ฮู้บ่ว่า ? หลังการงดนำเข้าไฟฟ้าจากไทยของกัมพูชา ได้ดำเนินการตามประกาศของรัฐบาล กัมพูชาจึงหันไปเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าจากเวียดนามเพื่อชดเชยไฟฟ้าจากไทย เป็นเหตุให้หลายพื้นที่ไฟฟ้าไม่เสถียร และปอยเปตไฟฟ้ากว่า 20 นาที
ข้อมูลของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านไฟฟ้า Electricity Advisory Committee (EAC) 2023 เปิดเผยว่ากัมพูชาต้องนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านถึง 66.73% ขณะที่ผลิตได้เองภายในประเทศเพียง 33.27% โดยประเทศที่ส่งออกไฟฟ้าเข้ากัมพูชามากที่สุดคือ ลาว 57.46% เวียดนาม 25.09% และไทย 17.45%
นอกจากนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2024 กัมพูชาได้เซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มอีก มากกว่า 50% หรือ 600 เมกะวัตต์ ซึ่งไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากไทยจะให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งในเมืองปอยเปต ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของบ่อนการพนัน โรงแรม และที่ทำการของบรรดาของธุรกิจสแกรมเมอร์
.
แม้กัมพูชามีความพยายามจะมีความพยายามผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศให้มากถึง 70% ภายในปี 2573 ภายในปี 2030 และจัดหาไฟฟ้าให้ครอบคลุมกับประชาชนทุกครัวเรือน 100% ภายในปี 2020 แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ในประเทศและโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติที่ไม่สามารถเข้าถึงหมู่บ้านในชนบทหลายแห่ง
.
ความล้าสมัยของการผลิตไฟฟ้าในประเทศและความน่าเชื่อถือ ทำให้มีความพยายามลงทุนเพื่อทำให้มีความทันสมัยเพิ่มขีดความสามารถในการส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยมีค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้ถึง 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ยังไม่สามารถลงทุนเพิ่มได้เนื่องจากปัญหาด้านการหาแหล่งเงินทุนและงบประเทศ
.
สำหรับกัมพูชานับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราค่าไฟต่อหน่วยสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยข้อมูลจาก CEIC Data ระบุว่า ค่าไฟปัจจุบัน (8 มกราคม 2568) ของกัมพูชาอยู่ที่ 780 เรียลกัมพูชา หรือประมาณ 6.70 บาทต่อหน่วย เป็นรองเพียงแค่ฟิลิปปินส์ที่ 7.10 บาทต่อหน่วย และสิงคโปร์ 8.01 บาทต่อหน่วย และคาดว่าจะแพงขึ้นกว่านี้เมื่อไฟฟ้าหายไปจากระบบ และต้องเร่งซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ แทน ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่ได้มีอำนาจต่อรอง เพราะต้องพึ่งพาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้