Infographic

พาส่องเบิ่ง ธุรกิจบ้านพักคนชรา

ในตอนนี้ที่หลาย ๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้รวมถึงประเทศไทย เริ่มประสบปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ การเกิดใหม่ของประชากรต่ำและมีอัตราผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น จากสาเหตุหนุ่มสาวอยู่เป็นโสดและถึงจะแต่งงานก็นิยมไม่มีลูก จากปัญหาหลาย ๆ อย่าง เช่น ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เป็นต้น จากเหตุการณ์นี้ทำให้ประเทศไทยเริ่มต้นก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องนี้ในอีกไม่กี่ปีจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโดยรวมของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลถึงเศรษฐกิจ ไลฟ์สไตล์และสังคมอย่างมาก ถึงแม้ปัญหาผู้สูงอายุในประเทศไทยจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง สิ่งที่จะตามมาก็คือโอกาสในการสร้างธุรกิจอย่างมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ เกี่ยวกับบ้านพักในวัยชรา ได้รับอานิสงส์ของการเปลี่ยนไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบบให้เลือกอยู่ ธุรกิจอสังหาฯ แบบไหนที่เหมาะกับผู้สูงอายุ 1. บ้านพักคนชรา จากการเปลี่ยนแปลงของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้มีผู้ลงทุนทั้งเล็กและใหญ่ หันมาสนใจธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะการสร้างบ้านพักคนชรา เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัยกลางคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยเกษียณ คนกลุ่มนี้จะมีกำลังทรัพย์ค่อนข้างสูง และจุดแข็งของธุรกิจอสังหาฯ ประเภทบ้านพักคนชรานั่นก็คือมีสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมกับมีทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในปัจจุบันมีบ้านพักคนชราหลากหลายรูปแบบทั้งในรูปแบบของบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม หรือห้องพัก ที่มีหลากหลายราคาให้ได้จับจอง สำหรับใครที่คิดอยากจะลงทุนอสังหาฯ ประเภทบ้านพักคนชราอาจต้องใช้เงินลงทุนที่สูงในช่วงแรก ในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ในระยะยาวสามารถสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง หากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว 2. บ้านหรือคอนโด ผู้สูงอายุ ธุรกิจอสังหาฯ ประเภทบ้านหรือคอนโดมิเนียม ในตอนนี้มีทั้งการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน ให้ความสนใจเกิดโครงการใหม่ ๆ มากมายทั่วประเทศ จุดเด่นของบ้าน หรือคอนโดสำหรับผู้สูงอายุ คือ ทั้งโครงการจะเป็นกลุ่มผู้อาศัยเฉพาะคนสูงวัยหลังเกษียณ มาอยู่รวมกันเป็นชุมชน สำหรับราคาของบ้าน หรือคอนโดแบบนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มกลางไปถึงสูง เพราะตัวโครงการส่วนใหญ่จะในรูปแบบของการเช่าในระยะยาวหลัก 10 ปี บางแห่งก็ต้องซื้อแบบขายขาดเท่านั้น และข้อสังเกตสำหรับธุรกิจอสังหาฯ ประเภทบ้าน หรือคอนโดสำหรับผู้สูงอายุอีกข้อก็คือ จะไม่มีแพทย์ หรือพยาบาล คอยดูแลเราแบบใกล้ชิด และการทำความสะอาดที่พัก ผู้สูงวัยก็ต้องทำด้วยตัวเอง 3. เนอร์สซิ่งโฮม เนอร์สซิ่งโฮมจะเป็นธุรกิจประเภทที่ให้ลูกค้าผู้สูงอายุที่ต้องการมาพักฟื้นดูแลร่างกายในระยะสั้น ๆ เช่น ผู้สูงอายุที่มีอาการบาดเจ็บจากการหกล้ม หรือผู้ที่ต้องการทำกายภาพบำบัด เข้ามารักษาตัว เมื่อรักษาหายมีสุขภาพดี ก็สามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้อย่างปกติ ในตอนนี้ส่วนใหญ่ผู้ลงทุนทำธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮม จะเป็นผู้ลงทุนขนาดกลางหรือเล็ก ที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก สำหรับจุดแข็งธุรกิจอสังหาฯ แบบเนอร์สซิ่งโฮม ก็คือ มีผู้เชี่ยวชาญ เช่น พยาบาล หรือทีมแพทย์ให้ความช่วยเหลือเราในระหว่างที่เราเข้าพัก สำหรับใครที่อยากจะลงทุนทำธุรกิจอสังหาฯ ประเภทเนอร์สซิ่งโฮมให้ประสบความสำเร็จ คือ การทำราคาให้เหมาะสมเพื่อให้ธุรกิจสามารถคืนทุนได้ไว และสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง การเริ่มต้นคือมองหาบ้านเดี่ยว มาปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสม เช่น เปลี่ยนพื้นที่ห้องรับแขกของบ้าน ให้มีเตียงดูแลผู้ป่วย 3-5 เตียงก็ได้ ใช้พื้นที่สวนนอกบ้านเพิ่มอุปกรณ์สำหรับทำกายภาพบำบัดเบื้องต้น และอาจจ้างพยาบาลมาดูแลผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ หมายเหตุ: เป็นข้อมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจที่เกี่ยวกับกิจกรรมการดูแลรักษาในสถานที่ที่มีที่พักและมีคนดูแลประจำ สำหรับผู้สูงอายุ (รหัสประเภทธุรกิจ 87301) อ้างอิงจาก: – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – Krungsri Plearn Plearn – iCare Seniors …

พาส่องเบิ่ง ธุรกิจบ้านพักคนชรา อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง จำนวนสาขา 7-11 ในภาคอีสานมีส่ำใด๋

ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2566 ของบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง หลายธุรกิจมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนภายหลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลายลง และหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่รายได้สูงมากเป็นอันดับต้น นั่นคือ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ที่ในไตรมาสสองกวาดรายได้รวม 454,021 ล้านบาท และกำไรรวม 8,561 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของ CPALL แบ่งเป็น 51% รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เช่นธุรกิจของ แม็คโคร โลตัส ส่วนอีก 49% มาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (7-Elven) และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งปัจจุบัน 7-Eleven ไตรมาส 2 ปี 2566 มีสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งสิ้น 1,814 สาขา 5 อันดับจังที่มีจำนวนสาขา 7-11 มากที่สุด อันดับที่ 1 นครราชสีมา จำนวน 299 สาขา อันดับที่ 2 ขอนแก่น จำนวน 238 สาขา อันดับที่ 3 อุบลราชธานี จำนวน 158 สาขา อันดับที่ 4 อุดรธานี จำนวน 154 สาขา อันดับที่ 5 บุรีรัมย์ จำนวน 111 สาขา หมายเหตุ: เป็นข้อมูลจำนวนสาขา 7-11 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2566 อ้างอิงจาก: – CP ALL – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #CPALL #7Eleven

พามาฮู้จัก “สุกี้จินดา” หม่าล่าหม้อไฟสายพานเจ้าแรกในไทย

จุดเริ่มต้นของ “สุกี้จินดา” เป็นอย่างไร? ย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน คุณดา-นพรดา วาวีเจริญสิน เคยทำงานเป็นมัคคุเทศก์นำนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ต่อมาเกิดโควิดระบาด ส่งผลให้กรุ๊ปทัวร์หาย ความที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่เกิดและเติบโตในเมืองไทย ทำให้เธอต้องหันหลังกลับต่างจังหวัดและคิดหาอาชีพใหม่ โดยนึกได้ว่า เคยเห็นร้านสุกี้หม่าล่าสายพานที่ประเทศจีน ซึ่งร้านแบบนี้ยังไม่ค่อยได้เห็นในไทยเท่าไหร่นัก เธอจึงได้นำไอเดียดังกล่าวมาสร้าง “ร้านสุกี้จินดา” ร่วมกับพี่สาว จุดเด่นของร้านสุกี้จินดา อย่างแรก คือ การเสิร์ฟเมนูด้ายสายพาน คุณดานำไอเดียนี้มาจากประเทศจีนเช่นเดิม ซึ่งสายพานช่วยให้ลูกค้าสนุกเมื่อได้หยิบจับเมนู ไม่ต้องลุกเดินบ่อยๆ ส่วนวัตถุดิบนั้น ก็นำเสียบไม้และใส่ถาด จุดเด่น อย่างที่สอง ขาดไม่ได้คือ น้ำซุป เจ้าของร้านแนะนำ สูตรนี้ตำรับจีนแท้ๆ มีให้เลือกถึง 7 รสชาติ คือ ซุปกระดูกหมู ซุปกระดูกไก่ ซุปเห็ดหอม หม่าล่าเผ็ดน้อย หม่าล่าเผ็ดลิ้นชา ซุปต้มยำกุ้ง ซุปมะเขือเทศ และในเร็วๆ นี้เตรียมชิมรสชาติออกใหม่เรียกว่า หม่าล่าน้ำข้น และจุดเด่นข้อสาม ถ้าใครมาคนเดียว ไม่ต้องกลัวเหงาหรือเขิน เพราะร้านสุกี้จินดา ให้บริการหม้อคนเหงา เจ้าของร้านอธิบาย “ร้านชาบูสไตล์จีนที่อื่นส่วนใหญ่ใช้หม้อใหญ่ โต๊ะใหญ่ ถ้าไปคนเดียว จะรู้สึกเขินๆ อายๆ แต่ร้านเราให้บริการสุกี้สไตล์หม้อเดี่ยว มาคนเดียวก็กินได้ ไม่เหงาเพราะมีเพื่อนร่วมโต๊ะเต็มไปหมด เป็นสิบๆ คนได้” อย่างไรก็ตาม จากธุรกิจนี้ ร้านสุกี้จินดาสามารถสร้างรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายราวๆ 6 หลักต่อเดือนต่อสาขา และเป้าหมายในอนาคต คือ ขยายสาขาไปทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 สาขา หรือ 77 จังหวัดทั่วประเทศ อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ – PPTV HD36 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #สุกี้จินดา #สุกี้หม่าล่าสายพาน

ปังหลาย ! คนดังอีสานไประดับโลก มีไผแหน่ ? 

ปังหลาย ! คนดังอีสานไประดับโลก มีไผแหน่ ?    ไหนใครรู้จักคนไหนอีกบ้าง comment กันเลยค่า 🥰✨   อ้างอิงจาก:  wikipedia, trueid, mgronline, komchadluek, sanook, thestandard   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th  Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ลิซ่า #โอปอล #คริสซีทีเกน #จาพนม #บัวขาว #ภราดร

ชวนเบิ่ง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs เดือนกรกฎาคม

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs อยู่ที่ 49.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า -0.8 แนวโน้มธุรกิจ SME ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือกลุ่มไหน? เศรษฐกิจในพื้นที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตเสื้อผ้า ไม้ และพลาสติก จากต้นทุนค่าขนส่งเป็นสําคัญ และได้รับอานิสงส์จากวันหยุดยาวไม่มากนัก เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ ส่วนภาคการเกษตรยังขยายตัวได้ดีในช่วงฤดูเพาะปลูก หมายเหตุ: ดัชนี SMEs มีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และมีค่าฐานเท่ากับ 50 ดัชนี > 50 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ “ดีขึ้น” จากเดือนก่อนหน้า ดัชนี = 50 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ “ทรงตัว” จากเดือนก่อนหน้า ดัชนี < 50 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ “ลดลง” จากเดือนก่อนหน้า อ้างอิงจาก: สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #SMEs #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนกรกฎาคม #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ

ISAN Insight & Outlook สิพามาเจาะลึก ประวัติ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์

ISAN Insight & Outlook สิพามาเจาะลึก ประวัติ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์   “ เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา  ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว  ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี ”   แพรวา หรือ ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าทอมืออันเป็นการทอผ้าแพรวามีมาพร้อมกับวัฒนธรรมของชาวภูไท ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในบริเวณแคว้นสิบสองจุไทย (ดินแดนส่วนเหนือของลาว และ เวียดนาม ซึ่งติดต่อกับดินแดนภาคใต้ของจีน) อพยพเคลื่อนย้ายผ่านเวียดนาม ลาว แล้วข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่แถบเทือกเขาภูพานทางภาคอีสานของไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร โดยยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ การแต่งกาย และการทอผ้าไหมที่มีภูมิปัญญาในการทอด้วยการเก็บลายจากการเก็บขิด และการจก ที่มีลวดลายโดดเด่น ที่มีภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก บรรพบุรุษและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผ้าแพรวาจึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มชนที่สืบเชื้อสายมาจาก กลุ่มภูไท   ผ้าแพรวามีความหมายรวมกันว่า ผ้าทอเป็นผืนที่มีขนาดความยาว 1 วา หรือ 1 ช่วงแขน ใช้สำหรับคลุมไหล่หรือห่มสไบเฉียงที่เรียกว่าผ้าเบี่ยงของชาวผู้ไทย ซึ่งใช้ในโอกาสที่มีงานเทศกาลบุญประเพณีหรืองานสำคัญอื่นๆ โดยประเพณีทางวัฒนธรรมของหญิงสาวชาวภูไทจะต้องยึดถือปฏิบัติคือ จะต้องตัดเย็บผ้าทอ 3 อย่างคือ เสื้อดำ ตำแพร (หมายถึงการทอผ้าแพรวา) ซิ่นไหม ผ้าแพรวานิยมทอด้วยไหมทั้งผืน มีสีสัน ลวดลาย ที่หลากหลายนับเป็นผ้าไทยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูง ในหมู่ผู้นิยมผ้าไทยทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีการทอผ้าไหมแพรวาที่งดงามและมีชื่อเสียง ผ้าแพรวาได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพพิเศษในสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมพสกนิกรชาวอำเภอคำม่วง เมื่อปี พ.ศ. 2520 ได้ทอดพระเนตรเห็นชาวภูไท บ้านโพน แต่งตัวโดยใช้ผ้าแพรวาห่มตามแบบสไบเฉียง หรือเรียกว่า ผ้าเบี่ยง ได้ทรงสนพระทัยมากจึงโปรดให้มีการสนับสนุน และได้มีพระราชดำริให้ขยายหน้าผ้าให้กว้างขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปใช้เป็นผ้าผืนสำหรับตัดเสื้อผ้าได้ อีกทั้งพัฒนาลวดลายให้เหมาะสมตามความต้องการของตลาด การพัฒนาการทอผ้าแพรวาเกิดขึ้นเพราะพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถที่ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นความงาม และคุณค่าแห่งศิลปะชิ้นนี้ในครั้งนั้น   – ลวดลายและกรรมวิธีการทอ ลวดลายผ้าแพรวานับเป็นผ้ามรดกของครอบครัว โดยในแต่ละครัวเรือน จะมี ผ้าแซ่ว ซึ่งเป็นผ้าไหมส่วนใหญ่ทอพื้นสีขาว ขนาดประมาณ 25 x 30 เซนติเมตร มีลวดลายต่าง ๆ เป็นต้นแบบลายดั้งเดิมแต่โบราณที่ทอไว้บนในผืนผ้าเป็นแม่แบบดั้งเดิมที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ บนผ้าแซ่วผืนหนึ่งๆมีอาจลวดลายมากถึงประมาณกว่าร้อยลาย การทอผ้าจะดูลวดลายจากต้นแบบในผ้าแซ่วโดยจะจัดวางลายใดตรงส่วนไหน หรือให้สีใดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ทอ เกิดเป็นเอกลักษณ์ของผ้าแพรวาจากการวางองค์ประกอบของลวดลายต้นแบบและการให้สีสรรของผู้ทอ ลวดลายของแพรวามีลักษณะคล้ายคลึงกับลายขิดอีสาน แตกต่างกันอยู่บ้างที่ ความหลากหลายของสีสันในแต่ละลวดลาย แต่มีลักษณะรวมกันคือ ลายหลักมักเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของลายผ้า ส่วนสีสันบนผ้าแพรวาแต่เดิมนิยมพื้นสีแดงคล้ำย้อมด้วยครั่ง มีลายจกสีเหลือง สีน้ำเงิน สีขาว และสีเขียวเข้มกระจายทั้งผืนผ้าสอดสลับในแต่ละลายแต่ละแถว   ส่วนประกอบของผ้าแพรวา ผ้าแพรวา เป็นผ้าทอจากเส้นใยไหม ที่มีลักษณะลวดลายผสมกันระหว่างลายขิดและจกบนผืนผ้า ในกระบวนการขิดจะใช้วิธีเก็บลายขิดบนผ้าพื้นเรียบโดยใช้ไม้เก็บขิด คัดเก็บขิดยกลายโดยต้องนับจำนวนเส้นไหมแล้วใช้ไม้ลายขิดสานเป็นลายเก็บไว้ ในการทอเก็บลายจะแบ่งเป็นช่วง แต่ละช่วงเก็บลายไม่เหมือนกัน …

ISAN Insight & Outlook สิพามาเจาะลึก ประวัติ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ อ่านเพิ่มเติม »

ม่วนคัก ! ปีแห่ง Music Concert Economy ในอีสาน   เมื่อคอนเสิร์ต กลายเป็นแหล่งทำเงินสร้างมูลค่า

ม่วนคัก ! ปีแห่ง Music Concert Economy ในอีสาน   เมื่อคอนเสิร์ต กลายเป็นแหล่งทำเงินสร้างมูลค่า   ในอีก 4 ปีข้างหน้ามีการคาดการณ์ว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมอิเวนต์ด้านดนตรี จะเติบโตและสร้างมูลค่าสูงถึง 1.26 ล้านล้านบาท โดยอิเวนต์ด้านดนตรีอย่าง ‘ทัวร์คอนเสิร์ต’ กลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ทรงพลังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับโลกอย่างมหาศาล ซึ่งในปี 2023 มีมูลค่าโดยรวมสูงถึง 1.17 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว   การจัดทัวร์คอนเสิร์ต ทำให้เกิดรายได้ทั้งจากการขายบัตร สินค้าที่ระลึก บริการร้านอาหาร ที่พัก ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ซึ่งเป็นการดึงดูดให้ผู้ชมจากทั่วประเทศ ไปจนถึงต่างประเทศอีกด้วย ที่ได้ชมคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชื่นชอบจากสถานที่ที่ตนสามารถเดินทางไปได้ และทำให้เกิดรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลตามมา   โดยภาคอีสานปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งคอนเสิร์ตเลยก็ว่าได้ ภาคอีสานถือเป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่งที่ผู้จัดสนใจที่จะมาเยือนภาคอีสาน โดยเริ่มจากปีที่แล้วที่ คอนเสิร์ต Big mountain ที่จัดที่ จ.นครราชสีมา อยู่แล้ว ยังตีตลาดเอาใจสายม่วน โดยการเชิญหมอลำระเบียบวาทะศิลป์อีกด้วย    อีกทั้งจังหวัดขอนแก่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในประเทศไทยที่มีศักยภาพมาก ในการจัดคอนเสิร์ต เนื่องจากมี KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น ที่สามารถคว้าคิวศิลปินระดับโลก และศิลปินดังระดับประเทศ มารวมอยู่บนเวทีเดียวกันได้ และเป็นสถานที่จัดหลักเลยทีเดียว ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก อาจส่งผมให้พัฒนาด้านโลจิสติกต์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาชมคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ สอดคล้องกับความตั้งใจของทีมผู้จัดงานคอนเสิร์ตที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และพื้นที่ทุกภาคส่วนในภาคอีสาน เมื่อกรุงเทพมหานครจัดคอนเสิร์ตได้ ขอนแก่นก็สามารถจัดคอนเสิร์ตได้เช่นกัน   ไหนใครอยากไปคอนเสิร์ต หรือเคยไปดูเทศกาลดนตรีในอีสานที่ไหนกันอีกบ้าง ??  comment กันได้เลยค่า    อ้างอิงจาก:  ฐานเศรษฐกิจ, brandage, brandthink, fungjai, kice, mellowpop   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th  Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ขอนแก่น #เขาใหญ่ #Bigmountain #เฉียงเหนือเฟส #CATEXPOขอนแก่น #PainttheTownConcert #MARKTUAN #SoundkaenMusicFestival #YAMS

เมื่อพูดถึงภาคอีสาน นึกถึงอิหยังแหน่ ?  Soft Power อีสานสไตล์ ที่ใคร ๆ บ้ควรมองข้าม

เมื่อพูดถึงภาคอีสาน นึกถึงอิหยังแหน่ ?  Soft Power อีสานสไตล์ ที่ใคร ๆ บ้ควรมองข้าม   อีสานทุกวันนี้ เป็น Soft Power ได้ในระดับโลก ในปัจจุบันที่ทุกประเทศหันมาแข่งขันกันสร้างพลังอ่อน หรือ Soft Power  ถ้า soft power ของเกาหลีคือซีรีย์ ภาพยนตร์และเพลง K-Pop สหรัฐฯ อเมริกามีภาพยนตร์และเพลง ญี่ปุ่นมีอนิเมะและมังงะ ส่วนประเทศไทย นอกจากมวย วิชานวด ก็มี ‘ความอีสาน’ นี่แหละที่เป็นอีก Soft Power น่าสนใจของประเทศ ทั้งในแง่ศิลปะวัฒนธรรม ภาษาถิ่นและวิถีชีวิต เพราะทุกวันนี้ภาคอีสานของไทยได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งอาหารจานเด็ดอย่างส้มตำและลาบ ที่แม้แต่เชฟระดับโลกพยายามปรับปรุงสูตรอย่างไร ก็ดูไม่แซ่บเท่าชาวอีสานตำเอง   วัฒนธรรมดนตรี และการทอผ้าทั้งผ้าไหมมัดหมี่ยกดอก ผ้ากาบบัว หรือที่โด่งดังไปทั่วโลกล่าสุด และอีกมากมายที่ทุก ๆ ท้องถิ่นของอีสานมีเทคนิคและงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะมีอะไรกันอีกบ้าง มาดูกันเลยค่า ~   อ้างอิงจาก:  GDH559, Agenda, trueid, Youtube, Creative Economic Agency, BangkokPost, PositioningMag, Brandinside, BLTbangkok, Springnews    ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/   Website : https://isaninsight.kku.ac.th   Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #SoftPower 

พามาฮู้จัก “BEARHOUSE” ชานมไข่มุกที่กำลังรุกตลาดอีสาน

BEARHOUSE คือ ร้านชานมไข่มุกเปิดใหม่ย่านสยามสแควร์ของยูทูบเบอร์ชื่อดังเจ้าของแชนเนล Bearhug อย่าง คุณซาน–ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และ คุณกานต์–อรรถกร รัตนารมย์ โดยจุดเด่นของร้านอยู่ที่ไข่มุกโมจิเคี้ยวหนึบหนับที่เขาและเธอคิดสูตรและผลิตขึ้นโดยมีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ จุดเริ่มต้นของ “BEARHOUSE” เป็นอย่างไร? ย้อนกลับไปถึงวันที่คุณซานที่ชื่นชอบชานมไข่มุกเจ้าหนึ่งที่เคยได้ชิมที่ต่างประเทศมาก และอยากกินรสชาตินั้นทุกวัน จนถึงขั้นติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์มาเปิดในประเทศไทย แต่คำพูดที่ว่า “ทำไมเราถึงไม่ทำชานมไข่มุกแบรนด์คนไทยให้คนต่างชาติต่อแถวซื้อบ้าง ทำไมเราถึงไม่ส่งออกของไทยบ้าง” ของคุณกานต์ หุ้นส่วนคนสำคัญของร้านนี้ ก็ทำให้คุณซานฉุกคิดและมีภาพร้านชานมไข่มุกของตัวเองปรากฏขึ้นในใจ คุณซานใช้เวลาพัฒนาสูตรต่างๆนานถึง 6-7 เดือน ก่อนจะเกิดเป็น “BEARHOUSE” เป้าหมายของ “BEARHOUSE” ในอนาคต ปี 2566 นี้วางแผนที่จะขยายร้านเพิ่มอีก 10 สาขา เพื่อให้สิ้นปีนี้มีครบ 33 สาขาในไทย จากขณะนี้ 23 สาขาโดยดำเนินการเองทั้งหมดไม่มีการขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด ยังคงเน้นไปที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคอีสานมากขึ้น เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เน้นเปิดตามศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ มากกว่าเปิดแบบสแตนด์อโลน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเริ่มขยายไปทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้เช่น หาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกันภายในปี 2568 ซึ่งเอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นรูปแบบใดดี การขายลิขสิทธิ์แฟรนไชส์กับการหาผู้ร่วมทุน ส่วนแผนระยะยาว ตั้งเป้าเปิดร้านแบร์เฮาส์ให้ได้รวมในไทย 109 สาขา ภายในปี 2571 และมีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้นด้วย เบื้องต้นมองไปที่ตลาด MAI ก่อน ในส่วนยอดขายที่ผ่านมา ในปี 2562 มีประมาณ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 82 ล้านบาท ในปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 104 ล้านบาท ในปี 2564 ส่วนปี 2565 ทำได้ 210 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากถึง 79% ซึ่งผู้บริหารทั้งสองยืนยันว่า เป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชาในไทย ซึ่งการเติบโตเป็นผลมาจากการที่ขยายสาขามากขึ้น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเมนูใหม่ๆต่อเนื่อง และการมีผลิตภัณฑ์อื่นๆเพิ่มเติม จำหน่ายในร้าน เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลาย ทั้งนี้ยอดขายเฉลี่ยของร้านแบร์เฮาส์มีประมาณ 8,000 แก้วต่อวัน แบ่งเป็น ซื้อหน้าร้านหรือวอล์กอิน 60% และดีลิเวอรี่ 40% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – ผู้จัดการออนไลน์ – a day ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : …

พามาฮู้จัก “BEARHOUSE” ชานมไข่มุกที่กำลังรุกตลาดอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง อาณาจักร เต่าบิน ในภาคอีสาน

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น FSMART เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเดินหน้าในการขยายตู้อัตโนมัติ เครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า “GINKA Charge Point” รวมถึงตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยวางแผนจะตั้งตู้เต่าบินให้ได้ 1 หมื่นตู้ ภายในสิ้นปีนี้ โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของตู้เต่าบิน พบว่า มีจำนวนยอดขายเครื่องดื่ม อยู่ที่ 19.56 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 9.95 ล้านแก้ว โดยมียอดขายอยู่ที่ 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 346 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายจุดติดตั้งในพื้นที่ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีให้บริการอยู่ 6,142 ตู้ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) จากแผนที่วางไว้ปีนี้ที่ 8,500-10,000 ตู้ ทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนให้กลุ่มลูกค้าประจำ และเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าถึงบริการ และมีโอกาสซื้อเครื่องดื่มจากตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 26.71% ของ FSMART ที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัทมีรายได้ 509 ล้านบาท ลดลง 0.2% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และลดลง 12.7% เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะลดลง แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคของกลุ่มที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางยังไม่มาก จากราคาสินค้าที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ยอดเติมเงินไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่บริษัทยังสามารถรักษายอดใช้บริการและฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไรสุทธิ 74.32 ล้านบาท ลดลง 4.3% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากยอดเติมเงินที่ลดลงเล็กน้อย และจากการรับรู้กำไรส่วนได้เสียจากเงินลงทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อ้างอิงจาก: – TAO BIN – THAIRATH Money ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #TAOBIN #เต่าบิน

Scroll to Top