#KeyInsight
- ท่องเที่ยวจังหวัดที่มีอุทธยานแห่งชาติมาที่สุด และ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุด
- แนวทางการทำให้จังหวัดชัยภูมิมีศักยภาพในการเป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ชัยภูมิ: เมืองแห่งภูมิประเทศธรรมชาติ และโมเดลเศรษฐกิจสีเขียวของอีสาน
จังหวัดชัยภูมิ อาจยังไม่ใช่ชื่อแรกที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกเมื่อนึกถึงภาคอีสาน แต่ในแง่ภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ชัยภูมิกลับเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพมากที่สุดในกลุ่มจังหวัดตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในมิติของการเป็น “เมืองทุนทางธรรมชาติ” ที่มีความพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงนิเวศและขับเคลื่อนการเติบโตภายใต้แนวคิด Green Economy ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566–2570)
.
.
1.ท่องเที่ยวจังหวัดที่มีอุทธยานแห่งชาติมาที่สุด และ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุด
ชัยภูมิมีภูมิประเทศที่หลากหลายตั้งแต่ที่ราบสูงบนเทือกเขาภูแลนคา จนถึงพื้นที่ป่าและอุทยานแห่งชาติที่กระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม, อุทยานแห่งชาติไทรทอง, และภูเขียว–น้ำหนาว ซึ่งนับรวมแล้วทำให้ชัยภูมิกลายเป็นจังหวัดที่มีอุทยานแห่งชาติมากที่สุดในภาคอีสาน และเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าธรรมชาติสูงเป็นอันดับ 3 ของภาคอีสาน ครอบคลุมพื้นที่ป่ามากกว่า 2.5ล้านไร่ หรือประมาณ 31.5% ของพื้นที่จังหวัดทั้งหมด
พื้นที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “มรดกทางธรรมชาติ” แต่นับเป็น “ทุนทางธรรมชาติ” ตามนิยามของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่สามารถนำไปต่อยอดทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ทำลายสมดุลของระบบนิเวศ แนวคิดนี้สอดคล้องกับ BCG Economyซึ่งรัฐบาลไทยใช้เป็นกรอบพัฒนาประเทศในระยะยาว ชัยภูมิเองจึงมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจสีเขียวที่เติบโตจากฐานทรัพยากรและวัฒนธรรมชุมชนอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากข้อมูลโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัด ชัยภูมิยังมีแรงงานจำนวน
189,178 คน หรือกว่า40.7% อยู่ในภาคการเกษตรซึ่งยังต้องพึ่งพิงพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย โดยเฉพาะมันสำปะหลังที่จังหวัดชัยภูมิมีการปลูกกว่า 879,394 ไร่ ซึ่งสามารถทำผลผลิตกว่า 19.3 แสนตัน ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสานเลยทีเดียว
หากสามารถเปลี่ยนผ่านเกษตรกรเหล่านี้เข้าสู่ระบบเกษตรกรรมแบบยั่งยืนที่สอดคล้องกับระบบนิเวศ
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า แม้ชัยภูมิจะมีศักยภาพด้านธรรมชาติสูง แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งยังยากลำบาก อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนยังไม่เอื้อต่อการกระจายนักท่องเที่ยวในระดับพื้นที่ ดังนั้น ความท้าทายเชิงนโยบายคือ การพัฒนาแบบ “ไม่เร่งรีบ” หรือ over-tourism แต่ใช้โมเดลแบบ Slow Tourism ที่ผสานกับอัตลักษณ์ชุมชนและมรดกธรรมชาติ
หากจังหวัดสามารถผนวก “แนวนโยบาย BCG” กับ “ความเข้มแข็งของชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์” และปรับบทบาทของหน่วยงานท้องถิ่นให้มีบทบาทเชิงรุกในการบริหารจัดการทุนทางธรรมชาติ ไม่ใช่เพียงในฐานะพื้นที่อนุรักษ์ แต่เป็นแหล่งผลิต แหล่งเรียนรู้ และแหล่งสร้างงาน ชัยภูมิจะไม่เพียงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศเท่านั้น แต่จะกลายเป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองสีเขียวในภาคอีสาน ที่สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง
.
.
2.แนวทางการทำให้จังหวัดชัยภูมิมีศักยภาพในการเป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
หนึ่งในจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ชัยภูมิมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเมืองเศรษฐกิจสีเขียว ก็คือ ความหลากหลายของระบบนิเวศและพื้นที่อนุรักษ์ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัด โดยเฉพาะในรูปแบบของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งชัยภูมินับได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีอุทยานแห่งชาติมากที่สุดในภาคอีสาน ทั้งในเชิงปริมาณและคุณค่าทางระบบนิเวศ โดยพื้นที่เหล่านี้ไม่ได้มีเพียงบทบาทเชิงอนุรักษ์ แต่ยังสามารถยกระดับให้เป็นฐานของเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของชัยภูมิ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่นักท่องเที่ยวจะได้ชม “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งบานสะพรั่งทั่วลานหินงาม สร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ชุมชนในพื้นที่รอบอุทยานอย่างต่อเนื่อง ป่าหินงามยังเป็นจุดที่ผสานความงดงามของภูมิทัศน์กับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น การเดินป่า การชมผาหำหด และการเรียนรู้ระบบนิเวศของป่าเบญจพรรณ
ขณะที่ อุทยานแห่งชาติไทรทอง โดดเด่นด้วย “ผาหำหด” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติและทุ่งดอกกระเจียวอีกแห่งที่กระจายอยู่ในพื้นที่อุทยาน นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของป่าดิบชื้นและพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่หลากหลาย โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานและชุมชนร่วมกันดูแลพื้นที่และจัดกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ยังมี อุทยานแห่งชาติภูเขียว–น้ำหนาว ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน โดยเฉพาะในเขตภูเขียว ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น เลียงผา เสือโคร่ง และนกเงือก ชัยภูมิยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อกับอุทยานน้ำหนาวในเพชรบูรณ์ ทำให้เกิดระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระดับภูมิภาค และกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรรมชาติและการอนุรักษ์สำหรับนักเรียน นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไป
อุทยานทั้งสามแห่งนี้ หากได้รับการพัฒนาเชิงระบบให้สอดคล้องกับแนวคิด BCG และมีการจัดการการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืน เช่น การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว การให้ชุมชนเป็นผู้จัดการกิจกรรม และการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างเป็นธรรม จะสามารถยกระดับให้ชัยภูมิเป็น “ต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวบนฐานภูมิทัศน์ธรรมชาติ” ได้อย่างแท้จริง