ย 7.05 คะแนน ในขณะช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่เรียกไดว่ารุนแรงขึ้น (เดือนพฤษภาคม 2563) คนไทยให้คะแนนความสุขเฉลี่ยลดลงไปอยู่ที่ 5.02 . สำหรับความพึงพอใจในช่วงปีที่ผ่านมา (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563) คนไทยมีความพึงพอใจในชีวิตเฉลี่ย 6.70 คะแนน เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่ โดยความพึงพอใจในเรื่องต่าง ๆ อยู่ในระดับ 6 – 7 และยังพบว่า ชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความพึงพอใจมากที่สุด . ทั้งนี้ หากพูดถึงอนาคตผู้คน พวกเขาได้มีการวางแผนเรื่องการเงินมากที่สุด (6.30 คะแนน) รองลงมาคือ สุขภาพกายและสุขภาพจิต (6.26 คะแนน) และการทำงาน/อาชีพ (6.11 คะแนน) ตามลำดับ
เมื่อ 12 พ.ย. คณะกรรมการความปลอดภัยทางอาหารแห่งสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศรับรอง ‘ตั๊กแตนอพยพ’ (Locusta Migratoria) เป็นอาหารใหม่ (Novel Food) ที่ปลอดภัยในการบริโภค . โดยตั๊กแตนถือเป็นแมลงชนิดที่ 2 รองจาก ‘หนอนนกอบแห้ง’ (Dried Yellow Mealworms) ที่ได้รับการรับรองเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยจากอียูไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ‘จิ้งหรีดทองแดงลายหรือจิ้งหรีดขาว’ เป็นชนิดถัดไป . ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ “ผู้เพาะเลี้ยงแมลง” ในการเจาะตลาดที่กว้างขึ้น
กรมสุขภาพจิต เผย “ข้อมูลการฆ่าตัวตายสำเร็จ ปี 2563” พบว่า ภาคอีสานมี “อัตราฆ่าตัวตายต่อประชากรแสนคน” สูงขึ้นจากปี 2562 เกือบทุกจังหวัด (มีเพียง 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเลย นครพนม และมุกดาหาร ที่ลดลง) . อีกทั้งส่วนใหญ่ยังมีอัตราฆ่าตัวตายสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 7.37 คน/ประชากร 1 แสนคน ในปี 2563 (มีเพียง 7 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดอํานาจเจริญ นครพนม มหาสารคาม ยโสธร สุรินทร์ หนองคาย และมุกดาหาร ที่ต่ำกว่า) . ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 โดยพบว่าคนไทยมีสภาวะความเครียดและซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ที่ต่อเนื่องยาวนาน พวกเขาจึงเริ่มเกิดภาวะเหนื่อยล้าทางอารมณ์จนทำให้หมดพลัง คาดว่าปี 2564 จะมีอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงกว่าปีที่แล้ว
สำรวจภาวะการทำงานของประชากรอีสาน พร้อมส่อง 10 อันดับประเภทอุตสาหกรรมที่มีคนทำสูงสุด
สำรวจบัญชีเงินฝากในภาคอีสานว่าแต่ละจังหวัดผู้คน ‘ฝากเงิน’ มากแค่ไหน ในยุคที่สถาบันการเงินคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท/ราย