Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

เมื่อ “ลอตเตอรี่” เป็นการออมของคนจน

หลายคนรู้ดีว่าควรออมเงินให้ได้ 1 ใน 4 ของรายได้แต่ละเดือน แต่ก็ต้องยอมรับว่ารายจ่ายที่มีทุกเดือนนั้นมีพอ ๆ กับรายได้ แล้วจะเก็บออมได้อย่างไร ในเมื่อไม่เหลือเงินให้เก็บ หรือเหลือเก็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น . ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนในปี 2560 พบว่าครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมักจะแบ่งรายได้ในแต่ละเดือนไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นสัดส่วนที่มากกว่าครัวเรือนรายได้สูง ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวล . ในปี 2563 อีสานมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากที่สุดในประเทศ เมื่อเทียบกับรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนทั้งหมด รองลงมาเป็น ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพฯ และ 3 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ตามลำดับ . การที่ผู้มีรายได้น้อย แต่ชอบเล่นลอตเตอรี่ กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ มีหลายงานวิจัยพบว่า ลอตเตอรี่รัฐบาลมีลักษณะเป็นภาษีอัตราถดถอย กล่าวคือผู้มีรายได้น้อยจ่ายเงินให้กับรัฐบาลในสัดส่วนต่อรายได้ที่สูงกว่าผู้มีรายได้มากกว่า . ทำให้นักเศรษฐศาสตร์และนักจิตวิทยาต่างพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อจะนำไปสู่นโยบายที่สามารถลดการซื้อลอตเตอรี่ของคนจนได้ . จากการศึกษาของหลายท่าน สรุปว่าการที่คนจนชอบเล่นลอตเตอรี่มากกว่าคนรวยนั้นอาจเกิดจากความรู้สึกด้อยกว่า และต้องการขยับฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้หนีจากความยากจนได้ เนื่องจาก “ลอตเตอรี่” เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ “เกม” ที่คนจนจะมีโอกาสชนะพอ ๆ กับคนรวย . อย่างไรก็ตามการซื้อลอตเตอรี่ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล หรือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเสมอไป แต่ยังเป็นเหมือนกับคนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อความบันเทิงรูปแบบอื่น เพราะนอกจากจะได้ลุ้นว่า จะถูกรางวัลหรือไม่ ก็ยังมีความสุขที่ได้หวังว่าตนเองจะหลุดพ้นจากความยากจน แม้โอกาสที่ว่านั้นจะมีไม่มากในความเป็นจริงก็ตาม . ทำอย่างไร…? ให้ผู้บริโภคไม่ซื้อลอตเตอรี่มากเกินไปจนกระทบชีวิตความเป็นอยู่ ต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ . 1. มีข้อมูลหรือความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคมีการประเมินโอกาสที่จะถูกลอตเตอรี่มากเกินไปจากความจริง (Overestimate) จนนำไปสู่พฤติกรรมซื้อมากเกินไป โดยข้อมูลความรู้ที่ควรมี เช่น หลักความน่าจะเป็น พร้อมความเข้าใจที่ถูกต้องว่าการซื้อเลขเดิมซ้ำ ๆ กันในทุกงวดไม่ได้ทำให้โอกาสถูกรางวัลมีมากขึ้น เป็นต้น . 2. มีทักษะในการควบคุมตนเอง หากขาดทักษะนี้เมื่อถูกล่อด้วยสิ่งเร้าอย่างลอตเตอรี่ ก็มีแนวโน้มที่จะไร้ซึ่งการคิดไตร่ตรองให้ดี ไม่นำความรู้ของตนมาใช้ในการตัดสินใจ และไม่ได้คำนึงทางเลือกอื่นอย่างครบถ้วน จึงพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อใจนั้นในที่สุด เกิดเป็นพฤติกรรมซื้อของโดยฉับพลัน (Impulse buying) . แนวทางในการแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวที่ควรทำคือ การส่งเสริมความรอบรู้ทางการเงิน (Financial literacy) พร้อมความรู้ที่อื่น ๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลตอบแทนของลอตเตอรี่ที่ถูกต้อง ผลเสียของการติดลอตเตอรี่ แก้ไขความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง โดยอาจจะเป็นในรูปแบบของการอบรม การเข้าไปพูดคุย การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ . ส่วนในด้านทักษะการควบคุมตัวเองนั้น มีเครื่องมือที่เรียกว่า Commitment device หรือการชักชวนให้กลุ่มเป้าหมายตั้งเป้าหมายขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และอาจมีผลลัพธ์บางอย่างเกิดขึ้นหากทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่สามารถทำได้ตามที่ได้ตั้งใจไว้ เช่น จะไม่ซื้อลอตเตอรี่เกิน 160 บาทต่อเดือน หากทำไม่สำเร็จ จะบริจาคเงินให้กับวัด 50 บาท . อีกมาตรการคือ การทำให้ผู้ซื้อตระหนักถึงทางเลือกอื่นที่น่าจะคุ้มค่ากว่า เช่น …

เมื่อ “ลอตเตอรี่” เป็นการออมของคนจน อ่านเพิ่มเติม »

น้องหล่า จากวงดนตรีกลางคืน สู่ยูทูบเบอร์หน้าใหม่ถิ่นอีสาน

คุณเคยคิดไหมว่า จะมีวงดนตรีวงไหน “กล้าออกชื่อเพลง ก่อนชื่อวง” . ฟังครั้งแรกเราเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่เพราะความอินดี้อะไรหรอก มันเริ่มมาจาก “การอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ” แล้ว “ลงมือทำเลย” ซึ่งถ้าถามถึงความพร้อม นอกจาก “ความสามารถทางดนตรี” ของพวกเขาแล้ว อุปกรณ์ทำเพลงก็ใช้เท่าที่หาได้ . แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า การคิดแล้วรีบลงมือทำของกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 19-20 ปี ในวันนั้น จะทำให้เพลงแรกอย่าง “น้องหล่า” ที่เป็นเพียง Audio ดังเป็นพลุแตก มียอดวิวบน YouTube แตะล้านวิวในระยะเวลาไมกี่เดือน (ปัจจุบัน 87.3 ล้านวิว) จนต้องกลับมาคิดเรื่องชื่อวงในภายหลัง . วง “น้องหล่า” (ที่ตั้งชื่อวงมาจากชื่อเพลงแรก) วงดนตรีป็อปร็อก ผสมกลิ่นอาย “ความเป็นอีสาน” เข้าไปอย่างไม่ขัดเขิน นำโดย น๊อต (นักร้องนำ), แซค (เล่นกีตาร์ไฟฟ้า), นอร์ท (มือเบส), เนส (มือคีย์บอร์ด), กำปั้น (เล่นกีตาร์ไฟฟ้า) และเดฟ (ตีกลอง) . . จุดเริ่มต้นของวงและการทำเพลงคืออะไร? . “เริ่มจากช่วงที่พวกเราเรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตอนนั้นผม (มือกีตาร์) กับนักร้อง มีความคิดที่จะทำเพลง โดยมองว่าเพลงในตลาดมีแต่ลูกทุ่ง ไม่ค่อยมี ‘ป็อปร็อก’ บวกกับเราชอบฟัง ‘หมอลำ’ และมีพื้นฐานดนตรีพื้นบ้านอีสานกันอยู่แล้ว จึงอยากคอนทราสต์ 2 อย่างเข้าไว้ด้วยกัน” . “เราจึงไปชวนเพื่อนในคณะมาทำดนตรี เริ่มจากแค่ท่อนฮุก แล้วค่อยปรับใส่เนื้อร้องที่เหลือลงไป แม้จะใช้ทำนองลำซิ่งและภาษาอีสาน แต่ก็มีการสลับใช้ภาษากลาง เพราะอยากให้คนภาคอื่นไม่ใช่แค่อีสานฟังได้ด้วย” . “สิ่งที่อยากสื่อก็คือ กระบวนการที่นำเอาเพลงป็อปสมัยใหม่มาผสมกับความเป็นอีสาน จึงออกมาเป็นเพลง ‘น้องหล่า’ ที่หลายคนรู้จัก หลังจากนั้นก็มีเพลง ผู้สาวครับ, คนใจร้าย, เธอมีแฟน และล่าสุด ขอพื้นที่ให้คนเจ็บ ครับ” . . วงดนตรี ที่แม้แต่คนฟังก็ยัง ‘ไม่รู้ว่าใครเป็นนักร้อง’ ! . “ใช่ครับ ด้วยเพลงแรกที่ปล่อยออกมาเป็นเพียง Audio และไม่ได้ใส่ชื่อวง ตอนขึ้นคอนเสิร์ตแรกในฐานะวงดนตรีที่ชัยภูมิ คนดูส่วนใหญ่แทบจะไม่มีใครรู้จักเราเลย แต่รู้จักเพลง และร้องตามได้ จะพูดว่าเพลงดังกว่าคนก็ได้ครับ” . . ทำไมถึงเลือกทำค่ายเพลงอิสระ? . “ตรงนี้เป็นการตัดสินใจของวงครับ ตอนที่มีค่ายเพลงใหญ่ติดต่อมาขอเซ็นสัญญา ภายใต้เงื่อนไขว่า ต้องลบเพลงเก่าของวงออกจากทุกแพลตฟอร์มที่มี เพื่อนำไปลงช่องของเขา จะว่าเป็นความเสียดายหรือศักดิ์ศรีก็ไม่รู้เหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำค่ายเพลงเล็ก ๆ ขึ้นมาเอง ปัจจุบันก็มี 1 วงดนตรี และศิลปินเดี่ยวอีก 1 คน” …

น้องหล่า จากวงดนตรีกลางคืน สู่ยูทูบเบอร์หน้าใหม่ถิ่นอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อีสานได้ประโยชน์อะไรจาก “ไฮสปีด จีน-ลาว”

นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน สำหรับไฮสปีด จีน-ลาว ที่จะเริ่มเปิดวิ่งอย่างเป็นทางการในวันชาติลาว 2 ธันวาคมนี้ ซึ่งในอนาคตจะเป็นเส้นทางเชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน . ระบบรางถูกออกแบบให้สามารถรองรับรถไฟความเร็วสูงที่ใช้ความเร็วได้มากกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ว่าในส่วนของลาวจะเป็นขบวนรถที่ใช้ความเร็วเพียง 160-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับขบวนผู้โดยสาร และไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับขบวนสินค้า . มีระยะทางรวม 414 กม. ทั้งหมด 31 สถานี เริ่มต้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เชื่อมต่อที่เมืองบ่อเต็น สปป.ลาว มีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ใกล้กับจังหวัดหนองคาย . ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน อยู่ระหว่างก่อสร้าง ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. กำหนดเปิดให้บริการปี 2569 สำหรับระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กม. ปัจจุบันได้ออกแบบรายละเอียด โดยมีกำหนดเปิดให้บริการปี 2571 พร้อมหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย (ไทย-ลาว-จีน) เพื่อเตรียมการเดินรถเชื่อมต่อไทย-ลาว-จีนต่อไป . การที่เส้นทางรถไฟจีน-ลาว ที่มีปลายทางใกล้กับจังหวัดหนองคายนั้น จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยให้สามารถส่งสินค้าไปลาวและจีนได้เพิ่มขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษาสั้น สามารถกระจายไปยังมณฑลต่าง ๆ ของจีนได้อย่างทั่วถึงในระยะเวลาอันสั้น . นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจีนและลาว จะมาเที่ยวไทยได้สะดวกขึ้น มนนิภา โกวิทศิริกุล ประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย มั่นใจว่ารถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว จะทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วงแรกจะเป็นการขนส่งสินค้ามาจากจีนก่อน สำหรับผู้โดยสารนั้นจะต้องรอให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย . การขนส่งสินค้าแบบเดิมนั้น จะเป็นในรูปแบบทางอากาศกับทางเรือ แต่หลังจากมีรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวแล้ว นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุดรธานี และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หอการค้าไทย ชี้ว่าจะทำให้การขนส่งสินค้าของไทยเป็นไปได้มากขึ้นกว่าเดิม . อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเรื่องสินค้าจากจีนจะทะลักเข้าไทย อาจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการของไทย เนื่องจากสินค้าจากจีนมีราคาถูก จึงต้องดูว่าสินค้าที่จะส่งมาจากจีนเป็นสินค้าประเภทใด หากเป็นสินค้าที่ผลิตในไทยได้ ทางรัฐบาลก็ต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้สินค้าจากจีนมาตีตลาดสินค้าไทย . . ที่มา BBC NEWS, Thairath Online และฐานเศรษฐกิจ . . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน

เพราะอยู่นอกสายตา ขนส่งสาธารณะจึงไปไม่ถึง

การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นรอรถนาน รถติดแหง็กระหว่างทาง ความแออัดเบียดเสียดภายในรถ หรือต้องต่อรถหลายต่อกว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทาง . เมื่อเทียบกับต่างจังหวัดแล้ว กรุงเทพฯ ก็ยังดีกว่าตรงที่มีรถโดยสารสาธารณะให้ใช้ เพราะในต่างจังหวัดโดยเฉพาะหลาย ๆ อำเภอที่อยู่ห่างจากตัวเมือง กลับยังไม่มีรถสาธารณะให้ใช้อย่างทั่วถึง . การมีรถยนต์ส่วนตัว แม้จะสะดวกสบาย แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าประกัน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาด และค่าซ่อมบำรุง . ส่วนถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ยิ่งไปกันใหญ่ มันไม่ใช่แค่เรื่องของความลำบากทางกายภาพ แต่ยังรวมไปถึงการสูญเสียเวลาและโอกาสในการพัฒนาชีวิตในด้านอื่น ๆ เช่น การเข้าถึงบริการทางการศึกษา การรักษาพยาบาล หรือการเข้าถึงสิ่งจรรโลงใจ ‘แบบคนเมือง’ . สาเหตุที่ระบบขนส่งไม่ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ หรือถ้ามีก็มักเป็นเอกชนจัดสรรให้ ซึ่งความถี่ก็จะน้อยตามมา หรือที่มักมีปัญหาอยู่บ่อย ๆ อย่าง การทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง ล้วนมาจาก ‘กิจการที่ทำแล้วไม่คุ้มทุนหรือขาดทุน’ นั่นเอง . เพราะขนาดขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เราเห็นคนใช้กันเป็นจำนวนมาก ก็ขาดทุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี แต่ที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ได้ก็เนื่องมาจากมีภาครัฐคอยสนับสนุน และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้ . ทำให้หลายจังหวัดต่างพากันล้มเลิกความคิดที่จะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยในส่วนนี้ แล้วพยายามผลักดันตนเองให้เป็นเมืองท่องเที่ยว แม้แต่การท่องเที่ยววิถีชุมชน เพื่อให้เอกชนกล้าที่จะเข้ามาลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้คนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ผู้คนก็สามารถใช้รถเหล่านี้สัญจรเข้าออกหมู่บ้านร่วมด้วยได้ . แต่โมเดลนี้ใช้ไม่ได้กับภาคอีสาน เพราะถ้าลองไปดูข้อมูลทางสถิติที่ผ่านมาจะพบว่า รายได้หลักของภูมิภาคไม่ได้มาจากการท่องเที่ยว แม้มีแหล่งท่องเที่ยวในเชิงโบราณสถาน-แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจำนวนมาก แต่กลับสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3 % ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งประเทศ และส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศด้วย . ทั้งนี้ รายได้หลักจะมาจากภาคบริการ ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร . อย่างไรก็ตาม การที่อีสานเป็นพื้นที่โครงข่ายที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS : Greater Makong Sub-region) ได้แก่ ลาว เมียนมา และจีน อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมไปยังเมืองคุนหมิงทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง One Belt, One Road ที่เชื่อมโยงทางการค้าใหม่ของจีนไปยังยุโรป . เชื่อมโยงกับแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) หรือเส้นทาง R2 ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญที่สามารถเดินทางเชื่อม 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ลาว ไทย และเมียนมา ไปยังประเทศอินเดียได้ . ทำให้หลายปีที่ผ่านมาเรามักเห็นภาครัฐพยายามทุ่มงบไปกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งสินค้าตามชายแดนและระบบขนส่งสาธารณะตามหัวเมืองเศรษฐกิจของภูมิภาค (Big Four of Isan) อย่าง นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี . ปัจจุบัน Big Four of Isan จึงมีรถโดยสารครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่เมืองจนไปถึงสามารถเชื่อมต่อระหว่างอำเภอได้ …

เพราะอยู่นอกสายตา ขนส่งสาธารณะจึงไปไม่ถึง อ่านเพิ่มเติม »

มรดกแห่งภูมิปัญญา ต่อยอดผ้าไทยจากพื้นเมืองสู่สากล

นับเป็นปีที่ 3 แล้ว สำหรับโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ . เปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่และผู้ประกอบการได้สร้างสรรค์พัฒนาผ้าไทย ให้ได้รับความนิยมในระดับสากล ส่งเสริมการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากผ้าไทยและเครื่องนุ่งห่มให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคและนำมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน . ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงวัฒนธรรม คือการต่อยอดวัฒนธรรมด้วยการนำคุณค่าของวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์สินค้าและบริการ (Creative Culture) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรม . โดยสนับสนุนการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5F ประกอบด้วย Film, Food, Festival, Fashion และ Fighting ส่วนในเรื่อง Fashion (การออกแบบและแฟชั่น) เป็นการบูรณาการและร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน . . ซึ่งในปี 2562 จัดขึ้นเป็นปีแรกนั้น มีผู้ประกอบการ 7 ชุมชน ที่ประสบความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไปต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานลูกค้าออกไปสู่ต่างประเทศ การมียอดการสั่งผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น . การพัฒนาลวดลายบนผืนผ้าใหม่ ๆ การวางลายผ้าให้มีความทันสมัย มีความโดดเด่น เพิ่มมูลค่าให้กับผลงาน รวมถึงการได้รับเชิญเข้าร่วมงานแสดงเครื่องแต่งกายในงานแฟชั่นที่ต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสาธารณรัฐออสเตรีย . รวมไปถึงการต่อยอดกับเทคโนโลยีเกิดเป็นนวัตกรรมเส้นใยผ้า ส่งผลให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การกำจัดและปกป้องกลิ่นกาย ป้องกันรังสียูวี เนื้อผ้าไม่ยับง่าย ดูแลรักษาง่าย และสวมใส่สบาย มีรายได้ทั้งจากงานหัตถกรรมและนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ้าในมิติผ้าไทยอีกด้วย . . ในปี 2563 ได้ทำงานกับชุมชนถึง 14 ชุมชนทั่วประเทศไทย โดยนายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ WISHARAWISH เผยว่า ในคอลเลกชั่น Post-Wore Delicacies (โพส วอร์ เดลิเคซี่) ดีไซน์ของเสื้อผ้าจะค่อนข้างเบสิก เน้นไปที่แมททีเรียล โดดเด่นด้วยนวัตกรรมเส้นใยที่เรียกว่า FILAGEN (ฟิลาเจน) และ Nanozinc (นาโนซิงค์) พยายามดึงจุดเด่นของแต่ละที่ออกมา ทำให้งานมีความน่าสนใจมากขึ้น และตรงตามความต้องการของตลาด . นอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาและช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษา เพื่อสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่นคงผ่านแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมภายในชุมชน กลุ่มที่ทอผ้าหรือผู้ประกอบการทั้ง 14 ชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน ได้แก่ . – ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ จุฑาทิพ จังหวัดขอนแก่น – ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข จังหวัดขอนแก่น – ไหมแต้มหมี่ กลุ่มสตรีทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น – ผ้าขาวม้า อิมปานิ จังหวัดราชบุรี – ผ้าฝ้ายทอมือ คอตตอนฟาร์ม จังหวัดเชียงใหม่ – เรือนไหมใบหม่อน จังหวัดสุรินทร์ …

มรดกแห่งภูมิปัญญา ต่อยอดผ้าไทยจากพื้นเมืองสู่สากล อ่านเพิ่มเติม »

หนี้ครัวเรือนไทย เพิ่มขึ้นทั้งสัดส่วนของครัวเรือนและจำนวนหนี้ หวั่นอีสานครองแชมป์อีกปี

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้เปิดเผยผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน​ ปี 2564 (ในช่วง 6 เดือนแรก) โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ค่าใช้จ่าย และภาวะหนี้สินของครัวเรือน สรุปได้ดังนี้ . 1. ครัวเรือนทั่วประเทศ มีรายได้ทั้งสิ้นเฉลี่ยเดือนละ 28,454 บาท . ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการทำงาน 18,888 บาท (คิดเป็น 66.4%) ประกอบด้วย ค่าจ้างและเงินเดือน 12,052 บาท, กำไรสุทธิจากการทำธุรกิจ 4,607 บาท และกำไรสุทธิจากการทำการเกษตร 2,229 บาท . รองลงมาเป็นรายได้ที่ไม่ใช่ตัวเงิน ซึ่งอยู่ในรูปสวัสดิการ/สินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ได้รับมาโดยไม่ต้องซื้อ 4,879 บาท (17.1%), รายได้จากเงินที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐหรือบุคคลอื่นนอกครัวเรือน 4,080 บาท (14.3%) และรายได้ไม่ประจำและจากทรัพย์สิน 607 บาท (2.2%) . เมื่อพิจารณารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนปี 2554 ถึง 2564 จะพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 23,236 บาท ในปี 2554 เป็น 26,946 บาท ในปี 2560 และลดลงในปี 2562 เหลือจำนวน 26,018 บาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก่อนจะกลับมาเพิ่มขึ้นในปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการช่วยเหลือต่าง ๆ ที่รัฐอุดหนุน ทั้งที่รัฐจ่ายเงินเข้าบัญชีให้แก่ประชาชน และการอุดหนุนในรูปแบบที่ไม่เป็นตัวเงินผ่านแอปพลิเคชัน คูปอง หรือในรูปแบบการลดค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า เป็นต้น . 2. ครัวเรือนทั่วประเทศ มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นเฉลี่ยเดือนละ 22,325 บาท . ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค 19,353 บาท (คิดเป็น 86.7%) ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคที่ครัวเรือนซื้อหรือจ่ายเงินเอง 14,676 บาท และค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคที่ครัวเรือนไม่ได้ซื้อหรือจ่ายเงินเอง ซึ่งรวมไปถึงโครงการต่าง ๆ ของรัฐ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง เราชนะ หรือแม้แต่การลดค่าสาธารณูปที่เป็นค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า เป็นต้น 4,678 บาท . ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค (เช่น ค่าภาษี ของขวัญ เบี้ยประกันภัย ซื้อสลากกินแบ่ง/หวย ดอกเบี้ย เป็นต้น) 2,972 บาท (13.3%) เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนปี 2554 …

หนี้ครัวเรือนไทย เพิ่มขึ้นทั้งสัดส่วนของครัวเรือนและจำนวนหนี้ หวั่นอีสานครองแชมป์อีกปี อ่านเพิ่มเติม »

ตลาดเกษตรออนไลน์ยุคใหม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน “สื่อออนไลน์” ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อเราในทุกขณะ ตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอน สถิติผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี สูงถึง 47.5 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 66.4 ล้านคน ซึ่งมีกิจกรรมการซื้อขายผ่านบริการออนไลน์มากถึง 57 % เลยทีเดียว . “การตลาดออนไลน์” กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เช่นนี้ที่คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ ทำให้ยุคนี้เป็นยุคทองของการค้าขายออนไลน์อย่างแท้จริง . อาชีพเกษตรกรเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่ต้องประสบปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ จึงก่อให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนกระทบเป็นวงกว้างทั่วทุกภูมิภาค แม้จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่หลายรายไม่สามารถนำออกสู่ตลาดเพื่อจัดจำหน่ายได้ . ข้อดีของการนำผลผลิตทางการเกษตรเข้าสู่ตลาดออนไลน์ คือ เกษตรกรสามารถนำผลผลิตที่ได้สู่ตลาดและผู้บริโภคได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และยังสามารถวิเคราะห์การตลาดที่เกี่ยวกับผลผลิตได้มากขึ้น . ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้รับผลผลิตจากเกษตรกร เป็นการการันตีเรื่องคุณภาพได้อีกทางหนึ่ง นับได้ว่าเกษตรกรออนไลน์นั้นลงมือเพาะปลูกเอง ขายเอง สามารถกำหนดราคาสินค้าเองได้ โดยไม่ผ่านตลาดหรือพ่อค้าคนกลาง เป็นการลดต้นทุนเพิ่มกำไร ได้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง . . 4 เว็บไซต์ที่น่าสนใจในการซื้อขายสินค้าเกษตรออนไลน์ . 1. DGTFarm เป็นตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรออนไลน์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้เกษตรชุมชนเติบโต และยังเป็นช่องทางขายสินค้าเกษตรปลอดสารพิษด้วย ซึ่งเกษตรกรสามารถนำสินค้ามาวางขายบน DGTFarm ได้ 9 ประเภท ได้แก่ ข้าวและธัญพืช ผัก ผลไม้ สินค้าแปรรูป ไข่ ประมง ปศุสัตว์ เครื่องสำอาง และพืชสมุนไพร Website : https://www.dgtfarm.com . 2. FarmTo เป็นชุมชนสินค้าเกษตรออนไลน์ที่ส่งเสริมเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังเป็นพื้นที่ให้เกษตรกรได้มาเจอกัน และช่วยให้เกษตรกรตามชุมชนต่าง ๆ ได้มีพื้นที่ขายสินค้าเกษตรให้เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง Website : https://farmto.co.th . 3. ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com เป็นสื่อกลางในการนำสินค้าเกษตรคุณภาพดี มุ่งเน้นให้เกษตรกร และสหกรณ์ที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด มีช่องทางการตลาดที่เหมาะสมกับสินค้า และกลุ่มผู้บริโภค Website : https://www.xn--12ca9cdcza1fboh6b4ca0evmxcuh.com/ . 4. Seedforest เป็นแหล่งซื้อขายสินค้าเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ยืนต้น เมล็ดพันธุ์ ผลไม้ ผักสวนครัว สมุนไพร พืชหายาก พืชกินแมลง เป็นต้น นอกจากเกษตรกรแล้ว Seedforest ยังเป็นเว็บไซต์ที่เปิดกว้างให้คนทั่วไปทุกคนสามารถนำสินค้าเกษตรอะไรก็ได้มาวางขายบนเว็บไซต์ ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางในการหารายได้เสริม กับกลุ่มคนทั่วไปที่ชอบปลูกพืชผลทางเกษตรไว้ที่บ้านอีกด้วย Website : https://seedforest.co.th . อย่างไรก็ตามการเปิดตลาดออนไลน์จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการทำตลาดสินค้าเกษตรให้มีความหลากหลาย ทันสมัย ทั้งยังพัฒนาขีดความสามารถด้านการค้าแก่เกษตรกรมากขึ้น ผู้บริโภคเองก็ได้รับความสะดวกสบาย ในการเลือกซื้อสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปได้ทุกที่ทุกเวลา . #ISANInsightAndOutlook . . อ่านเพิ่มเติม https://www.tot.co.th/blogs/detail/ดิจิทัลทิปส์/2020/08/26/farmer-online https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/937367 https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/821402

“ดนตรีอีสาน” ศิลปะพื้นบ้านสืบสานความเป็นอมตะ

“ละพอแต่เปิดผ้าม่านกั้ง ผ้าม่านกั้ง! สาวหมอลำสิพาม่วนนน” ดนตรีที่คุ้นหูผสมผสานกับเนื้อร้องที่ใช้ภาษาอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คงบ่งบอกได้แน่ชัดว่าเพลงนี้แฝงไปด้วยศิลปะพื้นบ้านที่มีต้นกำเนิดมาจากภาคอีสาน ที่หากใครได้ฟังคงไม่เป็นอันนั่งติดอยู่กับพื้น ที่นอกจากจะช่วยปลดปล่อยอารมณ์ ให้รู้สึกสนุนสนาน ผ่อนคลาย ให้กับผู้ที่ได้ฟังแล้วนั้น ยังช่วยถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกของผู้แต่ง สะท้อนความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นภาษากลางที่เป็นตัวช่วยในการสื่อสารกันไปทั่วโลกได้ดีอีกภาษาหนึ่ง . ดนตรีอีสานก็เช่นกัน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของท่วงทำนองที่เปล่งออกมาผ่านทางเครื่องดนตรี พิณ โหวต แคน โปงลาง เนื้อร้องหรือแม้แต่ลักษณะสำเนียงในการขับร้อง ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสนุกสนาน ความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหาร ความมีชีวิตชีวา ความคิดถึงห่วงหาอาวรณ์ ส่งผลให้สิ่งนี้แฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน . รวมถึงการเล่าเรื่องราวหรือนิทานต่าง ๆ ให้น่าสนใจ สนุกสนาน ประกอบกับดนตรีทำนองอีสานที่สอดแทรกเสียงแคนเข้าไปเป็นจังหวะที่ผู้เล่าเป็นผู้ที่ชำนาญในการขับร้อง สามารถเรียกรูปแบบนี้ได้ว่า “หมอลำ” ชื่อที่หลายคนรู้จักกันดี . ในช่วงต้นหมอลำเป็นการเล่าเรื่องตามพงศาวดาร ประวัติศาสตร์ นิยายปรัมปรา เช่น เล่าเรื่องพื้นเพบ้านของตน พัฒนาต่อยอดจนสามารถแตกแขนงออกเป็นหมอลำหลายประเภท ทั้งลำกลอน ลำเพลิน ลำชิงชู้ ฯลฯ และเริ่มนำหมอลำเข้ามาเล่าเรื่องราวความทุกข์ การต่อต้านผู้ปกครอง ผ่านทำนองที่มีเนื้อหาไพเราะ ลึกซึ้ง คมคาย ทั้งนี้โอกาสที่จะมีการแสดงหมอลำ คือ งานบุญต่าง ๆ งานศพ งานรื่นเริงในหมู่บ้าน และงานฉลองช่วงออกพรรษา เป็นต้น . สิ่งหนึ่งที่ทำให้ดนตรีอีสานยังคงอยู่ได้ คงหนีไม่พ้นการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยต่าง ๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก จนเกิดเป็นแนวเพลงไทยสากลหรือที่รู้จักกันในนาม “เพลงลูกทุ่ง” . เพลงลูกทุ่งเป็นการนำการร้องรำทำเพลงของไทยดั้งเดิม มาดัดแปลงใส่กับดนตรีที่ใช้กับวงสตริงคอมโบเล่น ผสมผสานด้วยท่วงทำนองเพลงสากลเพื่อให้เข้ากับทำนองเพลงพื้นบ้าน โดยเนื้อเพลงที่ใช้จะมีการสอดแทรกความเป็นท้องถิ่นพื้นบ้านลงไปในคำร้อง ทำนอง และการใช้ลูกเอื้อน ลูกเล่น ลีลาของการลำที่มีเฉพาะท้องถิ่น ทำให้เกิดเป็นลูกทุ่งในหลายภูมิภาคตามมา เช่น ลูกทุ่งปักใต้ ลูกทุ่งล้านนา ลูกทุ่งเพื่อชีวิต ลูกทุ่งหมอลำ และลูกทุ่งอีสาน . โดยภาษาที่เพลงแนวลูกทุ่งอีสานใช้ในการร้อง มีคำอีสานปะปนอยู่กับภาษากลาง ประกอบกับสำเนียงในการเอื้อนเสียง คงต้องยอมรับว่าแม้จะใช้เครื่องดนตรีสากลเป็นตัวบรรเลงควบคู่กัน แต่สำเนียงที่ปรากฏออกมาก็ยังคงความเป็นทำนองอีสานบ้านเฮาเช่นเดิม ทั้งนี้เพลงลูกทุ่งอีสานมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และได้นำเอา ทำนองลำ เครื่องดนตรีอีสาน มาใช้เข้ากับเพลง จนเป็นที่มาของ “ลูกทุ่งหมอลำ” ที่ช่วยให้ความบันเทิง ความสนุกสนานเป็นมหรสพในงานประเพณี งานรื่นเริง อีกทั้งยังสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับศิลปิน นักร้อง นักประพันธ์ นักเรียบเรียง และนักดนตรี นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ช่วยผลักดัน ดนตรีอีสานให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเลยก็ว่าได้ . เพลงลูกทุ่งหมอลำ จากลำนำสู่ความนิยมในวงกว้าง . อย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ว่า เพลงลูกทุ่งหมอลำมีส่วนสำคัญในการแพร่กระจาย ดนตรีอีสานให้ไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ เหตุเพราะเนื้อเพลงที่ฟังง่าย ฟังครั้งเดียวก็จำและร้องตามได้ ประกอบกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีตามเมืองที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมเศรษฐกิจต่าง ๆ ส่งผลให้การเข้าไปอยู่ในแหล่งนั้น ๆ สามารถสร้างรายได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก่อให้เกิดการโยกย้ายแรงงานไปยังที่ที่มีความเจริญมากกว่า นักร้องอีสานที่เข้ามาในเมืองจึงมีโอกาสในการทำผลงานเพลงในค่ายใหญ่มากขึ้นโดยสิ่งหนึ่งที่ติดตัวมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เพื่อปลอบโยนหัวใจในวันที่เหนื่อยที่ท้อสิ้นหวังให้สู้ต่อไป คือ ดนตรี . สิ่งนี้เองที่เป็นตัวนำพาให้ …

“ดนตรีอีสาน” ศิลปะพื้นบ้านสืบสานความเป็นอมตะ อ่านเพิ่มเติม »

ส่องเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตามองในยุค Aged Society

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในสัดส่วนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ประเทศไทยเองก็มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นทุกปี และได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี 2564 นี้ คาดว่าประชากรสูงอายุจะเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 5 หรือ 25% ของจำนวนประชากรทั้งหมด . โดยสังคมผู้สูงอายุนั้นถูกกำหนดให้มี 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งจะแบ่งตามสัดส่วนของประชากรในประเทศ ประกอบด้วย . 1. ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) สังคมที่มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 10% หรือมีคนอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 7% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ 2. สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) สังคมที่มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% หรือมีคนอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 14% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ 3. สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (Super-Aged Society) สังคมที่มีคนอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ . สำหรับภาคอีสาน ถือเป็นภาคที่มีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุด ที่ 3.53 ล้านคน รองลงมาคือ ภาคกลาง 3.22 ล้านคน ภาคเหนือ 2.29 ล้านคน ภาคใต้ 1.38 ล้านคน และภาคตะวันออก 0.72 ล้านคน ตามลำดับ . เมื่อผู้สูงอายุเพิ่มจำนวนมากขึ้น สวนทางกับอัตราการเกิดที่น้อยลง ไทยเรามีแนวโน้มจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างมาก . การมองหาช่องทางแห่งโอกาสในการสร้างรายได้ และการเจาะธุรกิจเข้าไปในสังคมสูงวัยถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยขั้นตอนแรกจะต้องเข้าใจเทรนด์ผู้สูงอายุยุคใหม่ก่อน เพื่อทราบถึงความต้องการของคนกลุ่มนี้และนำข้อมูลใหม่ ๆ ที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจในอนาคต . แล้วเทรนด์ธุรกิจที่ว่ามีอะไรกันบ้าง ? . ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มักจะมองหาทำเลในการตั้งคอมมูนิตี้สำหรับผู้สูงอายุเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณ พร้อมออกแบบบ้านพักอาศัยให้มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างครบครัน ซึ่งทำให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านเติบโตขึ้นตามไปด้วย . โดยแต่ละคอมมูนิตี้ยังสามารถเปิดให้บริการทางการแพทย์สำหรับดูแลผู้สูงอายุในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่ออกกำลังกายที่เหมาะกับคนวัยเกษียณ . ธุรกิจด้านการวางแผนทางการเงินหลังเกษียณ ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะทำงานหนัก เก็บเงินตั้งแต่วันทำงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเกษียณ หลายคนเลือกที่จะอยู่เป็นโสด โดยไม่กังวลว่าจะมีลูกหลานมาดูแลในอนาคตหรือไม่ . ธุรกิจวางแผนการเงินจึงเป็นอีกธุรกิจที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มการเติบโตสูง ทั้งด้านการให้คำปรึกษา การลงทุนแบบกองทุนรวมระยะยาว หรือบัญชีเงินฝากที่พ่วงประกันสุขภาพเอาไว้ . ธุรกิจด้านการดูแลผู้สูงอายุ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การดูแลรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคร้ายนั้นนับเป็นเรื่องที่ควรทำมากที่สุด การเปิดคอร์สบริการดูแลสุขภาพที่มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการดูแลสุขภาพทั่วไป หรือการรักษาอาการเจ็บป่วย . ตลอดจนบริการประเภทโฮมแคร์ที่มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาคอยให้การดูแลถึงบ้าน แต่ยังคงได้รับการรักษามาตรฐานเดียวกับสถานพยาบาล …

ส่องเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตามองในยุค Aged Society อ่านเพิ่มเติม »

สารพัดปัจจัยรุมเร้า เตรียมรับมือกับราคาสินค้าและค่าบริการที่อาจสูงขึ้นอีก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทุเลาลง เศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวและมีผลต่อเนื่องให้ความต้องการบริโภคสูงขึ้น เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบจาก 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นมามากกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับที่ภาครัฐต้องออกมาควบคุมไม่ให้น้ำมันกลุ่มดีเซลมีราคาสูงไปกว่าลิตรละ 30 บาท . จากการที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ออกมาเปิดเผยข้อมูล ว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา (ก.ย. 63 – ก.ย. 64) ราคาสินค้าและค่าบริการขยับเพิ่มขึ้น 204 รายการ* เช่น . น้ำมันปาล์ม/ลิตร ราคาเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 47.03 บาท เพิ่มขึ้น 11.11 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า . ข้าวราดแกง/จาน ราคาเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 36.77 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า . ไข่ไก่ เบอร์ 2 /ฟอง ราคาเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 3.79 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า . รวมไปถึงกลุ่มอาหารสดบางรายการ ที่ตอนสำรวจส่วนใหญ่จะมีราคาต่ำกว่าปีก่อน แต่จากผลกระทบของมหาอุทกภัยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังเพิ่มขึ้นอยู่ (ค่าขนส่งแพงขึ้น) ก็ย่อมทำให้ระดับราคาโดยเฉพาะผักและผลไม้ผันผวนไปจากที่คาดการณ์ไว้ได้ . ภาคอีสานสามารถเช็กราคาผักและผลไม้ ได้จากตลาดศรีเมืองทอง (ตลาดกลาง) จ.ขอนแก่น https://web.facebook.com/simuangthong/ . แน่นอนว่าราคาที่สูงขึ้นกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รัฐบาลจึงต้องหาวิธีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไม่ใช่แค่การส่งออก การลงทุน (การเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น) และการท่องเที่ยว (นโยบายเปิดประเทศที่จะเริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้) แต่ยังต้องคำนึงถึงการบริโภคภายในประเทศด้วย . อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ค่าไฟเตรียมปรับขึ้นอีก สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เผยว่า ก๊าซ LNG เชื้อเพลิงหลักของโรงไฟฟ้า ปรับราคาขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี แน่นอนว่าจะกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าโดยตรง . ดังนั้น ไตรมาส 4 / 2564 หากไม่มีมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐที่ส่งผลต่อราคาสินค้าและค่าบริการอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มเติม นอกจากกำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดลงแล้ว เงินเฟ้อก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอีก . . * ราคาสินค้าและบริการที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค การคำนวณดัชนีนี้เกิดจากการเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการ (จำนวน 430 รายการ) ที่จำเป็นต่อการครองชีพ กับราคาในปีฐาน และคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงเป็นอัตราเงินเฟ้อโดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด เดือนกันยายน 2564 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัว1.68% . . อ้างอิง: https://siamrath.co.th/n/290603# https://www.prachachat.net/economy/news-778804 https://www.price.moc.go.th/…/file…/indices_all.pdf

Scroll to Top