Siree Jamsuwan

ปังหลาย “ตำนัว” รุกตลาดเรดโอเชียน  ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023

ปังหลาย “ตำนัว” รุกตลาดเรดโอเชียน  ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023   “ตำนัว” รุกตลาดน้ำปลาร้าสำเร็จรูปส่ง 2 สูตรใหม่เสริมทัพชิงส่วนแบ่งตลาดเรดโอเชียน งัดกลยุทธิ์การตลาดหนุนส่งสาวงามจากจังหวัดสกลนครสู่เวทียูนิเวิร์สชิงมงกุฏนางงามระดับประเทศ Miss Universe Thailand 2023 นางสาวนิภารัตน์ สหเจริญพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยโคริ โนมิโมโน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาร้าปรุงรส “ตำนัว” เผยว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีในการดำเนินธุรกิจผลิตน้ำปลาร้าสำเร็จรูปแบรนด์ “ตำนัว” บริษัทสามารถสร้าการเติบโตและขยายตลาดออกไปได้ทั่วประเทศและต่างประเทศ สร้างยอดขายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านขวด สร้างมูลค่ารายได้กว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันแบรนด์น้ำปลาร้าตำนัวมีวางจำหน่าย 2 สูตรหลัก คือ สูตรดั้งเดิม มี 2 ขนาด คือ 350 มล. และ 1,500 มล. ซึ่งเป็นสูตรที่ขายดีที่สุด เนื่องจากรสชาติที่ถูกปาก นำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย และ สูตรกัญชา เป็นสูตรที่จัดทำพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการความผ่อนคลายแต่ยังคงรสชาติและกลิ่นปล้าร้าอยู่ ซึ่งแบรนด์ของเราสามารถขอใบอนุญาตได้เป็นเจ้าแรกในไทย ใส่ได้กับอาหารทุกอย่าง แกง ตำ ยำ ซึ่งจะมีความเข้มข้นและนัวถูกปากคนไทย   พร้อมกันนี้ยังได้ ฉบับปรับสูตรใหม่ล่าสุด ให้สอดรับความต้องการบริโภคจากลูกค้า คือ สูตรดับเบิ้ลโหน่ง สำหรับกลุ่มลูกค้าสายอีสานฮาร์ดคอร์ ชอบกลิ่นโหน่ง แรงๆ มีกลิ่นเท็กซ์เจอร์ของเนื้อปลาที่ฉุน มีกลิ่นเฉพาะ ซึ่งเป็นสูตรที่ค่อนข้างผลิตยาก ด้วยความซับซ้อนของกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ความเข้มข้น และกลิ่นที่เป็นสูตรเฉพาะตามแบบฉบับของตำนัวเท่านั้น และ สูตรอโรมา กลิ่นไม่แรงมาก สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มลองทานปลาร้า แต่รับรองว่าได้รสนัวไม่แพ้รสอื่นๆ   นอกจากนี้ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคและสร้างประสบการณ์ร่วมกับผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ บริษัทฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดครอบคลุม 360 องศา และร่วมสนับสนุนเวทีการประกวดระดับโลกเพื่อแสดงถึงความเป็นสากลอย่างเวทีมิสยูนิเวิร์สไทย์แลนด์ โดยได้ร่วมเป็น City Director ในเวที MUT Sakon Nakhon ส่งตัวแทนสาวงามจากสกลนครสู้ศึกในระดับประเทศ และพร้อมเสิร์ฟน้ำปลาร้า “ตำนัว” ทุกสูตรทั่วโลกในปี 2566 นี้   สำหรับแผนการขยายธุรกิจแบรนด์น้ำปลาร้าตำนัวในระยะ 1-5 ปีจากนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายการขยายฐานการผลิตเตรียมลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานหมักปลาร้า ที่จังหวัดหนองคาย เพื่อควบคุมควบคุมมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำไปยันปลายน้ำถึงมือผู้บริโภค รวมถึงเป็นการช่วยลดต้นทุนขาย ดันมาร์จินเพิ่มจากค่าขนส่งปลาร้าหมักจากเดิมเรามีพาร์ทเนอร์ที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนส่งมาที่โรงงานผลิต 2 แห่ง ที่จังหวัดหนองคายซึ่งเป็นโรงงานขนาดกลาง และที่จังหวัดสกลนครเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 120,000 ขวดต่อวัน เพื่อจำหน่ายภายใต้แบรนด์ตำนัวและช่องทาง OEM ซึ่งเป็นรายได้หลัก 2 ทางของบริษัทฯ …

ปังหลาย “ตำนัว” รุกตลาดเรดโอเชียน  ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023 อ่านเพิ่มเติม »

มาฮู้จัก  “แก่งสามพันโบก” แกรนด์แคนยอนแดนอีสาน  สุด Unseen หนึ่งเดียวในไทย

มาฮู้จัก  “แก่งสามพันโบก” แกรนด์แคนยอนแดนอีสาน  สุด Unseen หนึ่งเดียวในไทย   #แกรนด์แคนยอนแดนอีสาน สุด Unseen หนึ่งเดียวในไทย ที่ “#สามพันโบก” จ.อุบลราชธานี ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เชิญชวนประชาชนเดินทางท่องเที่ยวเช็คอิน โดยใช้การเดินทางผ่านถนนทางหลวงชนบทสาย อบ.4090 จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศให้เป็นที่รู้จักสู่ระดับสากล เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม     “สามพันโบก” แกรนด์แคนยอนแดนอีสาน แหล่งท่องเที่ยว Unseen เป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น อยู่ที่ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ริมแม่น้ำโขงที่ถูกสายน้ำกัดเซาะเป็นแอ่งกว่า 3,000 โบก โบก หมายถึง แอ่ง หรือบ่อน้ำลึก นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แนะนำให้ไปถ่ายรูปเช็คอินแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่จะมีมัคคุเทศน์ท้องถิ่นพานำเยี่ยมชมจุดต่าง ๆ พร้อมแนะนำการถ่ายภาพสะท้อนผืนน้ำในโบกที่รับรองว่าทุกท่านที่ได้มาจะกลับไปพร้อมความประทับใจอย่างแน่นอน   ทั้งสระมรกต โบกวัดใจ หินมิกกี้เมาส์ หินหัวสุนัข โบกส่องจันทร์ และอีกมากมาย ซึ่งสามพันโบกจะปรากฏในช่วงน้ำลดเท่านั้น หรือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน-มิถุนายน ของทุกปี โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเที่ยวคือช่วงเช้า หรือช่วงบ่ายถึงช่วงเย็น  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือกลางแม่น้ำโขงที่จะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน และเห็นฝั่งประเทศลาวที่อยู่ตรงข้าม โดยจะมีจุดท่องเที่ยวใกล้เคียงอย่าง หาดหงส์ ผาหินศิลาเลข ลานหินปะการัง ลานหินสี ผาวัดใจ และหินแจกันเทวดาอีกด้วย   อ้างอิงจาก: กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฐานเศรษฐกิจ   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สามพันโบก #แกรนด์แคนยอน #เที่ยวอีสาน #Unseen #อุบลราชธานี 

เหตุเกิดจาก มิ้นท์ช็อกฟีเวอร์ อีสาน ปลูกโกโก้ได้เป็นอันดับ 2 ในไทย

เหตุเกิดจาก มิ้นท์ช็อกฟีเวอร์  ฮู้บ่ว่า ? ช็อกโกแลตมาจากโกโก้  อีสาน ปลูกโกโก้ได้เป็นอันดับ 2 ในไทยเลยเด้อ   มินต์ช็อก ภาษาอังกฤษมาจากคำว่า Mint Chocolate เป็นรสชาติที่ค้นพบในยุคศตวรรษที่ 16 มีผู้บันทึกไว้ว่าเป็นรสชาติที่เกิดจากชาวยุโรปใส่มินต์ไปกับช็อกโกแลต หลังจากค้นพบรสชาตินี้จากอเมริกาใต้ รสชาติของมินต์ช็อก จะเป็นกลิ่นช็อกโกแลตผสมสมุนไพร บางคนเทียบคล้ายกับรสชาติยาสีฟัน ซึ่งช็อกโกแลตนั้นทำมาจากโกโก้นั่นเอง เป็นวัตถุดิบสำคัญในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม และขนม แต่หลายคนคงยังไม่รู้ว่าทุกภูมิภาคของไทยรวมถึงภาคอีสานก็สามารถปลูกต้นโกโก้ได้ ซึ่งเป็นเพราะเหตุใด และมีโอกาสพัฒนาต่อยอดหรือไม่ วันนี้อีสานอินไซต์จะเล่าให้ฟัง   ทำไมภาคอีสานถึงปลูกโกโก้ได้เป็นอันดับ 2 ในไทย ก่อนหน้านั้นภาคอีสานมีเกษตรกรปลูกโกโก้ไม่มากนัก เนื่องจากไม่มีความรู้ ปลูกมาแล้วผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ต้องเผชิญกับราคาต่อกิโลกรัมที่ไม่สูง และมีตลาดรับซื้อน้อย โดยส่วนใหญ่เป็นรูปแบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) ซึ่งก็มักมีปัญหาหลอกขายกล้าพันธุ์และไม่มารับซื้อตามสัญญา ประกอบกับสภาพภูมิอากาศของภาคที่ไม่ได้ร้อนชื้นหรือมีฝนตกชุก ทำให้คนจำนวนมากเข้าใจว่าอีสานไม่เหมาะกับการปลูกโกโก้ ทั้งที่ปลูกได้ แต่หากอยากให้มีผลผลิตตลอดทั้งปีอาจต้องลงทุนระบบน้ำเพิ่ม ส่วนการที่ภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกโกโก้มากเป็นอันดับ 2 รองจากภาคใต้ เนื่องจากภายหลังความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ภาครัฐจึงมีแนวคิดขยายพื้นที่เพาะปลูกในอีสาน โดยส่งเสริมให้ปลูกแทนสวนยางพาราที่มีอายุมากกว่า 25 ปีและให้น้ำยางน้อย หรือปลูกแซมพืชเศรษฐกิจอื่นเพื่อเป็นรายได้เสริม   โอกาสในการเติบโตของโกโก้ไทย หากมองความได้เปรียบเชิงพื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกได้ทุกภูมิภาคของประเทศ บวกกับปัจจัยสนับสนุนอย่างเทรนด์รักสุขภาพ เนื่องจากโกโก้สามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้อารมณ์ดี เพิ่มประสิทธิภาพความจำ และป้องกัน/รักษาโรคซึมเศร้าได้ รวมถึงเทรนด์ความยั่งยืนแบบ Zero Waste เพราะทุกส่วนของโกโก้สามารถนำมาแปรรูปได้ ก็ถือเป็นโอกาสเติบโตของโกโก้ไทยในอนาคต   ทั้งนี้จะเกิดขึ้นได้ เกษตรกรที่สนใจควรศึกษาข้อมูลโกโก้ให้รอบด้านก่อนเริ่มเพาะปลูก ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การปรับปรุงดิน และการจัดการน้ำ รวมถึงการเข้าใจ Contract Farming และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญา โดยเฉพาะคุณภาพผลผลิตที่โรงงานรับซื้อ และความเสียหายหากมีการยกเลิกสัญญา ส่วนภาคเอกชน ควรหาทางเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ผ่านการสร้างเอกลักษณ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการยกระดับคุณภาพสินค้าสู่มาตรฐานสากลเพื่อการขยายฐานลูกค้า และภาครัฐ ควรเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรกับบริษัทที่รับซื้อ/โรงงานในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และอาจต้องอำนวยความสะดวกด้านระบบฐานข้อมูลให้ครบวงจร ตั้งแต่ทะเบียนสายพันธุ์ เนื้อที่ จำนวนเกษตรกร บริษัทที่รับซื้อ/โรงงาน ตลอดจนการนำเข้าและส่งออก เพื่อเป็นข้อมูลให้เกษตรกรและเอกชนใช้วางแผนด้านการผลิต การตลาด และการลงทุน   อ้างอิงจาก กรมส่งเสริมการเกษตร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รายงานในการประชุมหารือพืชทางเลือกที่มีอนาคต (Future crops)   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #โกโก้ #โกโก้ไทย #มิ้นท์ช็อก 

มาฮู้จัก “โคราชจีโอพาร์ค” (Korat Geopark) ที่ UNESCO รับรองเป็นอุทยานธรณีโลก

มาฮู้จัก “โคราชจีโอพาร์ค” (Korat Geopark) ที่ UNESCO รับรองเป็นอุทยานธรณีโลก   ยูเนสโกรับรอง #โคราชจีโอพาร์ค (Khorat Geopark ถูกรับรองเป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) แห่งที่ 2 ของไทย พ่วงด้วยการรับรองให้ จ.นครราชสีมา เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎ เมืองที่ 4 ของโลก #จีโอพาร์ค (Geopark) หรืออุทยานธรณีคือ พื้นที่ทางภูมิศาสตร์แห่งหนึ่งที่ภูมิประเทศและแหล่งธรณีวิทยามีคุณค่าในระดับนานาชาติ รวมทั้งแหล่งธรรมชาติอื่นและวัฒนธรรมที่สำคัญและสัมพันธ์กับแหล่งธรณีวิทยา และมีการบริหารจัดการแบบองค์รวม ทั้งในด้านการอนุรักษ์การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการจากล่างสู่บน (Bottom-up) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) รับรองให้ โคราชจีโอพาร์ค (KHORAT Geopark) จังหวัดนครราชสีมา เป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ถือเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้ไทยสร้างอีกประวัติศาสตร์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎ หรือ ทริปเปิลคราวน์ (Triple Crown) ถือเป็นเมืองที่ 4 ของโลก ต่อจากอิตาลี เกาหลีใต้ และจีน ที่มีดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก ในจังหวัดเดียวกัน ประกอบด้วย มรดกโลก (กลุ่มป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่), มนุษย์และชีวมณฑล (พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าสะแกราช) และ จีโอพาร์คโลก (โคราชจีโอพาร์ค) ทั้งนี้ โคราชจีโอพาร์ค มีความแตกต่างจากจีโอพาร์คโลก ที่มีอยู่ 177 แห่งทั่วโลก คือ เป็นดินแดนแห่งเควสตาและ ฟอสซิล (Cuesta & Fossil Land) ที่เชื่อมโยงกับระบบนิเวศป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และวิถีชีวิตผู้คนกว่า 4,000 ปี ในพื้นที่ภูมิศาสตร์บริเวณลุ่มน้ำลำตะคองตอนกลางถึงตอนล่าง โดยพัฒนาต่อยอดและขยายจากสถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่ดำเนินโครงการในระยะแรก นับตั้งแต่ปี 2537   อ้างอิงจาก: บทความ โคราชจีโอพาร์ค สู่จีโอพาร์คโลกยูเนสโก  ฐานเศรษฐกิจ   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : …

มาฮู้จัก “โคราชจีโอพาร์ค” (Korat Geopark) ที่ UNESCO รับรองเป็นอุทยานธรณีโลก อ่านเพิ่มเติม »

ปังหลาย ! “ผ้าขาวม้า” มุ่งสู่การขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรม

ปังหลาย ! “ผ้าขาวม้า” มุ่งสู่การขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรม การเดินทางของ “ผ้าขาวม้า” ผ่านกาลเวลาวัฒนธรรมหลายยุคสมัย กลายเป็น SoftPower ของไทย มุ่งสู่การขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมในอนาคต ครม.เห็นชอบเสนอผ้าขาวม้าขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ต่อองค์การยูเนสโก (UNESCO) หวังกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่นำไปสู่การสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมในระดับโลก ถ้าพูดถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างหนึ่ง “ผ้าขาวม้า” ก็คือความภาคภูมิใจที่อยู่คู่ประเทศไทยมานานหลายยุคสมัย แต่ละท้องถิ่นในประเทศต้องมีไว้ใช้ จนกลายเป็นผ้าสามัญประจำบ้าน แต่รู้ไหมว่า ผ้าขาวม้า ได้ผ่านกาลเวลาวัฒนธรรมหลายยุคสมัย ผ่านความคิด จิตวิญญาณ กลายเป็นเอกลักษณ์แสดงความเป็นไทย เป็น SoftPower ของไทยเลยทีเดียว คนไทยรู้จักใช้ผ้าขาวม้ามาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ราวยุคสมัยเชียงแสน ได้รับอิทธิพลจากชาวไทยใหญ่ที่ใช้ผ้าขาวม้า โพกศีรษะ ต่อมาผู้ชายไทยใช้ผ้าเคียนเอว (ผูกเอว) และยังประยุกต์ใช้ประโยชน์หลากหลาย เช่น ใช้ห่อเก็บสัมภาระเดินทาง ห่ออาวุธ นุ่งเวลาอาบน้ำ เช็ดตัว ปูนอน ยุคแรกคนไทยจะเรียกผ้าสารพัดประโยชน์ผืนนี้ว่า “ผ้าเคียนเอว” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นผ้าขาวม้าในภายหลัง ที่จริงแล้ว “ผ้าขาวม้า” ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับ “ผ้าขาว” และ “ม้า” แต่มาจากเปอร์เซียคำว่า “กามาร์บันด์” (Kamar Band) ซึ่งหมายถึง เอว หรือ ท่อนล่างของร่างกาย “บันด์” หมายถึง การพัน รัด หรือ คาด เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันจึงหมายถึง เข็มขัด ผ้าพัน หรือ คาดสะเอว มีงานวิจัยเสนอว่า ผ้าขาวม้าเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “กามา” (Kamar) ซึ่งเป็นภาษาอิหร่านที่ใช้กันอยู่ในประเทศสเปน เพราะประวัติศาสตร์ ทั้ง 2 ประเทศติดต่อกันมาช้านาน ต่อมาประเทศไทยได้รับอิทธิพลทางภาษามาด้วย   เหตุผลชู “ผ้าขาวม้า”  ด้วยผ้าที่มีลวดลายตารางสี่เหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ พบการใช้ประโยชน์อยู่ทุกภาคและชุมชน รวมถึงชาติพันธุ์ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มไทลื้อ ไทยวน ไทยลาว ภูไท ส่วย กูย  มีลวดลายหรือสีแตกต่างกันตามเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เข้าถึงง่ายและผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยหลายด้าน นอกจากนี้การเสนอขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้า จะส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมฯ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่นำไปสู่การสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมในระดับโลก และแสดงถึงความสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ    อ้างอิงจาก: ฐานเศรษฐกิจ thaipbs workpointtoday บทความวิชาการ วัฒนธรรมสร้างสรรค์มนต์เสน่ห์แห่งผืนผ้าลายตาราง นามว่า “ผ้าขาวม้าสารพัดนึก”   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ผ้าขาวม้า #ยูเนสโก #เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม #UNESCO #มรดกทางวัฒนธรรม

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้   ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยได้วางแผนการป้องกันการทุจริตเพิ่มเติม โดยให้ธนาคารต้องเพิ่มมาตรการการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (ไบโอแมตริกซ์) เมื่อทำธุรกรรมผ่าน mobile banking เมื่อมีรายการการโอนเงิน หรือเติมเงินพร้อมเพย์/G-Wallet ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ หรือยอดสะสมต่อวัน ครบทุก 200,000 บาท หรือต้องการปรับเพิ่มวงเงินโอนเงิน จ่ายเงินผ่านแอปฯ    ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารได้ออกมาตรการดังกล่าวและทำการแจ้งเตือนลูกค้าผู้ใช้บริการ mobile banking ให้สามารถนำบัตรประชาชนปอัปเดตข้อมูล และสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่ธนาคารสาขาใกล้บ้านได้ตั้งแต่วันนี้   ​ธปท. ประกาศ 3 ชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ดูแลตลอดเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงิน  โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ มาตรการป้องกัน ▪️ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ให้ สถาบันการเงินงดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล ▪️ งดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย ▪️ จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking (username) ของแต่ละ สถาบันการเงินให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น ▪️ โดย สถาบันการเงินต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง ▪️ พัฒนาระบบความปลอดภัยให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา ▪️ ยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics) โดยกำหนด 3 ธุรกรรม ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตน ▪️ การโอนวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ ▪️ โอนวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน ▪️ การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย ▪️ กำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้ สถาบันการเงินรายงานไปสำนักงาน ปปง. ▪️ สถาบันการเงินต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ มาตรการตอบสนองและรับมือ ▪️ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ให้สถาบันการเงินทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ ▪️ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันการเงิน   อ้างอิงจาก: https://www.tba.or.th/transfers-over-50000-must-scan-faces-starting-this-june/  https://www.chillpainai.com/scoop/15285    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธนาคารแห่งประเทศไทย #โอนเงิน #ทำธุรกรรมทางการเงิน #พร้อมเพย์ …

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้ อ่านเพิ่มเติม »

“ประเพณีบุญบั้งไฟ”  ชวนเลาะ 6 จังหวัด แดนอีสาน

“ประเพณีบุญบั้งไฟ”  ชวนเลาะ 6 จังหวัด แดนอีสาน   “ประเพณีบุญบั้งไฟ” เป็นประเพณีของภาคอีสานของไทย มีตำนานมาจากนิทานพื้นบ้านของภาคอีสานเรื่องพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่ ซึ่งในนิทานกล่าวถึงการจัดงานบุญบั้งไฟ เพื่อเป็นการบูชา พระยาแถน หรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ทั้งยังมีความเชื่อว่า หากหมู่บ้านใดไม่จัดทำการจัดงานบุญบั้งไฟบูชา ฝนก็จะไม่ตกถูกต้องตามฤดูกาล อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ ในงานประเพณีบุญบั้งไฟ มีกิจกรรมหลายอย่าง ตั้งแต่การจัดขบวนแห่บั้งไฟ การเซิ้งบั้งไฟ และการละเล่นต่างๆ ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น เช่น การทอดแหหาปลา การสักสุ่ม ขบวนเซิ้งแต่งกายสวยงามแบบโบราณ เซิ้งเป็นกาพย์ให้คติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาอันงดงาม    บั้งไฟแต่ละอันที่มาเข้าขบวนแห่ จะถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามด้วยลวดลายไทยสีทอง ว่ากันว่าศิลปะการตกแต่งบั้งไฟนี้ นายช่างจะต้องสับและตัดลวดลายต่างๆ นี้ไว้เป็นเวลานานเป็นเดือน แล้วจึงนำมาทากาวติดกับลูกบั้งไฟ ส่วนหัวบั้งไฟทำเป็นรูปต่าง ๆ ส่วนมากนิยมทำเป็นรูปหัวพญานาคอ้าปากและลิ้นพ่นน้ำได้ ตัวบั้งไฟจะนำไปตั้งบนฐาน ใช้รถหรือเกวียนเป็นพาหนะ นำมาเดินแห่ตามประเพณี โดยมีหลายชนิด ทั้งบั้งไฟกิโล บั้งไฟหมื่น และบั้งไฟแสน บั้งไฟกิโลนั้นใช้ดินประสิวหนัก 1 กิโลกรัม บั้งไฟหมื่นใช้ดินประสิว 12 กิโลกรัม และบั้งไฟแสนใช้ดินประสิว 10 หมื่น หรือ 120 กิโลกรัม เมื่อตกลงกันว่าจะทำบั้งไฟขนาดไหน จึงหาช่างมาทำโดยช่างที่ทำบั้งไฟนั้นสำคัญมากต้องเป็นผู้มีฝีมือในการคำนวนผสมดินประสิวกับถ่านไม้ หากทำไม่ถูกบั้งไฟจะแตกและไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้า สำหรับไม้ที่ทำเป็นเสาบั้งไฟนั้นต้องเป็นไม้ไผ่ที่มีลำปล้องตรงกันเสมอกัน จะนำส่วนโคนต้นเพราะมีความหนาและเหนียว นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันจุดบั้งไฟ ซึ่งจะมีการแบกบั้งไฟไปยังฐานยิงในที่โล่ง ถ้าบั้งไฟของใครจุดแล้วยิงไม่ขึ้น คนทำจะถูกโยนลงในโคลน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอีกด้วย   สำหรับ “ประเพณีบุญบั้งไฟ” ประจำปี 2566 มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ถึง 6 จังหวัดในภาคอีสาน โดยเพจข่าวสารท่องเที่ยว ททท. ได้โพสต์เชิญชวนเที่ยวงานประเพณีบุญบั้งไฟ ให้ได้ปักหมุดเดินทางท่องเที่ยว โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้ ประเพณีบุญบั้งไฟยโสธร จัดขึ้นที่สวนสาธารณะพญาแถน 17 – 21 พฤษภาคม 2566  รายละเอียดกิจกรรม 19 พ.ค. 66 โชว์บั้งไฟโบราณ บั้งไฟเอ้สวยงาม การประกวดบั้งไฟโก้ การประกวดกาพย์เซิ้งบั้งไฟ การประกวดเทพพระบุตร-เทพธิดาบั้งไฟโก้ การประกวดคณะกองเชียร์บั้งไฟ ประจำปี 2566  20 พ.ค. 66 ชมพิธีเปิดงานและขบวนแห่บั้งไฟสวยงาม จาก 9 คุ้มวัด และ 9 อำเภอ 21 พ.ค. 66 การแข่งขันการจุดบั้งไฟประเภทต่าง ๆ อาทิ บั้งไฟแฟนซีและบั้งไฟขึ้นสูง   ประเพณีบุญบั้งไฟตะไลล้านบ้านกุดหว้า จัดขึ้นที่เทศบาลตำบลกุดหว้า จังหวัดกาฬสินธุ์ 20 – 21 พฤษภาคม 2566  ชมการจุดตะไลแสน ตะไล …

“ประเพณีบุญบั้งไฟ”  ชวนเลาะ 6 จังหวัด แดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

รายได้รัฐบาลไทย ได้จากภาษีอะไรบ้าง? (ข้อมูล ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. ปีงบฯ 66)

รายได้รัฐบาลไทย ได้จากภาษีอะไรบ้าง? (ข้อมูล ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. ปีงบฯ 66)   อ้างอิงจาก : กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมธนารักษ์ กรมบัญชีกลาง  และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #กรมสรรพากร #กรมสรรพสามิต #กรมศุลกากร 

งบประมาณแผ่นดิน ในอีสาน หลายปานใด๋ในแต่ละจังหวัด ?

งบประมาณแผ่นดิน ในอีสาน หลายปานใด๋ในแต่ละจังหวัด ?   อัพเดทงบประมาณของปี 2566 จะเห็นได้ว่าจังหวัดที่ได้งบประมาณสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 25,644 ล้านบาท, ขอนแก่น 18,667 ล้านบาท, อุบลราชธานี 14,750 ล้านบาท แต่เมื่อมาลองดูจังหวัดที่มีจำนวนงบประมาณต่อประชากร 1 คนนั้น จะเห็นได้ว่า จังหวัดที่ได้สูงที่สุด 3 อันดับแรก คือ หนองคาย บึงกาฬ และมุกดาหาร    อ้างอิงจาก:  สำนักงบประมาณ Agenda   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #งบประมาณแผ่นดิน #งบประมาณอีสาน #งบประมาณ #นครราชสีมา #ขอนแก่น #อุบลราชธานี #หนองคาย #บึงกาฬ #มุกดาหาร 

ทำความฮู้จัก ควายไทย บ้านเฮา  ควายปลัก & ควายแม่น้ำ 

ทำความฮู้จัก ควายไทย บ้านเฮา  ควายปลัก & ควายแม่น้ำ    เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ถือเป็น “วันอนุรักษ์ควายไทย” ควายในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นควายบ้านหรือควายป่า ต่างก็มีความผูกพันกับการดำรงชีพของคนไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานโดยเฉพาะภาคการเกษตร เพราะควายสามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนจัด และยังช่วยทุ่นแรงได้เป็นอย่างดี ควายไทยถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมของไทยมาอย่างช้านาน ด้วยความที่เป็นสัตว์ที่มีความอดทน ทนแดด ทนร้อน ทนสภาพอากาศแห้งแล้งได้ ทำให้กลายเป็นเครื่องมือไถนาชั้นดี นอกจากนี้แล้วการเดินทางในสมัยก่อนก็ยังใช้ควายเทียมเกวียน เพื่อทุ่นแรงในการเดินทางไกลอีกด้วย แต่ปัจจุบันควายไทยถูกลดความสำคัญลง จนกลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเท่านั้น   สถานการณ์ควายไทย ในปี 2565 มีทั้งหมด 1,741,141 ตัว โดยแบ่งเป็นเพศเมีย 1,251,030 เพศผู้ 490,111 โดย 10 อันดับแรกมาจากภาคอีสานทั้งหมดเลยทีเดียว นั่นคือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร นครราชสีมา นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อุดรธานี ตามลำดับ ควายไทยเป็นที่รู้กันว่ามีราคาที่สูงมาก ซึ่งรายได้จากควายถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ กลุ่มเลี้ยงควายพันธุ์ หรือควายสวยงาม และกลุ่มควายเนื้อ หรือเลี้ยงเพื่อขายเนื้อหนังของควาย โดยราคาของควายเนื้อ คือ เพศผู้น้ำหนัก 600 กก. ราคาอยู่ที่ 85-88 บาท/ กก. หรือประมาณ 50,000 – 52,000 บาท เพศผู้น้ำหนัก 500 กก. ราคาอยู่ที่ 83-85 บาท/ กก. หรือประมาณ 41,500 – 42,500 บาท   สามารถรีดน้ำเชื้อและฝากทับได้เช่นกัน สำหรับราคาน้ำเชื้อชุดนึงอยู่ที่ 5,000 – 30,000 บาท/ ชุด (ชุดนึงมี 10 โดส) โดยการรีดน้ำเชื้อขึ้นอยู่กับพ่อพันธุ์บางตัวรีดได้ทุก 2-3 อาทิตย์ บางตัว 2-3 เดือน และอายุของพ่อพันธุ์ที่รีดน้ำเชื้อได้อยู่ที่ 2.5 – 3 ปี สำหรับราคาฝากทับ หรือฝากผสมอยู่ที่ 5,000 บาท/ ครั้ง ถ้าต้องการฝากทางฟาร์มเลี้ยงดูต่อราคาอยู่ที่ 100 – 150 บาท/ วัน . อ้างอิงจาก: กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สํานักงานปศุสัตว์อําเภอ  ศูนย์สนเทศทางกระบือนานาชาติ (IBIC) สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้จัดการออนไลน์ …

ทำความฮู้จัก ควายไทย บ้านเฮา  ควายปลัก & ควายแม่น้ำ  อ่านเพิ่มเติม »