พามาเบิ่ง🧐เจ้าเวหาแห่งน่านฟ้า✈️เบอร์หนึ่งสายการบินแห่งชาติในอาเซียน

การบินไทย หนึ่งในห้าสายการบินผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายพันธมิตรการบิน Star Alliance ในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งปัจจุบันเป็นเครือข่ายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสมาชิกกว่า 25 สายการบิน เชื่อมต่อเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 186 ประเทศทั่วโลก

ปัจจุบัน การบินไทยมีอายุราว 65 ปี อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานในฐานะสายการบินแห่งชาติที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แม้ในปี พ.ศ. 2563 จะเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ธุรกิจการบินทั่วโลกหยุดชะงัก หลายสายการบินต้องปลดพนักงานจำนวนมาก บางแห่งจำเป็นต้องขายเครื่องบินออกเพราะค่าบำรุงรักษาสูงจากการจอดนิ่งและขาดผู้โดยสาร การบินไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน จนต้องยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 นับเป็นหนึ่งในธุรกิจแห่งชาติรายใหญ่ที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยในขณะนั้นยังมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ กระทรวงการคลัง 53.16% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 46.84%

หลังจากผ่านมากว่า 4 ปี นับตั้งแต่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ภายหลังบริษัทฯ ยื่นคำร้องขอยกเลิกเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 การกลับมาครั้งนี้เปรียบเสมือนการพิสูจน์ว่าการบินไทย แม้เผชิญวิกฤติหนักเพียงใด ก็สามารถฟันฝ่าและก้าวข้ามได้ แม้ต้องใช้เวลายาวนานในการฟื้นตัว

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการสำคัญตามแผนฟื้นฟูจนบรรลุผลในหลายด้าน อาทิ การปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัว การขยายเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมภูมิภาคต่าง ๆ การปรับปรุงฝูงบินและห้องโดยสาร การพัฒนาระบบดิจิทัล และยกระดับมาตรฐานการให้บริการในทุกจุด ทั้งนี้เพื่อยกระดับการบินไทยสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาค โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งในด้านการสร้างรายได้ การควบคุมต้นทุน และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันได้รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น”

การกลับมาครั้งนี้ของการบินไทย แตกต่างจากอดีตที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นมากกว่า 50% ปัจจุบัน แม้กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยจำนวน 11 พันล้านหุ้น แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 38.9% ขณะที่ผู้ถือหุ้นรองลงมาคือกลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ การที่การบินไทยไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ นักลงทุน

หลังจากหุ้นการบินไทย (THAI) ถูกระงับการซื้อขายยาวนานตั้งแต่เริ่มกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ก็ได้กลับมาเปิดซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ที่ราคาเปิด 10.50 บาทต่อหุ้น และปรับขึ้นจนราคาปิด ณ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568 อยู่ที่ 17.80 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้การบินไทยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ราว 5 แสนล้านบาท ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศ

การกลับมาของการบินไทยในสถานะที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เปรียบเสมือนการปลดพันธนาการจาก พ.ร.บ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ซึ่งเดิมทำให้การดำเนินการต่างๆ เต็มไปด้วยความล่าช้า เงื่อนไขทางกฎหมาย และข้อจำกัดจากการบริหารโดยรัฐบาลที่มีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

ตัวอย่างชัดเจนคือกรณีการจัดซื้อเครื่องบิน Airbus A340 จำนวน 10 ลำ ในช่วงที่เครื่องรุ่นนี้ถือว่าใหม่และมีพิสัยบินไกล แม้จะมีข้อดีด้านเทคโนโลยี แต่เมื่อนำมาคำนวณกับจำนวนผู้โดยสารและต้นทุนการบิน กลับพบว่าไม่คุ้มทุนและมีความเสี่ยงสูงต่อความผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ถึง 4 เครื่อง แม้ฝ่ายบริหารจะตระหนักถึงปัญหานี้ แต่ด้วยข้อจำกัดของการเป็นรัฐวิสาหกิจ การตัดสินใจขายเครื่องบินออกอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดขาดทุนกลับทำได้ยาก เพราะราคาขายจะต่ำกว่าราคาซื้ออย่างมาก และอาจถูกตั้งข้อสงสัยจากหน่วยงานรัฐ รวมถึงการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ว่าเป็นการสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของรัฐ ผลลัพธ์คือ ไม่มีใครกล้าตัดสินใจขาย A340 ออกไป เครื่องบินที่ขาดทุนจึงถูกใช้งานต่อ หรือไม่ก็ต้องจอดทิ้งไว้ ซึ่งทั้งสองทางเลือกต่างก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านการตรวจสภาพและซ่อมบำรุงโดยเลี่ยงไม่ได้ จนนำไปสู่การขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว

จากความรุ่งโรจน์ในอดีต สู่การเริ่มต้นยุคใหม่ของการบินไทย ภายใต้การนำของ นาย ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่ง นายชายระบุว่า “การบินไทยเริ่มมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของการเดินทาง พร้อมกับการดำเนินตามแผนฟื้นฟู ทั้งการลดค่าใช้จ่าย ตัดต้นทุน และขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ ส่งผลให้องค์กร “หยุดเลือดไหล” และเข้าสู่ช่วงสร้างรายได้เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน”

เขายังแสดงความมั่นใจว่า “บริษัทจะออกจากแผนฟื้นฟูได้เร็วกว่ากำหนดในปี 2568 โดยชี้ให้เห็นผลงานที่พิสูจน์แล้วว่าการบินไทยเปลี่ยนไปมาก สามารถสร้างรายได้และมีกระแสเงินสดสูงถึง 30,000 ล้านบาทโดยไม่พึ่งพาใคร พร้อมยกย่องการเสียสละของพนักงานและความร่วมมือจากคู่ค้า ซึ่งทำให้แม้แต่เจ้าหนี้ก็เชื่อมั่นและพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินต่อเนื่อง”

หลังจากการเข้ามาบริหารของ CEO คนใหม่ การบินไทยได้เปิดเส้นทางยุทธศาสตร์ใหม่ กรุงเทพฯ-สุวรรณภูมิ (BKK) – อิสตันบูล (IST) ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญ (Hub) สำหรับเชื่อมต่อการเดินทางไปยังยุโรปและอเมริกา ผ่านเครือข่ายพันธมิตร Star Alliance ร่วมกับสายการบิน Turkish Airlines เส้นทางใหม่นี้ไม่เพียงรองรับตลาดผู้โดยสารกลุ่มใหม่และขยายฐานลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของการบินไทยในการขยายเครือข่ายเส้นทางบิน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศตุรกี

แม้การบินไทยจะไม่ใช่ “พี่ใหญ่” ในเอเชียเหมือนอดีต แต่ตำแหน่งนี้ในปัจจุบันก็อยู่ไม่ไกลนัก เพราะผู้ครองคือ Singapore Airlines สายการบินแห่งชาติสิงคโปร์ที่ได้รับการจัดอันดับโดย Skytrax องค์กรจัดอันดับสายการบินชั้นนำซึ่งดำเนินการมากว่า 24 ปี Singapore Airlines ได้รับเครื่องหมาย 5 ดาว (5-Star Airline Rating) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่มีเพียง 11 สายการบินทั่วโลกเท่านั้นที่ได้ครอบครอง นอกจากนี้ยังคว้าอันดับ 2 สายการบินที่ดีที่สุดในโลก และครองอันดับ 1 ในด้านพนักงานบริการ (Cabin Crew)

หากมองปัจจัยที่ทำให้ Singapore Airlines ครองอันดับ 1 ในเอเชีย คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปัจจัยภายนอกที่เกื้อหนุน ทั้งสนามบินและจุดหมายปลายทางของผู้โดยสาร ในด้านสนามบิน ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี (Changi Airport) ได้รับการยกย่องว่าเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ทั้งในด้านความสวยงาม ความสะอาด และคุณภาพการบริการ ส่วนในด้านจุดหมายปลายทาง สิงคโปร์ต่างจากประเทศท่องเที่ยวอย่างไทยหรือญี่ปุ่น เพราะมีภาพลักษณ์เป็น Financial Center หรือศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค ทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ซึ่งพร้อมจ่ายค่าโดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ในอัตราที่สูงขึ้น

Singapore Airlines ยังโดดเด่นในด้าน First Class และ Business Class โดยครองอันดับ 1 และ 2 ของโลกตามการจัดอันดับของ Skytrax อีกหนึ่งจุดขายสำคัญคือเส้นทางบินตรง สิงคโปร์ (SIN) – นิวยอร์ก สหรัฐฯ (JFK) ระยะเวลา 18 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งช่วยย่นเวลาการเดินทางได้มากเมื่อเทียบกับเส้นทางที่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง เส้นทางนี้ถูกออกแบบให้ที่นั่งส่วนใหญ่เป็น Premium Economy และ Business Class เพื่อลดความเมื่อยล้าจากการเดินทางยาวนาน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ราคาบัตรโดยสารได้สูงขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เส้นทางนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับ Singapore Airlines

แม้การบินไทยและ Singapore Airlines จะดูเหมือนอยู่คนละชั้น แต่ในอดีตไทยก็เคยมีช่วงเวลารุ่งโรจน์ที่สามารถแข่งขันกับสายการบินชั้นนำได้อย่างทัดเทียม เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้การบินไทยเผชิญภาวะขาดทุนและปัญหาการบริหาร

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารชุดปัจจุบันได้พิสูจน์ฝีมือผ่านการนำองค์กรฟื้นตัวจากวิกฤติ พร้อมเปลี่ยนโครงสร้างสู่บริษัทจำกัด ทำให้มีความคล่องตัวและอิสระมากกว่ายุคที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ปัจจัยเหล่านี้เปิดโอกาสให้การบินไทยมีเส้นทางสู่อนาคตที่สดใส และสิ่งที่ไม่เคยเลือนหายคือหัวใจแห่งการบริการของคนไทย ที่ยังคงอยู่คู่คำกล่าวอมตะ “การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า”

  • ประเทศ: ไทย

    สายการบิน: Thai Airways International
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1960
    กลุ่มการบินพันธมิตร: Star Alliance
    จำนวนเครื่องบิน: 77
    จุดหมายปลายทาง: 67
    รายได้รวม: 192,821.1 ล้านบาท

  • ประเทศ: สิงคโปร์

    สายการบิน: Singapore Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1972
    กลุ่มการบินพันธมิตร: Star Alliance
    จำนวนเครื่องบิน: 153
    จุดหมายปลายทาง: 79
    รายได้รวม: 493,332 ล้านบาท

  • ประเทศ: มาเลเซีย

    สายการบิน: Malaysia Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1947
    กลุ่มการบินพันธมิตร: Oneworld
    จำนวนเครื่องบิน: 89
    จุดหมายปลายทาง: 72
    รายได้รวม: N/A

  • ประเทศ: ฟิลิปปินส์

    สายการบิน: Philippine Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1941
    กลุ่มการบินพันธมิตร: N/A
    จำนวนเครื่องบิน: 47
    จุดหมายปลายทาง: 48
    รายได้รวม: 101,369 ล้านบาท

  • ประเทศ: เวียดนาม

    สายการบิน: Vietnam Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1956
    กลุ่มการบินพันธมิตร: SkyTeam
    จำนวนเครื่องบิน: 82
    จุดหมายปลายทาง: 86
    รายได้รวม: 130,203 ล้านบาท

  • ประเทศ: อินโดนีเซีย

    สายการบิน: Garuda Indonesia
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1949
    กลุ่มการบินพันธมิตร: SkyTeam
    จำนวนเครื่องบิน: 70
    จุดหมายปลายทาง: 53
    รายได้รวม: 110,578 ล้านบาท

  • ประเทศ: เมียนมา

    สายการบิน: Myanmar National Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1948
    กลุ่มการบินพันธมิตร: N/A
    จำนวนเครื่องบิน: 11
    จุดหมายปลายทาง: 36
    รายได้รวม: N/A

  • ประเทศ: สปป. ลาว

    สายการบิน: Lao Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1976
    กลุ่มการบินพันธมิตร: N/A
    จำนวนเครื่องบิน: 11
    จุดหมายปลายทาง: 21
    รายได้รวม: N/A

  • ประเทศ: บรูไน

    สายการบิน: Royal Brunei Airlines
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1974
    กลุ่มการบินพันธมิตร: N/A
    จำนวนเครื่องบิน: 12
    จุดหมายปลายทาง: 25
    รายได้รวม: N/A

  • ประเทศ: กัมพูชา

    สายการบิน: Air Cambodia (Cambodia Angkor Air)
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 2009
    กลุ่มการบินพันธมิตร: N/A
    จำนวนเครื่องบิน: 7
    จุดหมายปลายทาง: 15
    รายได้รวม: N/A

  • ประเทศ: จีน

    สายการบิน: Air China
    ปีที่ก่อตั้ง: ค.ศ. 1980
    กลุ่มการบินพันธมิตร: Star Alliance
    จำนวนเครื่องบิน: 496
    จุดหมายปลายทาง: 200
    รายได้รวม: 751,812 ล้านบาท

อ้างอิง

  • Star Alliance, การบินไทย, Airfleets.net, Planespotters.net, Yahoo Finance, เว็บไซต์ของบริษัท, Wikipedia, Thairath Money, Beartai, กรุงเทพธุรกิจ, The STANDARD, Amarin

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top