ทำไมศรีสะเกษ ถึงเป็นแดน ทุเรียนภูเขาไฟ เปิดเบื้องหลังขุมทรัพย์ทางธรณีดินภูเขาไฟ

Key Points

  • “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ (Lava Durian Sisaket)” หมายถึง ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี พันธุ์ก้านยาว ทุเรียนที่มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมปานกลาง เนื้อละเอียด แห้ง สีเนื้อเหลืองสม่ำเสมอทั้งผล ซึ่งปลูกในพื้นที่อำเภอขุนหาญ อำเภอกันทรลักษ์ และอำเภอศรีรัตนะ ของจังหวัดศรีสะเกษ
  • “ทุเรียนภูเขาไฟ” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียน สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตั้งแต่ปี 2562 ทุเรียนชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากทุเรียนที่ปลูกในภาคอื่น เนื่องจากสภาพดินภูเขาไฟในศรีสะเกษ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO), แคลเซียมออกไซด์ (CaO) และโพแทสเซียมออกไซด์ (K₂O) ซึ่งช่วยให้ทุเรียนมีรสชาติที่เข้มข้นและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์
  • ภาคตะวันออก (จันทบุรี ตราด ระยอง) ผลิตมากที่สุด 1,045,410 ตัน หรือคิดเป็น เกือบ 75% ของผลผลิตทั้งประเทศ ส่วนภาคอีสาน นำโดย ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผลิต ประมาณ 14,000 ตัน และยังเน้นตลาดผู้บริโภคภายในประเทศ
  • การผลักดันจากทางจังหวัด และภาครัฐ ในการเป็นจุดยุทธศาสตร์อีสานใต้
  • ภาครัฐได้ดำเนินโครงการ “เกษตรแปลงใหญ่” โดยสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนา “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” ยังมีบทบาทสำคัญในการศึกษาพันธุ์ทุเรียนและพัฒนาเทคนิคการปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) และรองรับตลาดส่งออก

ศรีสะเกษ: เมืองเกษตรกรรมแห่งอีสานใต้ และบทบาทของทุเรียนภูเขาไฟในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

จังหวัดศรีสะเกษเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของภาคอีสานตอนล่าง ด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่พึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะ ทุเรียนภูเขาไฟ ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดในระดับประเทศและกำลังขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างมีศักยภาพ ด้วยพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 3.71 ล้านไร่ หรือเกือบ 68% ของพื้นที่ทั้งหมด ศรีสะเกษจึงกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของภาคอีสาน โดยมีพืชเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ หอมแดง กระเทียม พริก และทุเรียนภูเขาไฟ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสินค้าหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

 

.

  

ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ: สินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงระดับประเทศ

“ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ (Lava Durian Sisaket)” หมายถึง ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี พันธุ์ก้านยาว ทุเรียนที่มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมปานกลาง เนื้อละเอียด แห้ง สีเนื้อเหลืองสม่ำเสมอทั้งผล ซึ่งปลูกในพื้นที่อำเภอขุนหาญ อำเภอกันทรลักษ์ และอำเภอศรีรัตนะ ของจังหวัดศรีสะเกษ

หนึ่งในจุดเด่นของศรีสะเกษที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือ “ทุเรียนภูเขาไฟ” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียน สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตั้งแต่ปี 2562 ทุเรียนชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากทุเรียนที่ปลูกในภาคอื่น ๆ โดยมี เนื้อกรอบนอก นุ่มใน รสชาติหวานมัน กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป และเมล็ดเล็ก คุณภาพอันโดดเด่นนี้มาจาก สภาพดินภูเขาไฟในศรีสะเกษ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO), แคลเซียมออกไซด์ (CaO) และโพแทสเซียมออกไซด์ (K₂O) ซึ่งช่วยให้ทุเรียนมีรสชาติที่เข้มข้นและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์

 

ปัจจุบัน ศรีสะเกษมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 18,830 ไร่ ครอบคลุม 4 อำเภอหลัก ได้แก่ ขุนหาญ กันทรลักษ์ ศรีรัตนะ และเบญจลักษ์ โดยมีผลผลิตเฉลี่ย ประมาณ 14,000 ตันต่อปี ทำให้ทุเรียนภูเขาไฟกลายเป็นหนึ่งในสินค้าการเกษตรที่ได้รับความสนใจมากที่สุดของจังหวัด

 

กระบวนการผลิต

จากค่าขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ระบุไว้ว่าทุเรียนที่จะได้รับเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ ทางภูมิศาสตร์ในนาม ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ต้องปฏิบัติ ดังนี้

  1.  ต้องผ่านการรับรองระบบการจัดการคุณภาพพืช (GAP) จากกรมวิชาการเกษตร ทำให้ผลผลิตปลอดภัยจากสารพิษ
  2.  ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษที่เหมาะสม คือช่วงปลายเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนมิถุนายน แล้วแต่สภาพภูมิอากาศของแต่ละปี ซึ่งเป็นระยะที่ทุเรียนสุกแก่เต็มที่พร้อมบริโภค
  3.  ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษต้องได้จัดเก็บข้อมูลในระบบ QR-Code (Quick Response Code) เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปที่แปลงปลูกได้

ดังนั้นเกษตรกรที่จะผลิตสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ จะต้องทราบถึงการปฏิบัติตาม มาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพพืช (GAP) และระบบการตรวจสอบย้อนกลับ QR-Code

.

 

เปรียบเทียบตลาดทุเรียนในประเทศไทย

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปี 2568 มีการคาดการณ์ผลผลิตรวมทั้งประเทศอยู่ที่ ประมาณ 1.4 ล้านตัน ซึ่งแบ่งออกเป็น:

  • ภาคตะวันออก (จันทบุรี ตราด ระยอง) ผลิตมากที่สุด 1,045,410 ตัน หรือคิดเป็น เกือบ 75% ของผลผลิตทั้งประเทศ
  • ภาคใต้ (ชุมพร นครศรีธรรมราช ฯลฯ) ผลิต ประมาณ 300,000 ตัน
  • ภาคอีสาน นำโดย ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผลิต ประมาณ 14,000 ตัน

แม้ว่าศรีสะเกษจะมีปริมาณผลผลิตที่น้อยกว่า แต่ด้วยคุณภาพเฉพาะตัวของ ทุเรียนภูเขาไฟ GI ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดพรีเมียม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการรสชาติพิเศษและทุเรียนที่มีกลิ่นไม่ฉุนจัด

ทุเรียนเวียดนามบุกตลาดจีน คู่แข่งสำคัญของไทยในเวลาเพียง 3 ปี

.

ทิศทางการส่งออกและโอกาสทางเศรษฐกิจของศรีสะเกษ

แม้ว่าทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ข้อมูลการส่งออกอย่างเป็นทางการยังมีจำกัด อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลในปี 2567 พบว่ามูลค่ารวมของผลผลิตทุเรียนภูเขาไฟอยู่ที่ประมาณ 2,425.5 ล้านบาท โดยมีราคาจำหน่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 173.25 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบัน ศรีสะเกษยังคงมุ่งเน้นการจำหน่ายทุเรียนภายในประเทศเป็นหลัก โดยตลาดสำคัญอยู่ที่ กรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม ในอนาคต จังหวัดมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการทุเรียนไทยสูง

ศรีสะเกษยังมีสินค้าเกษตรอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในตลาดส่งออก โดยเฉพาะ หอมแดง ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกหลักของจังหวัด ในปี 2566 มีผลผลิตรวม 72,945 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ กระเทียมและพริก ก็เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและมีการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม กัมพูชา และลาว

.

นโยบายและโครงการสนับสนุนทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ และสร้างความมั่นคงให้กับภาคการเกษตรในจังหวัด ภาครัฐได้ดำเนินโครงการ “เกษตรแปลงใหญ่” โดยสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนา “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” ยังมีบทบาทสำคัญในการศึกษาพันธุ์ทุเรียนและพัฒนาเทคนิคการปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) และรองรับตลาดส่งออก

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศรีสะเกษกำลังเร่งพัฒนา ระบบโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการจัดตั้ง ศูนย์กระจายสินค้าเกษตร (Agricultural Distribution Center) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มศักยภาพในการส่งออกทุเรียนและผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศ

.

 

การเชื่อมโยงเศรษฐกิจทุเรียนภูเขาไฟกับการท่องเที่ยว

 

นอกจากภาคการเกษตรแล้ว ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยจังหวัดได้จัดงาน “เทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” เป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างแบรนด์และดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา สวนทุเรียนภูเขาไฟ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่

การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางเกษตรเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เช่น ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร และวัดป่าศรีมงคลรัตนาราม ทำให้ศรีสะเกษมีศักยภาพสูงในการเป็น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของภาคอีสานตอนล่าง

จากผลผลิตบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ สู่งานเทศกาลประจำปี

.

 

E-San Live Drive: โอกาสสำคัญของศรีสะเกษในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีสานตอนล่าง

 

ในวันที่ 21 มีนาคม 2568 ศรีสะเกษได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน “E-San Live Drive” ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนจะร่วมกันกำหนดทิศทาง Positioning ของอีสานตอนล่างในเชิงเศรษฐกิจ โดยมี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม

อาจเป็นรูปภาพของ 9 คน, โทรทัศน์ และ ข้อความพูดว่า "นครราชสีมา นครรา สมา พจีตร มานะทิลป์ ชัยภูมิ พิรวัฒน์ ร้ดมถาวรกิติ บุรีรัมย์ พูจทรัพย์ เทพนคร สุรินทร์ แนครุษภี่ ประสิทธิ์ธม N อุบลราชธานี อำนาจเจริญ A3nityry 5ក់ស្ងៃស្វាគ.ីនបរាន ศรีสมุทร พงศ๋อยันต์ พญตัวคิน ศรีสะเกษ รัฐวิทย์ ชอคสคุลเกียรติ ยโสธร ၃ုလ สินโคกสูง LIFEDRIV DRIZIFE D -SAN LIFE DR อีสรา ภูซ่อธรรม"

การประชุมครั้งนี้จะช่วยให้ศรีสะเกษสามารถ กำหนดบทบาทของตนเองในระดับภูมิภาค และผลักดันให้จังหวัดก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจเกษตรกรรมและโลจิสติกส์ของอีสานตอนล่าง” การลงพื้นที่ศึกษาพื้นที่เศรษฐกิจเกษตร เช่น สวนทุเรียนภูเขาไฟ ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของภาคการเกษตรที่มีต่อเศรษฐกิจของศรีสะเกษ

.

“ตามกรอบแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2566-2570 ให้ทิศทางไว้ว่า จะต้องพัฒนาสู่การเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาใน 3 มิติ ได้แก่ 

  • “Green : ฐานการผลิต” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
  • “Gate : เป็นประตูเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน” ทั้งการเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดน ระเบียงเศรษฐกิจพัฒนาการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว โลจิสติกส์
  • “Growth : การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน” โดยใช้องค์ความรู้เทคโนโลยีนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

สรุป

ศรีสะเกษ: จากเมืองเกษตรกรรมสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจอีสานตอนล่าง

ด้วยศักยภาพในด้าน เกษตรกรรม การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ศรีสะเกษกำลังเดินหน้าสู่การเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอีสานตอนล่าง” โดยใช้ ทุเรียนภูเขาไฟ เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ศรีสะเกษสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

 

ที่มา:

พามาเบิ่ง เป็นหยังคือเอิ้นว่า “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ 2566”

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top