ภาคอีสานกำลังเผชิญ “คลื่นความหวาน” ที่รุนแรงที่สุดในไทย โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขปี 2568 ระบุว่า ผู้ป่วยเบาหวานทั่วประเทศมีมากถึง 3.81 ล้านคน และกว่า 1.44 ล้านคน อยู่ในภาคอีสานเพียงภูมิภาคเดียว เหตุใดคนอีสานจึงป่วยเบาหวานมากที่สุด จึงเป็นประเด็นที่ต้องมองแบบองค์รวมมากกว่ามองเฉพาะเรื่องอาหารเพียงอย่างเดียว
จุดเปลี่ยนสำคัญเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในยุคเร่งด่วน ที่อาหารสดในครัวเรือนถูกแทนที่ด้วยอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป อาหารถุง และเครื่องดื่มหวานที่หาซื้อง่ายและราคาถูก ร้านชา-ชานมที่เปิดแทบทุกตำบล ขนมและเครื่องดื่มหวานกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแบบไม่รู้ตัว แม้ว่าอาหารอีสานดั้งเดิมจะเป็นที่รู้จักว่ารสจัด เค็ม เผ็ด แต่ปัจจุบันกลายเป็น “รสหวานนำ” กลับกลายมาเป็นส่วนผสมที่พบเห็นได้ทั่วไป ตั้งแต่น้ำปลาร้าปรุงรส ขนมพื้นบ้าน ไปจนถึงน้ำอัดลมในงานบุญประจำหมู่บ้าน ขณะเดียวกัน “ข้าวเหนียว” ซึ่งเป็นอาหารหลักของผู้คนในภาคอีสาน ก็มีดัชนีน้ำตาลสูง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งเร็ว หากมีการบริโภคทุกมื้อแต่ไม่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ ก็ยิ่งผลักให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
หากมองในอีกมุมมองหนึ่ง ในจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกอ้อยจำนวนมาก อย่างเช่น เลย ขอนแก่น และอุดรธานี การที่อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจหลักทำให้น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำตาลมีราคาถูก เข้าถึงง่าย และกระจายอยู่ทั่วตลาดในชนบท การมีน้ำตาลราคาถูกเช่นนี้ทำให้ผู้คนบริโภคขนมหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว การเข้าถึงที่ง่ายจึงกลายเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ผลักให้พฤติกรรมบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นแบบเป็น “โครงสร้าง” ไม่ใช่แค่ความชอบส่วนบุคคลเท่านั่น
ในอีกด้านหนึ่ง วิถีชีวิตของคนอีสานก็เปลี่ยนไปตามโครงสร้างเศรษฐกิจและการทำงาน คนจำนวนมากย้ายไปทำงานในเมือง ทำงานออฟฟิศ หรือทำงานโรงงานที่ต้องนั่งตลอดวัน เมื่อการขยับร่างกายน้อยลง บวกกับความเครียดจากการงานและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ระบบเผาผลาญของร่างกายจึงทำงานผิดปกติ ทำให้ภาวะดื้อต่ออินซูลินเกิดง่ายขึ้นกว่าเดิม คนวัยทำงานจึงกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุเหมือนในอดีตเท่านั้น
อีกทั้งภาคอีสานยังเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุจำนวนมาก ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตามอายุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่หลายครอบครัวมีประวัติความเสี่ยงทางพันธุกรรมร่วมด้วย แต่ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือความท้าทายด้านบริการสุขภาพ แม้โรงพยาบาลชุมชนจะพยายามรองรับ แต่พื้นที่ห่างไกลและจำนวนประชากรที่มาก ทำให้การตรวจคัดกรองไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ผู้ป่วยจำนวนมากจึงรู้ตัวเมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว ซึ่งเพิ่มทั้งต้นทุนการรักษาและภาระต่อระบบสาธารณสุขโดยรวม
การที่คนอีสานมีผู้ป่วยเบาหวานมากไม่ใช่แค่เพียงเรื่อง “การกินหวาน” เท่านั้น แต่คือผลสะสมของโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมอาหาร วิถีชีวิตเมือง และข้อจำกัดด้านสาธารณสุข การแก้ปัญหาจึงต้องมองทั้งระบบ ตั้งแต่อาหาร ราคาน้ำตาล เศรษฐกิจท้องถิ่น ไปจนถึงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึง หากสามารถทำได้อย่างเป็นองค์รวม อีสานอาจก้าวสู่การเป็นแบบอย่างด้านการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของไทย และพลิกวิกฤตสุขภาพครั้งนี้ให้กลายเป็นโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั้งภูมิภาคอย่างแท้จริงนั่นเอง
อ้างอิงจาก:
– กระทรวงสาธารณสุข
– กรมควบคุมโรค
– สำนักงานสถิติแห่งชาติ
– สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #เบาหวาน #โรคเบาหวาน #ผู้ป่วยเบาหวาน

