พามาเบิ่ง มูลค่าการลงทุนของเอกชนในอีสานปี 2567

จังหวัด มูลค่าทุนจัดตั้ง (ล้านบาท) ร้อยละการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าการจดทะเบียน
2566 2567
นครราชสีมา 2,913 2,583 -11.3%
ขอนแก่น 2,314 2,221 -4.0%
อุดรธานี 1,311 2,046 56.1%
อุบลราชธานี 1,203 1,331 10.6%
บุรีรัมย์ 1,243 1,144 -8.0%
สุรินทร์ 580 857 47.6%
ร้อยเอ็ด 853 774 -9.3%
มหาสารคาม 1,081 768 -29.0%
กาฬสินธุ์ 524 593 13.1%
ชัยภูมิ 743 562 -24.3%
มุกดาหาร 243 555 128.4%
สกลนคร 641 537 -16.2%
ศรีสะเกษ 489 507 3.6%
หนองคาย 336 324 -3.5%
เลย 316 296 -6.3%
นครพนม 324 294 -9.3%
ยโสธร 370 290 -21.7%
หนองบัวลำภู 210 226 7.8%
อำนาจเจริญ 195 180 -7.7%
บึงกาฬ 251 132 -47.3%
กรุงเทพและปริมณฑล 409,986 156,697 -61.8%
ภาคกลาง 64,395 58,020 -9.9%
ภาคใต้ 32,821 27,464 -16.3%
ภาคอีสาน 16,141 16,220 0.5%
ภาคเหนือ 17,530 15,771 -10.0%

ภาคอีสาน

  • ธุรกิจที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด: การผลิตพลังงาน 384 ล้านบาท (+130.7%)
  • ธุรกิจที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุด: การผลิต 1,853 ล้านบาท (-31.3%)
  • ธุรกิจที่มีมูลค่ามากที่สุด: การก่อสร้าง 9,275 ล้านบาท (+5.9)

การลงทุนของภาคเอกชนนอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าและสร้างการขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจแล้วนั้น อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ตามมาคือการจ้างงานของคนในพื้นที่ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้พื้นที่สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืน การมีงานทำในพื้นที่ไม่เพียงแต่ลดการย้ายถิ่นแรงงานออกจากพื้นที่เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับฐานพื้นที่อีกด้วย

ในปี 2567 ที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนในเกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทยหดตัวลงราว -10% เมื่อเทียบกับปีก่อน

มีเพียงภาคอีสานที่สวนทาง โดยยังคงเติบโตได้อยู่ที่ 0.5% แม้จะเป็นการขยายตัวในระดับไม่สูงนัก แต่ก็ถือเป็นสัญญาณบวก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ยังคงให้ความสนใจในพื้นที่อีสาน

สำหรับหมวดธุรกิจที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุในอีสานก็คงจะหนีไม่พ้นในด้านของการก่อส้างที่ในปี 2566 ก่อนหน้าก็เป็นหมวดธุรกิจที่มูลค่าลงทุนสูงสุดเช่นกัน แต่ด้วยการที่เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงอยู่แล้วในด้านของการเปลี่ยนแปลงนั้นจึงไม่ได้สูงขนาดนั้น

หากพิจารณาธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสูงสุด และต่ำสุดจะพบว่าธุรกิจในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานนั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 130.7% คิดเป็นมูลค่า 384 ล้านบาทในอีสาน จากการรายงานของวิจัยกรุงศรี พบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.0–6.0% ต่อปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับความคืบหน้าของโครงการคมนาคมขนาดใหญ่ของภาครัฐ การขยายตัวของชุมชนเมือง และการเพิ่มขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสาร ล้วนเป็นปัจจัยที่หนุนให้ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ภาครัฐจึงเดินหน้าสนับสนุนการลงทุนในภาคการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียนเป็นสำคัญ พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบ ซึ่งส่งผลให้ภาคเอกชนเริ่มขยับขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหรือโรงไฟฟ้าสีเขียวมากขึ้น เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญต่อการยกระดับขีดความสามารถด้านการค้าและการลงทุนของไทยในระยะยาว

ในทางกลับกัน ธุรกิจที่มีการปรับลดลงของมูลค่าการลงทุนมากที่สุดคือกลุ่มธุรกิจในหมวดภาคการผลิต ซึ่งลดลงถึง -31.3% แม้จะลดลงในอัตราที่สูง แต่หากพิจารณาจากมูลค่าการลงทุนโดยรวมแล้ว หมวดนี้ยังคงครองอันดับ 2 ของกลุ่มธุรกิจที่มีการลงทุนสูงที่สุด

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมภาคการผลิตของไทยกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการจากจีนมายังประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นทั้งในรูปแบบที่บริษัทจีนเข้ามาดำเนินธุรกิจโดยตรง และในลักษณะที่ใช้ชื่อของนักลงทุนไทยเป็นนอมินีหรือหน้าม้าเพื่อเลี่ยงข้อจำกัดบางประการ การหลั่งไหลเข้ามาของทุนจากจีน แม้จะสร้างเม็ดเงินลงทุนในระยะสั้น แต่กลับส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในระยะยาว เนื่องจากผู้ประกอบการจากจีนมักมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า รวมถึงมีขนาดทุนที่ใหญ่กว่า ทำให้ผู้ประกอบการไทยประสบความยากลำบากในการแข่งขัน ทั้งด้านราคา ต้นทุน และประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งอาจนำไปสู่การเบียดขับธุรกิจไทยออกจากตลาดอย่างเงียบๆ หากไม่มีมาตรการรองรับหรือสนับสนุนที่เหมาะสมจากภาครัฐ

หากมองในระดับจังหวัด จะเห็นว่าตัวเลขการลงทุนในนครราชสีมาไม่ได้เกินความคาดหมายมากนัก เนื่องจากจังหวัดนี้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของภาคอีสาน อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวาง แรงงานจำนวนมาก และระบบคมนาคมที่สะดวก สามารถเชื่อมต่อกับจังหวัดอื่น ๆ ได้หลากหลายช่องทาง โดยอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในภาคอีสานยังคงกระจุกตัวในจังหวัดใหญ่ที่มีประชากรมากและรายได้สูง ซึ่งส่งผลให้การกระจายความเจริญยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร แต่ในมุมมองของผู้ประกอบการการเลือกทำเลที่ปลอดภัยและมีศักยภาพในการเติบโตยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน

แม้ว่าการลงทุนในภาคอีสานยังคงเผชิญกับความท้าทาย ทั้งในแง่ของการกระจุกตัวในบางพื้นที่เศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ แต่สัญญาณเชิงบวกจากการขยายตัวของการลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของภูมิภาคนี้ทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่กว้างขวาง และแรงงานที่พร้อมพัฒนา หากมีการส่งเสริมจากภาครัฐอย่างจริงจัง ทั้งในด้านนโยบายสนับสนุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสิทธิประโยชน์การลงทุนควบคู่กับการวางแผนระยะยาวจากภาคเอกชน ก็จะสามารถเปลี่ยนการลงทุนเหล่านี้ให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางภูมิภาค กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และวางรากฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน

อ้างอิง

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  • วิจัยกรุงศรี

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top