ค้าชายแดน 2 ฝั่งไทย-กัมพูชาร่วง 92.6% หลังเหตุปะทะ ราคาที่ต้องจ่ายนอกจากชีวิต เศรษฐกิจ เพื่อสนองอำนาจทางการเมือง

เงินเฟ้อเขมรพุ่ง 3-5%💸เงินทุนสำรองลดลงต่อเนื่อง หลังค้าชายแดน 🇹🇭ไทย-🇰🇭กัมพูชา ก.ค.ร่วงหนัก📉92.6% จาก มิ.ย.ร่วง 23%📉

เศรษฐกิจ“กัมพูชา”กำลังทรุดหนัก เงินทุนสำรองหมดประเทศ เงินเรียลอาจกลายเป็นเศษกระดาษ หลังเงินเฟ้อหนัก จากเหตุปะทะ ไทย-กัมพูชา

พามาเบิ่งการค้าระหว่างไทย–กัมพูชาพึ่งพาการค้าผ่านชายแดน กระทบเพียงใดหลังเหตุปะทะ

อาจเป็นรูปภาพของ แผนผังในอาคาร, พิมพ์เขียว และ ข้อความ

มูลค่าการค้าชายแดนไทย ปี 2567

ในปี 2567 ไทยเกินดุลการค้ากับกัมพูชา 280,532 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแบ่งเป็น
มูลค่ารวม: 323,631 ล้านบาท
💱ส่งออก: 323,631 ล้านบาท
นำเข้าจากกัมพูชา: 43,098 ล้านบาท
ดุลการค้าส่งออก: 280,532.16 ล้านบาท (เกินดุล)

อาจเป็นรูปภาพของ แผนผังในอาคาร และ ข้อความ

มูลค่าการค้าชายแดนไทย ปี 2568

สำหรับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568:
ไทยเกินดุลการค้า 89,300 ล้านบาท
การค้ารวม 67,071 ล้านบาท
ส่งออก 50,541 ล้านบาท
นำเข้า 16,530 ล้านบาท

มูลค่าการค้าชายแดน 🇹🇭ไทย-🇰🇭กัมพูชา ก.ค.ร่วงหนัก📉92.6% จากเดิม มิ.ย.ร่วง 23%📉หลังเหตุปะทะชายแดน ไทย-กัมพูชา

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เผยเศรษฐกิจ“เขมร”ตกต่ำถึงขีดสุด คาด ทุนสำรองระหว่างประเทศจะหมดลงในเดือน ต.ค.นี้ “รศ.ดร.อัทธ์” ชี้ จะส่งผลให้เงินเรียลกลายเป็นเศษกระดาษ เงินเฟ้อพุ่งสูง-ต้องเข้าแผนฟื้นฟูของ IMF แบบเดียวกับอาร์เจนติน่าและศรีรังกา อีกทั้งการสร้าง”เฟคนิวส์”รายวันทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าเข้าไปลงทุน “อ.ทรงฤทธิ์” ระบุ กัมพูชาระส่ำหนักหลังไทยปิดด่าน นักท่องเที่ยวหาย แรงงานรายได้หด ขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 15% ด้าน “พล.อ.รังษี” เผย กัมพูชาขาดดุลบัญชีเดือนสะพัดติดต่อกัน 8 ไตรมาสแล้ว เชื่อ หากเข้า IMF เขมรจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

วิเคราะห์ว่า ตอนนี้เศรษฐกิจของกัมพูชาย่ำแย่มาก เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. ไทยไม่ส่งสินค้าเข้าไปขายในกัมพูชา ทำให้ชาวกัมพูชาต้องซื้อสินค้าประเทศอื่นในราคาที่แพงขึ้น
  2. นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศถอนตัวจากกัมพูชา เช่น จีนไม่ลงทุนในช่วงนี้เพราะเศรษฐกิจ
    ภายในประเทศจีนชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนชาวไทยซึ่งเข้าไปลงทุนในกัมพูชามากเป็นอันดับต้นๆก็ไม่เข้าไป ส่วนมาเลเซียกับสิงคโปร์ที่เคยลงทุนในกัมพูชาก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะกัมพูชามีสถานการณ์สู้รบ
  3. เนื่องจากมีการปิดด่านและมีการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้แรงงานกัมพูชาหลายแสนคน
    ต้องเดินทางกลับประเทศตามนโยบายของรัฐบาลกัมพูชา แต่เมื่อเดินทางกลับไปแล้วกลับไม่มีงานทำ ส่งผลให้ชาวกัมพูชาขาดรายได้
  4. ในช่วงที่ไทยกับกัมพูชามีปัญหาระหว่างประเทศ ทางรัฐบาลกัมพูชามุ่งแต่จะต่อสู้ทางการทหารและปั้นข่าวปลอมเพื่อตอบโต้ไทย จนไม่มีเวลาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศตัวเอง
  5. การที่กัมพูชาหันไปซบสหรัฐฯทำให้จีนซึ่งให้การช่วยเหลือกัมพูชาอยู่ไม่พอใจและหยุดการช่วยเหลือ ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมปัญหาในช่วงที่ประเทศเกิดวิกฤต

รศ.ดร.อัทธ์ กล่าวต่อว่า วิกฤตเศรษฐกิจของกัมพูชาครั้งนี้ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น จาก 3% เป็น 5% เนื่องจากสินค้าของไทยที่เข้าไปขายในกัมพูชานั้นคิดเป็น 30% ของสินค้าในตลาดกัมพูชาทั้งหมด เมื่อไทยปิดด่านไม่ส่งสินค้าไปกัมพูชา สินค้า 30% ดังกล่าวก็หายไปจากตลาด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมัน รวมถึงอินเทอร์เน็ต ทำให้ราคาสินค้าในกัมพูชาปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 5% อีกทั้งการซื้อสินค้าจากจีนและเวียดนาม รวมถึงซื้อน้ำมันจากสิงคโปร์มาทดแทน ก็ทำให้ต้นทุนสินค้าและน้ำมันในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเนื่องจากระยะทางในการขนส่งสินค้าไกลกว่าที่สั่งซื้อจากไทย อีกทั้งคุณภาพยังสู้สินค้าไทยไม่ได้

“ จากเดิมที่เศรษฐกิจของกัมพูชาเติบโตปีละ 5-6% แต่ผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาลดลงเหลือ 3-4% เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น แรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศนับแสนคนต้องตกงาน และภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีประเทศไหนกล้าเข้าไปลงทุนในกัมพูชาเพราะนอกจากจะมีปัญหาสู้รบตามแนวชายแดนแล้ว การที่กัมพูชาปั้นข่าวเท็จเพื่อตอบโต้กับไทยอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้นักธุรกิจต่างชาติไม่มั่นใจว่าข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกโดยรัฐบาลกัมพูชานั้นจะเป็นตัวเลขจริงหรือปลอม ” รศ.ดร.อัทธ์ กล่าว

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top